เนื่องจากช่วงนี้มีผู้วางแผนจะเดินทางไปยุโรป ในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน เป็นจำนวนมาก ผมจึงอยากเตือนให้ท่านทราบว่า หากท่านต้องเดินทางในช่วงวันที่ 28 มี.ค. - 13 เม.ย. 2558 ควรตระหนักถึงเรื่องต่อไปนี้ด้วยครับ
1)
วันอาทิตย์ที่ 29 มี.ค.2558 เป็นวันปรับเวลาเลื่อนให้เร็วขึ้น 1 ช.ม. (Daylight Saving Time Begins) ของเกือบทุกประเทศในยุโรป ปกติก่อนเข้านอนตอนคืนวันเสาร์ที่ 28 มี.ค. ควรปรับนาฬิกาให้เร็วขึ้น 1 ช.ม.ไว้เลย จะได้ไม่พลาดเวลาตื่นนอน เช่น จะเข้านอนเวลา 22.00 น. ก็ให้ปรับนาฬิกาเป็น 23.00 น. แล้วตั้งนาฬิกาปลุกตามเวลาที่ต้องการ
หากท่านลืมปรับนาฬิกา เมื่อตื่นเวลา 7.00 น.ตามเวลาเดิม จะกลายเป็น 8.00 น.ตามเวลาใหม่ อาจทำให้ตกเครื่องบินหรือรถไฟได้ หากท่านมีกำหนดต้องเดินทางในวันอาทิตย์ที่ 29 มี.ค.นั้น เพราะเครื่องบิน รถไฟ จะออกตามเวลาใหม่ที่ปรับแล้ว
ทั้งนี้ ณ วันที่ปรับเวลา จะมีผลทำให้เหมือนว่าสว่างช้าลง 1 ช.ม. และมืดช้าลง 1 ช.ม.ด้วย เช่น จากที่เคยพระอาทิตย์ขึ้นเวลา 6.00 น. จะกลายเป็นพระอาทิตย์ขึ้นเวลา 7.00 น. หรือ จากที่เคยพระอาทิตย์ตกเวลา 18.00 น. จะกลายเป็นมืดเวลา 19.00 น. ดังนั้น หลังจากวันที่ 29 มี.ค.เป็นต้นไป พระอาทิตย์จะขึ้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ และพระอาทิตย์จะตกช้าลงเรื่อยๆ ทำให้มีช่วงกลางวันที่ยาวขึ้นเรื่อยๆ จึงมีเวลาเที่ยวได้มากขึ้น
นอกจากนี้ พวกคอมพิวเตอร์ iPhone iPad มักจะปรับเวลาเองโดยอัตโนมัติ ตามเวลาท้องถิ่นนั้นๆ
2) ช่วงวันที่
3-6 และ 10-13 เม.ย.2558 เป็นช่วงเทศกาลอีสเตอร์
ประเทศส่วนใหญ่ในยุโรป โดยเฉพาะประเทศที่นับถือคริสตศาสนา นิกายโรมันคาทอลิค และนิกายออร์โธดอกซ์ จะให้ความสำคัญกับเทศกาลนี้มาก และประกาศเป็นวันหยุดราชการ แต่เทศกาลอีสเตอร์ของคาทอลิคและออร์โธดอกซ์ บางปีก็ตรงกัน บางปีก็ไม่ตรงกัน อย่างปีที่แล้วตรงกัน ปีนี้ไม่ตรงกัน
- ประเทศที่นับถือนิกาย
โรมันคาทอลิค และโปรแตสแตนท์ ซึ่งเป็นส่วนใหญ่ในยุโรป โดยเฉพาะ
ยุโรปฝั่งตะวันตก เช่น อิตาลี เยอรมนี ฝรั่งเศส สวิส สเปน ฯลฯ วันที่สำคัญของทางศาสนา คือ วันศุกร์ที่ 3 เม.ย. ที่เรียกว่า Good Friday กับ วันอาทิตย์ที่ 5 เม.ย. ที่เรียกว่า Easter Sunday เป็นผลให้สถานที่เที่ยวพวกโบสถ์ หรือศาสนสถาน อาจปิดใน 2 วันนี้ บางแห่งวันเสาร์ที่ 4 เม.ย.อาจจะเปิด แต่บางแห่งอาจปิด 3 วันรวดเลย ที่เที่ยวที่ไม่ใช่ศาสนสถานก็อาจปิดด้วย
