สวัสดี...ที่เจแปน
ชั่วโมงนี้เรียกได้ว่า หันไปทางไหน ก็มีแต่คนไปญี่ปุ่น เพื่อนๆที่รู้จักมีแต่คนลงรูป เชคอินญี่ปุ่นกันเยอะมากกก
เลยเกิดคำถามขึ้นมาว่า ทำไมต้องญี่ปุ่น? วันนี้เราจะมาหาคำตอบไปพร้อมๆกันค่ะ
ปล.ทุกรูปที่ลง ไม่มีการแต่งสีเพิ่มเติมเป็นรูปสดๆ จากโกโปร, กล้อง OLYMPUS และ FUJI นะคะ
สวัสดีเพื่อนๆใน Pantip ที่รักการท่องเที่ยวและคิดจะเดินทางไปญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกเหมือนกับเรา นี่คือการไปญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในชีวิต
เมื่อช่วง 12-16 ธันวาคม 2018 เรียกว่าเพิ่งกลับมาเมื่อวาน ยังร้อนวิชา อยากรีวิวแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อนๆ ที่คิดเดินทางด้วยตัวเองครั้งแรกบ้าง เพราะก่อนที่จะเดินทาง เราก็หาข้อมูลจากในพันทิปเหมือนกัน ต้องขอบคุณทุกรีวิวจริงๆ มันทำให้เราได้นำมาปรับใช้ในการเดินทาง
สำหรับรีวิวก่อนหน้านี้มีที่ ซาปาเวียดนาม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://ppantip.com/topic/37943753
และที่วังเวียง ประเทศลาว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://ppantip.com/topic/38295193
ฝากเพื่อนๆ ติดตาม เพจน้องใหม่ทาง facebook :
https://www.facebook.com/กานต์เดินทาง-2077478755896630/ ด้วยนะคะ
สำหรับใครเคยไปแล้ว หรือไปมาหลายรอบ อาจข้ามกระทู้นี้ไปได้เลยนะคะ เพราะสำหรับเรา การไปครั้งแรก เป็นอะไรที่ตื่นเต้นมาก เพราะเป็นประเทศที่อยากไปมานานมากแล้ว ถ้าอยากรู้ว่าเป็นยังไง เดินทางไปด้วยกันเลยคร่าา
#วันที่ 1 : ดอนเมือง - นาริตะ - โรงแรม Hotel Mystays Ueno East - วัดอาซากุสะ - Tokyo Skytree - Caretta Shiodome Winter Illumination 2018
เริ่มต้นจากการเดินทาง เราใช้บริการของ Nokscoot บินตรงจาก ดอนเมือง - นาริตะ Flight XW102 เครื่องออกจากดอนเมือง ตี 2.45 ถึงนาริตะ 10.25 น. เราเลือกกินอาหารก่อนขึ้นเครื่อง เพื่อที่จะได้หลับยาวๆ ตรงนี้ขอดอกจันไว้เลยว่า
**** ไม่มี online check-in แนะนำให้มาถึงดอนเมืองสักสี่ทุ่ม แล้วรีบมาต่อแถว เพราะยาวววมากกก ถ้าไม่อยากต่อท้ายกรุ๊ปทัวร์ ตอนเราไป check in ถ้าจำไม่ผิดคือเค้าเตอร์ 3 นะคะ ได้ต่อคิวเป็นคนแรกๆ เลยได้ขอนั่งริมหน้าต่างฝั่งซ้าย แถว A เพื่อลุ้นเห็นฟูจิก่อนถึงสนามบิน ถ้ามาช้า คิดว่าที่นั่งริมหน้าต่างน่าจะเต็ม ส่วนขากลับจากนาริตะ เราก็ไปถึงเป็นคนที่ 2 ได้ขอนั่งริมหน้าต่างฝั่งขวา แถว K เพื่อชมฟูจิอีกครั้งค่ะ *******
และนี่คือภาพฟูจิซัง ตอนขากลับจากนาริตะ คุ้มค่าการมาสนามบินคนแรกๆจริงๆ
ลืมบอกว่า ก่อนมาญี่ปุ่น เราได้ไปเดินงาน เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตนเองที่พารากอน เราซื้อตั๋วรถไฟ Keisei skyliner + subway 72 hrs. + 24 hrs. ราคา 3,780 บาท/ 2 คน และเช่า pocket wifi ของซามูไร 5 วัน ราคา 500 บาท พอมาถึงสนามบิน ตรวจคนเข้าเมือง รับกระเป๋าเรียบร้อยเราก็มองไปทางซ้ายมือ เดินตามป้ายคำว่า Train ลงไปชั้นล่าง จนเจอป้ายสีน้ำเงินเขียนว่า SKYLINER & KEISEI INFORMATION CENTER
จากนั้นยื่นใบที่เราซื้อผ่าน H.I.S. ที่ไทย เจ้าหน้าที่จะให้ตั๋ว keisei และตั๋ว subway สีเขียวอ่อนแบบ 72 hrs. ตั๋วสีแดงแบบ 24 hrs.
