[Spoil] ความประทับใจของผมต่อละครทีวีซีน



เป็นเวลาหลายปีแล้วที่ผมไม่ได้ติดตามละครโทรทัศน์มานานตั้งแต่ตอนที่ตัวเองเริ่มเรียนมัธยมฯ และไม่ได้สนใจเรื่องราวการดูละครใดๆทั้งสิ้นเลย จนกระทั่งปี 2559 ผมกลับมาดูภาพยนตร์ของท่านมุ้ย ดูละครของท่านมุ้ย แล้วเกิดความสนใจและชื่นชอบนักแสดงของท่านมุ้ย จึงเข้าไปหาข้อมูลดู ปรากฏว่านักแสดงหลายๆคน ไปแสดงเรื่องข้าบดินทร์ ทำให้ผมตามไปดูละครเรื่องข้าบดินทร์ ซึ่งนำแสดงโดย เจมส์ มาร์ และ แมท ภีรนีย์ หลังจากที่ดูจบ เกิดความประทับใจจนอยากลองดูละครทีวีซีนอีก ปรากฏว่าตอนนั้นทีวีซีนกำลังจะฉายเรื่อง เพชรกลางไฟ อยู่พอดี ซึ่งมีนักแสดงบางส่วนจากข้าบดินทร์ รวมถึงคุณ เอ้ ชุติมา ซึ่งผมติดตามดูจากบ้านนี้มีรักอยู่แล้ว จึงลองติดตามดู

เพชรกลางไฟ นำแสดงโดย ไม้ วฤษฎิ์ และ มิว นิษฐา เป็นละครที่ผมไม่ได้ตั้งใจอยากดูเพราะความชื่นชอบ แต่เพียงแค่ต้องการดูเหตุการณ์ในช่วงเวลาที่เกิดขึ้น ซึ่งเนื้อหาโดยรวม ก็ถือว่าพอใช้ได้ระดับหนึ่ง เริ่มตั้งแต่การเผชิญหน้ากับแม่เลี้ยง (จริงๆ ถ้าพูดแบบบ้านๆตรงๆก็คือ เมียหลวงปะทะลูกเมียน้อย) การถูกกลั่นแกล้งจากพี่น้องด้วยกัน ขณะที่ฝ่ายชายก็เผชิญกับการถูกคลุมถุงชน และการต้องรับผิดแทนพี่ชาย ซึ่งช่วงเวลาที่มรสุมเข้ามาในชีวิตทั้ง 2 คน ช่วงเวลาที่ดีที่สุดก็คือเมื่อ 2 คนนั้น ได้เจอกัน แต่ในฐานะหม่อมหญิง ก็ได้แต่สงวนตัวไว้ ขณะที่ฝ่ายชายก็รู้ค่าตัวเองดีว่าไม่อาจจะเทียบได้ แต่ท้ายที่สุด ชะตาชีวิตก็ลิขิตให้ทั้งคู่ได้กลับมาพบรักกันโดยปราศจากอุปสรรคและครองรักกันยืนยาวมาในที่สุด ผมชอบตรงที่ฝ่ายชายมักจะพยายามเข้าหาความรักของตัวเองและพิสูจน์มันไปเรื่อยๆจนกระทั่งเขาก็ได้มันมาดูแลไปจนวาระสุดท้ายของทั้งคู่ ขณะที่เรื่องประวัติศาสตร์ก็อิงเหตุการณ์กบฏ ร.ศ.120 แซวขำๆหน่อยว่า เหตุการณ์นั้นไม่มีใครตายเลย นอกจากพี่พระเอก 55555 ผมให้ 8/10 หักตรงโปรดักชั่นที่น่าจะอลังการกว่านี้นิดนึง กับรำคาญพี่ๆของหญิงหลง

อาคม นำแสดงโดย เจมส์ มาร์ และ มาร์กี้ ราศรี ผมชอบตรงที่ละครมีแง่คิดและมีเชิงเสียดสีหลายๆอย่าง เริ่มจากการที่ คิม พระเอก เครื่องบินตกแต่มีฮันเตอร์ช่วยไว้ โดยที่คิมกับฮันเตอร์มีสิ่งเดียวกันที่เหมือนคือครอบครัวถูกฆ่าโดยนักธุรกิจที่เขาพยายามคัดค้านโครงการ ทว่าฮันเตอร์มีชีวิตรอดไปได้และเก็บแรงและฝึกฝนจนมีพลังอาคม โชคร้ายที่ดวงเขาไม่แข็งพอที่จะจัดการนักธุรกิจเหล่านั้นได้ จึงต้องยืมมือคิมมาเพื่อฆ่าล้างนักธุรกิจเหล่านั้น ชอบตรงที่เอื้อกานต์มักจะพยายามห้ามพระเอกไว้ ตั้งแต่เริ่มไม่รู้ เริ่มรู้ จนกระทั่งกระจ่างแจ้งชัดเจนว่านั้นคือ ทรงกลด ที่เคยเป็นแฟนกัน อย่างไรก็ตาม ฮันเตอร์เสียชีวิตขณะที่เขากำลังจะจัดการศักดิ์ชาย  ซึ่งอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด ซึ่งภายหลังได้ถูกไฟครอกและพบว่าตัวเองเป็นมะเร็ง (ทีแรกนึกว่าแผลไฟครอกทำให้มีชีวิตสั้นขึ้น) ท้ายที่สุด เรื่องก็พลิกผันไปกลายเป็นว่าทั้งคู่ได้พบกันอีกครั้ง (แอบงงกับวิกิพีเดียตรงที่บอกว่ามีฉากมีลูกด้วยกันด้วย แต่ไม่ได้เห็นตอนจบตรงนั้น) ผมให้ 7/10 หักตรงความยึดเยื้อเรื่องตัวบงการใหญ่ เรื่องของพระรองและนางรองที่ไม่น่าจะเข้ากันกับละคร และแอบรำคาญคุณหญิงของพ่อนางเอก