แต่การประกาศเป็นวันหยุดประจำชาตินั้น จะแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ เช่น บางประเทศจะกำหนดให้วันศุกร์ที่ 3 เม.ย. (Good Friday) เป็นวันหยุดวันเดียว บางประเทศกำหนดให้ทั้ง วันศุกร์ที่ 3 เม.ย. และวันจันทร์ที่ 6 เม.ย. (Easter Monday) เป็นวันหยุด บางประเทศกำหนดให้เฉพาะวันอาทิตย์ที่ 5 และวันจันทร์ที่ 6 เป็นวันหยุด (วันศุกร์ที่ 4 ไม่หยุด) เป็นต้น คุณจะไปประเทศไหน ก็ควรต้องเช็คข้อมูลวันหยุดของประเทศนั้นนะครับ ส่วนร้านรวงต่างๆ หรือ outlet อาจจะปิดยาว 4 วัน หรือปิดบางวัน เปิดบางวัน สลับกันไป ไม่เหมือนกันในแต่ละร้าน จำเป็นที่ทุกท่านต้องเช็คเว็บไซต์ของสถานที่เที่ยวทุกๆแห่ง ที่แพลนว่าจะไปเที่ยวในช่วง 4 วันนี้ จะได้ไม่ผิดหวังหรือไปเก้อเสียเวลาเปล่า โดยทั่วไป บรรยากาศบ้านเมืองส่วนใหญ่จะค่อนข้างเงียบเหงาตลอด 3-4 วันนี้
- ประเทศที่นับถือนิกาย
ออร์โธดอกซ์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นยุโรปด้านตะวันออก เช่น กรีซ รัสเซีย เอสโทเนีย ยูเครน โรมาเนีย บัลแกเรีย ฯลฯ ปีนี้อีสเตอร์จะช้ากว่าของแคทอลิค 1 สัปดาห์ คือ วันศุกร์ที่ 10 เม.ย. เป็น Good Friday กับ วันอาทิตย์ที่ 12 เม.ย. เป็น Easter Sunday หลักเกณฑ์อื่นๆเหมือนของนิกายแคทอลิคข้างบนทุกประการ
สำหรับคนที่จองตั๋วไปแล้ว หรือเปลี่ยนวันเดินทางไม่ได้ ต้องเดินทางไปช่วงนั้น ก็ควรปรับแพลนเที่ยวให้เหมาะสมนะครับ รวมทั้งทำใจไว้บ้าง
ที่กล่าวไปข้างต้นนั้น สำหรับเฉพาะประเทศในยุโรปเท่านั้น หากเป็นอเมริกาเหนือ ได้แก่
สหรัฐ และ แคนาดา จะต่างไป กล่าวคือ ในทั้งสองประเทศ หากเป็นรัฐที่ใช้ Daylight Saving Time (บางรัฐไม่ใช้ ต้องตรวจสอบก่อน) จะปรับเวลาเร็วขึ้น 1 ช.ม.ใน
วันอาทิตย์ที่ 8 มี.ค.2558 ส่วนเทศกาลอีสเตอร์นั้น เฉพาะวันศุกร์ที่ 3 เม.ย. (Good Friday) ถูกกำหนดให้เป็นวันหยุดทั่วประเทศเฉพาะในประเทศแคนาดา (หน่วยงานรัฐ และบางรัฐ อาจจะหยุดวันจันทร์ที่ 6 เม.ย.ด้วย) แต่ในประเทศสหรัฐ จะมีเฉพาะบางรัฐเท่านั้น ที่ประกาศให้เฉพาะวันศุกร์ที่ 3 เม.ย.เป็นวันหยุด และไม่มีรัฐใดหยุดวันจันทร์ที่ 6 เม.ย.
