ผมเคยตั้งกระทู้ทำนองเดียวกันนี้ ปีเว้นปี มาสองสามครั้งแล้ว ปีที่แล้วเว้นไป เพราะเกรงว่าผู้อ่านจะตำหนิว่าตั้งซ้ำๆทุกปี ปีนี้ขอกลับมาเตือนอีกครั้ง เผื่อว่าจะยังมีคนไม่ทราบเรื่องนี้ เพราะช่วงนี้มีผู้วางแผนจะเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ ในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน เป็นจำนวนมาก ผมจึงอยากเตือนให้ท่านทราบว่า หากท่านต้องเดินทางไปต่างประเทศ ในทวีป ยุโรป ออสเตรเลีย อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ และเอเชียบางประเทศ เช่น อิหร่าน อิสราเอล จอร์แดน ในช่วงระหว่างวันที่ 30 มี.ค. - 28 เม.ย. 2562 ควรตระหนักถึง 3 เรื่องต่อไปนี้ด้วยครับ
1) การปรับเวลาตาม Daylight Saving Time
หลายๆประเทศ รวมถึงประเทศส่วนใหญ่ในเอเชีย อเมริกาใต้ และแอฟริกา เช่น เมืองไทยของเรา เลือกที่จะไม่มีการปรับเวลาตามระบบ Daylight Saving Time แต่ประเทศส่วนใหญ่ในทวีปยุโรป ทวีปอเมริกาเหนือ ทวีปออสเตรเลีย และบางประเทศในเอเชีย (ต้องเช็คดูว่า ประเทศไหนใช้บ้าง) จะมีการปรับเวลาตามระบบ Daylight Saving Time โดยสำหรับประเทศในซีกโลกทางเหนือ เกือบทุกประเทศในยุโรป จะปรับเวลาเลื่อนให้เร็วขึ้น 1 ช.ม. (Daylight Saving Time Begins) ในวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนมีนาคม คือ วันอาทิตย์ที่ 31 มี.ค.2562 ดังนั้น ก่อนเข้านอนตอนคืนวันเสาร์ที่ 30 มี.ค. ควรปรับนาฬิกาปลุกหรือนาฬิกาข้อมือให้เร็วขึ้น 1 ช.ม.ไว้เลย จะได้ไม่พลาดเวลาตื่นนอน เช่น จะเข้านอนเวลา 22.00 น. ก็ให้ปรับนาฬิกาเป็น 23.00 น. แล้วตั้งนาฬิกาปลุกตามเวลาที่ต้องการ
หากท่านไม่ได้ปรับนาฬิกา แล้วตื่นเวลา 7.00 น.ตามเวลาเดิม จะกลายเป็น 8.00 น.ตามเวลาใหม่ อาจทำให้ตกเครื่องบินหรือรถไฟได้ ถ้าท่านมีกำหนดต้องเดินทางในวันอาทิตย์ที่ 31 มี.ค.นั้น เพราะเครื่องบิน รถไฟ รถบัส จะออกตามเวลาท้องถิ่นที่ปรับใหม่แล้วเสมอ (อย่าได้ไว้ใจนาฬิกาในสนามบิน สถานีรถไฟหรือรถบัส ในวันอาทิตย์ที่ 31 มี.ค.2562 เพราะบางแห่งเค้าลืมหรือยังไม่ทันได้ปรับนาฬิกา แต่เวลาจริงเปลี่ยนไปแล้ว มีหลายคนตกเครื่องหรือตกรถ เพราะนาฬิกาพวกนี้มาแล้ว)
สำหรับ พวกคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน แท็บเบล็ต ปกติจะปรับเวลาเองโดยอัตโนมัติ ตามเวลาท้องถิ่นนั้นๆ แม้จะไม่จำเป็นต้องกังวล แต่ก็ควรทราบเรื่องนี้ไว้ด้วย
