หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
[CR] รีวิวเที่ยวโตเกียวแดนอาทิตย์อุทัย 4 วัน 3 คืน ฉบับมือใหม่หัดเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองประจำปี 2019 !!! (รูปเยอะมาก 600+)
กระทู้รีวิว
เที่ยวต่างประเทศ
บันทึกนักเดินทาง
เที่ยวญี่ปุ่น
ภาพถ่าย
"ประเทศญี่ปุ่น" เป็นประเทศในฝันของใครหลายคน ต่างก็อยากจะไปเยือนที่นี่สักครั้งในชีวิต ด้วยความที่เราเป็นคนสายกิน ชอบเปิดดูรายการท่องเที่ยวญี่ปุ่นหลากหลายรายการ ทำให้เห็นว่า อาหารที่ญี่ปุ่นมีทั้งราคาถูกและแพง อีกทั้งการแข่งขันด้านร้านอาหารที่นั่นค่อนข้างดุเดือด ทำให้มีการแข่งกันทั้งด้านราคา คุณภาพ และปริมาณ แถมส่วนใหญ่ต่างบอกว่า อาหารที่นั่นรสชาติต่างจากที่ไทยแบบสิ้นเชิงเออน่าสนใจนะ เป็นการอัพเกรดลิ้นของตัวเองไปด้วยในตัว แต่ตั๋วเครื่องบินเดินทางไปก็ไม่ได้ถูก จนกระทั่งหลังปีใหม่ที่ผ่านมามีโปรโมชั่นโปรไฟไหมขายตั๋วไปญี่ปุ่นราคาถูกมากจากบริษัททัวร์เจ้านึง ไป- กลับ 2 คน 12,XXX บาทเอง แต่อีก 3 วันต้องเดินทางแล้ว ฉุกละหุกมาก ต้องทำแผนเที่ยวเองทั้งหมด ทั้งที่ไม่เคยไปมาก่อน เลยต้องแยกหน้าที่เป็น 2 ฝั่งกับแฟนผม โดยคนนึงทำแผนเที่ยวตั้งแต่วันแรกจนจบทริป อีกคนเตรียมของที่จำเป็นทั้งหมด ต่างคนเตรียมทุกอย่างเสร็จแล้ว เราออกเดินทางกันเลย !!!
เริ่มจากเราต้องไปที่สนามบินดอนเมืองก่อน (15 ม.ค. 2562) เช็คอินที่สนามบินก่อนขึ้นเครื่อง 3 ชม. โดยวันนี้เราเดินทางด้วยสายการบิน Scoot เป็นสายการบินราคาประหยัดในเครือของ Singapore Airlines ต้องขึ้นเครื่องเวลา 23.45 น. เป็นการใช้บริการสายการบินนี้ครั้งแรก เดี๋ยวจะรีวิวให้ชมไปด้วยในตัว ว่าการบริการจะดีแค่ไหนกัน แต่ว่าตอนนี้มีเวลาว่างอีก 2 ชม. กว่าๆ ไปหาอะไรทานก่อนขึ้นเครื่องดีกว่าครับ เพราะอาหารบนสายการบินราคาประหยัดพวกนี้ราคาแพงแน่นอน
โดยเราจะไม่เข้าไปทานด้านในบริเวณที่ผ่านตม.ไปก่อน เพราะตรงนั้นอาหารราคาแพงเว่อร์ ร้านประจำของผมก่อนออกไปเที่ยวต่างประเทศทุกครั้ง (ครั้งนี้ทานเป็นรอบที่ 2 ) รอบที่แล้วไปเกาหลีใต้ก็ทานร้านนี้รู้สึกว่าอร่อยดี ราคาไม่แพงเกินไป ปริมาณที่ให้ก็เยอะสมราคาอาหารในสนามบิน ชื่อร้านว่าข้าวมันไก่ฮกลี้ มีทั้งข้าวมันไก่ต้ม ไก่ย่าง ไก่ทอด ราคาเริ่มต้นที่ 80 บาท เมนูที่ผมสั่งมาวันนี้เป็นข้าวมันไก่ไหหลำราคา 80 บาท ให้สะโพกไก่มาทั้งชิ้น ไม่มีตบไก่จนแบนดูหลอกลวง เนื้อไก่นุ่ม น้ำจิ้มใส่ขิงเยอะ โดยที่ร้านใช้ขิงอ่อนทำให้กลิ่นไม่แรงมาก แต่เนื้อขิงอ่อนกรอบ ทานกับข้าวมันหอมๆอร่อยกำลังดี ถึงแม้ว่าจะรสชาติเทียบร้านดังๆด้านนอกสนามบินไม่ได้ แต่ถ้าเทียบกับปริมาณ รสชาติที่ได้ และยังเปิดตลอด 24 ชม. เป็นหนึ่งตัวเลือกที่สามารถฝากท้องก่อนออกเดินทางได้กระเป๋าไม่ฉีก