พ่อยุ่งลุงไม่ว่าง นำแสดงโดย โป๊ป กับ มิว อันนี้แอบผิดหวังเล็กน้อย เพราะแอบคิดทีแรกว่าเป็นละครที่น่าจะเบาสมอง แต่ไปๆมาๆ กลายเป็นละครดราม่าหนักๆ หักมุมเก่ง แถมเป็นละครที่ไม่น่าจะเข้ากับเด็กได้เท่าไรนัก โดยเฉพาะทอย (หรือ บัว) ที่ตอนแรกนึกว่าจะเป็นแค่ตัวประกอบเฉยๆ แต่ไปๆมาๆ ก็จิกกัดมิวเพราะรักพิชิตศึก หรือ เต็ง จนทำให้ทำเรื่องเลวร้ายต่างๆ โดยการอาศัยเด็กมาเป็นเครื่องมือทำลาย แต่ก็ไม่น่าเลวร้ายเท่าการที่เด็กต้องเห็นพ่อถูกฆ่าต่อหน้าต่อตา แถมเป็นเรื่องที่ตอนจบไม่ได้เข้ากับความหนักๆเลย เป็นเรื่องที่จบเปิดได้แย่ เพราะตัวร้ายอย่างทอยไม่มีสำนึกอะไรเลย แถมยังคิดจะสู้ไม่จบสิ้นอีกต่างหาก เรื่องนี้ให้ 6/10 หักตรงความดราม่าหนักๆ และละครเด็กที่ไม่น่าจะเป็นละครเด็กได้ แต่ให้คะแนนตรงความรักความอ่อนโยนของโป๊ป-มิว และแง่คิดเรื่องครอบครัว และสาระน่ารู้บางอย่างที่สอดแทรกมาจากรายการของลุงเต็งเอง

ชั่วโมงต้องมนต์ นำแสดงโดย บอม ธนิน พรีม และ มาสุ เป็นเรื่องที่ดูเหมือนว่าทีวีซีนมีพัฒนาการขึ้นบ้าง มีจุดตลกมากขึ้น ดราม่าซับซ้อนมากขึ้น เคยไม่คาดหวังกับฝีมือการแสดงของบอมเพราะเคยได้ยินการแสดงจากเรื่องคิวบิก แต่พอมาได้ดูเรื่องนี้ จากที่ดูมา 3 เรื่องก่อนหน้า เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่น้ำตาไหล เพราะพ่อก็ร้องไห้ที่เสียลูก ขณะที่บอมเองก็พยายามขอให้พ่อเห็นตัวเอง เป็นมุมดราม่าที่ไม่น่าจะเห็นในละครปกติได้ น่าจะเป็นละครที่ตลกที่สุดแล้ว แต่ก็ให้แง่คิดเบาๆเล็กน้อย เรื่องนี้ให้ 9/10 หักตรงความน่ารำคาญเล็กน้อยของแม่เลี้ยงนางเอกและลูกติด

หนึ่งด้าวฟ้าเดียว นำแสดงโดย เจมส์ จิรายุ และ แต้ว ณฐพร ย้อนยุคไปในช่วงปลายกรุงศรีอยุธยา ละครจับเรื่องของขันทีตุรกีมา แต่พลาดไปนิดหน่อยตรงที่ขันทีติดหน้าจีนๆไป ถ้าแก้เป็นขันทีจีน หรือเปลี่ยนมุมมองว่าเป็นเรื่องลูกครึ่งไทย-จีน ที่แฝงตัวมาเป็นขันทีจีน อันนี้ยังพอเข้าใจได้ แต่ไม่ใช่ความผิดของคนทำละคร ความกุ๊กกิ๊ก ความน่ารัก โปรดักชั่น อาจจะแทบสู้บุพเพสันนิวาสไม่ได้ แต่เรื่องประวัติศาสตร์ ถือว่าให้เต็มและให้เกียรติพระบรมบูรพกษัตริย์มาก ชอบตรงที่พระเอกเข้ามาแฝงตัวแล้วเกิดความรู้สึกกับนางเอกโดยบังเอิญ ขณะที่ตัวเองใกล้จะถึงที่ตายเข้าไปทุกทีเพราะกำลังจะถูกจับผิดว่าเป็นขันทีปลอม แต่มีเพื่อนมาช่วยไว้ ผมให้ 8/10 หักที่นางเยื้อนทิ้งทวนไว้เจ็บแสบแถมไม่ได้รับกรรมอะไรเลย และน่าจะดำเนินเรื่องไปถึงยุคกรุงรัตนโกสินทร์ด้วยซ้ำ

