[CR] เที่ยวอยู่เด้อ...ฮ่องกง

กระทู้รีวิว
ครั้งแรก...ของการใช้หนังสือเดินทางประเทศไทยในต่างแดนของคนๆหนึ่ง
ครั้งแรก...ของการไปในที่ที่ไม่ได้ใช้ภาษาเดียวกับเรา(แต่ก็แอบหาเจออยู่เด้อ...เอาเป็นว่ามองไม่เห็น)
ครั้งแรก...ของการเดินทางสู่ "ฮ่องกง"

นี่คือพวกเราเอง เราชื่อ "นัท" ส่วนเพื่อนข้างๆนั่นเหรอ เราเรียกว่า "อีนิ่ม" มาเกือบสิบปีละ

อยู่ดีๆวันหนึ่ง อีนิ่ม ก็มาชวนว่า "นี่!!! ไปฮ่องกงกัน กูซื้อตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ แล้วนะ แต่ไม่มีเพื่อนไป กูเลยต้องชวนเพื่อน ซึ่งไม่ปฏิเสธ แน่นวล"
เลยถามกลับไปว่า "ไปทำ ยิ้ม อะไรที่ ฮ่องกง" จากนั้นงานนำเสนอของ อีนิ่ม ก็มา เพื่อไม่ให้เสียเวลาก็ "เออ!!!" (อ้าวววว...รับปากแล้วก็นะ)

ขยันยิ่งกว่าการทำงาน ก็คือ การวางแผนท่องเที่ยวของ อีนิ่ม นี่ล่ะ ซึ่งแผนการท่องเที่ยวนั้น มันยึดช่วงเวลาที่มันจองตั๋วเครื่องบินไปกลับไว้แล้วเป็นที่ตั้ง แล้วยัดทุกอย่างที่จะไปลงแผนให้หมด

แถมยังคำนวณการเดินทางในแต่ละวันไว้พร้อม โดยใช้ระบบขนส่งสาธารณะ ไม่เฉียด Taxi เลยแม้แต่นิดเดียว

รับปากแล้วทีนี้ก็...มาคำนวณ Budget ล่วงหน้า ดูหน้าตา Budget ที่ออกมา ก็ตามนี้
ตั้งงบประมาณ 17-22 มกราคม 2561 ของทริปนี้ ไว้ที่ 20,000 บาทไทย กับตารางที่วางไว้อย่าง แน่น!!! (มันคงกะว่าบินที เอาให้คุ้ม)

ออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง, ประเทศไทย ด้วยเที่ยวบิน FD508 เวลา 06.30 น. ถึงฮ่องกง เวลา 10.15 น. (ตามเวลาท้องถิ่นซึ่งเร็วกว่าไทยประมาณ 1 ชั่วโมง) สรุปคือใช้เวลาบินประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆเกือบ 3 มั้งนะ...(ไปคำนวณให้ปวดหัวกันเองละกัน) ส่วน อีนิ่ม มันจองไว้ก่อน บิน Full Service ของ Hong Kong Airline ออกเดินทางประมาณตี 4 (รออยู่สนามบินฮ่องกง...วนไปค่ะ) ที่ไม่ขึ้นสายการบินเดียวกัน เหตุผลง่ายมาก...ตั๋วแพง เดี๋ยวเกิน Budget เพราะซื้อตั๋วก่อนเดินทางแค่ 1 เดือน
ยินดีต้อนรับสู่น่านฟ้า ฮ่องกง

สิ่งแรกที่สำคัญกว่าเพื่อนเลย คือ Free WiFi ของสนามบิน เพราะเป็นช่องทางที่สื่อสารกันได้ง่ายที่สุด จากนั้นก็ไหลไปตามเส้นทางตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งสนามบินฮ่องกงนั้น จัดการจราจรของคนในสนามบินได้ดี รวดเร็ว สะดวกสบาย เข้าใจง่าย เอาเป็นว่า ดี!
ครั้งแรกของหนังสือเดินทางประเทศไทย...ขอตราประทับของฮ่องกงให้หน่อย เออะ!!! ไม่มีละจ้าาาา เดี๋ยวนี้ให้สลิปน้อยๆเหมือนสิทธิ์แลกซื้อ 7-11 สอดไว้กับหนังสือเดินทาง ซึ่งจะลอยละลิ่วปลิวหายได้ตลอดเวลา
จากนั้นก็วนหา อีนิ่ม จนเจอ...รับ Sim Card โทรศัพท์ที่ซื้อไว้จาก Klook ก็เป็นอันอุ่นใจแล้วว่าตามหากันเจอ