เดินเข้ามาด้านใน Gate โดยวันนี้ผมจะขึ้นที่ Gate 26 ระหว่างทางเดินก็มีทั้งร้านค้า Duty Free ร้านอาหารราคาแพงเว่อร์ โดยวันนี้เราไม่ประมาทที่จะเตรียมขวดเปล่าสำหรับใช้กรอกน้ำภายในสนามบินก่อนขึ้นเครื่องด้วย เดชะกรรม ด้านในมีจุดกรอกน้ำที่เดียว ไหลช้าแถมคนต่อคิวยาวมาก ไปต่อสักพัก สงสัยว่าทำไมมันนาน แหม่น้ำไหลอย่างกับปัสสาวะแมว ไม่เหมือนที่สุวรรณภูมิมีจุดให้กินน้ำเย็นชื่นใจก่อนขึ้นเครื่องตั้งหลายจุด แถมยังไหลแรงสะใจ เลยต้องจำใจซื้อน้ำมา 1 ขวด โดยร้านที่แนะนำเป็น Dairy Queen ราคาถูกสุดแล้ว ร้านอื่นน้ำดื่ม 500 มล. 40 บาท แต่ร้านนี้ 35 แถมมีขวดใหญ่ 700 มล. ราคา 55 บาท เอามาคนละขวด เพราะบนเครื่องอากาศแห้งมาก ขาดน้ำเหมือนกำลังจะตาย กลืนน้ำลายเหนียวคอตลอดเวลา อีกอย่างสายการบินนี้ไม่มีบริการน้ำเสิร์ฟฟรีนะจ๊ะ ซื้อติดตัวไปเถอะ ไม่งั้นมีหวังหิวน้ำไม่ได้นอนตลอดคืนแน่ แถมน้ำดื่มบนเครื่องราคาแพงกว่านี้เยอะ
วันนี้เราบินเครื่องใหม่เครื่องใหญ่ ที่นั่งเป็นแบบ 3-3-3 หน้าต่างเป็นแบบรุ่นใหม่ ไม่มีม่านแต่เป็นระบบไฟฟ้าหมุนให้หน้าต่างทึบแทน คนตัวเล็กน่าจะนั่งสบาย แต่คนตัวใหญ่อย่างผม (สูง 177 น้ำหนัก 160) อึดอัดไปหน่อย เวลาขึ้นเครื่องเลยแอบยกที่วางแขนที่ติดบริเวณทางเดินเพื่อเอี้ยวตัวบ้าง พอมีสัญญาณรัดเข็มขัดก็เอาลง ด้านขวามือมีปุ่มเปิดไฟ ปิดไฟ และเรียกพนักงาน อาหารบนเครื่องรับเป็นเงินเยนและสิงคโปร์ดอลลาร์ ถ้าคุณไม่ได้แลกมาไม่ต้องตกใจ บนเครื่องมีบริการรับบัตรเครดิต มีบริการ WIFI และดูหนังบนเครื่องบิน (ราคาแพงมาก) ห้องน้ำมีให้บริการหลายห้อง แอร์และสจ๊วดส่วนใหญ่เป็นชาวสิงคโปร์ (เพราะลำนี้บินมาจากสิงคโปร์ก่อนไปนาริตะ) โดยรวมแล้วบริการดี คอยเดินดูแลเป็นพักๆ เข็มขัดเสริมขอฟรี (ไม่เหมือน Eastar Jet ต้องเสียเงิน) ยิ้มแย้มแจ่มใส สมกับเป็นเครือของสายการบิน Singapore Airlines ที่ขึ้นชื่อเรื่องบริการอันดับต้นๆของโลก
โดยเมื่อเครื่องออกสักพักพนักงานต้อนรับก็จะแจกใบผ่านตม.ของประเทศญี่ปุ่น มีตั้ง 2 ใบแถมตั้ง 2 หน้ากระดาษ แต่ไม่ต้องตกใจ เพราะเราแคปหน้าจอวิธีการเขียนใบนี้ก่อนเข้าตม.ที่ญี่ปุ่นเรียบร้อยแล้ว โดยวิธีการเขียนนั้น เราเอามาจากเพจของคุณ BeamSensei ลิงค์นี้
https://bit.ly/2SJrdKI
แล้วอย่าลืมพกปากกาส่วนตัวไปด้วยคนละแท่ง จะได้รีบเขียนบนเครื่องแล้ววิ่งตรงไปที่ตม. ได้ทันที เพราะแผนของเราคือรีบรับกระเป๋าแลกตั๋วรถไฟ Skyliner และเข้าสู่ย่าน Ueno อย่างรวดเร็ว
