สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมารีวิวสีไม้อีก 3 รุ่นเพิ่มเติมจากคราวก่อน การรีวิวครั้งนี้เป็นตอนนี้ 2 ผมต้องขออภัยในความล่าช้าเนื่องจากผมได้ใช้เวลาศึกษาสีไม้ทั้ง 3 รุ่นอย่างละเอียด และเวลาการทำงานวาดรูปไม่ค่อยสะดวกครับ
Derwent Procolour
สีไม้รุ่นนี้เป็นสีไม้จัดอยู่ในกลุ่มระดับ artists ที่มีประสบการณ์วาดรูปอย่างน้อย 1-2 ปี ปัจจุบันตอนนี้มีสูงสูดถึง 72 สี เคยมาขายในประเทศไทยเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา และปัจจุบันตอนนี้แทบจะหาในไทยไม่ค่อยได้แล้วครับ
สีไม้รุ่นนี้จะเป็นสีไม้รุ่นผสมระหว่างรุ่น Colorsoft กับรุ่น Artists ให้ต้องการความรู้สึกถึงความเป็น “Pro” ให้ได้มากที่สุด ผมได้ซื้อมาเป็นรุ่น 36 สีที่สยามพารากอนในราคา 1,900 บาท ซึ่งถูกกว่าสั่งออนไลน์ที่ตั้งในราคา 2,800-3,100 บาท (รวมค่าส่งมาไทยแล้ว) ผมก็ไม่แน่ใจว่าทำไมยี่ห้อนี้ ซึ่งเป็นยี่ห้อเดียวเท่านั้นที่ขายในประเทศไทยในราคาใกล้เคียงกับราคาที่ขายในต่างประเทศ และไม่แพงเป็นเท่าๆ ตัว
ผมได้เป็นกล่องนี้ขึ้นมาและสำรวจแท่งของสีไม้รุ่นนี้กันครับ
คุณภาพของตัวแท่งสีไม้รุ่นนี้จะเป็นแท่งกลม ขนาดรอบตัวด้ามเป็น 8 mm ขนาดของหัวใส้เป็น 4 mm พื้นผิวสัมผัสของตัวแท่งจะออกด้าน ส่วนฉลากของตัวด้ามจะบอกชื่อยี่ห้อ ชื่อสี รหัสสี คำว่า “MADE IN BRITAIN” แต่จะไม่บอกค่า lightfastness (ค่าทนทานสีต่อแสง)
ทางเว็บไซต์ Derwent ได้บอกค่า lightfastness ของสีไม้รุ่นนี้มา ซึ้งทั้ง 72 สีนั้น มีบางสีที่นำค่า lightfastness ต่ำที่สุดมาวาง ซึ่งอาจไม่เหมาะสำหรับศิลปินผู้ที่จะต้องการเก็บผลงานระยะยาว
ส่วนคุณภาพของตัวไม้ก็ดีพอสมควร การเหลาจะต้องระมัดระวังกันนิดนึงเพราะว่ามีโอกาสการหักของใส้ ซึ่งรุ่นอื่นก็มีโอกาสการหักเหมือนกัน
สีไม้รุ่นนี้ ผมขอวาด Vanellope von Schweetz จาก Wreck-It Ralph ซึ่งยังใช้กระดาษรุ่นเดียวกันกับการริวีวครั้งก่อนหน้านี้
ผมได้วาดรูปไปสักพักนึง ปรากฏว่าสีสดดีมากครับ แต่จะเทียบเท่าสีไม้ Renaissance ซึ่งจะไม่ค่อยแตกต่างมากนัก สีขาวก็ระบายได้ดี
สีไม้รุ่นนี้เป็น Wax-based 75% กับ Oil-based 25% ซึ่งการเกลี่ยสีนั้นจะรู้สึกแบบ Oil-based จริงๆ
การเกลี่ยสีของสีไม้รุ่นนี้จะไม่ค่อยสะดวก โดยเฉพาะฝั่งสีอ่อนๆ ซึ่งผมจะต้องใช้สีเข้มมาระบายเบาๆ แล้วค่อยใช้สีอ่อนมาระบายอย่างเต็มแรงกด
เสร็จแล้วครับภาพนี้ โดยรวมผมรู้สึกว่าสีไม้รุ่นนี้จะสะดวกในการระบายสีกับภาพประเภท Adult Coloring Book มากกว่าเนื่องจากมีฝรั่งมาโพสรูปประเภทนี้เป็นจำนวนมาก แต่ความนิยมของทั่วโลกจะไม่มากนัก
