[CR] JAPAN Backpack 2018 : โตเกียวและเมืองโดยรอบ Part 1

ติดตามรีวิวอื่นๆได้ที่ FB page ที่ ว า ง ก ล้ อ ง
https://www.facebook.com/Teewangklong

Part 2 >>> https://ppantip.com/topic/37549029
Part 3 >>> https://ppantip.com/topic/37549287

เป็นเวลาเกือบ 4 เดือน สำหรับการวางแผนการเดินทางแบบ Backpack ครั้งแรกในชีวิต เราเลือกที่จะไปประเทศญี่ปุ่นเพราะชื่นชอบในวัฒนธรรมของผู้คนและบรรยากาศของบ้านเมือง เมืองที่เราจะไปผจญภัยกันเป็นเมืองหลักในครั้งนี้คือ Tokyo และเมืองโดยรอบที่ใช้เวลาเดินทางไม่นาน สามารถวางแพลนเที่ยวแบบ One-day trip ไปกลับได้ในหนึ่งวัน Hakone และ Nikko คือเมืองในแบบที่เราพูดถึง สำหรับครั้งนี้เป็นครั้งแรกของการเขียนรีวิวที่ยาวที่สุดตั้งแต่เคยทำมา หวังว่าจะมีประโยชน์แก่เพื่อนๆที่มีความใฝ่ฝันที่จะเดินทางท่องเที่ยวแบบ Backpack โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น และโดยเฉพาะ Tokyo ที่ใครๆก็สามารถเที่ยวเองได้ .. มีคำกล่าวว่า คนแต่ละคนจะมีญี่ปุ่นในแบบของตัวเอง .. และนี่คือญี่ปุ่นที่เราได้สัมผัสผ่านมุมมองของเรา


_________________________________

Snap on

Canon 6D

24–105 mm f4L

85mm f1.8

___________________________________

วางแผนการเดินทาง
การเดินทางที่ราบรื่นเริ่มต้นจากการวางแผนที่ดี ครั้งนี้ใช้ระยะเวลารวม 6 วัน 5 คืน เราศึกษาเส้นทางโดยเริ่มจากเลือกสถานที่ท่องเที่ยวในจุดที่เราสนใจจากหนังสือและอินเทอร์เน็ต แน่นอนว่าญี่ปุ่นมีจุดน่าสนใจเยอะมากๆจนเรียกได้ว่าจะให้ไปครบในครั้งเดียวคงไม่ไหว .. หลังจากการถกเถียงกันหลายวันจึงได้ข้อสรุปร่วมกัน เราวางแพลนแบบกว้างๆเป็นวันที่สามารถเที่ยวได้ทั้งวันรวม 4 วัน และวันเดินทางไปกลับอีกอย่างละ 1 วัน (6 วัน 5 คืน) .. งบประมาณรวมทั้งหมด 35,000 บาท

Day 1 : Tokyo (Shinjuku / Asakusa)

Day 2 : Hakone

Day 3 : Nikko

Day 4 : Tokyo (Nakameguro / Ueno / Harajuku)

การเดินทางไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นโดยทั่วไปจะคำนึงถึงฤดูกาลเป็นหลัก ครั้งนี้คือ 28 มีนาคม — 2 เมษายน 2561 ตรงกับฤดูใบไม้ผลิ และตรงกับช่วงที่ดอกซากุระกำลังบานพอดี แน่นอนว่าไฮไลท์หรือธีมของทริปนี้เราตั้งใจให้เป็น Full bloom Sakura จากสถิติในปีก่อนๆและพยากรณ์ของปีนี้ซึ่งจะอัพเดทเรื่อยๆยิ่งใกล้ช่วงเวลาที่คาดการณ์ยิ่งอัพเดทถี่ขึ้น (สามารถดูพยากรณ์ซากุระได้จาก www.japan-guide.com/sakura)


ถึงตรงนี้หลายคนคงมีคำถามว่าแล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าต้องจองตั๋วเครื่องบินตั้งแต่เมื่อไหร่? จองนานแค่ไหน? พยากรณ์ซากุระจะเปลี่ยนมั้ย?

เราจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้า 3 เดือน (ช่วงปีใหม่พอดี) เพราะดูจากพยากรณ์ของปีก่อนๆเทียบกับของปีนี้ซากุระจะบานในช่วง 20 มีนาคม — 10 เมษายน แล้วแต่สภาพอากาศ สำหรับ Tokyo หากสภาพอากาศในช่วงกลางเดือนมีนาคมยังมีหิมะซากุระจะบานช้า (เริ่มบานในช่วงหลังจากวันที่ 5 เมษายน) และหากไม่มีหิมะแล้วในช่วงกลางเดือนมีนาคมซากุระจะบานเร็ว (เริ่มบานตั้งแต่ประมาณ 20 เมษายน)

