https://youtu.be/ZURhbsoOu-E
อันนี้เอาคลิปตัดรวมๆมาลองดูน๊า
สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาวพันทิป ต้องบอกก่อนนะคะนี่เป็นการเขียนรีวิวครั้งแรก ปกติไม่ถนัดอะไรแบบนี้เลยค่ะ
แต่ทำยังไงได้ก็ทริปนี้ที่เราไปมันดีจริงๆค่ะ จนอดใจไม่ไหวที่จะมาแบ่งปัน เผื่อมีใครกำลังคิดจะไปที่นี่อยู่แล้ว
ดังนั้นรีวิวนี้อาจจะเป็นตัวช่วยได้บ้าง ทริปนี้สบายๆนะคะ เดินทางกัน2คนคือจขกทกับคุณแฟน อยากไปไหนเราก็ไปกันเลย
อาจจะไม่ได้ไปตามสถานที่ยอดฮิตทั้งหมด แต่ก็พอมีบ้างค่ะ เราไปโตเกียว 5วัน และ ฟูจิ 2วัน
(ภาษาในการใช้หรือการเล่าเรื่องยังติดๆขัดๆ ยังไงก็ขออภัยมาล่วงหน้านะคะ
อีกอย่างรีวิวนี้รูปค่อนข้างเยอะหน่อยนะคะ อาจจะไม่ได้สวย แต่เรา2คนเป็นคนชอบถ่ายรูป ยังไงอย่าเพิ่งเบื่อน๊าาาาาา)
พร้อมแล้วไปกันเลย...
"เดินทางวันแรก" 240915
(ออกตัวก่อนว่าไม่ได้ค่าโฆษณาหรือโปรโมทนะคะ)
เดินทางออกจากสนามบินดอนเมืองและเนื่องจากเป็นไฟล์ทที่ดึกมาก ดังนั้นเราจึง... นอนสิคะ จะมีอะไรเหมาะไปกว่าการนอน
นอนและนอน ลืมตาตื่นอีกทีก็ถึงสนามบินนาริตะละ เฮ้!!
ไม่รอช้าค่ะ ตรงดิ่งลงไปชั้น B1F ของสนามบิน เพื่อไปยังที่ขายตั๋ว Skyliner เราซื้อเป็นแบบ Round Trip พร้อม Subway
(คือบอกก่อนนะคะทริปนี้เราเดินทางโดยใช้ subway หรือ รถไฟใต้ดินล้วนๆ จะมีบางที่ ที่เราใช้บริการ รถทัวร์บ้าง JR บ้าง)
เราซื้อแบบที่รวมตั๋วSubway 3วันค่ะ ราคาที่เราไปตอนนั้นอยู่ที่คนละ 5,400เยน Skyliner จอดให้ลงแค่2สถานีเท่านั้นนะคะ
คือที่ Nippori ใช้เวลาประมาน 36 นาที และ Ueno 41นาที ของเราไปลงที่ สถานี Ueno และนั่งsubwayไปลงที่สถานีshinjuku
และต่อไปยังที่พักค่ะ (อย่างที่ทุกคนรู้กัน รถไฟบ้านเมืองเค้า นี่อำนวยความสะดวกจริงๆ มีไปโผล่ทุกที่)
(ตั๋ว skyliner)
(บัตร subway แบบ 3วัน)
- อันนี้เป็นlinkสำหรับเข้าไปดูข้อมูล Skyliner เพิ่มเติมน๊าาา
http://www.keisei.co.jp/keisei/tetudou/skyliner/us/
(ระหว่างรอ skyliner )
(ข้างใน skyliner มัวแต่รีบไม่ได้ถ่ายตัวรถ )
นั่งมองวิวข้างทางซักพักก็ถึงสถานี Ueno
(จขกทเอง คุณแฟนถ่าย)
ลงจาก skyliner ปุ๊บก็เดินหารถที่จะไป shinjuku กันต่อ นั่งอีกนิดก็ถึงสถานี shinjuku ทีแรกเรากะจะฝากกระเป๋าเดินทาง
ไว้ที่ล็อคเกอร์สถานี แต่..เนื่องจากล็อคเกอร์ฝากกระเป๋า(ขนาดใหญ่) ตามสถานีค่อนข้างมีน้อยและส่วนมากเต็มหมดค่ะ
เราเลยจำเป็นต้องนั่งรถไฟต่อไปยังที่พักเพื่อเก็บสัมภาระ อาจจะเสียเวลานิดหน่อยแต่เพื่อความสะดวกไม่เกะกะต้องยอมค่ะ
หลังจากเอาสัมภาระไปฝากที่เคาท์เตอร์ที่โรงแรมเรียบร้อย(ที่ต้องฝากเนื่องจากยังไม่ถึงเวลาเช็คอินค่ะ)
(คุณแฟน)
ถึงเวลาตามล่าหาของอร่อยลงท้องละค่ะ หิวมากกกก ตั้งแต่มาถึงดินแดนปลาดิบยังไม่มีอะไรตกถึงกระเพาะของเราทั้งคู่เลย
ดังนั้นเราจึงช่วยกันคิดระหว่างนั่งรถไฟไปสถานี shinjuku และเราก็ได้ร้านนึงมาเราคิดกันไว้แล้วว่าเป็นร้านที่ยังไงมาก็ต้องไปกินค่ะ
นั่นคือ คือ คือออออ ...