การเกลี่ยสี การระบายสีอ่อน และโอกาสการหักของใส้เป็นข้อเสียหลักของยี่ห้อนี้ ส่วนข้อดีจะอยู่ที่ความสดของสีเท่านั้น
ส่วนราคาในออนไลน์ (ไม่รวมค่าส่งไทย) ณ เดือนธันวาคม 2561 แบบ 12 สีจะอยู่ที่ 800 บาท 24 สีจะอยู่ที่ 1,300 บาท 36 สีจะอยู่ที่ 2,000 บาท และ 72 สีจะอยู่ที่ 3,900 บาทครับ
คะแนน: 7.5/10
Caran d’Ache Pablo
สีไม้รุ่นนี้เป็นสีไม้แบบกันน้ำจัดอยู่ในกลุ่มระดับ artists สำหรับผู้ที่ต้องการผลงานที่มีคุณภาพแต่ราคาก็ค่อนข้างแพงเช่นกัน ปัจจุบันตอนนี้มีสูงสุดถึง 120 สี และยังจัดจำหน่ายในประเทศไทยอยู่ ณ ขณะนี้
สีไม้รุ่นนี้ให้ต้องการความรู้สึกถึงความเป็น “Swiss” ให้ได้มากที่สุด ผมได้ซื้อมาเป็นรุ่น 18 สีเมื่อหลายปีก่อนในงานสีของทาง HHK ประมาณราคา 1,800 บาท ซึ่งแพงกว่าสั่งออนไลน์ที่ร้านส่วนใหญ่ตั้งในราคาประมาณ 880 บาท (ไม่รวมค่าส่งไทย)
ปัจจุบันตอนนี้ก็ยังไม่มีแยกแท่งมาขายในประเทศไทยและสีไม้รุ่นนี้และรุ่นอื่นๆ มักจะลดราคาและซื้อ 1 แถม 1 ในงานสีของทาง HHK อยู่บ่อยครั้ง
ผมได้เป็นกล่องนี้ขึ้นมาและสำรวจแท่งของสีไม้รุ่นนี้กันครับ
คุณภาพของตัวแท่งสีไม้รุ่นนี้จะเป็นแท่งหกเหลี่ยม ขนาดรอบตัวด้ามเป็น 7 mm ขนาดของหัวใส้เป็น 3.7 mm พื้นผิวสัมผัสของตัวแท่งจะออกลื่นๆ ส่วนฉลากของตัวด้ามจะบอกชื่อยี่ห้อ ชื่อสี รหัสสี ค่า lightfastness และคำว่า “PERMANENT COLOUR” กับ “SWISS MADE”
ส่วนคุณภาพของตัวไม้ก็ใช้ได้ครับแต่ไม่สูงเท่าเกรดชั้นนำเพราะตัวไม้จะดูเปราะๆ นิดนึงแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคในการเหลาครับ
เนื่องจากผมซื้อเป็นรุ่น 18 สีมาแต่จะไม่มีสีเนี้อมาให้ ผมขอวาดรูป Sadness จาก Inside Out เนื่องจากตัวละครนี้ใช้แถบสีน้ำเงินเป็นจำนวนมาก
ผมได้วาดรูปนี้มาระยะนึงแล้ว ปรากฏว่าสีสดมากครับ เทียบเท่ากับรุ่น Faber-Castell Polychromos ได้เลยครับ แต่การเกลี่ยจะไม่ค่อยสะดวกและสีขาวไม่แรงในการระบายสี
สีไม้รุ่นนี้จะเป็น Oil-based
เสร็จแล้วครับภาพนี้ โดยรวมผมรู้สึกว่าสีไม้รุ่นนี้จะเหมาะสำหรับการวาดแนว Fantasy และ Adult Coloring Book มากกว่าเนื่องจากมีฝรั่งมาโพสรูปเป็นจำนวนมาก และบางโพสจะมีรุ่น Luminance มาร่วมด้วย
การเกลี่ยสี จำนวนสีที่ให้มา และประสิทธิภาพของสีขาวเป็นข้อเสียสำหรับยี่ห้อนี้ ส่วนข้อดีจะอยู่ที่ความสดของสีเท่านั้นครับ
ส่วนราคาในออนไลน์ (ไม่รวมค่าส่งไทย) ณ เดือนธันวาคม 2561 แบบ 12 สีจะอยู่ที่ 650 บาท 18 สีจะอยู่ที่ 880 บาท 30 สีจะอยู่ที่ 1,600 บาท 40 สีจะอยู่ที่ 2,010 บาท 80 สีจะอยู่ที่ 4,630 บาท และ 120 สีจะอยู่ที่ 7,350 บาท ส่วนราคาแยกแท่งนั้นจะขายอยู่ที่แท่งละประมาณ 80 บาทครับ