ใช้เวลาเดินทาง 6 ชม. ถึงแล้วสนามบินนาริตะประเทศญี่ปุ่น รีบเปิดเครื่อง Wifi ที่เราเช่ามาจาก Wise World Wifi โดยแพคเกจสำหรับใช้อินเตอร์เน็ตที่ญี่ปุ่นราคาถูกมาก แค่วันละ 99 บาท เป็นแบบใช้ได้ทั่วประเทศญี่ปุ่นจะออกนอกโตเกียวก็ไม่หวั่น ต้องจองล่วงหน้าผ่านลิงค์นี้เท่านั้น
https://bit.ly/2DPI2LI
รับเครื่องที่ประเทศไทย บริเวณตึกไทม์สแควร์ชั้น 2 ตรงข้ามโรบินสันอโศก เดินทางง่ายลง BTS. สถานีอโศก เมื่อไปถึงจ่ายเงินค่ามัดจำ 1,000 บาท พร้อมค่าแพ็คเกจรายวันตามจำนวนวันที่เราไป พนักงานจะสอนวิธีการเปิดเครื่องและเชื่อมต่อให้เรียบร้อยไม่ต้องกลัวเด๋อด๋า มาถึงเปิดเครื่อง รอสัญญาณ เชื่อมต่อให้เสร็จก็ใช้ได้เลยจ้า ปรับเวลาในมือถือให้เรียบร้อย เวลาที่นี่เร็วกว่าที่ไทย 2 ชม. สภาพอากาศวันนี้ 1 องศา !!! อุทานแบบหยาบคายในใจ เตรียมเสื้อกันหนาวมาตัวเดียวซะด้วย ก็ลองดูว่าจะอยู่รอดไหมในทริปนี้ ได้ใช้ไขมันที่สะสมมาทั้งชีวิตก็คราวนี้นี่แหละ
โดยวันนี้เราเลือกใช้บริการรถไฟด่วนพิเศษ Skyliner ที่แวะแค่ 2 สถานีคือ Nippori และ Ueno แบบไปกลับสนามบินและใช้ Tokyo Subway ได้อีก 72 ชม.ราคา 5400 เยน (คิดเป็นเงินไทย 1620 บาท) ตกค่าเดินทางวันละ 540 บาท หลงได้ไม่จำกัด เนื่องจากเราเป็นมือใหม่เอาแพคเกจนี้แหละ จองมากจากไทยเรียบร้อยจากลิงค์นี้
https://bit.ly/1RS92Ls
พิมพ์ใบจองมาพร้อมยื่นให้เจ้าหน้าที่ที่ Skyliner Information แล้วก็จะได้ตั๋วมาสำหรับใช้ทั้งทริปนี้ ส่วนตารางการเดินรถเข้าเมืองเนื่องจากเรามีเวลาจำกัด อยากเสียเวลาหลงให้น้อยเที่ยวให้เยอะที่สุดก็ดูตารางรถออกจากสนามบินได้ที่นี่
https://bit.ly/2t2nxFx
เพื่อจะได้จัดการตารางเที่ยวได้อย่างถูกต้องมากขึ้น และแผนที่รถไฟใต้ดินสำหรับใช้ในโตเกียวแบบหลงไม่จำกัด
https://bit.ly/2Uw6Pdg
แนะนำว่าอย่าเซฟในมือถือทิ้งเอาไว้ เผื่อมือถือหายหรือไม่มีสัญญาณเราจะได้ไม่หลง ปริ้นเก็บเอาไว้ติดตัวคนละชุดเผื่อฉุกเฉินดีที่สุด
เมื่อได้ตั๋วแบบนี้มาวิธีการดูว่าเราจะขึ้นสายไหน เช่น Skyliner (มองหาสีฟ้าที่จอแบบนี้บริเวณทางเข้า แล้วบัตรสีชมพูใช้วิธีเสียบเข้ามา) ขึ้นเวลาไหน (09.17) รถไฟคันที่เท่าไหร่ (Train 6) เดินตามป้ายมารอที่ชานชะลา ขบวนของตัวเอง (Car4) ที่นั่ง (Seat 13 A) แค่นี้ก็ไม่ต้องกลัวหลงแล้วรอขึ้นรถไฟไปด้วยกันเลย
เข้ามาในขบวนรถไฟของเราขบวนที่ 4 ที่ชานชะลาจะไม่บอกนะว่าตู้ไหนจอดตรงไหน ต้องสังเกตเลขตู้เอาเองวางกระเป๋าใบใหญ่ตรงประตู แล้วไปนั่งที่เราได้เลย โดยที่นั่งกว้างขวาง มีช่อง USB ให้ชาร์จไฟ แล้วถ้าใครมากับเพื่อนเยอะๆอยากนั่งแบบหันหน้าคุยกัน ก็เอาเท้าเหยียบที่ปุ่มเล็กๆแล้วบิดที่นั่งมาชนหน้ากัน ก็นั่งเม้าท์กันได้ตลอดทริปละจ้า สะดวกสบาย ใช้เวลาเดินทางแค่ 42 นาทีก็ถึงแล้ว เวลารถไฟที่ญี่ปุ่นนี่ตรงเป๊ะเว่อร์
