ทริปนี้เป็นการเดินทางระหว่างวันที่ 14 – 16 ธันวาคม 2561 วัตถุประสงค์คือจะขึ้นไปสวดมนต์บนพระมหาเจดีย์ชเวดากองเนื่องในวันเกิด และไปขอพรเทพทันใจ และกราบพระตาหวาน
เราจองตั๋วหางแดง โดยแลกแต้ม Big Point ตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม 2561 แลกกันแบบลืม ช่วงหางแดงยกเลิกไฟท์บินทั้งไปและกลับ จากที่ไปสาย ๆ กลับบ่ายแก่ ๆ เป็นช่วงที่เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ใหม่ และหางแดงก็ส่งข้อมูลเข้าไปที่เบอร์เก่า มาเปิดเช็คเบอร์ก่อนจะปล่อยให้เบอร์ถูกตัดไปเองประมาณต้นเดือนพฤศจิกายน 2561 จึงต้องขอเปลี่ยนไฟท์ที่จัดให้บินตอนเย็นมาเป็นช่วงเช้า และกลับไฟท์ค่ำที่หางแดงจัดให้
ความที่ไม่ได้รับข้อมูลทำให้น้องที่จะตามไปด้วยอีก 2 คน จัดไฟท์ไม่ใกล้เคียงกันเลย เธอเลือกไปบินกับนกเหลือง ซึ่งเธอบอกว่าราคาถูกกว่าที่เราได้ซะอีก มาบอกให้ช้ำใจซะงั้น ส่วนที่พัก เราพักที่เดิมที่เคยพักเมื่อครั้งที่แล้วเพราะใกล้พระมหาเจดีย์ฯ มากที่สุด
ด้วยเปลี่ยนไฟล์เดินทางมาเป็นรอบ 07.30 น. เราต้องตื่นกันตี 3 อาบน้ำ พอตี 4 ก็ออกจากบ้าน ถึงสนามบินประมาณเกือบ 05.30 น. เข้าห้องน้ำกันอีกรอบ เราเช็คอินออนไลน์มาเรียบร้อย ก็คิดว่ามีพิมพ์ตั๋วที่เครื่อง Kiosk ก็น่าจะเรียบร้อย ไหงได้เครื่องมันบอกให้ไปติดต่อเคาน์เตอร์ วันนี้ลืมเอาบัตรเครติดแอร์เอเชียของธนาคารกรุงเทพฯ มา เลยไม่ได้ใช้สิทธิ์เข้าไปเช็คอินก่อน และอดได้เครื่องดื่มฟรีบนเครื่องทั้งไปและกลับด้วย
พอได้ตั๋วเราก็เข้าไปตรวจคนเข้าเมือง วันนี้คนไม่แยะ ผ่านมาได้ก็หกโมงกว่าแล้ว เข้าไปนั่งหาของรองท้องพอ 07.40 น. ก็ออก วันนี้ที่เลาจน์คิงพาวเวอร์ ดอนเมือง มีคนใช้บริการแยะมาก อาหารก็น้อยไม่เหมือนเมื่อก่อน และลดเวลาในการเข้าไปนั่งจาก 2 ชั่วโมง เป็น 1 ชั่วโมง
เครื่องบินถึงสนามบินพม่าแปดโมงกว่า เวลาที่พม่าช้ากว่าเราประมาณครึ่งชั่วโมง ลงมาแลกเงินก่อนเลย ตู้แลกเงินที่พม่ามีหลายธนาคาร เราก็เดินดูอัตราแลกเงินที่ได้มากที่สุด เราแลกได้ 1 บาท = 48 จ๊าด แลกกับน้องสาวคนละ 1,500 บาท กะว่าจะไม่ซื้ออะไรเลย เป็นค่ารถแท็กซี่ ค่าเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ และค่าอาหาร ทริปนี้เราเตรียมมาม่ามา 3 ซอง และหมูฝอยอีก 1 ถุง ก่อนกลับเหลือมาม่า 2 ซอง วางทิ้งไว้ให้แม่บ้านในห้อง ส่วนหมูฝอยเก็บใส่กระเป๋าเดินทางกลับบ้านพร้อมกัน