ทั้งนี้ ณ วันที่ปรับเวลาเร็วขึ้น 1 ช.ม. จะมีผลทำให้เหมือนว่าสว่างช้าลง 1 ช.ม. และมืดช้าลง 1 ช.ม.ด้วย เช่น จากที่เคยพระอาทิตย์ขึ้นเวลา 6.00 น. จะกลายเป็นพระอาทิตย์ขึ้นเวลา 7.00 น. หรือ จากที่เคยพระอาทิตย์ตกเวลา 18.00 น. จะกลายเป็นมืดเวลา 19.00 น. (หลังจากวันที่ 31 มี.ค.เป็นต้นไป พระอาทิตย์จะขึ้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ และพระอาทิตย์จะตกช้าลงเรื่อยๆ ทำให้มีช่วงกลางวันที่ยาวมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงวันที่ 21 มิ.ย. จะเป็นช่วงที่มีกลางวันยาวนานที่สุดและกลางคืนสั้นที่สุดในรอบปี แล้วจากนั้น พระอาทิตย์ก็จะขึ้นช้าลงเรื่อยๆ พร้อมกับพระอาทิตย์ตกเร็วขึ้นเรื่อยๆ ช่วงกลางวันก็จะหดสั้นลงเรื่อยๆ จนถึงวันที่ 21 ธันวาคม จะเป็นช่วงที่มีกลางวันสั้นที่สุด และกลางคืนยาวที่สุดในรอบปี)
ที่กล่าวไปข้างต้นนั้น เป็นวันปรับเวลาสำหรับเฉพาะประเทศในยุโรปเท่านั้น หากเป็นประเทศในทวีปอเมริกาเหนือ เช่น สหรัฐ แคนาดา เม็กซิโก คิวบา วันที่ปรับเวลาจะต่างไป กล่าวคือ หากเป็นประเทศและรัฐที่ใช้ Daylight Saving Time (บางรัฐไม่ใช้ ต้องตรวจสอบก่อน เช่น ฮาวาย อริโซน่า) จะปรับเวลาเร็วขึ้น 1 ช.ม.ในวันอาทิตย์ที่ 2 ของเดือนมีนาคม คือ วันอาทิตย์ที่ 10 มี.ค.2562
สำหรับประเทศในซีกโลกทางใต้ เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ บราซิล ชิลี กำหนดเวลาปรับเวลาจะสลับกับซีกโลกทางเหนือ คือ ช่วงที่ประเทศซีกโลกเหนือ ปรับเวลาให้เร็วขึ้น 1 ช.ม. ประเทศทางซีกโลกใต้จะปรับให้ช้าลง 1 ช.ม. และกำหนดวันปรับเวลาก็ไม่ตรงกันด้วย จึงควรต้องตรวจสอบก่อนเสมอ เช่นเดียวกับบางประเทศในเอเชีย เช่น อิหร่าน อิสราเอล จอร์แดน ที่มีกำหนดปรับเวลาไม่ตรงกับประเทศส่วนใหญ่ในซีกโลกเหนือ
2) เทศกาลอีสเตอร์
ประเทศที่นับถือคริสตศาสนาเป็นหลัก จะให้ความสำคัญกับเทศกาลอีสเตอร์มาก และประกาศเป็นวันหยุดยาว ซึ่งเทศกาลอีสเตอร์ในแต่ละปี จะเปลี่ยนวันที่ไปมา ในช่วงระหว่างเดือนมีนาคม-เมษายน นอกจากนี้เทศกาลอีสเตอร์ของคริสตศาสนานิกายคาทอลิคกับโปรเตสแตนท์ และนิกายออร์โธดอกซ์ (เช่น กรีซ รัสเซีย) บางปีก็ตรงกัน บางปีก็ไม่ตรงกัน อย่างปี 2560 ตรงกัน แต่ปีหน้า 2562 จะไม่ตรงกัน
- ประเทศที่นับถือคริสตศาสนา นิกายโรมันคาทอลิคและโปรเตสแตนท์ ซึ่งเป็นส่วนใหญ่อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ และยุโรป โดยเฉพาะยุโรปฝั่งตะวันตก เช่น อิตาลี เยอรมนี ฝรั่งเศส สวิส สเปน ฯลฯ วันที่สำคัญของทางคริสตศาสนา ในช่วงเทศกาลอีสเตอร์ คือ วันศุกร์ที่ 19 เม.ย. 2562 ที่เรียกว่า Good Friday กับ วันอาทิตย์ที่ 21 เม.ย. 2562 ที่เรียกว่า Easter Sunday เป็นผลให้สถานที่เที่ยวพวกโบสถ์ หรือศาสนสถาน อาจปิดใน 2 วันนี้ บางแห่งวันเสาร์ที่ 20 เม.ย.อาจจะเปิด แต่บางแห่งอาจปิด 3 วันรวดเลย ตลอดถึงที่เที่ยวที่ไม่ใช่ศาสนสถานก็อาจปิดด้วย จำเป็นต้องเช็คอย่างละเอียด