เดินออกมาจากขบวนรถไฟ ก็เปิดแผนที่ Google Maps เอากระเป๋าไปฝากไว้ที่โรงแรมก่อน โดยโรงแรมที่เราพักนี้มีชื่อว่า Ueno Hotel ไกลจากสถานีรถไฟ 900 เมตร เดินไกลมาก ! แต่แฟนบอกว่าไม่รู้เห็นชื่อว่า Ueno เลยจองมา อีกอย่างอยู่ใกล้สถานีรถไฟ แต่เป็น JR ไม่ใช่ Subway ซะนี่ แถมจองไปแล้วตั้ง 2 วัน ช่างเถอะถือเป็นประสบการณ์ อากาศตอนนี้ 5 องศา ก็เย็นนะแต่ทนได้ แต่พอลมมานี่ทนไม่ไหวจริงๆ หนาวมือสุดๆ เนื่องจากเราไม่ได้แลกเงินมาจึงใช้บริการกดเงินที่ตู้ ATM แทน ตู้ ATM ที่นี่แนะนำให้ใช้ของ Seven Bank เพราะตู้รองรับภาษาไทย มีเสียงภาษาไทยด้วย แถมใบเสร็จออกมาก็เป็นภาษาไทย เรากดมาก่อน 30,000 เยน (คิดเป็นเงินไทย 9000 บาท) เอามาใช้ก่อน ถ้าไม่พอค่อยวิ่งไปกดใน 7-11 ต่อ ทำทุกอย่างเสร็จแล้ว ออกเที่ยวกันเลย !
***เกิน 10,000 ตัวอักษร ขอรีวิวต่อในช่อง Comment นะครับ
ชื่อสินค้า:
เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง 4 วัน 3 คืน
คะแนน:
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
- จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
- ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
รีวิว Tokyo Trip 2019 หน้าหนาว ~ เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง 5วัน 4คืน
หลังจากกลับมาจากทริปญี่ปุ่นมาประมาณ 3 เดือน ก็อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ให้กับเพื่อนๆที่อยากจะไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง แบบไม่ง้อทัวร์ เนื่องจากเราก็หาความรู้จากห้องนี้เหมือนกั
สมาชิกหมายเลข 5206587
+++ โตเกียว (TOKYO) เที่ยวล่าสุด 2019 : หนีร้อนไปพึ่งเย็น สัมผัสหิมะตกที่คาวากุชิโกะ +++
+++ โตเกียว (TOKYO) เที่ยวล่าสุด 2019 : หนีร้อนไปพึ่งเย็น สัมผัสหิมะตกที่คาวากุชิโกะ +++ ทริปนี้ผมเดินทางไปโตเกียวช่วงวันที่ 10-15 เมษายนที่ผ่านมา ทริปนี้เดินทางโดยสายการบิน เวียดนามแอร์ไลน์ ออกจากกร
DJ.piggypop
[รีวิว] เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง @ กุมภาพันธุ์ 2019 Tokyo Nagoya Osaka (13 วัน 11 คืน)
สวัสดีครับพี่น้องชาวพันทิป รีวิวนี้เป็นรีวิวครั้งแรก เดินทางคนเดียวครั้งแรกแถมยังนานจนเกือบเต็มฟรีวีซ่าของญี่ปุ่นอีก กินก็ตามใจตัวเอง ถ่ายรูปก็ตามใจตัวเอง ไปเที่ยวท
สมาชิกหมายเลข 4287525
รีวิว 1 Day Trip ย่านมารุโนะอุจิใกล้ Tokyo Station กิน เที่ยว ช้อป + สัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่น