ครั้งแรกที่เห็นตั๋ว งงมาก ว่าใช้ยังไง จริงๆเราแค่สอดบัตรผ่านเครื่อง แล้วอย่าลืมหยิบบัตรคืนด้วยนะคะ เดินเข้าประตูไป มองที่บัตรจะขึ้นเวลา อย่างในตั๋วที่ซื้อ ได้รอบ 12.02 น.ออกจาก นาริตะ ไปถึงสถานี อูเอโนะ (Ueno) ตอน 12.43 น. รถ Skyliner ของ Keisei จะเป็นแบบระบุที่นั่ง ให้เราสังเกตจากวงกลมสีแดง 2 จุดที่ต้องรู้คือ car กับ seat คำว่า car เหมือนเป็น โบกี้ให้เรารู้ว่าเราขึ้นรถโบกี้ที่สาม (มีทั้งหมด 8car) ที่นั่ง 9B
เดินอ่านไปเรื่อยๆ จะเจอ car boarding point ที่ตรงตามตั๋วของเรา แบบนี้ ตั๋วคือ car3 ตรงกับเลขที่ชานชาลา แปลว่าเรามารอถูกแน่นอนนนน
นั่งไปสักพักก็ถึงสถานี Ueno เราลงจาก Skyliner แล้วเริ่มใช้ subway แบบ 72 hrs. ตั๋วสีเขียวอ่อน ตอน บ่ายโมงของวันที่ 12 ธันวา เพื่อไปยังที่พักของเราชื่อ Hotel Mystays Ueno East อยู่สถานี Inaricho
ขอดอกจัน ถึงเทคนิคการใช้ Subway ซึ่งหากใครไปครั้งแรกคงกังวลแน่นอน เคยมีคนขู่แบบเรามั้ย? ว่าหลงแน่นอน ยังไงก็หลง แต่จะบอกว่า เราภูมิใจมากกก ที่ไม่หลงสักครั้ง และไม่ยากแบบที่คิดเลย แค่...
*** 1.รู้สถานีต้นทาง - ปลายทางที่จะไป
2.รู้ชื่อสายที่ใช้ เช่น G = Ginza line , H = hibiya line จะจำจากสีก็ได้
3.โหลดแอพไว้ช่วย โดยครั้งนี้เราโหลดไว้ 2 แอพ มันช่วยเราได้มาก เพราะแอพ tokyosubway ช่วยให้เรารู้ว่าทางออกไหน ไปเจออะไรบ้าง แอพนี้จะบอกวิธีเดินทางทั้งหมดที่ใช้เฉพาะ subway กับอีกแอพที่ใช้คู่กันคือ Japan Travel แอพนี้ทำให้เรารู้ว่า จากสถานีต้นทาง ไปยังปลายทางเราต้องใช้ชานชาลาอะไร ****
จากตัวอย่างเราใช้แอพ Japan Travel ทำให้รู้ว่าตอนนี้เราอยู่ G16 กำลังไป G17 เราต้องไปที่ Platform 2
พอถึงสถานี เราก็ลากกระเป๋าขึ้นมาแล้วเดินต่อตาม GPS ไปอีกแปปเดียว ค่ะ ก็เจอโรงแรมของเราแล้ววว
ห้องพักที่ญี่ปุ่นค่อนข้างเล็ก และนี่คือบรรยากาศในห้อง สองคนเดินสวนกันแบบเบียดๆ แต่เน้นเที่ยวเลยไม่ซีเรียสเท่าไหร่
แต่อุปกรณ์ในห้องน้ำ ครบครัน มีอ่างเล็กๆไว้แช่ตัวตอนอาบน้ำ สนนราคา 4 คืน ราคา 12,900 บาท พัก 2 คน
ที่นี่สามารถเข้าห้องพักได้บ่ายสาม เราเลยเลือกฝากกระเป๋าไว้ที่พัก ล้างหน้า แปรงฟันที่ Lobby เสร็จก็ออกเดินทางมาที่วัด อาซากุสะ แน่นอนค่ะ เปิดแอพ Japan Travel จาก G17 ไป G19 ใช้ชานลาที่ 2 ลุย!!!