แถมท้ายอีกนิด วันที่ 1 พ.ค. มักจะเป็นวันหยุดวันแรงงานแห่งชาติ (Labour Day) ในยุโรปเกือบทุกประเทศ สถานที่เที่ยวบางแห่งอาจจะปิดด้วยเช่นกัน ใครจะไปเที่ยวช่วงนั้น ควรตรวจสอบกับเว็บไซต์ของที่เที่ยวทุกแห่งด้วยครับ
+++ ผู้ที่จะไปยุโรป ช่วงวันที่ 28 มี.ค. - 13 เม.ย. 2558 ควรอ่าน +++
1) วันอาทิตย์ที่ 29 มี.ค.2558 เป็นวันปรับเวลาเลื่อนให้เร็วขึ้น 1 ช.ม. (Daylight Saving Time Begins) ของเกือบทุกประเทศในยุโรป ปกติก่อนเข้านอนตอนคืนวันเสาร์ที่ 28 มี.ค. ควรปรับนาฬิกาให้เร็วขึ้น 1 ช.ม.ไว้เลย จะได้ไม่พลาดเวลาตื่นนอน เช่น จะเข้านอนเวลา 22.00 น. ก็ให้ปรับนาฬิกาเป็น 23.00 น. แล้วตั้งนาฬิกาปลุกตามเวลาที่ต้องการ
หากท่านลืมปรับนาฬิกา เมื่อตื่นเวลา 7.00 น.ตามเวลาเดิม จะกลายเป็น 8.00 น.ตามเวลาใหม่ อาจทำให้ตกเครื่องบินหรือรถไฟได้ หากท่านมีกำหนดต้องเดินทางในวันอาทิตย์ที่ 29 มี.ค.นั้น เพราะเครื่องบิน รถไฟ จะออกตามเวลาใหม่ที่ปรับแล้ว
ทั้งนี้ ณ วันที่ปรับเวลา จะมีผลทำให้เหมือนว่าสว่างช้าลง 1 ช.ม. และมืดช้าลง 1 ช.ม.ด้วย เช่น จากที่เคยพระอาทิตย์ขึ้นเวลา 6.00 น. จะกลายเป็นพระอาทิตย์ขึ้นเวลา 7.00 น. หรือ จากที่เคยพระอาทิตย์ตกเวลา 18.00 น. จะกลายเป็นมืดเวลา 19.00 น. ดังนั้น หลังจากวันที่ 29 มี.ค.เป็นต้นไป พระอาทิตย์จะขึ้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ และพระอาทิตย์จะตกช้าลงเรื่อยๆ ทำให้มีช่วงกลางวันที่ยาวขึ้นเรื่อยๆ จึงมีเวลาเที่ยวได้มากขึ้น
นอกจากนี้ พวกคอมพิวเตอร์ iPhone iPad มักจะปรับเวลาเองโดยอัตโนมัติ ตามเวลาท้องถิ่นนั้นๆ
2) ช่วงวันที่ 3-6 และ 10-13 เม.ย.2558 เป็นช่วงเทศกาลอีสเตอร์ ประเทศส่วนใหญ่ในยุโรป โดยเฉพาะประเทศที่นับถือคริสตศาสนา นิกายโรมันคาทอลิค และนิกายออร์โธดอกซ์ จะให้ความสำคัญกับเทศกาลนี้มาก และประกาศเป็นวันหยุดราชการ แต่เทศกาลอีสเตอร์ของคาทอลิคและออร์โธดอกซ์ บางปีก็ตรงกัน บางปีก็ไม่ตรงกัน อย่างปีที่แล้วตรงกัน ปีนี้ไม่ตรงกัน
- ประเทศที่นับถือนิกายโรมันคาทอลิค และโปรแตสแตนท์ ซึ่งเป็นส่วนใหญ่ในยุโรป โดยเฉพาะยุโรปฝั่งตะวันตก เช่น อิตาลี เยอรมนี ฝรั่งเศส สวิส สเปน ฯลฯ วันที่สำคัญของทางศาสนา คือ วันศุกร์ที่ 3 เม.ย. ที่เรียกว่า Good Friday กับ วันอาทิตย์ที่ 5 เม.ย. ที่เรียกว่า Easter Sunday เป็นผลให้สถานที่เที่ยวพวกโบสถ์ หรือศาสนสถาน อาจปิดใน 2 วันนี้ บางแห่งวันเสาร์ที่ 4 เม.ย.อาจจะเปิด แต่บางแห่งอาจปิด 3 วันรวดเลย ที่เที่ยวที่ไม่ใช่ศาสนสถานก็อาจปิดด้วย