จองตั๋วเครื่องบิน
หลังจากวางแพลนคร่าวๆแล้ก็ถึงเวลาจองตั๋วเครื่องบิน แน่นอนเราเลือกสายการบินและ Flight ที่คิดว่าคุ้มค่าที่สุด (จากราคาและบริการของสายการบิน) จองผ่าน www.skyscanner.co.th ได้ราคาตั๋วเครื่องบินของการบินไทย ไป-กลับ รวม 18,155 บาท เที่ยวบิน TG676 และ TG643

จองที่พัก
เราหาที่พักจาก www.agoda.com โดยเลือกจากความสะดวกในการเดินทางและราคาเป็นหลัก ที่พักของเราคือ AH1 Bedroom Apartment in Ebisu NH1 เป็นลักษณะที่พักแบบ Apartment ที่คนญี่ปุ่นซื้อทิ้งไว้เพื่อเก็งกำไรจากการเช่าพักผ่าน Agoda ห่างจากรถไฟใต้ดิน Ebisu ประมาณ 500 เมตร และรถไฟใต้ดิน Shibuya 1.5 กิโลเมตร ราคา 1,363 บาท/คืน/คน พัก 3 คน

การเดินทางจากสนามบินนาริตะ
Narita Express (N’EX) เป็นรถไฟที่วิ่งรับส่งจากสนามบินนาริตะเข้าไปในโตเกียว

การเดินทางในโตเกียว
Tokyo Subway Ticket บัตรรถไฟใต้ดินแบบเหมาจ่ายมีทั้งแบบ 24 hr / 48 hr / 72 hr ในราคา 800 เยน / 1,200 เยน / 1,500 เยน ตามลำดับ (คิดเป็นเงินไทยในเรท 0.289 ประมาณ 230 บาท / 350 บาท / 430 บาท ตามลำดับ) สามารถหาซื้อได้ที่สนามบิน หรือที่ร้าน Bic camera ทุกสาขา .. ตั๋วนี้เป็นของนักท่องเที่ยวต่างชาติเท่านั้น คนญี่ปุ่นไม่สามารถซื้อได้ การซื้อต้องใช้ passport บางคนจึงเรียกกันว่าบัตรเบ่ง เดินติ๊ดบัตรผ่านได้แบบไม่จำกัดจำนวนครั้งและวงเงิน เรียกว่าเหมาะสำหรับคนที่วางแพลนเที่ยวฝยโตเกียวเป็นหลัก .. สำหรับทริปนี้เราซื้อแบบ 72 hr ในวันแรกและ 24 hr ในวันสุดท้าย ที่ Bic camera


รายละเอียด Tokyo Subway Ticket
https://www.tokyometro.jp/th/ticket/value/travel/index.html

การเดินทางใน Hakone
Hakone Free Pass บัตรสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาเที่ยว Hakone ทั้งแบบไปเช้าเย็นกลับจากโตเกียว หรือจะนอนพักที่นี่ก็ได้ ราคา 5,000 เยน (ประมาณ 1,450 บาท) สามารถใช้สำหรับการเดินทางโดยพาหนะแทบทุกชนิดใน Hakone ได้แก่ รถไฟจากโตเกียว, รถราง, รถบัส, เรือ และกระเช้า หาซื้อได้ที่ Odakyu sighseeing center (JR Shinjuku station) หรือที่ H.I.S ประเทศไทยทุกสาขา

รายละเอียด Hakone Free Pass
https://www.klook.com/th/activity/821-hakone-transport-day-pass-tokyo/?gclid=CjwKCAiAm7LSBRBBEiwAvL1-L9GSPbCzizvSC1yrqvYJ40Qny_tPFzTn1qKK6c2jmzF8gQkQbAsN6xoCL0sQAvD_BwE

การเดินทางใน Nikko
Edowonderland & Nikko city area pass บัตรสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาเที่ยว Edowonderland และในเมือง Nikko ราคา 6,610 เยน (ประมาณ 1,900 บาท) หาซื้อได้ที่ Information center ชั้น1 JR Asakusa station

รายละเอียด Edowonderland & Nikko city area pass
http://www.tobu.co.jp/foreign/th/pass/kinugawa.html

— — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — —

Day 0
จากสนามบินสุวรรณภูมิเดินทางโดยการบินไทย TG676 เวลา 8.35น. ถึงสนามบินนาริตะตามเวลาท้องถิ่น 15.45น.