สวัสดีค่าเพื่อนๆ พันทิปสายท่องเที่ยวทุกคนนน! . . ตอนนี้ต้องบอกเลยว่าเรากำลังอินกับประเทศญี่ปุ่นสุดๆ เพราะไปกี่ครั้งก็ฟินนน ประทับใจ ทั้งเรื่องวัฒนธรรม อาหาร สถานที่ท่องเที่ยว รวมถึงแหล่งช้อปปิ้งที่ถูก
Advertorial
เที่ยวโตเกียว 6วัน 5คืน พักสบาย กับภาระกิจเช็คอิน 300 กว่าจุดที่โตเกียว 2019
เที่ยว โตเกียว ญี่ปุ่น 6 วัน 5คืน ช่วงสงกรานต์ Tokyo trip 04/2019 ทริปนี้วางแผนไว้นาน ก็เลยมีแพลนว่าจะไปโน้นนี้นันเยอะเลยมีจุดที่จะไปกว่า 300 จุดทั่วโตเกียวโดยไม่ออกไปเมืองอื่นเลย ถ้าจะเที่ยวให้ครบคงต
สมาชิกหมายเลข 4966167
Narita ไป Ueno ไปยังไงคะ (Keisei main line)
สอบถามการเดินทางค่ะ เห็นที่เขารีวิว พาไปแต่ skyliner เลยไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ แล้วก็ซื้อบัตรที่ตู้ได้เลยมั้ยคะ ต้องมีเปลี่ยนขบวนอะไรมั้ย ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
สมาชิกหมายเลข 2263610
งง กับการนั่งรถไฟไป- กลับเข้าเมืองโตเกียวจากสนามบิน และเกี่ยวกับรถไฟใต้ดินคะ
บอกก่อนว่าเราถามเยอะนะคะ และเคยตั้งมาหลายกระทู้แล้ว ขอถามคนที่พร้อมจะตอบนะคะ เพราะบางครั้งศึกษาเอง มันก็เข้าใจไม่ชัดเจนเหมือนถามด้วยตนเอง ข้อมูลของเราคือ เราพักแถวสถานี IRIYA(โตเกียว) เข้าโตเกียว จ
สมาชิกหมายเลข 4042831
นั่ง skyliner ต่อ JR ที่ nippori หรือ ueno ดีครับ
นั่ง keisei skyliner จากสนามบินนาริตะแล้วต่อ JR Yamanote ไป JR Otsuka สถานีไหนสะดวกกว่าครับ ระหว่าง nippori กับ ueno เพราะกระเป๋าใบใหญ่หลายใบอยู่
สมาชิกหมายเลข 3860035
สอบถาม เกี่ยวกับ hyperdia จาก สถานี Keisei Ueno ไปสนามบิน Narita airport terminal 2
ค้นหาข้อมูล ใน hyperdia ได้ตามนี้ครับ คำถาม คือ route 9 นั่งรถไฟ ขบวน Keisei Skyliner 9 ราคา 1240 เยน เห็นมี reserved seat อีก 1,230 เยน นี่ คือ เค้าบังคับ ว่าต้อง reserved seat หรือ เปล่า ถ้าเราไม่
smanu324
ขอคำแนะนำ จาก Ueno -> GALA Uzawa -> Ueno อยากกลับมาเดินตลาด Ameyoko และไปร้านที่มี Tamagotchi ร้าน GU ร้าน 3coins
------แผนเดินทางคร่าวๆ ค่ะ------ วันที่เดินทาง : 16-20 JAN.25 Day 1 (17 JAN.) : Arrival เช้าตรู่ Narita Airport ---> ออกไปพักโซน Fujikawaguchiko Day 2 (18 JAN.) : เช้า - บ่ายรอบๆ
สมาชิกหมายเลข 5369508
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
เที่ยวต่างประเทศ
บันทึกนักเดินทาง
เที่ยวญี่ปุ่น
ภาพถ่าย
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ : 3.1 พัน