" Ippudo " (สาขาที่เราเลือกไปคือ Ebisu)
การเดินทางมาที่ร้านง่ายมากค่ะ เราใช้แอพฯ ชื่อว่าเจ้า google map นำทาง แอพฯนี้เป็นตัวช่วยที่ดีงามมากแบบที่
ถ้าเรารู้ชื่อร้านหรือสถานที่ พอพิมลงไปยังไง๊ยังไงก็ไม่มีทางหลงแน่ๆค่ะ เดินๆตามเจ้าmapมาเรื่อยๆและแล้วเราก็มาถึงละค่ะ
มองไปคนต่อคิวยืนรอกันเยอะพอสมควร เนื่องจากเวลาเราไปถึงเป็นช่วงประมานเที่ยงครึ่ง แน่นอนคนต้องเยอะแต่ทำไงได้
มาถึงแล้วก็ต้องรอค่ะ (+.+ ) ท้องร้องโครกกกกกครากกกกกก กลิ่นมันยั่วยวนมากๆๆๆ
(ดูคิวสิคะ ฮืออออออ เก็บภาพหน้าร้านมาฝาก)
ซักพักก็ถึงคิวเราค่ะ เราสองคนรีบปรี่เข้าไปทันที เปิดเมนูปุ๊บสั่งปั๊บ(ระหว่างยืนรอคิวหน้าร้านเราคิดกันไว้เรียบร้อยค่ะ)
อ้อที่นี่มีเมนูภาษาอังกฤษนะคะ บอกพนักงานได้เลย
(ในร้าน มีทั้งหน้าบาร์ และเป็นโต๊ะ)
(เมนูชามสีแดง AKAMARU)
(เกี๊ยวซ่า GYOZA เราสั่งเป็นเซทเล็กนะคะ)
= ค่ากินมื้อนี้หมดไป 2,260เยน มีราเมน2ที่ และเกี๊ยวซ่า 1ค่ะ (ในรูปมีราเมนแค่เมนูเดียวอีกอันคล้ายกันค่ะเลยไม่ได้ถ่ายค่ะ - -")
- Link ทางไปร้าน Ippudo สาขา Ebisu (Google map)
https://www.google.co.th/maps/dir/35.6544819,139.7114766/%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99+Ippudo+ebisu/@35.6487629,139.6431553,12z/data=!4m8!4m7!1m0!1m5!1m1!1s0x60188b6af610945f:0x4a87b62c94c55dfc!2m2!1d139.713196!2d35.6486437
+++++ ต่อจากเมื่อวานกันเลยนะคะไม่รีรอ
+++++
อิ่มคาวกันแล้วก็ต้องต่อด้วยของหวาน จะอะไรล่ะคะมาถึงญี่ปุ่นก็ต้องโดน Soft cream ร้านที่เราเจอเป็นทาง
ที่เราเดินกลับไป Subway เลยจำพิกัดไม่ได้ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ หาทานได้ง่ายมากต้องบอกว่าเดินไปทางไหน
ก็เจอค่ะ เราจิ้มๆเอา เพราะเมนูเป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งหมด รวมถึงคนขายก็พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลยค่ะ
= ราคาถ้วยนี้ 320 เยน
(ร้านขนมระหว่างทาง)
หลังจากนั้นเราก็นั่งSubway กลับมา Shinjuku เดินเล่นแถวย่านนั้นซักพักเริ่มมืดละ
(คุณแฟนถ่ายย่าน shinjuku)
เดินเล่นไปเรื่อยๆ อยากกินขนมกันอีกแล้วไปเจอร้านนึงเห็นน่าร้านน่าเข้า ไม่มีใครรีวิว เราอยากลองกันเองค่ะ
= ราคาขนมมื้อนี้ก็ 1,650เยน
กินเสร็จเรานั่งsubwayกลับมาที่ Shinjuku อีกครั้ง เรากำลังหาที่ซื้อบัตร Subway แบบ3วันค่ะ เลยแวะถามนายสถานี