แลกเงินเสร็จก็พาน้องสาวไปซื้อซิม 3 วัน ราคา 4,000 จ๊าด คิดเป็นเงินไทยแค่ 83.33 บาท ราคาถูกกว่า Sim2Fly ที่เราซื้อมาอีก ที่ตัดสินใจเอา Sim2Fly มาใช้เพราะต้องการต่ออายุซิม เราจะนำซิมนี้ไปใช้ที่เกาสงซึ่งกำหนดว่าจะไปในเดือนเมษายน และต่อด้วยจีนในเดือนพฤษภาคม ที่จีน Sim2Fly มัน work กว่ายี่ห้ออื่น
แล้วเราก็ติดต่อแท็กซี่ให้ไปส่งเราที่โรงแรม หลังจากต่อรองราคาได้ที่ราคา 8,000 จ๊าด เราก็ลากกระเป๋าไปขึ้นรถ คนขับก็เปิด Google Map ขับรถไปตามทาง เข้าไปในซอยเล็ก ๆ ปรากฏว่าซอยตันต้องถอยออกมา แสดงว่า Google Map ที่พม่าไม่ work แล้วมาจอดอยู่หน้า Grand Garden Hotel เขาก็บอกให้เราถึงว่าถึงแล้ว เราบอกไม่ใช่โรงแรมนี้ เราจะไป Lavender Hotel เขาก็พูดเป็นภาษาพม่า เราก็ฟังไม่รู้เรื่อง ภาษาอังกฤษเราก็อ่อนแอ พูดไปเขาก็ฟังไม่รู้เรื่อง ไม่รู้เรื่องกับไม่รู้เรื่อง จึงกลายเป็นไม่รู้เรื่องยกกำลังสอง ต่างฝ่ายต่างเถียงกันด้วยภาษาของตัวเอง เอาหละซิมาไล่ให้ตรูลง ไง ๆ ตรูก็ไม่ลง เพราะลงไปไม่รู้ว่าจะหาแท็กซี่ต่อไปโรงแรมได้ไหม และเราจะต้องจ่ายค่ารถคันนี้ด้วย สรุปเขาขับรถมาส่งที่สนามบินที่เดิมที่เราขึ้น และพูดเป็นภาษาพม่า พอตีความได้ว่า ถ้าให้เขาไปส่งที่โรงแรมที่เราพัก เราจะคิดเพิ่มเป็นราคา 15,000 จ๊าด อั๊ยยะ...บ้าไปแล้ว ครั้งที่แล้วฉันไปแค่ 8,000 จ๊าดเอง เรากับน้องสาวก็เอากระเป๋าลงจากรถ ไม่จ่ายเงินให้ด้วย พาฉันไปชมเมืองทั้งที่ฉันไมได้ร้องขอ เราก็เดินเข้าสนามบิน ผ่านเครื่องแสกน และไลน์ไปเล่าให้น้องอีก 2 คน ที่กำลังจะตามมา บอกว่าเราจะนั่งกินไก่รอที่ร้าน KFC และบอกว่าถ้าจะแลกเงินให้เดินไปแลกตู้ที่อยู่เลยร้าน KFC ไป อัตราแลกจะได้แยะกว่า
เราก็นั่งกินไก่รอ เธอบินมาถึงเที่ยงกว่า พอมาถึงเธอก็สั่งไก่ทอดมาเป็นมื้อกลางวัน กินเสร็จก็เดินไปถามเคาน์เตอร์ตรงทางออก สอบถามเรื่องรถแท็กซี่ เธอพูดภาษาอังกฤษได้ดีมาก เราก็ส่งน้องที่ภาษาดีที่สุดไปเจรจา และได้แท็กซี่ที่จะไปส่งเรา คนขับพูดภาษาอังกฤษได้ OK เขาคิดราคาที่ 10,000 จ๊าด เรา 4 คน ๆ ละ 2,500 จ๊าด ราคานี้เรา OK