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
[CR] รีวิวเที่ยวโตเกียวแดนอาทิตย์อุทัย 4 วัน 3 คืน ฉบับมือใหม่หัดเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองประจำปี 2019 !!! (รูปเยอะมาก 600+)
เริ่มจากเราต้องไปที่สนามบินดอนเมืองก่อน (15 ม.ค. 2562) เช็คอินที่สนามบินก่อนขึ้นเครื่อง 3 ชม. โดยวันนี้เราเดินทางด้วยสายการบิน Scoot เป็นสายการบินราคาประหยัดในเครือของ Singapore Airlines ต้องขึ้นเครื่องเวลา 23.45 น. เป็นการใช้บริการสายการบินนี้ครั้งแรก เดี๋ยวจะรีวิวให้ชมไปด้วยในตัว ว่าการบริการจะดีแค่ไหนกัน แต่ว่าตอนนี้มีเวลาว่างอีก 2 ชม. กว่าๆ ไปหาอะไรทานก่อนขึ้นเครื่องดีกว่าครับ เพราะอาหารบนสายการบินราคาประหยัดพวกนี้ราคาแพงแน่นอน
โดยเราจะไม่เข้าไปทานด้านในบริเวณที่ผ่านตม.ไปก่อน เพราะตรงนั้นอาหารราคาแพงเว่อร์ ร้านประจำของผมก่อนออกไปเที่ยวต่างประเทศทุกครั้ง (ครั้งนี้ทานเป็นรอบที่ 2 ) รอบที่แล้วไปเกาหลีใต้ก็ทานร้านนี้รู้สึกว่าอร่อยดี ราคาไม่แพงเกินไป ปริมาณที่ให้ก็เยอะสมราคาอาหารในสนามบิน ชื่อร้านว่าข้าวมันไก่ฮกลี้ มีทั้งข้าวมันไก่ต้ม ไก่ย่าง ไก่ทอด ราคาเริ่มต้นที่ 80 บาท เมนูที่ผมสั่งมาวันนี้เป็นข้าวมันไก่ไหหลำราคา 80 บาท ให้สะโพกไก่มาทั้งชิ้น ไม่มีตบไก่จนแบนดูหลอกลวง เนื้อไก่นุ่ม น้ำจิ้มใส่ขิงเยอะ โดยที่ร้านใช้ขิงอ่อนทำให้กลิ่นไม่แรงมาก แต่เนื้อขิงอ่อนกรอบ ทานกับข้าวมันหอมๆอร่อยกำลังดี ถึงแม้ว่าจะรสชาติเทียบร้านดังๆด้านนอกสนามบินไม่ได้ แต่ถ้าเทียบกับปริมาณ รสชาติที่ได้ และยังเปิดตลอด 24 ชม. เป็นหนึ่งตัวเลือกที่สามารถฝากท้องก่อนออกเดินทางได้กระเป๋าไม่ฉีก
เดินเข้ามาด้านใน Gate โดยวันนี้ผมจะขึ้นที่ Gate 26 ระหว่างทางเดินก็มีทั้งร้านค้า Duty Free ร้านอาหารราคาแพงเว่อร์ โดยวันนี้เราไม่ประมาทที่จะเตรียมขวดเปล่าสำหรับใช้กรอกน้ำภายในสนามบินก่อนขึ้นเครื่องด้วย เดชะกรรม ด้านในมีจุดกรอกน้ำที่เดียว ไหลช้าแถมคนต่อคิวยาวมาก ไปต่อสักพัก สงสัยว่าทำไมมันนาน แหม่น้ำไหลอย่างกับปัสสาวะแมว ไม่เหมือนที่สุวรรณภูมิมีจุดให้กินน้ำเย็นชื่นใจก่อนขึ้นเครื่องตั้งหลายจุด แถมยังไหลแรงสะใจ เลยต้องจำใจซื้อน้ำมา 1 ขวด โดยร้านที่แนะนำเป็น Dairy Queen ราคาถูกสุดแล้ว ร้านอื่นน้ำดื่ม 500 มล. 40 บาท แต่ร้านนี้ 35 แถมมีขวดใหญ่ 700 มล. ราคา 55 บาท เอามาคนละขวด เพราะบนเครื่องอากาศแห้งมาก ขาดน้ำเหมือนกำลังจะตาย กลืนน้ำลายเหนียวคอตลอดเวลา อีกอย่างสายการบินนี้ไม่มีบริการน้ำเสิร์ฟฟรีนะจ๊ะ ซื้อติดตัวไปเถอะ ไม่งั้นมีหวังหิวน้ำไม่ได้นอนตลอดคืนแน่ แถมน้ำดื่มบนเครื่องราคาแพงกว่านี้เยอะ