Octopus Card บัตรที่ใช้แทนเงินสดในฮ่องกง ตั้งแต่ซื้อของ, ขึ้นรถเมล์, รถไฟฟ้า, เรือข้ามฟาก ฯ

มันแอบทำแบบนี้ได้นะ ถ้าใช้มือถือที่มี NFC โหลดแอพ Octopus ไว้ในเครื่อง เราสามารถตรวจสอบยอดเงินคงเหลือในบัตรเพียงทาบไปที่จุดอ่าน NFC ของมือถือเรา และอาจจะทำอื่นๆได้อีก แต่ต้องลงทะเบียนก่อน (ซื้อมือถือมี NFC มา รู้สึกมีค่าก็ตอนมาฮ่องกงนี่แล่ะ) อยากให้ของ BTS, MRT, ARL บ้านเราทำได้แบบนี้บ้าง จะได้ไม่พลาดท่าเข้าคิวแล้ว "แอ่ดดดดด..." เงินหมดแล้วไปต่อคิวเติมอีก ตรวจมูลค่าบัตรได้ทุกที่ ทุกเวลา (หรือว่าของบ้านเราก็ทำได้แล้วนะ...บอกหน่อยถ้ามันทำได้)

เดินทางออกจากสนามบินโดย...การไปยืนส่อง Hong Kong Airport Express แล้วดูราคาค่าโดยสาร 100 HKD โดยบัตร Octopus ฝันไปเถอะ!!! ทั้งยังต้องไปต่อรถอีกกว่าจะถึงที่พัก ไปนู่นยืนรอกับประชาชนคนอื่นเลย...Cityflyer A21 รถโดยสาร 2 ชั้น ราคาค่าโดยสาร 33 HKD (นั่งจากสนามบินไปที่พัก จากที่พัก ไปสนามบิน แล้วไปที่พัก ก็ยังได้ เมื่อเทียบกับ Airport Express เพื่อ...?)
หน้าตารถเมล์ก็ประมาณนี้...บ้านเมืองเราไม่มีรถเมล์ 2 ชั้น วิ่งในเมือง ก็ขึ้นเสียเถิด แล้วไปนั่งด้านหน้าสุดเลยนะ วิวสวยก็จะได้ถ่ายรูปตลอดทาง ก็ดีไปอีกแบบ

ภายในรถเมล์ก็จะมีเสียงประกาศ มีป้ายไฟวิ่งเตือน(มีภาษาอังกฤษ)ตลอดเวลา ว่าป้ายต่อไปคืออะไร ไม่ยาก ไม่หลง คงไม่เหมือน กทม. บ้านเรา อุ่นใจได้ ปลายทางของพวกเรา คือ ป้าย Middle Road, Nathan Road ซึ่งได้จองที่พักไว้ ชื่อว่า Safari Guest House อยู่ในย่าน Tsim Sha Tsui เรื่องห้องพักก็เหมาะสมตามราคาค่าตัว เพราะอยู่หลายวันนี่นา แถมยังอยู่ในย่านช้อปปิ้ง ใกล้สถานี MTR ทั้ง 2 สาย ไปไหนมาไหนก็สบาย

เฮ้อ!!! เงินเก็บไว้ว่าจะไปญี่ปุ่นแท้ๆ ต้องเอามาเทให้ฮ่องกง ดังนั้น ต้องเทให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
ไว้มาต่อ...จริงๆแล้วสาระ มีแค่นี้ล่ะมั้ง!!!