- ประเทศที่นับถือนิกายออร์โธดอกซ์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นยุโรปด้านตะวันออก เช่น กรีซ รัสเซีย เอสโทเนีย ยูเครน โรมาเนีย บัลแกเรีย ฯลฯ ปีหน้าวันอีสเตอร์จะช้ากว่าของแคทอลิค 1 สัปดาห์ คือ วันศุกร์ที่ 26 เม.ย. 2562 เป็น Good Friday กับ วันอาทิตย์ที่ 28 เม.ย. เป็น Easter Sunday หลักเกณฑ์อื่นๆเหมือนของนิกายแคทอลิคข้างบนทุกประการ
การประกาศเป็นวันหยุดประจำชาติในช่วงเทศกาลอีสเตอร์นั้น จะแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ไม่ค่อยเหมือนกัน ดังนั้นไม่ว่าคุณจะไปประเทศไหน ก็ควรต้องเช็คข้อมูลวันหยุดของประเทศนั้นนะครับ จะได้เตรียมการรับมือ และปรับแพลนเที่ยวให้เหมาะสม
-บางประเทศ เช่น อาร์เจนตินา แคนาดา จะกำหนดให้วันศุกร์ที่ 19 เม.ย. (Good Friday) เป็นวันหยุดวันเดียว จึงหยุดยาว 3 วัน คือ วันศุกร์ถึงวันอาทิตย์
-บางประเทศ เช่น ชิลี กำหนดให้วันศุกร์ที่ 19 และ เสาร์ที่ 20 เม.ย. เป็นวันหยุด จึงหยุด 3 วัน เช่นกัน คือ วันศุกร์ถึงวันอาทิตย์ (วันอาทิตย์เป็นวันหยุดอยู่แล้ว)
-บางประเทศ เช่น อังกฤษ สวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ เชค กรีซ ออสเตรเลีย กำหนดให้ทั้ง วันศุกร์ที่ 19 เม.ย. และวันจันทร์ที่ 22 เม.ย. (Easter Monday) เป็นวันหยุด จึงหยุดยาว 4 วัน คือ วันศุกร์ถึงวันจันทร์
-บางประเทศ เช่น อิตาลี ออสเตรีย กำหนดให้เฉพาะวันอาทิตย์ที่ 21 และวันจันทร์ที่ 22 เป็นวันหยุด (วันศุกร์ไม่หยุด) จึงหยุด 3 วัน คือ วันเสาร์ถึงวันจันทร์
-บางประเทศ เช่น เปรู กำหนดให้วันพฤหัสที่ 18 และ วันศุกร์ที่ 19 เป็นวันหยุด (วันจันทร์ไม่หยุด) จึงหยุด 4 วัน คือ วันพฤหัสถึงวันอาทิตย์
-บางประเทศ เช่น สเปน เดนมาร์ก นอรเวย์ กำหนดให้เป็นวันหยุดยาว 5 วันรวด ตั้งแต่วันพฤหัสที่ 18 ถึงวันจันทร์ ที่ 22 เม.ย. เลย
-บางประเทศ ไม่หยุดในช่วงอีสเตอร์เลย เช่น สหรัฐฯ รัสเซีย บราซิล (วันเสาร์อาทิตย์หยุดเหมือนวันหยุดปกติ)
สำหรับอเมริกาเหนือ เฉพาะวันศุกร์ที่ 19 เม.ย. (Good Friday) ถูกกำหนดให้เป็นวันหยุดทั่วประเทศเฉพาะในประเทศแคนาดา (หน่วยงานรัฐ และบางรัฐ อาจจะหยุดวันจันทร์ที่ 22 เม.ย.ด้วย) แต่ในประเทศสหรัฐฯ จะมีเฉพาะบางรัฐเท่านั้น ที่ประกาศให้เฉพาะวันศุกร์ที่ 19 เม.ย.เป็นวันหยุด แต่ไม่มีรัฐใดที่หยุดวันจันทร์ที่ 22 เม.ย. (Easter Monday)