เพื่อไม่ให้ออกทางออกผิด เราเปิดแอพ Tokyo subway ไปด้วยทำให้รู้ว่าต้องออกทางออก 1,3 เพื่อไปวัด Sensoji หรือวัดอาซากุสะ นั่นเอง
ถ้ากลัวหลงแนะนำให้เปิด google map แล้วเดินตามแต่ด้วยความที่เราหิว เลยเปลี่ยนใจมากินข้าวหน้าปลาไหลที่ Unatoto สาขา อาซากุสะก่อนจะเดินเข้าไปในวัด มีคนต่อคิวเยอะมาก แต่เราก็รอออ เพราะมีคนรีวิวถึงความอร่อย และหอมกลิ่นถ่านมาก ซึ่งไม่ผิดหวังจริงๆ มือนี้หมดไป 1,750 เยน หรือประมาณ 507 บาทเอง
กินเสร็จเราก็เดินอ้อมมาเข้าที่ด้านหน้าวัด เปิด GPS search ว่า Kaminarimon Gate เลยค่ะ ก็จะเจอกับโคมแดงที่บริเวณทางเข้า แค่ตรงจุดนี้ก็เจอคนไทยเยอะมากแล้วว
พอเดินผ่าน Kaminarimon gate เข้ามา ก็จะเจอกับ Nakamise shopping stree มีของกิน ของใช้ ให้ได้เลือกเยอะมาก แต่เราเพิ่งมาถึงเลยไม่ได้แวะช้อปอะไร อดเปรี้ยวไว้กินหวานค่ะ 555
เดินมาเรื่อยๆก็จะเจอกับประตูเข้าวัดชื่อ Hozomon Gate ซึ่งมีขนาดสูงกว่าประตู Kaminarimon gate ซะอีก
เดินผ่านเข้ามาก็จะเจอกับตัววัด Sensoji มีกระถางธูปตั้งเด่นอยู่บริเวณตรงกลาง
แน่นอนค่ะ ต้องเอามือปัดควันธูปเข้าหาตัวเอง เพื่อความเป็นสิริมงคล บางคนปัดควันใส่กระเป๋า เพื่อจะได้มีเงินมีทอง ตามความเชื่อ
ด้านซ้ายมือ จากยอดเจดีย์ เรายังสามารถมองเห็น Tokyo skytree ด้วยค่ะ
หลังจากเดินทำบุญ ถ่ายรูปกันตามอัธยาศรัย เราก็เปิด google map เดินอ้อมมาหลังวัดเพื่อไปชิม ไอศกรีมชาเขียว premium No.7 ชาเขียวเจลาโต้ ที่เข้มข้นที่สุด ที่ร้าน ซุซุกิเอ็น x นานายะ บอกเลยว่า อร่อยมากกกกกกกกกกกกก พูดแล้วก็อยากกินอีก คนรักชาเขียวไม่ควรพลาดเลยจริงๆ โคนที่กินไอศกรีม 2 ลูก ราคาประมาณ 680 เยน
เวลาประมาณ สี่โมงกว่าคือเริ่มมืดแล้วค่ะ หน้าหนาวที่นี่มืดไวจริงๆ ตอนเดินกลับอากาศเย็นมากกกก ยังเห็นต้นไม้เปลี่ยนสีอยู่บ้าง บางจุด แม้ไม่มาก แต่แค่นี้ก็ทำให้เราฟินกับ บรรยากาศและ สถานที่แล้ว ♥️
ก่อนจะกลับโรงแรม เราเลือกแวะไปถ่ายรูปกับ Tokyo skytree สักเล็กน้อย ไหนๆก็อยู่ใกล้แค่นี้ จากสถานีอาซากุสะ ที่เมื่อกี้เราลง G19 เปลี่ยนเป็นไปสาย A18 แทน ซึ่งอยู่ที่สถานีเดียวกัน แต่คนละสาย ถ้ากลัวหลงเหมือนเดิมค่ะ ดอกจัน *** จำสถานีต้นทาง-ปลายทาง / จำสายที่จะใช้ ตัว G ตัว A ตัว H *** เวลาเดินเข้าสถานี พยายามมองตัวอักษร ตัว G,A,H สายที่เราจะขึ้นเอาไว้ ตามเสาในสถานี จะมีลูกศรชี้ตลอดไม่ต้องกลัว ว่าสายนี้ต้องเดินไปทางไหน จากนั้นเปิด Japan Travel ช่วยเพื่อให้รู้ว่าเราขึ้นถูกชานชาลามั้ย