จับใจความได้ว่าให้ไปที่ห้าง Bigcamera ใจความได้แค่นั้นจริงๆค่ะ ที่เหลือเดาล้วนๆ ประเด็นคือห้างไม่ใช่เล็กๆ
ที่ไหนคะที่ไหน ชั้นอะไร ร้านไหน จะถามใครได้ คิดกันซักพักก็เดินถึงห้าง เข้าไปในห้างพยายามมองหาป้ายที่จะบอก
ได้ว่าขายอยู่จุดไหน แล้วก็หันไปเจอเคาท์เตอร์จ่ายตัง เหลือบไปเห็นป้ายขายบัตรนู่นนี่ติดเต็มไปหมด คิดว่าน่าจะมี
เลยลองถามพนักงานดูค่ะ สรุปว่ามีจริงๆด้วย โอ้โหฟลุคมากกกกกค่ะ
(พนักงานขอดู Passport ด้วยนะคะเพื่อความแน่ใจว่าเราเป็นนักท่องเที่ยวจริงๆ
เพราะบัตรนี้ใช้ได้แค่นักท่องเที่ยวคนญี่ปุ่นไม่สามารถซื้อใช้ได้ค่ะ)
และแล้วเราก็ได้มาราคา Subway แบบ3วันอยู่ที่ 1,500เยน คำนวณดูแล้ว บวกความสะดวกไม่ต้องเสียเวลาแลก
และยืนเพ่งมองแผนผังรถไฟ ราคานี้เราถือว่าโอเคนะคะ
** หลายคนอาจจะงงๆ จะซื้อบัตร Subway เพิ่มทำไมอีกก็มีที่ซื้อมาพร้อมบัตร Skyliner แล้ว คือเราอยู่ทั้งหมด7 วันค่ะ
และบัตร Subway มีมากสุดก็แค่ 3วัน เราเลยต้องหาซื้อเพิ่มอีกใบ บัตรนี้ไม่มีขายที่สนามบินนะคะ**
หลังจากได้บัตรมาเราก็เดินลงสถานี Shinjuku เพื่อกลับที่พัก ระหว่างนั้นเจอชีสเค้ก (Plabo) เลยอดไม่ได้ที่จะแวะซื้อกลับ
ไปกินที่ห้องพัก (นี่อิ่มล้นจะถึงคอละนะ แต่อยากกิน จัดไปสิรออะไร)
= 850 เยน
นึกว่าทริปตระเวนกินของวันแรกจะหมดลงแล้วใช่ไหมคะ คิดผิดค่ะ เรามาถึงญี่ปุ่นทั้งทีต้องกินให้แหลกค่ะ
พุงที่เพิ่มมาอย่าเพิ่งไปนึกถึงมันค่ะ ไว้กลับบ้านเกิดแล้วค่อยกลุ้มอีกที นั่ง Subway มาถึงที่พัก
ระหว่างทางเดินกลับมีอยู่ร้านนึง(ชื่อร้าน Yoshinoya ร้านนี้มีอยู่หลายสาขานะคะ)
เราสองคนเล็งไว้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เดินผ่านละ ก็กลิ่นมันหอมยั่วยวนเกินจะอดใจไหวจริงๆค่ะ ไม่เสียเวลาเดินดุ่มๆ
เข้าไปเลยนั่งปุ๊บนิ้วจิ้มๆ เอาหน้าตาที่คิดว่าอยากกินที่สุดเนอะ (แบบว่าแปลไม่ออก) ได้มาคนละเมนู
(ของคุณแฟนเป็นข้าวหน้าเนื้อ)
(ส่วนของเราเป็นเซ็ตข้าว+หมู)
รสชาติถือว่าดีทีเดียวค่ะ กินอิ่มคิดตังออกมา โอ้โหหหหเราถึงกับร้องเสียงหลง ถูกมากกกกกกกก
นี่ต้องลากเสียงยาวให้รู้ว่าถูกจริงๆกับรสชาติ ปริมาณ อิ่มอร่อยมื้อสุดท้ายของวันแรก
= ข้าว2 ชุดนี้ ราคา 1,100 เยน
ทิ้งท้ายคืนแรกด้วย 2 กระป๋องนี้
สำหรับวันแรกในโตเกียวก็หมดลงแล้ว
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
"เดินทางวันที่สอง" 250915
KAWAGUSHIKO LAKE