คนขับก็พาเราไปขึ้นรถที่จอดอยู่นอกตัวอาคารสนามบิน เป็นรถตู้นั่งได้ 5 ที่ (รวมด้านหน้าที่นั่งคู่กับคนขับ) ระหว่างขับรถมาส่ง เขาก็เสนอให้เราเช่ารถเขาไปเที่ยว โดยบ่ายนี้เขาเสนอให้เราเที่ยวภายในเมืองย่างกุ้ง คิดราคา 60,000 จ๊าด พรุ่งนี้ไปเมืองพะโคหรือหงสาวดี ราคา 65,000 บาท เขาบอกว่าราคานี้ไม่แพง ถ้าคิดเป็นเงินไทยแค่ไม่กี่ร้อยบาทต่อคน
สำหรับเราการเที่ยวในย่างกุ้งใช้เวลา 4 ชั่วโมง ราคา 60,000 จ๊าด ฟังแล้วมันแพงไป ราคานี้เป็นแค่การเช่ารถไม่ได้รวมค่าธรรมเนียมในการเข้าชม เราคิดเป็นเงินไทยไม่ทัน คิดกันแบบเงินพม่า สองวัน 125,000 จ๊าด ให้เขาลดราคา เขากดเครื่องคิดเลขมันก็ยังเป็นราคาเดิม ราคานี้มันไม่ได้ลดเลยนะ เราเลยให้น้องเป็นล่ามให้ ถามว่าถ้าจะให้เขามารับพวกเราไปส่งสนามบิน สองรอบเพราะเรากลับกันคนละไฟล์จะคิดเท่าไหร่ เขากดเครื่องคิดเลขออกมาเป็น 160,000 จ๊าด โอ้โห...หน้าตาฉันดูรวย หรือว่าดูโง่หว่าเนี่ย เห็นราคานี้ บอกเลยไม่ OK
พอเข้าที่พักได้กุญแจ กำลังจะขึ้นห้องพัก น้องที่ไปด้วยก็บอกว่าเอาไงพี่ เขารออยู่ เราบอกว่าเราไม่ OK จบไม่ต้องพูดต่อรองอะไรแล้ว ได้ห้องก็ห้องใครห้องมัน เราอยู่ชั้น 3 น้องสองคนที่ตามมาอยู่ชั้น 2 ขึ้นมาเราก็อาบน้ำ และก็นอนพัก
ตื่นมาเตรียมตัวเพื่อขึ้นพระมหาเจดีย์ชเวดากอง เจอกันชั้นล่าง 17.30 น. ก็เดินออกแวะโน้นแวะนี่ ขึ้นไปก็เกือบหกโมงเย็นกว่าแล้ว ค่าเข้าตอนนี้ขึ้นราคามาเป็น 10,000 จ๊าด ถ้าจะคิดค่าเงินพม่าง่าย ๆ ให้เอา 50 หาร ก็จะออกมาเป็นเงินบาทคะ
มาทราบเกี่ยวกับประวัติพระมหาเจดีย์ชเวดากองกันก่อน
“....เป็นสถานที่ไหว้พระที่พม่า ขึ้นชื่อมากที่สุดตั้งอยู่บริเวณเนินเขาเชียงกุตระ เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า โดยชื่อ “ชเว” หมายถึง ทอง “ดากอง” นั้นเป็นชื่อเดิมของเมืองย่างกุ้ง เป็นมหาเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศพม่า บรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าจำนวน 8 เส้น บนยอดสุดของพระเจดีย์ และมีเพชรอยู่ 5,448 เม็ด เจดีย์มีความสูงถึง 326 ฟุต สร้างโดยพระเจ้าโอกะลาปะ เมื่อกว่า 2,000 ปีก่อน มหาเจดีย์ชเวดากองมีทองคำโอบหุ้มอยู่เป็นน้ำหนักถึง 1100 กิโลกรัม