ร้านรวงต่างๆ หรือ outlet อาจจะปิดยาว 4-5 วัน ในช่วงเทศกาลอีสเตอร์ หรือปิดบางวัน เปิดบางวัน สลับกันไป ไม่เหมือนกันในแต่ละร้าน จำเป็นที่ทุกท่านต้องเช็คเว็บไซต์ของสถานที่เที่ยวทุกๆแห่ง ร้านทุกร้าน ที่แพลนว่าจะไปเที่ยวในช่วงระหว่างวันที่ 18-22 เม.ย. 2562 จะได้ไม่ผิดหวังหรือไปเก้อเสียเวลาเปล่า แต่โดยทั่วไป บรรยากาศบ้านเมืองส่วนใหญ่จะค่อนข้างเงียบเหงาตลอด 4-5 วันนี้ เงียบมากเงียบน้อย หรือเงียบกี่วัน จะต่างกันไปในแต่ละประเทศ
ช่วงหนึ่งสัปดาห์ก่อนวัน Easter Sunday คือ เริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์ก่อนวัน Easter Sunday หรือที่เรียกว่าวัน Palm Sunday (14 เม.ย. 2562) ไปจนถึงวัน Easter Sunday (21 เม.ย. 2562) เรียกว่า Holy week ในหลายๆประเทศ เช่น สเปน โดยเฉพาะทางใต้ ในแคว้นอันดาลูเซีย (เมืองที่จัดงานยิ่งใหญ่ที่สุด คือ เซบีญ่า Sevilla/Seville) หรือประเทศที่เคยเป็นอาณานิคมของสเปนมาก่อน เช่น เปรู เม็กซิโก จะเป็นเทศกาลเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่ประจำปี ที่เรียกว่า Semana Santa โดยทุกวันตลอดหนึ่งสัปดาห์นี้ จะมีขบวนแห่รูปปั้นพระแม่มารี และพระเยซู ออกจากโบสถ์ต่างๆทั่วเมือง ไปยังมหาวิหารหลักของเมือง จึงอาจมีการปิดถนนบางเส้น ในบางวันบางเวลา ทำให้การท่องเที่ยวในช่วงนี้ น่าสนใจแต่อาจขลุกขลักอยู่บ้าง ควรตรวจสอบเส้นทางเดินทางก่อน เพราะบางวันอาจมีแห่หลายขบวน ในหลายๆเส้นทางพร้อมกัน ปกติที่โรงแรมส่วนใหญ่ จะมีการแจกกำหนดการและแผนที่เส้นทางขบวนแห่ Semana Santa ในแต่ละวัน
ภาพขบวนแห่ในงาน Semana Santa ที่เมือง Sevilla
3) วันหยุดประจำชาติ
ก่อนที่จะเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศด้วยตัวเอง (ไม่ได้ไปกับทัวร์) ไม่ว่าประเทศใดในโลก ควรตรวจสอบวันหยุดประจำชาตินั้นๆก่อนทุกครั้ง (เดี๋ยวนี้กูเกิ้ลเอา ด้วยคำว่า Public Holiday ...(ชื่อประเทศ)... 2019 ก็ทราบผลในไม่กี่วินาที) ว่าตรงกับช่วงที่คุณจะไปหรือไม่ หากพบว่าตรงกับวันหยุด จะได้รู้ตัวล่วงหน้า เตรียมตัวเตรียมใจ ควรตรวจสอบกับที่เที่ยวว่าปิดหรือไม่ รถบัสหรือรถไฟหยุดวิ่งหรือไม่ (บางที่อาจจะวิ่ง แต่ความถี่น้อยกว่าเดิม บางที่อาจหยุดวิ่งเลย) และคิดแพลนสำรอง วางแพลนเที่ยวให้เหมาะสม หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้นะครับ
แถมท้ายอีกนิด วันที่ 1 พ.ค. เป็นวันหยุดวันแรงงานแห่งชาติ (Labour Day) ในยุโรปเกือบทุกประเทศ สถานที่เที่ยวบางแห่งอาจจะปิดด้วยเช่นกัน ใครจะไปเที่ยวช่วงนั้น ควรตรวจสอบกับเว็บไซต์ของที่เที่ยวทุกแห่งด้วย และวันนั้น หลายแห่งมักมีการชุมนุมประท้วงบ้าง หยุดเดินรถไฟหรือรถบัสบ้าง ฯลฯ หากเลี่ยงได้ ควรเลี่ยงการเดินทางย้ายเมืองหรือย้ายประเทศ ในวันที่ 1 พ.ค. หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ควรหาข้อมูลวิธีเดินทางอื่นสำรองเผื่อไว้บ้าง (ในอเมริกาเหนือ วันหยุดวันแรงงาน จะเป็นวันจันทร์แรกของเดือนกันยายน ตรงกับวันที่ 2 ก.ย. 2562)