แต่การประกาศเป็นวันหยุดประจำชาตินั้น จะแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ เช่น บางประเทศจะกำหนดให้วันศุกร์ที่ 3 เม.ย. (Good Friday) เป็นวันหยุดวันเดียว บางประเทศกำหนดให้ทั้ง วันศุกร์ที่ 3 เม.ย. และวันจันทร์ที่ 6 เม.ย. (Easter Monday) เป็นวันหยุด บางประเทศกำหนดให้เฉพาะวันอาทิตย์ที่ 5 และวันจันทร์ที่ 6 เป็นวันหยุด (วันศุกร์ที่ 4 ไม่หยุด) เป็นต้น คุณจะไปประเทศไหน ก็ควรต้องเช็คข้อมูลวันหยุดของประเทศนั้นนะครับ ส่วนร้านรวงต่างๆ หรือ outlet อาจจะปิดยาว 4 วัน หรือปิดบางวัน เปิดบางวัน สลับกันไป ไม่เหมือนกันในแต่ละร้าน จำเป็นที่ทุกท่านต้องเช็คเว็บไซต์ของสถานที่เที่ยวทุกๆแห่ง ที่แพลนว่าจะไปเที่ยวในช่วง 4 วันนี้ จะได้ไม่ผิดหวังหรือไปเก้อเสียเวลาเปล่า โดยทั่วไป บรรยากาศบ้านเมืองส่วนใหญ่จะค่อนข้างเงียบเหงาตลอด 3-4 วันนี้
- ประเทศที่นับถือนิกายออร์โธดอกซ์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นยุโรปด้านตะวันออก เช่น กรีซ รัสเซีย เอสโทเนีย ยูเครน โรมาเนีย บัลแกเรีย ฯลฯ ปีนี้อีสเตอร์จะช้ากว่าของแคทอลิค 1 สัปดาห์ คือ วันศุกร์ที่ 10 เม.ย. เป็น Good Friday กับ วันอาทิตย์ที่ 12 เม.ย. เป็น Easter Sunday หลักเกณฑ์อื่นๆเหมือนของนิกายแคทอลิคข้างบนทุกประการ
สำหรับคนที่จองตั๋วไปแล้ว หรือเปลี่ยนวันเดินทางไม่ได้ ต้องเดินทางไปช่วงนั้น ก็ควรปรับแพลนเที่ยวให้เหมาะสมนะครับ รวมทั้งทำใจไว้บ้าง
ที่กล่าวไปข้างต้นนั้น สำหรับเฉพาะประเทศในยุโรปเท่านั้น หากเป็นอเมริกาเหนือ ได้แก่ สหรัฐ และ แคนาดา จะต่างไป กล่าวคือ ในทั้งสองประเทศ หากเป็นรัฐที่ใช้ Daylight Saving Time (บางรัฐไม่ใช้ ต้องตรวจสอบก่อน) จะปรับเวลาเร็วขึ้น 1 ช.ม.ในวันอาทิตย์ที่ 8 มี.ค.2558 ส่วนเทศกาลอีสเตอร์นั้น เฉพาะวันศุกร์ที่ 3 เม.ย. (Good Friday) ถูกกำหนดให้เป็นวันหยุดทั่วประเทศเฉพาะในประเทศแคนาดา (หน่วยงานรัฐ และบางรัฐ อาจจะหยุดวันจันทร์ที่ 6 เม.ย.ด้วย) แต่ในประเทศสหรัฐ จะมีเฉพาะบางรัฐเท่านั้น ที่ประกาศให้เฉพาะวันศุกร์ที่ 3 เม.ย.เป็นวันหยุด และไม่มีรัฐใดหยุดวันจันทร์ที่ 6 เม.ย.
แถมท้ายอีกนิด วันที่ 1 พ.ค. มักจะเป็นวันหยุดวันแรงงานแห่งชาติ (Labour Day) ในยุโรปเกือบทุกประเทศ สถานที่เที่ยวบางแห่งอาจจะปิดด้วยเช่นกัน ใครจะไปเที่ยวช่วงนั้น ควรตรวจสอบกับเว็บไซต์ของที่เที่ยวทุกแห่งด้วยครับ