*** ความตอนที่แล้ว >>> https://ppantip.com/topic/36997806

เมื่อคืนเราหลับกันเป็นตาย ทั้งเหนื่อยและเพลีย เช้านี้เราตั้งใจจะไปพิพิธภัณฑ์กันคะ มีคนรีวิวไว้ว่าเป็นที่ที่ไม่ควรพลาด


มื้อเช้าคะ อาหารที่โรงแรมพอกินได้


ออกจากโรงแรมก็แวะชมตลาดเช้าอยู่หน้า และด้านข้างโรงแรมเลยคะ

คู่นี้น่าจะเป็นสามีภรรยากัน ทำข้าวหม้อแกงหม้อมาใส่บาตรพระ-เณร น่ารักมากค่ะ






เก็บดอกไม้สวย ๆ หน้าโรงแรมมาฝากคะ











เราออกจากโรงแรมก็เลี้ยวขวา และเดินทางตรง แล้วเลี้ยวขวาตาม Google Map ผ่านทางขึ้นพระมหาเจดีย์อีกทาง แต่ไม่ได้แวะคะ กะจะมาแวะตอนเย็น เราเดินทางผ่านห้างเล็ก ๆ ก็แวะเข้าไปดู มีงานจัดเทศกาลอาหารและสิ่งของจากเมืองไทย ตอนไปยังเช้าเกินงานยังไม่เปิด เลยแวะเข้าดูข้างในเจอ Daiso แวะช๊อปกันนิดหน่อย ตอนออกมาฝนตกเลยต้องกลับเข้าไปอีกรอบ เพราะเรียกแท็กซี่แล้วต่อรองกันไม่ลงตัว เที่ยงพอดี กองทัพต้องเดินด้วยท้อง มื้อนี้แอบหรูจบลงที่ The Pizza Company







เดินจนไปถึงสี่แยกเจอตำรวจพม่าเลยถามทาง ตำรวจใจดีมากคะ เรียกแท็กซี่ให้ไปส่งเราด้วยราคา 2,000 จ๊าด ค่าเข้าพิพิธภัณฑ์ 5,000 จ๊าด ก่อนเข้า เขาให้ฝากของห้ามถ่ายภาพ ที่นี่เป็นตึกใหญ่ 4 ชั้น แต่ละชั้นจะมี 4 ห้องจัดแสดง ชั้นล่างเป็นที่ตั้งของบัลลังก์สิงห์ เครื่องทรงกษัตรย์ และเครื่องเรือนไม้แกะสลักวิจิตรบรรจงมาก แม้จะมีไม่มาก และดูแล้วประเมินราคาไม่ได้ ด้านล่างเป็นรูปบัลลังก์สิงห์คะ ภาพจากสูจิบัตรของพิพิธภัณฑ์ ว่ากันว่าแต่เดิมบัลลังก์องค์นี้ประดับด้วยอัญมณี ถูกนำไปเก็บไว้ที่อินเดีย และอินเดียก็แงะเอาออกไปเกือบหมด


รายละเอียดเกี่ยวบัลลังก์ต่าง ๆ ของพม่า สามารถหาอ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บนะคะ

ออกจากพิพิธภัณฑ์ก็กลับเข้าที่พักคะ แวะซื้อข้าวสวยราคาอยู่ระหว่าง 150 - 200 จ๊าด ซึ่งไม่แพง มาทานกับน้ำพริกที่เราเอาไปจากเมืองไทย แล้วก็พักร่างพักขาเพื่อออมแรงไปขึ้นบันไดเพื่อขึ้นไปยังพระมหาเจดีย์ชเวดากอง


ประมาณบ่ายสี่แก่ ๆ เราก็เดินออกจากที่พัก ระหว่างทางมีของขายมากมายโดยเฉพาะผ้าถุง มีชาวต่างชาติทั้งชายและหญิงแวะซื้อเพื่อใส่ขึ้นพระมหาเจดีย์ ค่าเข้า 8,000 จ๊าดคะ เราก็เดินไปบริเวณลานอธิษฐาน วันนี้ผู้คนขึ้นมาไม่ขาดสาย คนไทยก็เยอะ มานั่งสวดมนต์กัน หลังจากถ่ายภาพแล้วก็หาที่เหมาะ ๆ นั่งสวดมนต์ตามหนังสือที่ต่างคนต่างพกมา เราก็สวดบทที่เอ่ยพระนามพระพุทธเจ้า 25 พระองค์ แผ่เมตตา และนั่งสมาธิซึบซับอานุภาพแห่งพระพุทธ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองสืบไป













ศรัทธาที่ไม่เคยจางแห่ง ณ แผ่นดินแห่งนี้





ประมาณ 21.30 น. เจ้าหน้าที่จะเริ่มประกาศเป็นภาษาพม่า เพื่อแจ้งเวลาที่จะปิดพระมหาเจดีย์ ในเวลา 22.00 น. ช่วงเดินลงร้านค้าก็ปิดกันหมดแล้ว แต่เรารู้สึกปลอดภัย






ก่อนกลับเราก็แวะไปกราบพระ ที่วัดที่อยู่ตรงข้ามกับโรงแรม ได้เห็นเครื่องทรงที่ชาวบ้านได้สร้างถวาย ขออนุโมทนาบุญด้วย งดงามจริง ๆ


พระพุทธรูปอยู่ในตู้กระจก มือถือไม่สามารถเข้าไปถ่ายใกล้ ๆ กระจกได้ บนเศียร์ท่านใส่หมวกครอบไว้งดงามมาก


วันที่ 16 ตุลาคม 2560 วันนี้เราต้องเดินทางกลับแล้ว ด้วยเที่ยวบิน 13.25 น. เมือวานนัดแท็กซี่ที่เราขึ้นมาจากพิพิธภัณฑ์ฯ เขาพูดไทยได้นิดหน่อย คุยกันเขาบอกเขาเคยไปทำงานที่เกาะสมุย และเกาะเต่า นัดให้มารับเราที่โรงแรม 10.00 น. ในราคา 8,000 จ๊าด โดยเราจะลงมารอ 09.30 น. รอจน 10.20 น. โดนเทแน่เลยกรู จึงได้ตัดสินไปเรียกรถหน้าโรงแรมฯ ราคา 8,000 จ๊าด มาส่งสนามบิน มาถึงสนามบินส่งผิด Terminal อีก ต้องเข็นกระเป๋ากันทุกลักทุเล น้ำหนักกระเป๋าก็เกิน 555 งานนี้ คราวหน้าซื้อน้ำหนักกระเป๋าดีกว่า จะได้ซื้อแบบไม่ต้องคิดแยะ เงินที่แลกไปก็ยังเหลือ เก็บไว้คราวหน้าแลกตั๋วมาใหม่ พอเวลา 13.00 น. สายการบินก็เริ่มเรียกขึ้นเครื่องเร็วกว่าปกติ กลางวันกินข้าวบนอากาศ ถึงเมืองไทยก่อนเวลา 30 นาที ดีที่คนรับออกมาบ่าย เลยรอไม่นาน

ขอบคุณผู้คนทุกคนที่เอื้อเฟื้อช่วยเหลือตลอดทริป
ขอบคุณผู้ร่วมทางที่ไม่ป่วนให้อารมณ์เสีย
ขอบคุณทุกเช้าที่ได้ตื่นมา และได้ทำในสิ่งทีตัวเองชอบ
ขอบคุณด้วยใจจริง ๆ คะ