ชาวมอญและชาวพม่า ถือการกราบไหว้บูชาเจดีย์ชเวดากอง จะนำมาซึ่งบุญกุศลอันเป็นหนทางสู่การหลุดพ้นทุกข์โศกโรคภัยทั้งมวล บริเวณโดยรอบจะมีการนั่งทำสมาธิ เดินประทักษัณรอบองค์เจดีย์ เป็นต้น ผู้ที่เข้ามานมัสการ หรือเยี่ยมชมจะต้องถอดรองเท้าทุกครั้งเมื่อมาถึงทางเข้า ให้เดินตามเข็มนาฬิกา ขึ้นอยู่กับดวงวันเกิดของผู้เข้าที่จะดูตาม 12 นักษัตรรอบๆ
สถานที่สำคัญของพระมหาเจดีย์ชเวดากอง คือ ลานอธิฐาน จุดที่บุเรงนองมาขอพรก่อนออกรบ ซึ่งเราสามารถนำดอกไม้ธูปเทียนไปไหว้ เพื่อขอพรจากองค์เจดีย์ชเวดากอง ณ ลานอธิษฐานเพื่อเสริมสร้างบารมีและสิริมงคล นอกจากนี้รอบองค์เจดีย์ยังมีพระประจำวันเกิดประดิษฐานทั้งแปดทิศรวม 8 องค์ หากใครเกิดวันไหนก็ให้ไปสรงน้ำพระประจำวันเกิดของตัวเอง จะเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต”
(https://travel.mthai.com/blog/135863.html)
เราก็เดินไปนั่งตรงลานอธิษฐานเพื่อจะสวดมนต์เนื่องในวันเกิด เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง ระหว่างเตรียมหนังสือสวดมนต์ก็มีคนไทยกลุ่มใหญ่มานั่งสวดมนต์ทำวัตรเย็นอยู่ใกล้ ๆ ขออนุโมทนาบุญด้วยนะคะ หลังจากเขาสวดกันจบ เราก็เริ่มต้นในส่วนของเรา และนั่งสมาธิ วันนั้นนั่งสมาธิได้นิ่งมาก นาน และสงบมาก แม้ว่าหูจะได้ยินเสียงรอบ ๆ ข้าง เสียงสวดมนต์บ้าง เสียงคนเดิน เสียงเด็กวิ่งเล่น เสียงคนพูดคุย แต่กลับไม่รู้สึกว่าลำคาญ และไม่รู้ว่าเมื่อยเลย ออกจากสมาธิก็แผ่เมตตาตามที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ได้สั่งสอนมา
มารอบนี้สถานที่ทางพุทธศาสนาที่เราไปมีการซ่อมปรับปรุง องค์มหาเจดีย์ฯ ก็เช่นกัน แต่ดูแล้วไม่ขัดหูขัดตานะคะ เหมือนงานศิลปะมากกว่า เหมือนเขาสานไม้ห่อหุ้มองค์มหาเจดีย์ฯ เอาไว้ ขออนุโมทนาบุญด้วยคะ
ประมาณสองทุ่มกว่า ๆ เราก็พาผู้ร่วมทางที่เพิ่งมาใหม่ 2 คน ไปดูภาพถ่าย เราก็เก็บภาพสิ่งที่ประดิษฐานอยู่บนยอดพระมหาเจดีย์ฯ มาหลายภาพ โดยถ่ายจากภาพถ่ายที่เขาจัดแสดง เป็นที่น่าแปลกที่ไม่มีภาพสะท้อนให้เห็น ภาพออกมาสำหรับเราแล้วสวยมาก...
เราก็เดินเก็บภาพ และเข้าไปกราบพระโดยรอบองค์พระมหาเจดีย์ฯ เราเดินลงมาประมาณ 3 ทุ่ม วันนี้ที่นี่เปิดเวลา 21.30 น.