กราบขออภัยผู้เข้าชมกระทู้...ผ่านไปเป็นปีกว่าจะมาเล่าต่อ

กล่าวถึงเรื่องที่พักนั้น... Safari Guest House จองจากเว็บไซต์ Booking.com ถามว่าทำไมถึงเลือกที่นี่ ก็เกิดจากการค้น Google ที่พักฮ่องกง ปุ๊บ!!! เด้งมาโชว์ปั๊บ ก็ส่องๆดู ก็พอรับได้ไม่แพงมากก็จองๆกันไป เพราะทริปที่วางแพลนมาใช้คำว่า กลับมาถึงห้องคงสลบเลยทีเดียว...

เช้าอันแสนสดใส...(เหรอ?) บินมาถึง เก็บของออกเดินทางต่อไปกันที่

วัดกังหันลม Che Kung Temple 
          - เดินทางโดย MTR สถานี East Tsim Sha Tsui ไปลงสถานี Hung Hom เพื่อเปลี่ยนไปอีกเส้นทางหนึ่ง ปลายทางสถานี Tai Wai โดยการใช้บัตร Octopus ทุกสิ่งอย่าง ออกจากสถานีแล้วก็เดินตามป้ายไปเรื่อยๆ
          - ไฮไลต์คือ ป้าขายของไหว้ พูดไทยได้ จบ...ไม่ถามมาก เวลาไปไหว้ ก็ตามๆเขาไป ดูคนก่อนหน้าทำยังไงก็ทำตามนั้น หรือเนียนๆตามกรุ๊ปทัวร์ไปเรื่อย ขี้เกียจถามพิธีรีตองเขาให้เสียเวลา ทริปเราแน่นยิ่งกว่ากรุ๊ปทัวร์ไปอีก แล้วก็แสบตา...ควันธูปตลบอบอวนไปทั่วบริเวณ


อากาศเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่เพราะอุณหภูมิหรอก น่าจะเพราะเข้าวัดกันนี่แล่ะ หาที่เย็นๆนิดนึง ก็เลยเดินต่อไปยัง...

Hong Kong Heritage Museum
          - ที่อยู่ไม่ไกลจากวัด (เห็นรีวิวคนอื่นบอกว่า วันพุธเข้าชมฟรี ก็ไปกันเลยจร้าาาาา เราวางแผนไว้ตามที่เขาบอกแล้ว) ภายในอาคารก็ดี มีประวัติศาสตร์ของบ้านเมืองเขา บุคคลสำคัญ และมีชื่อเสียง จำได้แต่ Bruce Lee แค่นั้นแล่ะ แล้วรูปถ่ายก็ไม่มี (ก็เอารูประหว่างทางเดินไปละกัน) จากนั้นก็เดินทางโดยรถเมล์ไปยังเป้าหมายต่อไป


วัดนางชีฉีหลินและสวนหนานเหลียน – Chi Lin Nunnery and Nan Lian Garden
          - เดินทางจาก Hong Kong Heritage Museum โดยรถเมล์ ถ้าจำไม่ผิด น่าจะเป็นสาย 89 (เดินทางไปเที่ยวจริงๆมี Application ของระบบขนส่งสาธารณะบ้านเมืองเขาช่วยได้เยอะ เปิดๆเทียบเวลา เทียบราคา ดูได้ก่อนเดินทางเลย) ไปลงแถวๆหน้าวัด เดินๆมานิดนึงจากป้ายรถเมล์  
          - ในวัดมีความสงบเงียบดี การจัดตกแต่งสวนสวยงาม อย่างกับดูการ์ตูน อิคคิวซัง 555+


จากนั้นก็เดินทางกันต่อ เพราะกลัวจะไม่ตรง Plan ที่วางไว้ 

วัดหว่องไทซิน(Wong Tai Sin Temple) หรืออีกชื่อว่า วัดหวังต้าเซียน
          - เดินทางออกจาก Chi Lin Nunnery ไปยัง Wong Tai Sin Temple โดย MTR Kwun Tong Line สถานี Diamond Hill ไปยังสถานี Wong Tai Sin ออกจากสถานีทางออก B

ชื่อสินค้า:   เที่ยวฮ่องกง
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่