วันนี้เราจะไปนอนค้างที่ภูเขาฟูจิ (Kawagushiko) เราออกเดินทางแต่เช้าเลยค่ะการไปฟูจิไปได้ทั้งรถบัสและรถไฟนะคะ
เราเลือกไปโดยรถบัสค่ะ ใช้เวลาไม่นาน ง่าย และที่สำคัญคือถูกมากค่ะ อากาศวันที่เราเดินทางฝนตกแต่เช้าเลยค่ะ
ฟ้าหม่นมากๆ แอบเศร้าแต่ก็ลุ้นค่ะ ทำอะไรไม่ได้นอกจากอ้อนวอนฟ้าฝนในใจ
(ไม่ต้องงงนะคะว่าทำไมไม่เลื่อนวันไปเนื่องจากเราจองที่พักไว้ที่นั่นแล้วจึงไม่สามารถเลื่อนได้)
เดินต่อไปนั่งรถไฟไปลงสถานีที่จะขึ้นรถบัสค่ะ
(นั่งรอรถบัส)
- อันนี้เป็นวิธีการจองและวิธีการเดินทางไปขึ้นรถบัสค่ะ ง่ายมากๆ ต้องขอบคุนเจ้าของที่โพสด้วยนะคะ
http://www.mu-ku-ra.com/2015/01/highway-bus-shinjuku-kawaguchiko.html
(ตั๋วรถบัส)
ฝนยังคงลงเม็ดตลอดเลย ฟ้าเทามากกกกก หลับๆตื่นๆ ใช้เวลาน่าจะซัก 2ชม. ก็ถึงค่ะ ฝนตกตลอดเลย
อากาศก็เย็นตามไปด้วย เลยไม่ได้เก็บภาพตรงสถานีของคาวามาให้ดูกันเลย ตรงนี้จะเป็นจุดจำหน่ายตั๋วรถ Retro bus
ของที่นี่ด้วยนะคะ เราซื้อตั๋วRed line แบบ 2 วัน ขึ้นลงได้ไม่จำกัดได้ค่ะ
Retro bus จะมีวิ่งสองสาย คือ
- Red line เส้นทางบริเวณ Kawaguchiko
- Green line เส้นทางผ่าน Saiko, Kawaguchiko
link สำหรับ ดูรายละเอียด Retro bus (ญี่ปุ่น)
http://bus-en.fujikyu.co.jp/heritage-tour/detail/id/1/
link สำหรับ ดูรายละเอียด Retro bus (ไทย)
http://bus-th.fujikyu.co.jp/
ลองเข้าไปเช็คดูรอบ รายละเอียด กันดูนะคะ
หลังจากซื้อตั๋วเสร็จ เราก็หาอะไรกิน มองตรงไปเจออยู่ร้านนึง อยู่ตรงข้ามหน้าสถานีเลยค่ะ
ร้านอยู่ชั้น 2 ด้านล่างเป็นร้านขายของ (จขกท จำชื่อร้านไม่ได้ต้องขอโทษด้วยน๊าาาา)
= ราคาอยู่ที่ 1,670 เยน
หลังจากอิ่มท้องกันแล้ว เราก็นั่งบัสไปที่พักเช็คอิน เก็บกระเป๋า เสร็จจากนั้นเราก็นั่งบัสไปลง
สถานีสุดท้ายเลย ไม่ได้แวะป้ายๆอื่นๆเลยค่ะ ฝนตกตลอดเวลา
>>>>> ตามไปอ่านต่อในคอมเม้นต์ด้านล่างเลยน๊าาาาา <<<<<
[CR] [CR]ครั้งแรกกับ Tokyo & Kawaguchiko
อันนี้เอาคลิปตัดรวมๆมาลองดูน๊า
สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาวพันทิป ต้องบอกก่อนนะคะนี่เป็นการเขียนรีวิวครั้งแรก ปกติไม่ถนัดอะไรแบบนี้เลยค่ะ
แต่ทำยังไงได้ก็ทริปนี้ที่เราไปมันดีจริงๆค่ะ จนอดใจไม่ไหวที่จะมาแบ่งปัน เผื่อมีใครกำลังคิดจะไปที่นี่อยู่แล้ว
ดังนั้นรีวิวนี้อาจจะเป็นตัวช่วยได้บ้าง ทริปนี้สบายๆนะคะ เดินทางกัน2คนคือจขกทกับคุณแฟน อยากไปไหนเราก็ไปกันเลย