ภาพด้านล่างเป็นภาพที่น้องสาวถ่ายคะ จาก Galaxy A7 2015
ลงมาคนไหนหิวก็ไปซื้อข้าว และกับข้าวที่หน้าโรงแรม ข้าวเปล่าถุงละ 100 จ๊าด น้องสาวซื้อปลาทอดมา 1 ชิ้น ราคา 1,000 จ๊าด เธอบอกแข็งอย่างกะหิน สงสัยคงขายไม่หมด คงทอดแล้วทอดอีกเป็นแน่ และแวะร้านสะดวกซื้อชื่อ “Grap & Go” ซื้อน้ำเปล่าขวดใหญ่ ราคาขวดละ 250 จ๊าด
ปล.หากใครจะมาเที่ยวพม่าตามวัดต่าง ๆ คุณจะต้องถอดรองเท้านะคะ ถุงเท้าก็ต้องถอดด้วย และควรพกถุงมาเพื่อใส่รองเท้าของคุณ อีกอย่างเวลามาประเทศนี้ รองเท้าแตะจะดีที่สุด ถอดง่าย และไม่ต้องกลัวหาย
>>> อ่านตอนจบ >>>
https://ppantip.com/topic/38379286
[CR] ทริปสุดท้าย - ทำบุญ ไหว้พระ @ Myanmar
เราจองตั๋วหางแดง โดยแลกแต้ม Big Point ตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม 2561 แลกกันแบบลืม ช่วงหางแดงยกเลิกไฟท์บินทั้งไปและกลับ จากที่ไปสาย ๆ กลับบ่ายแก่ ๆ เป็นช่วงที่เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ใหม่ และหางแดงก็ส่งข้อมูลเข้าไปที่เบอร์เก่า มาเปิดเช็คเบอร์ก่อนจะปล่อยให้เบอร์ถูกตัดไปเองประมาณต้นเดือนพฤศจิกายน 2561 จึงต้องขอเปลี่ยนไฟท์ที่จัดให้บินตอนเย็นมาเป็นช่วงเช้า และกลับไฟท์ค่ำที่หางแดงจัดให้
ความที่ไม่ได้รับข้อมูลทำให้น้องที่จะตามไปด้วยอีก 2 คน จัดไฟท์ไม่ใกล้เคียงกันเลย เธอเลือกไปบินกับนกเหลือง ซึ่งเธอบอกว่าราคาถูกกว่าที่เราได้ซะอีก มาบอกให้ช้ำใจซะงั้น ส่วนที่พัก เราพักที่เดิมที่เคยพักเมื่อครั้งที่แล้วเพราะใกล้พระมหาเจดีย์ฯ มากที่สุด
ด้วยเปลี่ยนไฟล์เดินทางมาเป็นรอบ 07.30 น. เราต้องตื่นกันตี 3 อาบน้ำ พอตี 4 ก็ออกจากบ้าน ถึงสนามบินประมาณเกือบ 05.30 น. เข้าห้องน้ำกันอีกรอบ เราเช็คอินออนไลน์มาเรียบร้อย ก็คิดว่ามีพิมพ์ตั๋วที่เครื่อง Kiosk ก็น่าจะเรียบร้อย ไหงได้เครื่องมันบอกให้ไปติดต่อเคาน์เตอร์ วันนี้ลืมเอาบัตรเครติดแอร์เอเชียของธนาคารกรุงเทพฯ มา เลยไม่ได้ใช้สิทธิ์เข้าไปเช็คอินก่อน และอดได้เครื่องดื่มฟรีบนเครื่องทั้งไปและกลับด้วย
พอได้ตั๋วเราก็เข้าไปตรวจคนเข้าเมือง วันนี้คนไม่แยะ ผ่านมาได้ก็หกโมงกว่าแล้ว เข้าไปนั่งหาของรองท้องพอ 07.40 น. ก็ออก วันนี้ที่เลาจน์คิงพาวเวอร์ ดอนเมือง มีคนใช้บริการแยะมาก อาหารก็น้อยไม่เหมือนเมื่อก่อน และลดเวลาในการเข้าไปนั่งจาก 2 ชั่วโมง เป็น 1 ชั่วโมง
