ดอยพุ่ยโค | อลังการทะเลหมอก แห่งเมือง...แม่ฮ่องสอน

กระทู้สนทนา

จังหวัดแม่ฮ่องสอน ภาพถ่าย เที่ยวภูเขา บันทึกนักเดินทาง ภาพถ่ายทิวทัศน์

Winter is coming...

ความหนาวเริ่มค่อยๆ เข้ามาแล้ว เหมาะอย่างยิ่งที่จะไปดูหมอกขาวๆ ดวงดาวนับร้อยล้านดวงยามค่ำคืน พร้อมกับแสงจันทร์ที่สาดส่องนวลๆ

ที่...ดอยพุ่ยโค แห่งเมืองแม่ฮ่องสอน

.....................

ดอยพุ่ยโค มีอะไรเจ๋งๆ บ้างหรอ? ดังนี้!

01 หมอกยามเช้าปังมากกก
02 สะพานไม้ที่คูลสุดๆ
03 ต้นไม้เดียวดายที่ต้องมายืนข้างๆ
04 ยามเย็นทุ่งหญ้าสีทองโคตร
05 ศาลาที่ถ่ายรูปออกมาอย่างแจ่ม
06 อากาศดี คูลจริงอะไรจริง
07 เดินไม่ไกล แต่วิวอลังมากกก
08 มีห้องน้ำ มีน้ำให้ล้างหน้าคือดี
09 การเดินมาจุดชมวิวแค่ 2 3 9 ก้าว
10 เห็นทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและตก
11 ย้อนกลับไปอ่านข้อ 1 ใหม่น้าาา

.....................

การเดินทางขึ้นดอยพุ่ยโค

- มาทาง อ.ฮอด ผ่าน อ.แม่สะเรียง
- เเล้วเลี้ยว ซ้ายไปทาง อ.สบเมย
- ก่อนถึงสบเมย 3 กิโลเมตร มีทางแยกไป บ้านอุมดาเหนือ
- ขับตามทางไปประมาณ 7 กิโลเมตร เป็นถนนคอนกรีต+ลูกรัง
(อันนี้จะเหมารถกระบะชาวบ้านก็ได้นะ ราคา 1500 บาท เพราะทางค่อนข้างไม่ดีเลยแหละ)
- จะถึงหมู่บ้านควรซื้อของที่หมู่บ้านเลยจะมีร้านค้าอยู่
- จากนั้นขับตรงมาอีกประมาณ 2 กิโลเมตร ก็จะถึงทางขึ้นดอยพุ่ยโค
- เดินเท้า อีก 800 เมตร ก็ถึงแล้วจ้า

*** ข้าใช้เวลาเดินขึ้นโดยประมาณ คือ 45-50 นาที ขาลงไวมากกก 30 นาทีได้จ้า ***

.....................

การพักค้างคืนบนดอยพุ่ยโค

***ต้องนอนเต็นท์ อย่างเดียวเลยน้าและต้องนำเต๊นท์มาเอง***
และที่สำคัญคืออาหาร...ต้องมาทำกันเองน้า จะมีลานการเต็นท์ให้ (ไม่เสียค่ากางเต็นท์ใดๆ)
มีห้องน้ำและผู้ดูแลเตรียมน้ำใส่แท๊งค์น้ํา (น้ำที่เก็บลงแท๊งค์มาจากน้ำฝนอย่างเดียวนะ)
และข้อแนะนำสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการมากางเต็นท์ที่ดอยพุยโค คือฟรายชีส เน้อ เพราะน้ำค้างลงหนักมากกกกกก

.....................

สำหรับถ้าต้องการรถกระบะ หรือลูกหาบ ติดต่อได้ที่พี่ชาติชาย เบอร์โทรศัพท์ 0972727693
(ค่ารถกระบะ 1500 บาท ค่าลูกหาบคนละ ขึ้น-ลง 400 บาท รับน้ำหนักได้ 20 กิโลกรัมจ้า)

.....................

ค่าใช้จ่ายสำหรับทริปนี้ของข้าไปกันทั้งหมด 8 คน ตกคนละ 2300 บาทเท่าน้าาาาา

.....................

เริ่มต้นการเดินทาง เนื่องจากพวกข้าเหมารถตู้กันขึ้นมา เลยต้องเหมากระบะชาวบ้านเพื่อขึ้นมายังเชิงเขา แบบนี้

ก็ใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่าๆ ได้ คนขับก็จะมา Drop พวกข้าไว้ที่ทางขึ้น และสำหรับทางเดินขึ้นก็จะประมาณนี้

ขึ้นตลอดทางเลยจ้า เหมือนเดินขึ้นเขาลูกนึงอะ แต่ถามว่าหนักมั้ย? อ่อๆ เหมือนเดินขึ้นสะพานลอยเลย

เดินมาสักพักก็ขอพักชมวิวหน่อยๆ

หลังจากนั้นก็เดินขึ้นไปต่อจ้า ยอดดอยอยู่ทางนู้นไงละ

เดินมาเรื่อยๆ ทางก็จะแบบนี้

ฮึบๆ เดินขึ้นบันไดเองเน้อ (แต่ก็เหนื่อยใช่ย่อยน้า 55555+) มองหันหลังกลับไป หูยยยย เดินมาไกลเหมือนกันนะเนี้ย

เห้ย! จะถึงแล้ว

เห็นศาลาเล็กๆ ที่ยืนชมวิวตะกี้เลยนะ

เย้เย้!!! ถึงแล้วน้า และก็สามารถเลือกพื้นที่กางเต็นท์ได้เลยจ้า

สวัสดี...พุ่ยโค

หลังจากกางเต็นท์เสร็จแล้ว ก็เดินเดินเรื่อยเปื่อยเลยจ้า ชมความสวยงามของที่นี่กันนะ

ใกล้พระอาทิตย์จะลับขอบฟ้า แสงสีทองก็เริ่มมา สวยจริงๆ เลยนะเนี้ย

โอ้ยยย ชอบความสีทองจัง และนี่ก็คือ ต้นไม้เดียวดาย กับศาลาคนเหงา 5555+ (แต่คนที่ไปไม่เดียวดายและไม่เหงาแน่นอน)

และแล้วก็ถึงเวลาที่พระอาทิตย์ต้องไปพักแล้วจ้า

ตัวข้าก็ถึงเวลาไปพักแล้วเหมือนกันน้า ลาวันนี้ไปด้วย 2 ภาพนี้

.....................

ตึงตะดะดึ๊ง ตึงๆ ตึงตะดะดึ๊ง ตึงๆ ตึงตะดะดึ๊ง ตึงๆ เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น ในเวลา ตี 3.30 น.
ข้าและพวกเพื่อนๆ ก็ได้เวลาตื่น เพื่อไปล้างหน้าแปรงฟัน เตรียมตัวไปดูความหมอกอลังการ
แต่เชื่อมั้ย? ทันทีที่เปิดเต็นท์ออกมาแสงจากพระจันทร์สวยงามมาก (เนื่องจากเพิ่งผ่านพ้นคืนพระจันทร์เต็มดวงไป)
ทำให้เห็นความหมอกที่มาแล้วอ๊า สุดยอดมากกกกกกกกกก พาไปดูกันเล้ย