อาจจะไม่ได้ไปตามสถานที่ยอดฮิตทั้งหมด แต่ก็พอมีบ้างค่ะ เราไปโตเกียว 5วัน และ ฟูจิ 2วัน
(ภาษาในการใช้หรือการเล่าเรื่องยังติดๆขัดๆ ยังไงก็ขออภัยมาล่วงหน้านะคะ
อีกอย่างรีวิวนี้รูปค่อนข้างเยอะหน่อยนะคะ อาจจะไม่ได้สวย แต่เรา2คนเป็นคนชอบถ่ายรูป ยังไงอย่าเพิ่งเบื่อน๊าาาาาา)
พร้อมแล้วไปกันเลย...
"เดินทางวันแรก" 240915
(ออกตัวก่อนว่าไม่ได้ค่าโฆษณาหรือโปรโมทนะคะ)
เดินทางออกจากสนามบินดอนเมืองและเนื่องจากเป็นไฟล์ทที่ดึกมาก ดังนั้นเราจึง... นอนสิคะ จะมีอะไรเหมาะไปกว่าการนอน
นอนและนอน ลืมตาตื่นอีกทีก็ถึงสนามบินนาริตะละ เฮ้!!
ไม่รอช้าค่ะ ตรงดิ่งลงไปชั้น B1F ของสนามบิน เพื่อไปยังที่ขายตั๋ว Skyliner เราซื้อเป็นแบบ Round Trip พร้อม Subway
(คือบอกก่อนนะคะทริปนี้เราเดินทางโดยใช้ subway หรือ รถไฟใต้ดินล้วนๆ จะมีบางที่ ที่เราใช้บริการ รถทัวร์บ้าง JR บ้าง)
เราซื้อแบบที่รวมตั๋วSubway 3วันค่ะ ราคาที่เราไปตอนนั้นอยู่ที่คนละ 5,400เยน Skyliner จอดให้ลงแค่2สถานีเท่านั้นนะคะ
คือที่ Nippori ใช้เวลาประมาน 36 นาที และ Ueno 41นาที ของเราไปลงที่ สถานี Ueno และนั่งsubwayไปลงที่สถานีshinjuku
และต่อไปยังที่พักค่ะ (อย่างที่ทุกคนรู้กัน รถไฟบ้านเมืองเค้า นี่อำนวยความสะดวกจริงๆ มีไปโผล่ทุกที่)
(ตั๋ว skyliner)
(บัตร subway แบบ 3วัน)
- อันนี้เป็นlinkสำหรับเข้าไปดูข้อมูล Skyliner เพิ่มเติมน๊าาา http://www.keisei.co.jp/keisei/tetudou/skyliner/us/
(ระหว่างรอ skyliner )
(ข้างใน skyliner มัวแต่รีบไม่ได้ถ่ายตัวรถ )
นั่งมองวิวข้างทางซักพักก็ถึงสถานี Ueno
(จขกทเอง คุณแฟนถ่าย)
ลงจาก skyliner ปุ๊บก็เดินหารถที่จะไป shinjuku กันต่อ นั่งอีกนิดก็ถึงสถานี shinjuku ทีแรกเรากะจะฝากกระเป๋าเดินทาง
ไว้ที่ล็อคเกอร์สถานี แต่..เนื่องจากล็อคเกอร์ฝากกระเป๋า(ขนาดใหญ่) ตามสถานีค่อนข้างมีน้อยและส่วนมากเต็มหมดค่ะ
เราเลยจำเป็นต้องนั่งรถไฟต่อไปยังที่พักเพื่อเก็บสัมภาระ อาจจะเสียเวลานิดหน่อยแต่เพื่อความสะดวกไม่เกะกะต้องยอมค่ะ
หลังจากเอาสัมภาระไปฝากที่เคาท์เตอร์ที่โรงแรมเรียบร้อย(ที่ต้องฝากเนื่องจากยังไม่ถึงเวลาเช็คอินค่ะ)
(คุณแฟน)
ถึงเวลาตามล่าหาของอร่อยลงท้องละค่ะ หิวมากกกก ตั้งแต่มาถึงดินแดนปลาดิบยังไม่มีอะไรตกถึงกระเพาะของเราทั้งคู่เลย
ดังนั้นเราจึงช่วยกันคิดระหว่างนั่งรถไฟไปสถานี shinjuku และเราก็ได้ร้านนึงมาเราคิดกันไว้แล้วว่าเป็นร้านที่ยังไงมาก็ต้องไปกินค่ะ
นั่นคือ คือ คือออออ ...