เครื่องบินถึงสนามบินพม่าแปดโมงกว่า เวลาที่พม่าช้ากว่าเราประมาณครึ่งชั่วโมง ลงมาแลกเงินก่อนเลย ตู้แลกเงินที่พม่ามีหลายธนาคาร เราก็เดินดูอัตราแลกเงินที่ได้มากที่สุด เราแลกได้ 1 บาท = 48 จ๊าด แลกกับน้องสาวคนละ 1,500 บาท กะว่าจะไม่ซื้ออะไรเลย เป็นค่ารถแท็กซี่ ค่าเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ และค่าอาหาร ทริปนี้เราเตรียมมาม่ามา 3 ซอง และหมูฝอยอีก 1 ถุง ก่อนกลับเหลือมาม่า 2 ซอง วางทิ้งไว้ให้แม่บ้านในห้อง ส่วนหมูฝอยเก็บใส่กระเป๋าเดินทางกลับบ้านพร้อมกัน
แลกเงินเสร็จก็พาน้องสาวไปซื้อซิม 3 วัน ราคา 4,000 จ๊าด คิดเป็นเงินไทยแค่ 83.33 บาท ราคาถูกกว่า Sim2Fly ที่เราซื้อมาอีก ที่ตัดสินใจเอา Sim2Fly มาใช้เพราะต้องการต่ออายุซิม เราจะนำซิมนี้ไปใช้ที่เกาสงซึ่งกำหนดว่าจะไปในเดือนเมษายน และต่อด้วยจีนในเดือนพฤษภาคม ที่จีน Sim2Fly มัน work กว่ายี่ห้ออื่น
แล้วเราก็ติดต่อแท็กซี่ให้ไปส่งเราที่โรงแรม หลังจากต่อรองราคาได้ที่ราคา 8,000 จ๊าด เราก็ลากกระเป๋าไปขึ้นรถ คนขับก็เปิด Google Map ขับรถไปตามทาง เข้าไปในซอยเล็ก ๆ ปรากฏว่าซอยตันต้องถอยออกมา แสดงว่า Google Map ที่พม่าไม่ work แล้วมาจอดอยู่หน้า Grand Garden Hotel เขาก็บอกให้เราถึงว่าถึงแล้ว เราบอกไม่ใช่โรงแรมนี้ เราจะไป Lavender Hotel เขาก็พูดเป็นภาษาพม่า เราก็ฟังไม่รู้เรื่อง ภาษาอังกฤษเราก็อ่อนแอ พูดไปเขาก็ฟังไม่รู้เรื่อง ไม่รู้เรื่องกับไม่รู้เรื่อง จึงกลายเป็นไม่รู้เรื่องยกกำลังสอง ต่างฝ่ายต่างเถียงกันด้วยภาษาของตัวเอง เอาหละซิมาไล่ให้ตรูลง ไง ๆ ตรูก็ไม่ลง เพราะลงไปไม่รู้ว่าจะหาแท็กซี่ต่อไปโรงแรมได้ไหม และเราจะต้องจ่ายค่ารถคันนี้ด้วย สรุปเขาขับรถมาส่งที่สนามบินที่เดิมที่เราขึ้น และพูดเป็นภาษาพม่า พอตีความได้ว่า ถ้าให้เขาไปส่งที่โรงแรมที่เราพัก เราจะคิดเพิ่มเป็นราคา 15,000 จ๊าด อั๊ยยะ...บ้าไปแล้ว ครั้งที่แล้วฉันไปแค่ 8,000 จ๊าดเอง เรากับน้องสาวก็เอากระเป๋าลงจากรถ ไม่จ่ายเงินให้ด้วย พาฉันไปชมเมืองทั้งที่ฉันไมได้ร้องขอ เราก็เดินเข้าสนามบิน ผ่านเครื่องแสกน และไลน์ไปเล่าให้น้องอีก 2 คน ที่กำลังจะตามมา บอกว่าเราจะนั่งกินไก่รอที่ร้าน KFC และบอกว่าถ้าจะแลกเงินให้เดินไปแลกตู้ที่อยู่เลยร้าน KFC ไป อัตราแลกจะได้แยะกว่า
เราก็นั่งกินไก่รอ เธอบินมาถึงเที่ยงกว่า พอมาถึงเธอก็สั่งไก่ทอดมาเป็นมื้อกลางวัน กินเสร็จก็เดินไปถามเคาน์เตอร์ตรงทางออก สอบถามเรื่องรถแท็กซี่ เธอพูดภาษาอังกฤษได้ดีมาก เราก็ส่งน้องที่ภาษาดีที่สุดไปเจรจา และได้แท็กซี่ที่จะไปส่งเรา คนขับพูดภาษาอังกฤษได้ OK เขาคิดราคาที่ 10,000 จ๊าด เรา 4 คน ๆ ละ 2,500 จ๊าด ราคานี้เรา OK