ขอให้ทุกคนเที่ยวได้สนุก และปลอดภัยครับ
+++ ผู้ที่จะไปต่างประเทศ ช่วง 30 มี.ค.-28 เม.ย. 2562 ควรอ่าน +++
1) การปรับเวลาตาม Daylight Saving Time
หลายๆประเทศ รวมถึงประเทศส่วนใหญ่ในเอเชีย อเมริกาใต้ และแอฟริกา เช่น เมืองไทยของเรา เลือกที่จะไม่มีการปรับเวลาตามระบบ Daylight Saving Time แต่ประเทศส่วนใหญ่ในทวีปยุโรป ทวีปอเมริกาเหนือ ทวีปออสเตรเลีย และบางประเทศในเอเชีย (ต้องเช็คดูว่า ประเทศไหนใช้บ้าง) จะมีการปรับเวลาตามระบบ Daylight Saving Time โดยสำหรับประเทศในซีกโลกทางเหนือ เกือบทุกประเทศในยุโรป จะปรับเวลาเลื่อนให้เร็วขึ้น 1 ช.ม. (Daylight Saving Time Begins) ในวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนมีนาคม คือ วันอาทิตย์ที่ 31 มี.ค.2562 ดังนั้น ก่อนเข้านอนตอนคืนวันเสาร์ที่ 30 มี.ค. ควรปรับนาฬิกาปลุกหรือนาฬิกาข้อมือให้เร็วขึ้น 1 ช.ม.ไว้เลย จะได้ไม่พลาดเวลาตื่นนอน เช่น จะเข้านอนเวลา 22.00 น. ก็ให้ปรับนาฬิกาเป็น 23.00 น. แล้วตั้งนาฬิกาปลุกตามเวลาที่ต้องการ
หากท่านไม่ได้ปรับนาฬิกา แล้วตื่นเวลา 7.00 น.ตามเวลาเดิม จะกลายเป็น 8.00 น.ตามเวลาใหม่ อาจทำให้ตกเครื่องบินหรือรถไฟได้ ถ้าท่านมีกำหนดต้องเดินทางในวันอาทิตย์ที่ 31 มี.ค.นั้น เพราะเครื่องบิน รถไฟ รถบัส จะออกตามเวลาท้องถิ่นที่ปรับใหม่แล้วเสมอ (อย่าได้ไว้ใจนาฬิกาในสนามบิน สถานีรถไฟหรือรถบัส ในวันอาทิตย์ที่ 31 มี.ค.2562 เพราะบางแห่งเค้าลืมหรือยังไม่ทันได้ปรับนาฬิกา แต่เวลาจริงเปลี่ยนไปแล้ว มีหลายคนตกเครื่องหรือตกรถ เพราะนาฬิกาพวกนี้มาแล้ว)
สำหรับ พวกคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน แท็บเบล็ต ปกติจะปรับเวลาเองโดยอัตโนมัติ ตามเวลาท้องถิ่นนั้นๆ แม้จะไม่จำเป็นต้องกังวล แต่ก็ควรทราบเรื่องนี้ไว้ด้วย
ทั้งนี้ ณ วันที่ปรับเวลาเร็วขึ้น 1 ช.ม. จะมีผลทำให้เหมือนว่าสว่างช้าลง 1 ช.ม. และมืดช้าลง 1 ช.ม.ด้วย เช่น จากที่เคยพระอาทิตย์ขึ้นเวลา 6.00 น. จะกลายเป็นพระอาทิตย์ขึ้นเวลา 7.00 น. หรือ จากที่เคยพระอาทิตย์ตกเวลา 18.00 น. จะกลายเป็นมืดเวลา 19.00 น. (หลังจากวันที่ 31 มี.ค.เป็นต้นไป พระอาทิตย์จะขึ้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ และพระอาทิตย์จะตกช้าลงเรื่อยๆ ทำให้มีช่วงกลางวันที่ยาวมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงวันที่ 21 มิ.ย. จะเป็นช่วงที่มีกลางวันยาวนานที่สุดและกลางคืนสั้นที่สุดในรอบปี แล้วจากนั้น พระอาทิตย์ก็จะขึ้นช้าลงเรื่อยๆ พร้อมกับพระอาทิตย์ตกเร็วขึ้นเรื่อยๆ ช่วงกลางวันก็จะหดสั้นลงเรื่อยๆ จนถึงวันที่ 21 ธันวาคม จะเป็นช่วงที่มีกลางวันสั้นที่สุด และกลางคืนยาวที่สุดในรอบปี)