Tokyo skytree ตอนกลางคืน ก็สวยไม่แพ้ตอนกลางวันเลยค่ะ
พอใกล้จะสองทุ่มเราเลยกลับที่พัก ไปเก็บกระเป๋า ก่อนที่จะออกไปงาน Illumination ซึ่งช่วงนี้ที่โตเกียว มีงานแสดงไฟเยอะมากกก คืนแรกเราเลือกไปที่ Caretta Shiodome Winter Illumination 2018
เพื่อนๆเริ่มใช้ แอพในการเดินทางด้วย subway เป็นแล้วใช้มั้ยคะ เรา search จากแอพ Japan Travel จาก Inaricho (G17) ไป Shimbashi (G08) ใช้ชานชาลาที่ 1
มีการแสดงทุกๆ 20 นาที พอขึ้นมาจากสถานี search google map มาที่ Caretta Shiodome ได้เลยค่ะ ปีนี้เป็นธีมดิสนีย์ สวยงามมากก
[SR] เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง โตเกียว + ฟูจิ 5 วัน 4 คืน ครั้งแรก
ชั่วโมงนี้เรียกได้ว่า หันไปทางไหน ก็มีแต่คนไปญี่ปุ่น เพื่อนๆที่รู้จักมีแต่คนลงรูป เชคอินญี่ปุ่นกันเยอะมากกก
เลยเกิดคำถามขึ้นมาว่า ทำไมต้องญี่ปุ่น? วันนี้เราจะมาหาคำตอบไปพร้อมๆกันค่ะ
ปล.ทุกรูปที่ลง ไม่มีการแต่งสีเพิ่มเติมเป็นรูปสดๆ จากโกโปร, กล้อง OLYMPUS และ FUJI นะคะ
สวัสดีเพื่อนๆใน Pantip ที่รักการท่องเที่ยวและคิดจะเดินทางไปญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกเหมือนกับเรา นี่คือการไปญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในชีวิต
เมื่อช่วง 12-16 ธันวาคม 2018 เรียกว่าเพิ่งกลับมาเมื่อวาน ยังร้อนวิชา อยากรีวิวแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อนๆ ที่คิดเดินทางด้วยตัวเองครั้งแรกบ้าง เพราะก่อนที่จะเดินทาง เราก็หาข้อมูลจากในพันทิปเหมือนกัน ต้องขอบคุณทุกรีวิวจริงๆ มันทำให้เราได้นำมาปรับใช้ในการเดินทาง
สำหรับรีวิวก่อนหน้านี้มีที่ ซาปาเวียดนาม [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และที่วังเวียง ประเทศลาว [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ฝากเพื่อนๆ ติดตาม เพจน้องใหม่ทาง facebook : https://www.facebook.com/กานต์เดินทาง-2077478755896630/ ด้วยนะคะ
สำหรับใครเคยไปแล้ว หรือไปมาหลายรอบ อาจข้ามกระทู้นี้ไปได้เลยนะคะ เพราะสำหรับเรา การไปครั้งแรก เป็นอะไรที่ตื่นเต้นมาก เพราะเป็นประเทศที่อยากไปมานานมากแล้ว ถ้าอยากรู้ว่าเป็นยังไง เดินทางไปด้วยกันเลยคร่าา
#วันที่ 1 : ดอนเมือง - นาริตะ - โรงแรม Hotel Mystays Ueno East - วัดอาซากุสะ - Tokyo Skytree - Caretta Shiodome Winter Illumination 2018