คนขับก็พาเราไปขึ้นรถที่จอดอยู่นอกตัวอาคารสนามบิน เป็นรถตู้นั่งได้ 5 ที่ (รวมด้านหน้าที่นั่งคู่กับคนขับ) ระหว่างขับรถมาส่ง เขาก็เสนอให้เราเช่ารถเขาไปเที่ยว โดยบ่ายนี้เขาเสนอให้เราเที่ยวภายในเมืองย่างกุ้ง คิดราคา 60,000 จ๊าด พรุ่งนี้ไปเมืองพะโคหรือหงสาวดี ราคา 65,000 บาท เขาบอกว่าราคานี้ไม่แพง ถ้าคิดเป็นเงินไทยแค่ไม่กี่ร้อยบาทต่อคน
สำหรับเราการเที่ยวในย่างกุ้งใช้เวลา 4 ชั่วโมง ราคา 60,000 จ๊าด ฟังแล้วมันแพงไป ราคานี้เป็นแค่การเช่ารถไม่ได้รวมค่าธรรมเนียมในการเข้าชม เราคิดเป็นเงินไทยไม่ทัน คิดกันแบบเงินพม่า สองวัน 125,000 จ๊าด ให้เขาลดราคา เขากดเครื่องคิดเลขมันก็ยังเป็นราคาเดิม ราคานี้มันไม่ได้ลดเลยนะ เราเลยให้น้องเป็นล่ามให้ ถามว่าถ้าจะให้เขามารับพวกเราไปส่งสนามบิน สองรอบเพราะเรากลับกันคนละไฟล์จะคิดเท่าไหร่ เขากดเครื่องคิดเลขออกมาเป็น 160,000 จ๊าด โอ้โห...หน้าตาฉันดูรวย หรือว่าดูโง่หว่าเนี่ย เห็นราคานี้ บอกเลยไม่ OK
พอเข้าที่พักได้กุญแจ กำลังจะขึ้นห้องพัก น้องที่ไปด้วยก็บอกว่าเอาไงพี่ เขารออยู่ เราบอกว่าเราไม่ OK จบไม่ต้องพูดต่อรองอะไรแล้ว ได้ห้องก็ห้องใครห้องมัน เราอยู่ชั้น 3 น้องสองคนที่ตามมาอยู่ชั้น 2 ขึ้นมาเราก็อาบน้ำ และก็นอนพัก
ตื่นมาเตรียมตัวเพื่อขึ้นพระมหาเจดีย์ชเวดากอง เจอกันชั้นล่าง 17.30 น. ก็เดินออกแวะโน้นแวะนี่ ขึ้นไปก็เกือบหกโมงเย็นกว่าแล้ว ค่าเข้าตอนนี้ขึ้นราคามาเป็น 10,000 จ๊าด ถ้าจะคิดค่าเงินพม่าง่าย ๆ ให้เอา 50 หาร ก็จะออกมาเป็นเงินบาทคะ
มาทราบเกี่ยวกับประวัติพระมหาเจดีย์ชเวดากองกันก่อน
“....เป็นสถานที่ไหว้พระที่พม่า ขึ้นชื่อมากที่สุดตั้งอยู่บริเวณเนินเขาเชียงกุตระ เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า โดยชื่อ “ชเว” หมายถึง ทอง “ดากอง” นั้นเป็นชื่อเดิมของเมืองย่างกุ้ง เป็นมหาเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศพม่า บรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าจำนวน 8 เส้น บนยอดสุดของพระเจดีย์ และมีเพชรอยู่ 5,448 เม็ด เจดีย์มีความสูงถึง 326 ฟุต สร้างโดยพระเจ้าโอกะลาปะ เมื่อกว่า 2,000 ปีก่อน มหาเจดีย์ชเวดากองมีทองคำโอบหุ้มอยู่เป็นน้ำหนักถึง 1100 กิโลกรัม
ชาวมอญและชาวพม่า ถือการกราบไหว้บูชาเจดีย์ชเวดากอง จะนำมาซึ่งบุญกุศลอันเป็นหนทางสู่การหลุดพ้นทุกข์โศกโรคภัยทั้งมวล บริเวณโดยรอบจะมีการนั่งทำสมาธิ เดินประทักษัณรอบองค์เจดีย์ เป็นต้น ผู้ที่เข้ามานมัสการ หรือเยี่ยมชมจะต้องถอดรองเท้าทุกครั้งเมื่อมาถึงทางเข้า ให้เดินตามเข็มนาฬิกา ขึ้นอยู่กับดวงวันเกิดของผู้เข้าที่จะดูตาม 12 นักษัตรรอบๆ