" Ippudo " (สาขาที่เราเลือกไปคือ Ebisu)
การเดินทางมาที่ร้านง่ายมากค่ะ เราใช้แอพฯ ชื่อว่าเจ้า google map นำทาง แอพฯนี้เป็นตัวช่วยที่ดีงามมากแบบที่
ถ้าเรารู้ชื่อร้านหรือสถานที่ พอพิมลงไปยังไง๊ยังไงก็ไม่มีทางหลงแน่ๆค่ะ เดินๆตามเจ้าmapมาเรื่อยๆและแล้วเราก็มาถึงละค่ะ
มองไปคนต่อคิวยืนรอกันเยอะพอสมควร เนื่องจากเวลาเราไปถึงเป็นช่วงประมานเที่ยงครึ่ง แน่นอนคนต้องเยอะแต่ทำไงได้
มาถึงแล้วก็ต้องรอค่ะ (+.+ ) ท้องร้องโครกกกกกครากกกกกก กลิ่นมันยั่วยวนมากๆๆๆ
(ดูคิวสิคะ ฮืออออออ เก็บภาพหน้าร้านมาฝาก)
ซักพักก็ถึงคิวเราค่ะ เราสองคนรีบปรี่เข้าไปทันที เปิดเมนูปุ๊บสั่งปั๊บ(ระหว่างยืนรอคิวหน้าร้านเราคิดกันไว้เรียบร้อยค่ะ)
อ้อที่นี่มีเมนูภาษาอังกฤษนะคะ บอกพนักงานได้เลย
(ในร้าน มีทั้งหน้าบาร์ และเป็นโต๊ะ)
(เมนูชามสีแดง AKAMARU)
(เกี๊ยวซ่า GYOZA เราสั่งเป็นเซทเล็กนะคะ)
= ค่ากินมื้อนี้หมดไป 2,260เยน มีราเมน2ที่ และเกี๊ยวซ่า 1ค่ะ (ในรูปมีราเมนแค่เมนูเดียวอีกอันคล้ายกันค่ะเลยไม่ได้ถ่ายค่ะ - -")
- Link ทางไปร้าน Ippudo สาขา Ebisu (Google map)
https://www.google.co.th/maps/dir/35.6544819,139.7114766/%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99+Ippudo+ebisu/@35.6487629,139.6431553,12z/data=!4m8!4m7!1m0!1m5!1m1!1s0x60188b6af610945f:0x4a87b62c94c55dfc!2m2!1d139.713196!2d35.6486437
+++++ ต่อจากเมื่อวานกันเลยนะคะไม่รีรอ +++++
อิ่มคาวกันแล้วก็ต้องต่อด้วยของหวาน จะอะไรล่ะคะมาถึงญี่ปุ่นก็ต้องโดน Soft cream ร้านที่เราเจอเป็นทาง
ที่เราเดินกลับไป Subway เลยจำพิกัดไม่ได้ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ หาทานได้ง่ายมากต้องบอกว่าเดินไปทางไหน
ก็เจอค่ะ เราจิ้มๆเอา เพราะเมนูเป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งหมด รวมถึงคนขายก็พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลยค่ะ
= ราคาถ้วยนี้ 320 เยน
(ร้านขนมระหว่างทาง)
หลังจากนั้นเราก็นั่งSubway กลับมา Shinjuku เดินเล่นแถวย่านนั้นซักพักเริ่มมืดละ
(คุณแฟนถ่ายย่าน shinjuku)
เดินเล่นไปเรื่อยๆ อยากกินขนมกันอีกแล้วไปเจอร้านนึงเห็นน่าร้านน่าเข้า ไม่มีใครรีวิว เราอยากลองกันเองค่ะ