เริ่มต้นจากการเดินทาง เราใช้บริการของ Nokscoot บินตรงจาก ดอนเมือง - นาริตะ Flight XW102 เครื่องออกจากดอนเมือง ตี 2.45 ถึงนาริตะ 10.25 น. เราเลือกกินอาหารก่อนขึ้นเครื่อง เพื่อที่จะได้หลับยาวๆ ตรงนี้ขอดอกจันไว้เลยว่า
**** ไม่มี online check-in แนะนำให้มาถึงดอนเมืองสักสี่ทุ่ม แล้วรีบมาต่อแถว เพราะยาวววมากกก ถ้าไม่อยากต่อท้ายกรุ๊ปทัวร์ ตอนเราไป check in ถ้าจำไม่ผิดคือเค้าเตอร์ 3 นะคะ ได้ต่อคิวเป็นคนแรกๆ เลยได้ขอนั่งริมหน้าต่างฝั่งซ้าย แถว A เพื่อลุ้นเห็นฟูจิก่อนถึงสนามบิน ถ้ามาช้า คิดว่าที่นั่งริมหน้าต่างน่าจะเต็ม ส่วนขากลับจากนาริตะ เราก็ไปถึงเป็นคนที่ 2 ได้ขอนั่งริมหน้าต่างฝั่งขวา แถว K เพื่อชมฟูจิอีกครั้งค่ะ *******
และนี่คือภาพฟูจิซัง ตอนขากลับจากนาริตะ คุ้มค่าการมาสนามบินคนแรกๆจริงๆ
ลืมบอกว่า ก่อนมาญี่ปุ่น เราได้ไปเดินงาน เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตนเองที่พารากอน เราซื้อตั๋วรถไฟ Keisei skyliner + subway 72 hrs. + 24 hrs. ราคา 3,780 บาท/ 2 คน และเช่า pocket wifi ของซามูไร 5 วัน ราคา 500 บาท พอมาถึงสนามบิน ตรวจคนเข้าเมือง รับกระเป๋าเรียบร้อยเราก็มองไปทางซ้ายมือ เดินตามป้ายคำว่า Train ลงไปชั้นล่าง จนเจอป้ายสีน้ำเงินเขียนว่า SKYLINER & KEISEI INFORMATION CENTER
จากนั้นยื่นใบที่เราซื้อผ่าน H.I.S. ที่ไทย เจ้าหน้าที่จะให้ตั๋ว keisei และตั๋ว subway สีเขียวอ่อนแบบ 72 hrs. ตั๋วสีแดงแบบ 24 hrs.
ครั้งแรกที่เห็นตั๋ว งงมาก ว่าใช้ยังไง จริงๆเราแค่สอดบัตรผ่านเครื่อง แล้วอย่าลืมหยิบบัตรคืนด้วยนะคะ เดินเข้าประตูไป มองที่บัตรจะขึ้นเวลา อย่างในตั๋วที่ซื้อ ได้รอบ 12.02 น.ออกจาก นาริตะ ไปถึงสถานี อูเอโนะ (Ueno) ตอน 12.43 น. รถ Skyliner ของ Keisei จะเป็นแบบระบุที่นั่ง ให้เราสังเกตจากวงกลมสีแดง 2 จุดที่ต้องรู้คือ car กับ seat คำว่า car เหมือนเป็น โบกี้ให้เรารู้ว่าเราขึ้นรถโบกี้ที่สาม (มีทั้งหมด 8car) ที่นั่ง 9B
เดินอ่านไปเรื่อยๆ จะเจอ car boarding point ที่ตรงตามตั๋วของเรา แบบนี้ ตั๋วคือ car3 ตรงกับเลขที่ชานชาลา แปลว่าเรามารอถูกแน่นอนนนน นั่งไปสักพักก็ถึงสถานี Ueno เราลงจาก Skyliner แล้วเริ่มใช้ subway แบบ 72 hrs. ตั๋วสีเขียวอ่อน ตอน บ่ายโมงของวันที่ 12 ธันวา เพื่อไปยังที่พักของเราชื่อ Hotel Mystays Ueno East อยู่สถานี Inaricho
ขอดอกจัน ถึงเทคนิคการใช้ Subway ซึ่งหากใครไปครั้งแรกคงกังวลแน่นอน เคยมีคนขู่แบบเรามั้ย? ว่าหลงแน่นอน ยังไงก็หลง แต่จะบอกว่า เราภูมิใจมากกก ที่ไม่หลงสักครั้ง และไม่ยากแบบที่คิดเลย แค่...