ดั่งพรหมลิขิตรัก นำแสดงโดย บอม ธนิน กับ ไอซ์ อามีนา ไม่ใช่เชิงละครย้อนยุคเต็มที่ จะท่องอดีตก็ไม่เชิง เพราะเป็นเรื่องราวที่อ้างว่ามาจากเรื่องจริง เป็นละครพีเรียดที่อิงเรื่องราวในประวัติศาสตร์น้อยมาก (มีอิงเล็กน้อยตรงแผ่นดินไหวญี่ปุ่น ซึ่งตรงกับปี 2466 พอดี) เป็นเรื่องที่ดราม่าแบบเล่นน้อย แต่ถี่มาก และค่อยทวีความดราม่าแรงขึ้นตามฉบับละครทีวีซีน ตอนจบของเรื่องถือว่าดีและน่าประทับใจ เพราะหากจบไปโดยที่นางเอกไม่ได้เจออีก ก็กระไรอยู่ เรื่องนี้ให้ 8/10 หักตรงความน่ารำคาญของแม่เลี้ยงและลูกติดเช่นเคย และรู้สึกแอบเกลียดวีดีโอพรีเซนต์โฆษณาเครื่องดื่มชูกำลัง 555

ชาติเสือพันธุ์มังกร นำแสดงโดย เจมส์ มาร์ และ เดียร์น่า ฟลีโป เป็นละครย้อนยุคที่ใกล้ปัจจุบันมากที่สุด คือประมาณแค่ช่วงยุค 1960s - 1970s เท่านั้น เป็นเรื่องราวแนวหักเหลี่ยมโหดของเจ้าพ่อเยาวราช 2 คน คือ ลิ้มเม่งฮง กับ โอ๊วฮุ่ยเชียง ซึ่งได้เริ่มต้นธุรกิจด้วยเลือด จึงทำให้กรรมตามสนอง ต่างต้องแตกหัก และลูกหลานถูกฆ่าไปเกือบหมด (เหลือแค่เฮ้งเตี๋ยงคนเดียว) ขณะเดียวกันกับที่พ่อบุญธรรมต้องเผชิญหน้ากับลูก 2 คน คือ อ้าย และ อ้น ซึ่งผลดังกล่าวทำให้คนที่ต้องเผชิญเรื่องราวทั้งหมดไปแบบเต็มๆที่สุดคือ เฮียโฮ่ว หรือ ลิ้มบุ่นโฮ่ว นั้นเอง เรื่องนี้ไม่ขอสปอยล์มาก เอาเป็นว่าผมให้ 9.5/10 หักความน่ารำคาญของลี่เง็ก แต่ให้ 0.5 อีกนิดเพราะสงสารที่ถูกฆ่าตาย ทั้งๆที่ลี่เง็กไม่เคยด่าใครลับหลังหรือหักหลังใครเลย

ภาพรวมทั้งหมด: ละครพีเรียดมักจะไม่ค่อยมีโปรดักชั่นที่สมจริงเท่าไรนัก แต่ก็ถือว่าพยายามทำได้ดีระดับหนึ่ง มีการใช้คำพูดที่สมยุค การแต่งตัว พฤติกรรม วัฒนธรรมในยุคนั้นที่ตั้งใจศึกษามา รวมไปถึงเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ขณะที่ละครยุคปัจจุบัน มักจะอิงแนวเสียดสีมาก ซึ่งเชื่อว่าทำให้ละครหลายๆเรื่องของทีวีซีน มักถูกมองข้ามไปหรือไม่ค่อยถูกให้ความสำคัญเพราะการเสียดสีเหล่านั้นนั้นเอง

ไม่รู้ว่าละครเรื่องต่อไปจะเป็นอะไร แต่ผมยืนยันว่า ละครทีวีซีน อาจจะไม่ถูกจริตคนส่วนใหญ่ จนบางครั้งแทบจะเป็นหนังคัลต์ด้วยซ้ำ แต่ผมชอบตรงที่เขาเสนอแบบตรงไปตรงมา อาจจะดราม่าหนักไปมาก แต่ชอบที่เรื่องทั้งหมด ต่างจบดี แม้ว่าอาจจะมีจบเปิดบ้าง ผมจะรอดูต่อไปว่าเรื่องนั้นจะเป็นอย่างไร ให้แง่คิดอะไรบ้าง และจะมีประโยชน์ใดต่อชีวิตประจำวัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่