= ราคาขนมมื้อนี้ก็ 1,650เยน
กินเสร็จเรานั่งsubwayกลับมาที่ Shinjuku อีกครั้ง เรากำลังหาที่ซื้อบัตร Subway แบบ3วันค่ะ เลยแวะถามนายสถานี
จับใจความได้ว่าให้ไปที่ห้าง Bigcamera ใจความได้แค่นั้นจริงๆค่ะ ที่เหลือเดาล้วนๆ ประเด็นคือห้างไม่ใช่เล็กๆ
ที่ไหนคะที่ไหน ชั้นอะไร ร้านไหน จะถามใครได้ คิดกันซักพักก็เดินถึงห้าง เข้าไปในห้างพยายามมองหาป้ายที่จะบอก
ได้ว่าขายอยู่จุดไหน แล้วก็หันไปเจอเคาท์เตอร์จ่ายตัง เหลือบไปเห็นป้ายขายบัตรนู่นนี่ติดเต็มไปหมด คิดว่าน่าจะมี
เลยลองถามพนักงานดูค่ะ สรุปว่ามีจริงๆด้วย โอ้โหฟลุคมากกกกกค่ะ
(พนักงานขอดู Passport ด้วยนะคะเพื่อความแน่ใจว่าเราเป็นนักท่องเที่ยวจริงๆ
เพราะบัตรนี้ใช้ได้แค่นักท่องเที่ยวคนญี่ปุ่นไม่สามารถซื้อใช้ได้ค่ะ)
และแล้วเราก็ได้มาราคา Subway แบบ3วันอยู่ที่ 1,500เยน คำนวณดูแล้ว บวกความสะดวกไม่ต้องเสียเวลาแลก
และยืนเพ่งมองแผนผังรถไฟ ราคานี้เราถือว่าโอเคนะคะ
** หลายคนอาจจะงงๆ จะซื้อบัตร Subway เพิ่มทำไมอีกก็มีที่ซื้อมาพร้อมบัตร Skyliner แล้ว คือเราอยู่ทั้งหมด7 วันค่ะ
และบัตร Subway มีมากสุดก็แค่ 3วัน เราเลยต้องหาซื้อเพิ่มอีกใบ บัตรนี้ไม่มีขายที่สนามบินนะคะ**
หลังจากได้บัตรมาเราก็เดินลงสถานี Shinjuku เพื่อกลับที่พัก ระหว่างนั้นเจอชีสเค้ก (Plabo) เลยอดไม่ได้ที่จะแวะซื้อกลับ
ไปกินที่ห้องพัก (นี่อิ่มล้นจะถึงคอละนะ แต่อยากกิน จัดไปสิรออะไร)
= 850 เยน
นึกว่าทริปตระเวนกินของวันแรกจะหมดลงแล้วใช่ไหมคะ คิดผิดค่ะ เรามาถึงญี่ปุ่นทั้งทีต้องกินให้แหลกค่ะ
พุงที่เพิ่มมาอย่าเพิ่งไปนึกถึงมันค่ะ ไว้กลับบ้านเกิดแล้วค่อยกลุ้มอีกที นั่ง Subway มาถึงที่พัก
ระหว่างทางเดินกลับมีอยู่ร้านนึง(ชื่อร้าน Yoshinoya ร้านนี้มีอยู่หลายสาขานะคะ)
เราสองคนเล็งไว้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เดินผ่านละ ก็กลิ่นมันหอมยั่วยวนเกินจะอดใจไหวจริงๆค่ะ ไม่เสียเวลาเดินดุ่มๆ
เข้าไปเลยนั่งปุ๊บนิ้วจิ้มๆ เอาหน้าตาที่คิดว่าอยากกินที่สุดเนอะ (แบบว่าแปลไม่ออก) ได้มาคนละเมนู
(ของคุณแฟนเป็นข้าวหน้าเนื้อ)
(ส่วนของเราเป็นเซ็ตข้าว+หมู)
รสชาติถือว่าดีทีเดียวค่ะ กินอิ่มคิดตังออกมา โอ้โหหหหเราถึงกับร้องเสียงหลง ถูกมากกกกกกกก