สถานที่สำคัญของพระมหาเจดีย์ชเวดากอง คือ ลานอธิฐาน จุดที่บุเรงนองมาขอพรก่อนออกรบ ซึ่งเราสามารถนำดอกไม้ธูปเทียนไปไหว้ เพื่อขอพรจากองค์เจดีย์ชเวดากอง ณ ลานอธิษฐานเพื่อเสริมสร้างบารมีและสิริมงคล นอกจากนี้รอบองค์เจดีย์ยังมีพระประจำวันเกิดประดิษฐานทั้งแปดทิศรวม 8 องค์ หากใครเกิดวันไหนก็ให้ไปสรงน้ำพระประจำวันเกิดของตัวเอง จะเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต”
(https://travel.mthai.com/blog/135863.html)
เราก็เดินไปนั่งตรงลานอธิษฐานเพื่อจะสวดมนต์เนื่องในวันเกิด เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง ระหว่างเตรียมหนังสือสวดมนต์ก็มีคนไทยกลุ่มใหญ่มานั่งสวดมนต์ทำวัตรเย็นอยู่ใกล้ ๆ ขออนุโมทนาบุญด้วยนะคะ หลังจากเขาสวดกันจบ เราก็เริ่มต้นในส่วนของเรา และนั่งสมาธิ วันนั้นนั่งสมาธิได้นิ่งมาก นาน และสงบมาก แม้ว่าหูจะได้ยินเสียงรอบ ๆ ข้าง เสียงสวดมนต์บ้าง เสียงคนเดิน เสียงเด็กวิ่งเล่น เสียงคนพูดคุย แต่กลับไม่รู้สึกว่าลำคาญ และไม่รู้ว่าเมื่อยเลย ออกจากสมาธิก็แผ่เมตตาตามที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ได้สั่งสอนมา
มารอบนี้สถานที่ทางพุทธศาสนาที่เราไปมีการซ่อมปรับปรุง องค์มหาเจดีย์ฯ ก็เช่นกัน แต่ดูแล้วไม่ขัดหูขัดตานะคะ เหมือนงานศิลปะมากกว่า เหมือนเขาสานไม้ห่อหุ้มองค์มหาเจดีย์ฯ เอาไว้ ขออนุโมทนาบุญด้วยคะ
ประมาณสองทุ่มกว่า ๆ เราก็พาผู้ร่วมทางที่เพิ่งมาใหม่ 2 คน ไปดูภาพถ่าย เราก็เก็บภาพสิ่งที่ประดิษฐานอยู่บนยอดพระมหาเจดีย์ฯ มาหลายภาพ โดยถ่ายจากภาพถ่ายที่เขาจัดแสดง เป็นที่น่าแปลกที่ไม่มีภาพสะท้อนให้เห็น ภาพออกมาสำหรับเราแล้วสวยมาก...
เราก็เดินเก็บภาพ และเข้าไปกราบพระโดยรอบองค์พระมหาเจดีย์ฯ เราเดินลงมาประมาณ 3 ทุ่ม วันนี้ที่นี่เปิดเวลา 21.30 น.
ภาพด้านล่างเป็นภาพที่น้องสาวถ่ายคะ จาก Galaxy A7 2015
ลงมาคนไหนหิวก็ไปซื้อข้าว และกับข้าวที่หน้าโรงแรม ข้าวเปล่าถุงละ 100 จ๊าด น้องสาวซื้อปลาทอดมา 1 ชิ้น ราคา 1,000 จ๊าด เธอบอกแข็งอย่างกะหิน สงสัยคงขายไม่หมด คงทอดแล้วทอดอีกเป็นแน่ และแวะร้านสะดวกซื้อชื่อ “Grap & Go” ซื้อน้ำเปล่าขวดใหญ่ ราคาขวดละ 250 จ๊าด
ปล.หากใครจะมาเที่ยวพม่าตามวัดต่าง ๆ คุณจะต้องถอดรองเท้านะคะ ถุงเท้าก็ต้องถอดด้วย และควรพกถุงมาเพื่อใส่รองเท้าของคุณ อีกอย่างเวลามาประเทศนี้ รองเท้าแตะจะดีที่สุด ถอดง่าย และไม่ต้องกลัวหาย
>>> อ่านตอนจบ >>> https://ppantip.com/topic/38379286
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้