*** 1.รู้สถานีต้นทาง - ปลายทางที่จะไป
2.รู้ชื่อสายที่ใช้ เช่น G = Ginza line , H = hibiya line จะจำจากสีก็ได้
3.โหลดแอพไว้ช่วย โดยครั้งนี้เราโหลดไว้ 2 แอพ มันช่วยเราได้มาก เพราะแอพ tokyosubway ช่วยให้เรารู้ว่าทางออกไหน ไปเจออะไรบ้าง แอพนี้จะบอกวิธีเดินทางทั้งหมดที่ใช้เฉพาะ subway กับอีกแอพที่ใช้คู่กันคือ Japan Travel แอพนี้ทำให้เรารู้ว่า จากสถานีต้นทาง ไปยังปลายทางเราต้องใช้ชานชาลาอะไร ****
จากตัวอย่างเราใช้แอพ Japan Travel ทำให้รู้ว่าตอนนี้เราอยู่ G16 กำลังไป G17 เราต้องไปที่ Platform 2
พอถึงสถานี เราก็ลากกระเป๋าขึ้นมาแล้วเดินต่อตาม GPS ไปอีกแปปเดียว ค่ะ ก็เจอโรงแรมของเราแล้ววว
ห้องพักที่ญี่ปุ่นค่อนข้างเล็ก และนี่คือบรรยากาศในห้อง สองคนเดินสวนกันแบบเบียดๆ แต่เน้นเที่ยวเลยไม่ซีเรียสเท่าไหร่
แต่อุปกรณ์ในห้องน้ำ ครบครัน มีอ่างเล็กๆไว้แช่ตัวตอนอาบน้ำ สนนราคา 4 คืน ราคา 12,900 บาท พัก 2 คน
ที่นี่สามารถเข้าห้องพักได้บ่ายสาม เราเลยเลือกฝากกระเป๋าไว้ที่พัก ล้างหน้า แปรงฟันที่ Lobby เสร็จก็ออกเดินทางมาที่วัด อาซากุสะ แน่นอนค่ะ เปิดแอพ Japan Travel จาก G17 ไป G19 ใช้ชานลาที่ 2 ลุย!!!
เพื่อไม่ให้ออกทางออกผิด เราเปิดแอพ Tokyo subway ไปด้วยทำให้รู้ว่าต้องออกทางออก 1,3 เพื่อไปวัด Sensoji หรือวัดอาซากุสะ นั่นเอง
ถ้ากลัวหลงแนะนำให้เปิด google map แล้วเดินตามแต่ด้วยความที่เราหิว เลยเปลี่ยนใจมากินข้าวหน้าปลาไหลที่ Unatoto สาขา อาซากุสะก่อนจะเดินเข้าไปในวัด มีคนต่อคิวเยอะมาก แต่เราก็รอออ เพราะมีคนรีวิวถึงความอร่อย และหอมกลิ่นถ่านมาก ซึ่งไม่ผิดหวังจริงๆ มือนี้หมดไป 1,750 เยน หรือประมาณ 507 บาทเอง
กินเสร็จเราก็เดินอ้อมมาเข้าที่ด้านหน้าวัด เปิด GPS search ว่า Kaminarimon Gate เลยค่ะ ก็จะเจอกับโคมแดงที่บริเวณทางเข้า แค่ตรงจุดนี้ก็เจอคนไทยเยอะมากแล้วว
พอเดินผ่าน Kaminarimon gate เข้ามา ก็จะเจอกับ Nakamise shopping stree มีของกิน ของใช้ ให้ได้เลือกเยอะมาก แต่เราเพิ่งมาถึงเลยไม่ได้แวะช้อปอะไร อดเปรี้ยวไว้กินหวานค่ะ 555เดินมาเรื่อยๆก็จะเจอกับประตูเข้าวัดชื่อ Hozomon Gate ซึ่งมีขนาดสูงกว่าประตู Kaminarimon gate ซะอีกเดินผ่านเข้ามาก็จะเจอกับตัววัด