ที่กล่าวไปข้างต้นนั้น เป็นวันปรับเวลาสำหรับเฉพาะประเทศในยุโรปเท่านั้น หากเป็นประเทศในทวีปอเมริกาเหนือ เช่น สหรัฐ แคนาดา เม็กซิโก คิวบา วันที่ปรับเวลาจะต่างไป กล่าวคือ หากเป็นประเทศและรัฐที่ใช้ Daylight Saving Time (บางรัฐไม่ใช้ ต้องตรวจสอบก่อน เช่น ฮาวาย อริโซน่า) จะปรับเวลาเร็วขึ้น 1 ช.ม.ในวันอาทิตย์ที่ 2 ของเดือนมีนาคม คือ วันอาทิตย์ที่ 10 มี.ค.2562
สำหรับประเทศในซีกโลกทางใต้ เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ บราซิล ชิลี กำหนดเวลาปรับเวลาจะสลับกับซีกโลกทางเหนือ คือ ช่วงที่ประเทศซีกโลกเหนือ ปรับเวลาให้เร็วขึ้น 1 ช.ม. ประเทศทางซีกโลกใต้จะปรับให้ช้าลง 1 ช.ม. และกำหนดวันปรับเวลาก็ไม่ตรงกันด้วย จึงควรต้องตรวจสอบก่อนเสมอ เช่นเดียวกับบางประเทศในเอเชีย เช่น อิหร่าน อิสราเอล จอร์แดน ที่มีกำหนดปรับเวลาไม่ตรงกับประเทศส่วนใหญ่ในซีกโลกเหนือ
2) เทศกาลอีสเตอร์
ประเทศที่นับถือคริสตศาสนาเป็นหลัก จะให้ความสำคัญกับเทศกาลอีสเตอร์มาก และประกาศเป็นวันหยุดยาว ซึ่งเทศกาลอีสเตอร์ในแต่ละปี จะเปลี่ยนวันที่ไปมา ในช่วงระหว่างเดือนมีนาคม-เมษายน นอกจากนี้เทศกาลอีสเตอร์ของคริสตศาสนานิกายคาทอลิคกับโปรเตสแตนท์ และนิกายออร์โธดอกซ์ (เช่น กรีซ รัสเซีย) บางปีก็ตรงกัน บางปีก็ไม่ตรงกัน อย่างปี 2560 ตรงกัน แต่ปีหน้า 2562 จะไม่ตรงกัน
- ประเทศที่นับถือคริสตศาสนา นิกายโรมันคาทอลิคและโปรเตสแตนท์ ซึ่งเป็นส่วนใหญ่อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ และยุโรป โดยเฉพาะยุโรปฝั่งตะวันตก เช่น อิตาลี เยอรมนี ฝรั่งเศส สวิส สเปน ฯลฯ วันที่สำคัญของทางคริสตศาสนา ในช่วงเทศกาลอีสเตอร์ คือ วันศุกร์ที่ 19 เม.ย. 2562 ที่เรียกว่า Good Friday กับ วันอาทิตย์ที่ 21 เม.ย. 2562 ที่เรียกว่า Easter Sunday เป็นผลให้สถานที่เที่ยวพวกโบสถ์ หรือศาสนสถาน อาจปิดใน 2 วันนี้ บางแห่งวันเสาร์ที่ 20 เม.ย.อาจจะเปิด แต่บางแห่งอาจปิด 3 วันรวดเลย ตลอดถึงที่เที่ยวที่ไม่ใช่ศาสนสถานก็อาจปิดด้วย จำเป็นต้องเช็คอย่างละเอียด