คะแนน: 7/10
[CR] รีวิวสีไม้ 3 รุ่น (Derwent, Caran d'Ache, Holbein)
Derwent Procolour
สีไม้รุ่นนี้เป็นสีไม้จัดอยู่ในกลุ่มระดับ artists ที่มีประสบการณ์วาดรูปอย่างน้อย 1-2 ปี ปัจจุบันตอนนี้มีสูงสูดถึง 72 สี เคยมาขายในประเทศไทยเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา และปัจจุบันตอนนี้แทบจะหาในไทยไม่ค่อยได้แล้วครับ
สีไม้รุ่นนี้จะเป็นสีไม้รุ่นผสมระหว่างรุ่น Colorsoft กับรุ่น Artists ให้ต้องการความรู้สึกถึงความเป็น “Pro” ให้ได้มากที่สุด ผมได้ซื้อมาเป็นรุ่น 36 สีที่สยามพารากอนในราคา 1,900 บาท ซึ่งถูกกว่าสั่งออนไลน์ที่ตั้งในราคา 2,800-3,100 บาท (รวมค่าส่งมาไทยแล้ว) ผมก็ไม่แน่ใจว่าทำไมยี่ห้อนี้ ซึ่งเป็นยี่ห้อเดียวเท่านั้นที่ขายในประเทศไทยในราคาใกล้เคียงกับราคาที่ขายในต่างประเทศ และไม่แพงเป็นเท่าๆ ตัว
ผมได้เป็นกล่องนี้ขึ้นมาและสำรวจแท่งของสีไม้รุ่นนี้กันครับ
คุณภาพของตัวแท่งสีไม้รุ่นนี้จะเป็นแท่งกลม ขนาดรอบตัวด้ามเป็น 8 mm ขนาดของหัวใส้เป็น 4 mm พื้นผิวสัมผัสของตัวแท่งจะออกด้าน ส่วนฉลากของตัวด้ามจะบอกชื่อยี่ห้อ ชื่อสี รหัสสี คำว่า “MADE IN BRITAIN” แต่จะไม่บอกค่า lightfastness (ค่าทนทานสีต่อแสง)
ทางเว็บไซต์ Derwent ได้บอกค่า lightfastness ของสีไม้รุ่นนี้มา ซึ้งทั้ง 72 สีนั้น มีบางสีที่นำค่า lightfastness ต่ำที่สุดมาวาง ซึ่งอาจไม่เหมาะสำหรับศิลปินผู้ที่จะต้องการเก็บผลงานระยะยาว
ส่วนคุณภาพของตัวไม้ก็ดีพอสมควร การเหลาจะต้องระมัดระวังกันนิดนึงเพราะว่ามีโอกาสการหักของใส้ ซึ่งรุ่นอื่นก็มีโอกาสการหักเหมือนกัน
สีไม้รุ่นนี้ ผมขอวาด Vanellope von Schweetz จาก Wreck-It Ralph ซึ่งยังใช้กระดาษรุ่นเดียวกันกับการริวีวครั้งก่อนหน้านี้
ผมได้วาดรูปไปสักพักนึง ปรากฏว่าสีสดดีมากครับ แต่จะเทียบเท่าสีไม้ Renaissance ซึ่งจะไม่ค่อยแตกต่างมากนัก สีขาวก็ระบายได้ดี
สีไม้รุ่นนี้เป็น Wax-based 75% กับ Oil-based 25% ซึ่งการเกลี่ยสีนั้นจะรู้สึกแบบ Oil-based จริงๆ
การเกลี่ยสีของสีไม้รุ่นนี้จะไม่ค่อยสะดวก โดยเฉพาะฝั่งสีอ่อนๆ ซึ่งผมจะต้องใช้สีเข้มมาระบายเบาๆ แล้วค่อยใช้สีอ่อนมาระบายอย่างเต็มแรงกด
เสร็จแล้วครับภาพนี้ โดยรวมผมรู้สึกว่าสีไม้รุ่นนี้จะสะดวกในการระบายสีกับภาพประเภท Adult Coloring Book มากกว่าเนื่องจากมีฝรั่งมาโพสรูปประเภทนี้เป็นจำนวนมาก แต่ความนิยมของทั่วโลกจะไม่มากนัก
การเกลี่ยสี การระบายสีอ่อน และโอกาสการหักของใส้เป็นข้อเสียหลักของยี่ห้อนี้ ส่วนข้อดีจะอยู่ที่ความสดของสีเท่านั้น
