จากกระทู้
"ความไม่รู้ ... ภัยเงียบที่ถ่วงความเจริญมาช้านาน"
เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2561 ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ได้รับสำนวนฟ้องไว้แล้วเป็นคดีหมายเลขดำที่ พ.3328/2561 ในกรณีนี้แล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
“ซีพี” ฟ้องแพ่ง บ.ฐานเศรษฐกิจ พร้อมผู้บริหาร เรียกค่าเสียหายกว่า 631 ล้านบาท กรณีถูกกล่าวหาฮุบที่ดินทำอีอีซี ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ล่าสุด ศาลรับฟ้องแล้ว นัดชี้สองสถาน 14 มี.ค. 62
วันนี้ (17 ธ.ค.) มีรายงานว่า บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด ได้มอบอำนาจให้ นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ ทนายความเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัท ฐานเศรษฐกิจ จำกัด, นายชัยวัฒน์ วนิชวัฒนะ, บริษัท ฐานเศรษฐกิจ มัลติมีเดีย จำกัด, นายอมรเวช รุจาทรัพย์, นายบากบั่น บุญเลิศ, นางสาวกรรณิการ์ รุ่งกิจเจริญกุล, นายเอกพิทยา เอี่ยมคงเอก เป็นจำเลยรวม 7 คน ฐานละเมิด ขอให้ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย 631,400,000 บาท
กรณีนี้ เนื่องจากจำเลยทั้ง 7 คน ร่วมกันเสนอข่าวบิดเบือนจากความเป็นจริงว่า “‘ซีพี’ ยึดที่รัฐ 4 พันไร่ ฮือต้านธนารักษ์ประเคนที่ดินบางน้ำเปรี้ยวขึ้นเมืองใหม่” ซึ่งในข้อเท็จจริง โจทก์ไม่มีความเกี่ยวข้องกับที่ดิน 4,000 ไร่ ในตำบลโยธะกา อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา แต่อย่างใด ทั้งนี้ การเสนอข่าวดังกล่าวเป็นเหตุให้โจทก์เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง จากสังคมและประชาชนทั่วไป กระทบต่อภาพลักษณ์องค์กรและธุรกิจ จึงได้ยื่นฟ้องต่อศาล
ทั้งนี้ ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ได้รับสำนวนฟ้องไว้แล้ว เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2561 เป็นคดีหมายเลขดำที่ พ.3328/2561 นัดชี้สองสถาน วันที่ 14 มีนาคม 2562 เวลา 9:00 น.
แต่ก็โดนคนบางกลุ่ม บางคนแขวะไว้ว่า เป็น
การฟ้องเพื่อปิดปากสื่อ : SLAPPs
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ “การฟ้องปิดปาก” ซึ่งตรงกับศัพท์ภาษาอังกฤษว่า Strategic Lawsuit Against Public Participation(การดำเนินคดีเชิงยุทธศาสตร์เพื่อต่อต้านการมีส่วนร่วมของสาธารณชน) หรือที่เรียกย่อๆว่า SLAPPs ที่อ่านออกเสียงเหมือนกับคำว่า Slap ที่แปลว่า “ตบ” หรือ “ตบปาก” ซึ่งก็คือการฟ้องคดีเพื่อตบปากให้หยุดพูดหรือหยุดวิพากษ์วิจารณ์"
แต่ทำไม ไม่ลองมองย้อนกลับไปถึงปัญหาสังคมของประเทศไทยว่า "ปัญหาการนำเสนอของสื่อในปัจจุบัน" นั้นเป็นอย่างไร
“สื่อ” กำลังถูกใช้เป็นเครื่องมือในการชี้นำ เพื่อเปลี่ยนแปลงทัศนคติ ให้เชื่อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็ก เรื่องน้อย เรื่องในกระแส หรือทัศนคติทางการเมือง ดังนั้น คงจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “สื่อ” กำลังทำให้สังคมแบ่งเป็นฝักเป็นฝ่ายดังเช่นทุกวันนี้