นี่ต้องลากเสียงยาวให้รู้ว่าถูกจริงๆกับรสชาติ ปริมาณ อิ่มอร่อยมื้อสุดท้ายของวันแรก
= ข้าว2 ชุดนี้ ราคา 1,100 เยน
ทิ้งท้ายคืนแรกด้วย 2 กระป๋องนี้
สำหรับวันแรกในโตเกียวก็หมดลงแล้ว
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
"เดินทางวันที่สอง" 250915
KAWAGUSHIKO LAKE
วันนี้เราจะไปนอนค้างที่ภูเขาฟูจิ (Kawagushiko) เราออกเดินทางแต่เช้าเลยค่ะการไปฟูจิไปได้ทั้งรถบัสและรถไฟนะคะ
เราเลือกไปโดยรถบัสค่ะ ใช้เวลาไม่นาน ง่าย และที่สำคัญคือถูกมากค่ะ อากาศวันที่เราเดินทางฝนตกแต่เช้าเลยค่ะ
ฟ้าหม่นมากๆ แอบเศร้าแต่ก็ลุ้นค่ะ ทำอะไรไม่ได้นอกจากอ้อนวอนฟ้าฝนในใจ
(ไม่ต้องงงนะคะว่าทำไมไม่เลื่อนวันไปเนื่องจากเราจองที่พักไว้ที่นั่นแล้วจึงไม่สามารถเลื่อนได้)
เดินต่อไปนั่งรถไฟไปลงสถานีที่จะขึ้นรถบัสค่ะ
(นั่งรอรถบัส)
- อันนี้เป็นวิธีการจองและวิธีการเดินทางไปขึ้นรถบัสค่ะ ง่ายมากๆ ต้องขอบคุนเจ้าของที่โพสด้วยนะคะ
http://www.mu-ku-ra.com/2015/01/highway-bus-shinjuku-kawaguchiko.html
(ตั๋วรถบัส)
ฝนยังคงลงเม็ดตลอดเลย ฟ้าเทามากกกกก หลับๆตื่นๆ ใช้เวลาน่าจะซัก 2ชม. ก็ถึงค่ะ ฝนตกตลอดเลย
อากาศก็เย็นตามไปด้วย เลยไม่ได้เก็บภาพตรงสถานีของคาวามาให้ดูกันเลย ตรงนี้จะเป็นจุดจำหน่ายตั๋วรถ Retro bus
ของที่นี่ด้วยนะคะ เราซื้อตั๋วRed line แบบ 2 วัน ขึ้นลงได้ไม่จำกัดได้ค่ะ
Retro bus จะมีวิ่งสองสาย คือ
- Red line เส้นทางบริเวณ Kawaguchiko
- Green line เส้นทางผ่าน Saiko, Kawaguchiko
link สำหรับ ดูรายละเอียด Retro bus (ญี่ปุ่น)
http://bus-en.fujikyu.co.jp/heritage-tour/detail/id/1/
link สำหรับ ดูรายละเอียด Retro bus (ไทย)
http://bus-th.fujikyu.co.jp/
ลองเข้าไปเช็คดูรอบ รายละเอียด กันดูนะคะ
หลังจากซื้อตั๋วเสร็จ เราก็หาอะไรกิน มองตรงไปเจออยู่ร้านนึง อยู่ตรงข้ามหน้าสถานีเลยค่ะ
ร้านอยู่ชั้น 2 ด้านล่างเป็นร้านขายของ (จขกท จำชื่อร้านไม่ได้ต้องขอโทษด้วยน๊าาาา)
= ราคาอยู่ที่ 1,670 เยน
หลังจากอิ่มท้องกันแล้ว เราก็นั่งบัสไปที่พักเช็คอิน เก็บกระเป๋า เสร็จจากนั้นเราก็นั่งบัสไปลง
สถานีสุดท้ายเลย ไม่ได้แวะป้ายๆอื่นๆเลยค่ะ ฝนตกตลอดเวลา
>>>>> ตามไปอ่านต่อในคอมเม้นต์ด้านล่างเลยน๊าาาาา <<<<<
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น