- ประเทศที่นับถือนิกายออร์โธดอกซ์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นยุโรปด้านตะวันออก เช่น กรีซ รัสเซีย เอสโทเนีย ยูเครน โรมาเนีย บัลแกเรีย ฯลฯ ปีหน้าวันอีสเตอร์จะช้ากว่าของแคทอลิค 1 สัปดาห์ คือ วันศุกร์ที่ 26 เม.ย. 2562 เป็น Good Friday กับ วันอาทิตย์ที่ 28 เม.ย. เป็น Easter Sunday หลักเกณฑ์อื่นๆเหมือนของนิกายแคทอลิคข้างบนทุกประการ
การประกาศเป็นวันหยุดประจำชาติในช่วงเทศกาลอีสเตอร์นั้น จะแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ไม่ค่อยเหมือนกัน ดังนั้นไม่ว่าคุณจะไปประเทศไหน ก็ควรต้องเช็คข้อมูลวันหยุดของประเทศนั้นนะครับ จะได้เตรียมการรับมือ และปรับแพลนเที่ยวให้เหมาะสม
-บางประเทศ เช่น อาร์เจนตินา แคนาดา จะกำหนดให้วันศุกร์ที่ 19 เม.ย. (Good Friday) เป็นวันหยุดวันเดียว จึงหยุดยาว 3 วัน คือ วันศุกร์ถึงวันอาทิตย์
-บางประเทศ เช่น ชิลี กำหนดให้วันศุกร์ที่ 19 และ เสาร์ที่ 20 เม.ย. เป็นวันหยุด จึงหยุด 3 วัน เช่นกัน คือ วันศุกร์ถึงวันอาทิตย์ (วันอาทิตย์เป็นวันหยุดอยู่แล้ว)
-บางประเทศ เช่น อังกฤษ สวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ เชค กรีซ ออสเตรเลีย กำหนดให้ทั้ง วันศุกร์ที่ 19 เม.ย. และวันจันทร์ที่ 22 เม.ย. (Easter Monday) เป็นวันหยุด จึงหยุดยาว 4 วัน คือ วันศุกร์ถึงวันจันทร์
-บางประเทศ เช่น อิตาลี ออสเตรีย กำหนดให้เฉพาะวันอาทิตย์ที่ 21 และวันจันทร์ที่ 22 เป็นวันหยุด (วันศุกร์ไม่หยุด) จึงหยุด 3 วัน คือ วันเสาร์ถึงวันจันทร์
-บางประเทศ เช่น เปรู กำหนดให้วันพฤหัสที่ 18 และ วันศุกร์ที่ 19 เป็นวันหยุด (วันจันทร์ไม่หยุด) จึงหยุด 4 วัน คือ วันพฤหัสถึงวันอาทิตย์
-บางประเทศ เช่น สเปน เดนมาร์ก นอรเวย์ กำหนดให้เป็นวันหยุดยาว 5 วันรวด ตั้งแต่วันพฤหัสที่ 18 ถึงวันจันทร์ ที่ 22 เม.ย. เลย
-บางประเทศ ไม่หยุดในช่วงอีสเตอร์เลย เช่น สหรัฐฯ รัสเซีย บราซิล (วันเสาร์อาทิตย์หยุดเหมือนวันหยุดปกติ)
สำหรับอเมริกาเหนือ เฉพาะวันศุกร์ที่ 19 เม.ย. (Good Friday) ถูกกำหนดให้เป็นวันหยุดทั่วประเทศเฉพาะในประเทศแคนาดา (หน่วยงานรัฐ และบางรัฐ อาจจะหยุดวันจันทร์ที่ 22 เม.ย.ด้วย) แต่ในประเทศสหรัฐฯ จะมีเฉพาะบางรัฐเท่านั้น ที่ประกาศให้เฉพาะวันศุกร์ที่ 19 เม.ย.เป็นวันหยุด แต่ไม่มีรัฐใดที่หยุดวันจันทร์ที่ 22 เม.ย. (Easter Monday)
ร้านรวงต่างๆ หรือ outlet อาจจะปิดยาว 4-5 วัน ในช่วงเทศกาลอีสเตอร์ หรือปิดบางวัน เปิดบางวัน สลับกันไป ไม่เหมือนกันในแต่ละร้าน จำเป็นที่ทุกท่านต้องเช็คเว็บไซต์ของสถานที่เที่ยวทุกๆแห่ง ร้านทุกร้าน ที่แพลนว่าจะไปเที่ยวในช่วงระหว่างวันที่ 18-22 เม.ย. 2562 จะได้ไม่ผิดหวังหรือไปเก้อเสียเวลาเปล่า แต่โดยทั่วไป บรรยากาศบ้านเมืองส่วนใหญ่จะค่อนข้างเงียบเหงาตลอด 4-5 วันนี้ เงียบมากเงียบน้อย หรือเงียบกี่วัน จะต่างกันไปในแต่ละประเทศ