จากนั้นซื้อตั๋วรถไฟ Narita Express ที่เคาน์เตอร์ชั้นใต้ดินเพื่อเดินทางเข้าไปยัง JR Shibuya station ใช้เวลาเดินทาง 1 ชม. 40 นาทีจากนั้นเดินเท้าต่ออีก 1.5 กิโลเมตรไปยังที่พักใน Ebisu บอกเลยว่าเดินกันกระเป๋าแทบพังเป็นความมึนของเราเองจริงๆมันลงสถานี JR Ebisu ได้ละเดิน 500 เมตร แต่ดันไม่สติ


หลังจากเข็นกระเป๋าอย่างเหน็ดเหนื่อยเราก็ออกมาหาอาหารเย็นกินกันที่ชิบูย่าโดยขึ้นรถเมล์ 210 เยน (ประมาณ 60 บาท) .. ร้านแรกที่เรามาลองชิมกันในคืนนี้คือ Ichiryu Ramen ร้านราเมนที่เปิดตลอด 24 ชม. ตั้งอยู่บริเวณ 5 แยกชิบูย่า ร้านนี้ต้องบอกเลยว่าน้ำซุปเข้มข้นเว่อ ชามใหญ่โตจนตกใจ ใหญ่กว่าที่ไทยพอสมควร หรือนี่จะเป็นขนาดปกติของคนญี่ปุ่น ต้องรอดูร้านถัดไปว่าจะใหญ่เหมือนกันรึเปล่า


Day 1
หลังจากนอนพักผ่อนกันอย่างเต็มอิ่ม วันนี้เราจะเริ่มต้น Backpack ในโตเกียวกันก่อน วันนี้เป้าหมายใหญ่ของเราคือ ศาลเจ้าเมจิ(Meiji Jingu), Shinjuku gyoen national garden และ วัด Sensoji ย่าน Asakusa .. เดินทางกันด้วย Tokyo Subway Ticket บัตรเบ่งของเรานั่นเอง .. พร้อมแล้วมาลุยกันเลย

Meiji Jingu Shrine
ศาลเจ้าเมจิ เป็นศาลเจ้าในศาสนาชินโต สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1920 เพื่ออุทิศถวายแด่ดวงวิญญาณของสมเด็จพระจักรพรรดิเมจิ และสมเด็จพระจักรพรรดินีโชเก็ง พระพันปีหลวงนอกจากนี้ยังเป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญในย่าน Harajuku อีกด้วย .. การเดินทางนั่งรถไฟใต้ดินมาลง Meiji Jingumae station แล้วเดินต่ออีกประมาณ 500 เมตร จะถึงหน้าประตูใหญ่ทางเข้า


เมื่อถึงทางเข้าของตัวศาลเจ้าทางด้านซ้ายมือจะมีอ่างน้ำสำหรับชำระล้างร่างกายให้สะอาดก่อนเข้าไปในศาลเจ้า โดยคนญี่ปุ่นจะมีวิธีการชำระล้างมือเป็นขั้นตอนดังนี้

ใช้มือขวาตักน้ำราดที่มือซ้าย
ใช้มือซ้ายตักน้ำราดที่มือขวา
ใช้มือขวาตักน้ำใส่อุ้งมือซ้ายแล้วใช้มือซ้ายบ้วนปาก
ทำความสะอาดที่ตักน้ำโดยตักน้ำให้เต็มแล้วยกขึ้นตั้งตรงให้น้ำไหลลงผ่านด้าม
คว่ำที่ตักน้ำไว้ที่เดิม


ก่อนเดินผ่านเข้าประตูศาลเจ้าจะมีวิธีการทำความเคารพเป็นขั้นตอนอีกเช่นกัน

โค้งศีรษะและลำตัวไปด้านหน้า 2 ครั้ง
ปรบมือ 2 ครั้ง
โค้งศีรษะและลำตัวไปด้านหน้า 1 ครั้ง


ภายในศาลเจ้าด้านขวามือถัดจากทางเข้าจะมีจุดสำหรับเขียนคำอธิษฐานขอพรใส่ซองกระดาษแล้วใส่ลงในกล่องไม้ นอกจากนี้ยังสามารถเขียนลงบนแผ่นไม้และแขวนไว้รวมกับของคนอื่นได้อีกด้วย โดยเสียค่าแผ่นไม้ 500 เยน


จุดสำคัญที่สุดของศาลเจ้าเมจิคือส่วนของตัววัดที่เป็นจุดที่คนมาขอพรโดยใช้เหรียญ 5 เยน โยนลงไปในกล่องไม้ ซึ่งก็มีขั้นตอนเช่นกัน

โค้งศีรษะและลำตัวไปด้านหน้า 2 ครั้ง
โยนเหรียญ 5 เยนลงไปในกล่องไม้
ปรบมือ 2 ครั้ง
พนมมือค้างไว้ หลับตา และขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์
โค้งศีรษะและลำตัวไปด้านหน้า 1 ครั้ง
ทำไมต้องเป็นเหรียญ 5 เยน?


คำว่า 5 เยน หรือ โกะเอน (Go-en : 五円) นั้น มีเสียงพ้องกับคำว่า ご縁 ที่แปลว่าขอพรจากเทพเจ้า โดยมีความเชื่อว่าถ้าโสดจะพบเนื้อคู่ที่ดี ถ้ามีแฟนแล้วจะรักกันยาวนาน ซึ่งเป็นความหมายที่ดีมาก

ชื่อสินค้า:   FB page : ที่ ว า ง ก ล้ อ ง
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่