Sensoji มีกระถางธูปตั้งเด่นอยู่บริเวณตรงกลาง แน่นอนค่ะ ต้องเอามือปัดควันธูปเข้าหาตัวเอง เพื่อความเป็นสิริมงคล บางคนปัดควันใส่กระเป๋า เพื่อจะได้มีเงินมีทอง ตามความเชื่อด้านซ้ายมือ จากยอดเจดีย์ เรายังสามารถมองเห็น Tokyo skytree ด้วยค่ะหลังจากเดินทำบุญ ถ่ายรูปกันตามอัธยาศรัย เราก็เปิด google map เดินอ้อมมาหลังวัดเพื่อไปชิม ไอศกรีมชาเขียว premium No.7 ชาเขียวเจลาโต้ ที่เข้มข้นที่สุด ที่ร้าน ซุซุกิเอ็น x นานายะ บอกเลยว่า อร่อยมากกกกกกกกกกกกก พูดแล้วก็อยากกินอีก คนรักชาเขียวไม่ควรพลาดเลยจริงๆ โคนที่กินไอศกรีม 2 ลูก ราคาประมาณ 680 เยน
เวลาประมาณ สี่โมงกว่าคือเริ่มมืดแล้วค่ะ หน้าหนาวที่นี่มืดไวจริงๆ ตอนเดินกลับอากาศเย็นมากกกก ยังเห็นต้นไม้เปลี่ยนสีอยู่บ้าง บางจุด แม้ไม่มาก แต่แค่นี้ก็ทำให้เราฟินกับ บรรยากาศและ สถานที่แล้ว ♥️
ก่อนจะกลับโรงแรม เราเลือกแวะไปถ่ายรูปกับ Tokyo skytree สักเล็กน้อย ไหนๆก็อยู่ใกล้แค่นี้ จากสถานีอาซากุสะ ที่เมื่อกี้เราลง G19 เปลี่ยนเป็นไปสาย A18 แทน ซึ่งอยู่ที่สถานีเดียวกัน แต่คนละสาย ถ้ากลัวหลงเหมือนเดิมค่ะ ดอกจัน *** จำสถานีต้นทาง-ปลายทาง / จำสายที่จะใช้ ตัว G ตัว A ตัว H *** เวลาเดินเข้าสถานี พยายามมองตัวอักษร ตัว G,A,H สายที่เราจะขึ้นเอาไว้ ตามเสาในสถานี จะมีลูกศรชี้ตลอดไม่ต้องกลัว ว่าสายนี้ต้องเดินไปทางไหน จากนั้นเปิด Japan Travel ช่วยเพื่อให้รู้ว่าเราขึ้นถูกชานชาลามั้ย
Tokyo skytree ตอนกลางคืน ก็สวยไม่แพ้ตอนกลางวันเลยค่ะ
พอใกล้จะสองทุ่มเราเลยกลับที่พัก ไปเก็บกระเป๋า ก่อนที่จะออกไปงาน Illumination ซึ่งช่วงนี้ที่โตเกียว มีงานแสดงไฟเยอะมากกก คืนแรกเราเลือกไปที่ Caretta Shiodome Winter Illumination 2018
เพื่อนๆเริ่มใช้ แอพในการเดินทางด้วย subway เป็นแล้วใช้มั้ยคะ เรา search จากแอพ Japan Travel จาก Inaricho (G17) ไป Shimbashi (G08) ใช้ชานชาลาที่ 1
มีการแสดงทุกๆ 20 นาที พอขึ้นมาจากสถานี search google map มาที่ Caretta Shiodome ได้เลยค่ะ ปีนี้เป็นธีมดิสนีย์ สวยงามมากก
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้
ข้อมูลเพิ่มเติม
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น