ช่วงหนึ่งสัปดาห์ก่อนวัน Easter Sunday คือ เริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์ก่อนวัน Easter Sunday หรือที่เรียกว่าวัน Palm Sunday (14 เม.ย. 2562) ไปจนถึงวัน Easter Sunday (21 เม.ย. 2562) เรียกว่า Holy week ในหลายๆประเทศ เช่น สเปน โดยเฉพาะทางใต้ ในแคว้นอันดาลูเซีย (เมืองที่จัดงานยิ่งใหญ่ที่สุด คือ เซบีญ่า Sevilla/Seville) หรือประเทศที่เคยเป็นอาณานิคมของสเปนมาก่อน เช่น เปรู เม็กซิโก จะเป็นเทศกาลเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่ประจำปี ที่เรียกว่า Semana Santa โดยทุกวันตลอดหนึ่งสัปดาห์นี้ จะมีขบวนแห่รูปปั้นพระแม่มารี และพระเยซู ออกจากโบสถ์ต่างๆทั่วเมือง ไปยังมหาวิหารหลักของเมือง จึงอาจมีการปิดถนนบางเส้น ในบางวันบางเวลา ทำให้การท่องเที่ยวในช่วงนี้ น่าสนใจแต่อาจขลุกขลักอยู่บ้าง ควรตรวจสอบเส้นทางเดินทางก่อน เพราะบางวันอาจมีแห่หลายขบวน ในหลายๆเส้นทางพร้อมกัน ปกติที่โรงแรมส่วนใหญ่ จะมีการแจกกำหนดการและแผนที่เส้นทางขบวนแห่ Semana Santa ในแต่ละวัน
ภาพขบวนแห่ในงาน Semana Santa ที่เมือง Sevilla
3) วันหยุดประจำชาติ
ก่อนที่จะเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศด้วยตัวเอง (ไม่ได้ไปกับทัวร์) ไม่ว่าประเทศใดในโลก ควรตรวจสอบวันหยุดประจำชาตินั้นๆก่อนทุกครั้ง (เดี๋ยวนี้กูเกิ้ลเอา ด้วยคำว่า Public Holiday ...(ชื่อประเทศ)... 2019 ก็ทราบผลในไม่กี่วินาที) ว่าตรงกับช่วงที่คุณจะไปหรือไม่ หากพบว่าตรงกับวันหยุด จะได้รู้ตัวล่วงหน้า เตรียมตัวเตรียมใจ ควรตรวจสอบกับที่เที่ยวว่าปิดหรือไม่ รถบัสหรือรถไฟหยุดวิ่งหรือไม่ (บางที่อาจจะวิ่ง แต่ความถี่น้อยกว่าเดิม บางที่อาจหยุดวิ่งเลย) และคิดแพลนสำรอง วางแพลนเที่ยวให้เหมาะสม หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้นะครับ
แถมท้ายอีกนิด วันที่ 1 พ.ค. เป็นวันหยุดวันแรงงานแห่งชาติ (Labour Day) ในยุโรปเกือบทุกประเทศ สถานที่เที่ยวบางแห่งอาจจะปิดด้วยเช่นกัน ใครจะไปเที่ยวช่วงนั้น ควรตรวจสอบกับเว็บไซต์ของที่เที่ยวทุกแห่งด้วย และวันนั้น หลายแห่งมักมีการชุมนุมประท้วงบ้าง หยุดเดินรถไฟหรือรถบัสบ้าง ฯลฯ หากเลี่ยงได้ ควรเลี่ยงการเดินทางย้ายเมืองหรือย้ายประเทศ ในวันที่ 1 พ.ค. หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ควรหาข้อมูลวิธีเดินทางอื่นสำรองเผื่อไว้บ้าง (ในอเมริกาเหนือ วันหยุดวันแรงงาน จะเป็นวันจันทร์แรกของเดือนกันยายน ตรงกับวันที่ 2 ก.ย. 2562)
ขอให้ทุกคนเที่ยวได้สนุก และปลอดภัยครับ