วันนี้เราบินเครื่องใหม่เครื่องใหญ่ ที่นั่งเป็นแบบ 3-3-3 หน้าต่างเป็นแบบรุ่นใหม่ ไม่มีม่านแต่เป็นระบบไฟฟ้าหมุนให้หน้าต่างทึบแทน คนตัวเล็กน่าจะนั่งสบาย แต่คนตัวใหญ่อย่างผม (สูง 177 น้ำหนัก 160) อึดอัดไปหน่อย เวลาขึ้นเครื่องเลยแอบยกที่วางแขนที่ติดบริเวณทางเดินเพื่อเอี้ยวตัวบ้าง พอมีสัญญาณรัดเข็มขัดก็เอาลง ด้านขวามือมีปุ่มเปิดไฟ ปิดไฟ และเรียกพนักงาน อาหารบนเครื่องรับเป็นเงินเยนและสิงคโปร์ดอลลาร์ ถ้าคุณไม่ได้แลกมาไม่ต้องตกใจ บนเครื่องมีบริการรับบัตรเครดิต มีบริการ WIFI และดูหนังบนเครื่องบิน (ราคาแพงมาก) ห้องน้ำมีให้บริการหลายห้อง แอร์และสจ๊วดส่วนใหญ่เป็นชาวสิงคโปร์ (เพราะลำนี้บินมาจากสิงคโปร์ก่อนไปนาริตะ) โดยรวมแล้วบริการดี คอยเดินดูแลเป็นพักๆ เข็มขัดเสริมขอฟรี (ไม่เหมือน Eastar Jet ต้องเสียเงิน) ยิ้มแย้มแจ่มใส สมกับเป็นเครือของสายการบิน Singapore Airlines ที่ขึ้นชื่อเรื่องบริการอันดับต้นๆของโลก
โดยเมื่อเครื่องออกสักพักพนักงานต้อนรับก็จะแจกใบผ่านตม.ของประเทศญี่ปุ่น มีตั้ง 2 ใบแถมตั้ง 2 หน้ากระดาษ แต่ไม่ต้องตกใจ เพราะเราแคปหน้าจอวิธีการเขียนใบนี้ก่อนเข้าตม.ที่ญี่ปุ่นเรียบร้อยแล้ว โดยวิธีการเขียนนั้น เราเอามาจากเพจของคุณ BeamSensei ลิงค์นี้ https://bit.ly/2SJrdKI แล้วอย่าลืมพกปากกาส่วนตัวไปด้วยคนละแท่ง จะได้รีบเขียนบนเครื่องแล้ววิ่งตรงไปที่ตม. ได้ทันที เพราะแผนของเราคือรีบรับกระเป๋าแลกตั๋วรถไฟ Skyliner และเข้าสู่ย่าน Ueno อย่างรวดเร็ว
ใช้เวลาเดินทาง 6 ชม. ถึงแล้วสนามบินนาริตะประเทศญี่ปุ่น รีบเปิดเครื่อง Wifi ที่เราเช่ามาจาก Wise World Wifi โดยแพคเกจสำหรับใช้อินเตอร์เน็ตที่ญี่ปุ่นราคาถูกมาก แค่วันละ 99 บาท เป็นแบบใช้ได้ทั่วประเทศญี่ปุ่นจะออกนอกโตเกียวก็ไม่หวั่น ต้องจองล่วงหน้าผ่านลิงค์นี้เท่านั้น https://bit.ly/2DPI2LI รับเครื่องที่ประเทศไทย บริเวณตึกไทม์สแควร์ชั้น 2 ตรงข้ามโรบินสันอโศก เดินทางง่ายลง BTS. สถานีอโศก เมื่อไปถึงจ่ายเงินค่ามัดจำ 1,000 บาท พร้อมค่าแพ็คเกจรายวันตามจำนวนวันที่เราไป พนักงานจะสอนวิธีการเปิดเครื่องและเชื่อมต่อให้เรียบร้อยไม่ต้องกลัวเด๋อด๋า มาถึงเปิดเครื่อง รอสัญญาณ เชื่อมต่อให้เสร็จก็ใช้ได้เลยจ้า ปรับเวลาในมือถือให้เรียบร้อย เวลาที่นี่เร็วกว่าที่ไทย 2 ชม. สภาพอากาศวันนี้ 1 องศา !!! อุทานแบบหยาบคายในใจ เตรียมเสื้อกันหนาวมาตัวเดียวซะด้วย ก็ลองดูว่าจะอยู่รอดไหมในทริปนี้ ได้ใช้ไขมันที่สะสมมาทั้งชีวิตก็คราวนี้นี่แหละ