ส่วนราคาในออนไลน์ (ไม่รวมค่าส่งไทย) ณ เดือนธันวาคม 2561 แบบ 12 สีจะอยู่ที่ 800 บาท 24 สีจะอยู่ที่ 1,300 บาท 36 สีจะอยู่ที่ 2,000 บาท และ 72 สีจะอยู่ที่ 3,900 บาทครับ
คะแนน: 7.5/10
Caran d’Ache Pablo
สีไม้รุ่นนี้เป็นสีไม้แบบกันน้ำจัดอยู่ในกลุ่มระดับ artists สำหรับผู้ที่ต้องการผลงานที่มีคุณภาพแต่ราคาก็ค่อนข้างแพงเช่นกัน ปัจจุบันตอนนี้มีสูงสุดถึง 120 สี และยังจัดจำหน่ายในประเทศไทยอยู่ ณ ขณะนี้
สีไม้รุ่นนี้ให้ต้องการความรู้สึกถึงความเป็น “Swiss” ให้ได้มากที่สุด ผมได้ซื้อมาเป็นรุ่น 18 สีเมื่อหลายปีก่อนในงานสีของทาง HHK ประมาณราคา 1,800 บาท ซึ่งแพงกว่าสั่งออนไลน์ที่ร้านส่วนใหญ่ตั้งในราคาประมาณ 880 บาท (ไม่รวมค่าส่งไทย)
ปัจจุบันตอนนี้ก็ยังไม่มีแยกแท่งมาขายในประเทศไทยและสีไม้รุ่นนี้และรุ่นอื่นๆ มักจะลดราคาและซื้อ 1 แถม 1 ในงานสีของทาง HHK อยู่บ่อยครั้ง
ผมได้เป็นกล่องนี้ขึ้นมาและสำรวจแท่งของสีไม้รุ่นนี้กันครับ
คุณภาพของตัวแท่งสีไม้รุ่นนี้จะเป็นแท่งหกเหลี่ยม ขนาดรอบตัวด้ามเป็น 7 mm ขนาดของหัวใส้เป็น 3.7 mm พื้นผิวสัมผัสของตัวแท่งจะออกลื่นๆ ส่วนฉลากของตัวด้ามจะบอกชื่อยี่ห้อ ชื่อสี รหัสสี ค่า lightfastness และคำว่า “PERMANENT COLOUR” กับ “SWISS MADE”
ส่วนคุณภาพของตัวไม้ก็ใช้ได้ครับแต่ไม่สูงเท่าเกรดชั้นนำเพราะตัวไม้จะดูเปราะๆ นิดนึงแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคในการเหลาครับ
เนื่องจากผมซื้อเป็นรุ่น 18 สีมาแต่จะไม่มีสีเนี้อมาให้ ผมขอวาดรูป Sadness จาก Inside Out เนื่องจากตัวละครนี้ใช้แถบสีน้ำเงินเป็นจำนวนมาก
ผมได้วาดรูปนี้มาระยะนึงแล้ว ปรากฏว่าสีสดมากครับ เทียบเท่ากับรุ่น Faber-Castell Polychromos ได้เลยครับ แต่การเกลี่ยจะไม่ค่อยสะดวกและสีขาวไม่แรงในการระบายสี
สีไม้รุ่นนี้จะเป็น Oil-based
เสร็จแล้วครับภาพนี้ โดยรวมผมรู้สึกว่าสีไม้รุ่นนี้จะเหมาะสำหรับการวาดแนว Fantasy และ Adult Coloring Book มากกว่าเนื่องจากมีฝรั่งมาโพสรูปเป็นจำนวนมาก และบางโพสจะมีรุ่น Luminance มาร่วมด้วย
การเกลี่ยสี จำนวนสีที่ให้มา และประสิทธิภาพของสีขาวเป็นข้อเสียสำหรับยี่ห้อนี้ ส่วนข้อดีจะอยู่ที่ความสดของสีเท่านั้นครับ
ส่วนราคาในออนไลน์ (ไม่รวมค่าส่งไทย) ณ เดือนธันวาคม 2561 แบบ 12 สีจะอยู่ที่ 650 บาท 18 สีจะอยู่ที่ 880 บาท 30 สีจะอยู่ที่ 1,600 บาท 40 สีจะอยู่ที่ 2,010 บาท 80 สีจะอยู่ที่ 4,630 บาท และ 120 สีจะอยู่ที่ 7,350 บาท ส่วนราคาแยกแท่งนั้นจะขายอยู่ที่แท่งละประมาณ 80 บาทครับ
คะแนน: 7/10
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้