จากกรณีของชาวบ้านโยธะกาก็เช่นเดียวกัน ถูก "สื่อ" ชักนำความเชื่อ และถูกทำให้เชื่อว่า กำลังถูกเอกชนเข้ามาทำลายวิถีชีวิตของชุมชน ทำลายอาชีพ ทำลายวัฒนธรรมท้องถิ่น ทำลายพื้นที่อยู่อาศัยตั้งแต่ปู่ย่าตายาย
"สื่อ" เสนอข่าวสารต่างๆ โดย “ไม่เสนอเฉพาะข้อเท็จจริง”
ทำให้ "สื่อ" กลายเป็นเครื่องมือชี้นำทัศนคติของชาวบ้าน และทำให้ชาวบ้านคล้อยตามไปกับข้อมูลด้านใดด้านหนึ่งที่ได้รับ จนส่งผลให้เกิดความขัดแย้งขึ้นในที่สุด
ดังนั้น ในฐานะของ"คนที่เสพสื่อ" นอกจากต้องใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสารแล้ว "สื่อ" เองก็ควรจะต้องทบทวนการนำเสนอข่าว ควรเสนอแต่ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง มีความชัดเจน ที่สำคัญควรจะต้องมีความรับผิดชอบต่อข้อมูลที่ตนเองนำเสนอต่อสาธารณะด้วยเช่นกัน
มิเช่นนั้นการทำหน้าที่ตรงนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับสภากาแฟ ที่ทุกคนสามารถเอาข่าวลือ ข่าวเล่าอ้างมาเผยแพร่ไปให้ทุกคนได้
"สื่อ" หรือสภากาแฟกันแน่ !!!
เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2561 ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ได้รับสำนวนฟ้องไว้แล้วเป็นคดีหมายเลขดำที่ พ.3328/2561 ในกรณีนี้แล้ว [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แต่ก็โดนคนบางกลุ่ม บางคนแขวะไว้ว่า เป็นการฟ้องเพื่อปิดปากสื่อ : SLAPPs [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แต่ทำไม ไม่ลองมองย้อนกลับไปถึงปัญหาสังคมของประเทศไทยว่า "ปัญหาการนำเสนอของสื่อในปัจจุบัน" นั้นเป็นอย่างไร
“สื่อ” กำลังถูกใช้เป็นเครื่องมือในการชี้นำ เพื่อเปลี่ยนแปลงทัศนคติ ให้เชื่อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็ก เรื่องน้อย เรื่องในกระแส หรือทัศนคติทางการเมือง ดังนั้น คงจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “สื่อ” กำลังทำให้สังคมแบ่งเป็นฝักเป็นฝ่ายดังเช่นทุกวันนี้
จากกรณีของชาวบ้านโยธะกาก็เช่นเดียวกัน ถูก "สื่อ" ชักนำความเชื่อ และถูกทำให้เชื่อว่า กำลังถูกเอกชนเข้ามาทำลายวิถีชีวิตของชุมชน ทำลายอาชีพ ทำลายวัฒนธรรมท้องถิ่น ทำลายพื้นที่อยู่อาศัยตั้งแต่ปู่ย่าตายาย
"สื่อ" เสนอข่าวสารต่างๆ โดย “ไม่เสนอเฉพาะข้อเท็จจริง”
ทำให้ "สื่อ" กลายเป็นเครื่องมือชี้นำทัศนคติของชาวบ้าน และทำให้ชาวบ้านคล้อยตามไปกับข้อมูลด้านใดด้านหนึ่งที่ได้รับ จนส่งผลให้เกิดความขัดแย้งขึ้นในที่สุด
ดังนั้น ในฐานะของ"คนที่เสพสื่อ" นอกจากต้องใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสารแล้ว "สื่อ" เองก็ควรจะต้องทบทวนการนำเสนอข่าว ควรเสนอแต่ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง มีความชัดเจน ที่สำคัญควรจะต้องมีความรับผิดชอบต่อข้อมูลที่ตนเองนำเสนอต่อสาธารณะด้วยเช่นกัน
มิเช่นนั้นการทำหน้าที่ตรงนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับสภากาแฟ ที่ทุกคนสามารถเอาข่าวลือ ข่าวเล่าอ้างมาเผยแพร่ไปให้ทุกคนได้