โดยวันนี้เราเลือกใช้บริการรถไฟด่วนพิเศษ Skyliner ที่แวะแค่ 2 สถานีคือ Nippori และ Ueno แบบไปกลับสนามบินและใช้ Tokyo Subway ได้อีก 72 ชม.ราคา 5400 เยน (คิดเป็นเงินไทย 1620 บาท) ตกค่าเดินทางวันละ 540 บาท หลงได้ไม่จำกัด เนื่องจากเราเป็นมือใหม่เอาแพคเกจนี้แหละ จองมากจากไทยเรียบร้อยจากลิงค์นี้ https://bit.ly/1RS92Ls พิมพ์ใบจองมาพร้อมยื่นให้เจ้าหน้าที่ที่ Skyliner Information แล้วก็จะได้ตั๋วมาสำหรับใช้ทั้งทริปนี้ ส่วนตารางการเดินรถเข้าเมืองเนื่องจากเรามีเวลาจำกัด อยากเสียเวลาหลงให้น้อยเที่ยวให้เยอะที่สุดก็ดูตารางรถออกจากสนามบินได้ที่นี่ https://bit.ly/2t2nxFx เพื่อจะได้จัดการตารางเที่ยวได้อย่างถูกต้องมากขึ้น และแผนที่รถไฟใต้ดินสำหรับใช้ในโตเกียวแบบหลงไม่จำกัด https://bit.ly/2Uw6Pdg แนะนำว่าอย่าเซฟในมือถือทิ้งเอาไว้ เผื่อมือถือหายหรือไม่มีสัญญาณเราจะได้ไม่หลง ปริ้นเก็บเอาไว้ติดตัวคนละชุดเผื่อฉุกเฉินดีที่สุด
เมื่อได้ตั๋วแบบนี้มาวิธีการดูว่าเราจะขึ้นสายไหน เช่น Skyliner (มองหาสีฟ้าที่จอแบบนี้บริเวณทางเข้า แล้วบัตรสีชมพูใช้วิธีเสียบเข้ามา) ขึ้นเวลาไหน (09.17) รถไฟคันที่เท่าไหร่ (Train 6) เดินตามป้ายมารอที่ชานชะลา ขบวนของตัวเอง (Car4) ที่นั่ง (Seat 13 A) แค่นี้ก็ไม่ต้องกลัวหลงแล้วรอขึ้นรถไฟไปด้วยกันเลย
เข้ามาในขบวนรถไฟของเราขบวนที่ 4 ที่ชานชะลาจะไม่บอกนะว่าตู้ไหนจอดตรงไหน ต้องสังเกตเลขตู้เอาเองวางกระเป๋าใบใหญ่ตรงประตู แล้วไปนั่งที่เราได้เลย โดยที่นั่งกว้างขวาง มีช่อง USB ให้ชาร์จไฟ แล้วถ้าใครมากับเพื่อนเยอะๆอยากนั่งแบบหันหน้าคุยกัน ก็เอาเท้าเหยียบที่ปุ่มเล็กๆแล้วบิดที่นั่งมาชนหน้ากัน ก็นั่งเม้าท์กันได้ตลอดทริปละจ้า สะดวกสบาย ใช้เวลาเดินทางแค่ 42 นาทีก็ถึงแล้ว เวลารถไฟที่ญี่ปุ่นนี่ตรงเป๊ะเว่อร์
เดินออกมาจากขบวนรถไฟ ก็เปิดแผนที่ Google Maps เอากระเป๋าไปฝากไว้ที่โรงแรมก่อน โดยโรงแรมที่เราพักนี้มีชื่อว่า Ueno Hotel ไกลจากสถานีรถไฟ 900 เมตร เดินไกลมาก ! แต่แฟนบอกว่าไม่รู้เห็นชื่อว่า Ueno เลยจองมา อีกอย่างอยู่ใกล้สถานีรถไฟ แต่เป็น JR ไม่ใช่ Subway ซะนี่ แถมจองไปแล้วตั้ง 2 วัน ช่างเถอะถือเป็นประสบการณ์ อากาศตอนนี้ 5 องศา ก็เย็นนะแต่ทนได้ แต่พอลมมานี่ทนไม่ไหวจริงๆ หนาวมือสุดๆ เนื่องจากเราไม่ได้แลกเงินมาจึงใช้บริการกดเงินที่ตู้ ATM แทน ตู้ ATM ที่นี่แนะนำให้ใช้ของ Seven Bank เพราะตู้รองรับภาษาไทย มีเสียงภาษาไทยด้วย แถมใบเสร็จออกมาก็เป็นภาษาไทย เรากดมาก่อน 30,000 เยน (คิดเป็นเงินไทย 9000 บาท) เอามาใช้ก่อน ถ้าไม่พอค่อยวิ่งไปกดใน 7-11 ต่อ ทำทุกอย่างเสร็จแล้ว ออกเที่ยวกันเลย !
***เกิน 10,000 ตัวอักษร ขอรีวิวต่อในช่อง Comment นะครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้