[CR] รีวิวเที่ยวโตเกียวแดนอาทิตย์อุทัย 4 วัน 3 คืน ฉบับมือใหม่หัดเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองประจำปี 2019 !!! (รูปเยอะมาก 600+)

"ประเทศญี่ปุ่น" เป็นประเทศในฝันของใครหลายคน ต่างก็อยากจะไปเยือนที่นี่สักครั้งในชีวิต ด้วยความที่เราเป็นคนสายกิน ชอบเปิดดูรายการท่องเที่ยวญี่ปุ่นหลากหลายรายการ ทำให้เห็นว่า อาหารที่ญี่ปุ่นมีทั้งราคาถูกและแพง อีกทั้งการแข่งขันด้านร้านอาหารที่นั่นค่อนข้างดุเดือด ทำให้มีการแข่งกันทั้งด้านราคา คุณภาพ และปริมาณ แถมส่วนใหญ่ต่างบอกว่า อาหารที่นั่นรสชาติต่างจากที่ไทยแบบสิ้นเชิงเออน่าสนใจนะ เป็นการอัพเกรดลิ้นของตัวเองไปด้วยในตัว แต่ตั๋วเครื่องบินเดินทางไปก็ไม่ได้ถูก จนกระทั่งหลังปีใหม่ที่ผ่านมามีโปรโมชั่นโปรไฟไหมขายตั๋วไปญี่ปุ่นราคาถูกมากจากบริษัททัวร์เจ้านึง ไป- กลับ 2 คน 12,XXX บาทเอง แต่อีก 3 วันต้องเดินทางแล้ว ฉุกละหุกมาก ต้องทำแผนเที่ยวเองทั้งหมด ทั้งที่ไม่เคยไปมาก่อน เลยต้องแยกหน้าที่เป็น 2 ฝั่งกับแฟนผม โดยคนนึงทำแผนเที่ยวตั้งแต่วันแรกจนจบทริป อีกคนเตรียมของที่จำเป็นทั้งหมด ต่างคนเตรียมทุกอย่างเสร็จแล้ว เราออกเดินทางกันเลย !!!
เริ่มจากเราต้องไปที่สนามบินดอนเมืองก่อน (15 ม.ค. 2562) เช็คอินที่สนามบินก่อนขึ้นเครื่อง 3 ชม. โดยวันนี้เราเดินทางด้วยสายการบิน Scoot เป็นสายการบินราคาประหยัดในเครือของ Singapore Airlines ต้องขึ้นเครื่องเวลา 23.45 น. เป็นการใช้บริการสายการบินนี้ครั้งแรก เดี๋ยวจะรีวิวให้ชมไปด้วยในตัว ว่าการบริการจะดีแค่ไหนกัน แต่ว่าตอนนี้มีเวลาว่างอีก 2 ชม. กว่าๆ ไปหาอะไรทานก่อนขึ้นเครื่องดีกว่าครับ เพราะอาหารบนสายการบินราคาประหยัดพวกนี้ราคาแพงแน่นอน

โดยเราจะไม่เข้าไปทานด้านในบริเวณที่ผ่านตม.ไปก่อน เพราะตรงนั้นอาหารราคาแพงเว่อร์ ร้านประจำของผมก่อนออกไปเที่ยวต่างประเทศทุกครั้ง (ครั้งนี้ทานเป็นรอบที่ 2 ) รอบที่แล้วไปเกาหลีใต้ก็ทานร้านนี้รู้สึกว่าอร่อยดี ราคาไม่แพงเกินไป ปริมาณที่ให้ก็เยอะสมราคาอาหารในสนามบิน ชื่อร้านว่าข้าวมันไก่ฮกลี้ มีทั้งข้าวมันไก่ต้ม ไก่ย่าง ไก่ทอด ราคาเริ่มต้นที่ 80 บาท เมนูที่ผมสั่งมาวันนี้เป็นข้าวมันไก่ไหหลำราคา 80 บาท ให้สะโพกไก่มาทั้งชิ้น ไม่มีตบไก่จนแบนดูหลอกลวง เนื้อไก่นุ่ม น้ำจิ้มใส่ขิงเยอะ โดยที่ร้านใช้ขิงอ่อนทำให้กลิ่นไม่แรงมาก แต่เนื้อขิงอ่อนกรอบ ทานกับข้าวมันหอมๆอร่อยกำลังดี ถึงแม้ว่าจะรสชาติเทียบร้านดังๆด้านนอกสนามบินไม่ได้ แต่ถ้าเทียบกับปริมาณ รสชาติที่ได้ และยังเปิดตลอด 24 ชม. เป็นหนึ่งตัวเลือกที่สามารถฝากท้องก่อนออกเดินทางได้กระเป๋าไม่ฉีก






เดินเข้ามาด้านใน Gate โดยวันนี้ผมจะขึ้นที่ Gate 26 ระหว่างทางเดินก็มีทั้งร้านค้า Duty Free ร้านอาหารราคาแพงเว่อร์ โดยวันนี้เราไม่ประมาทที่จะเตรียมขวดเปล่าสำหรับใช้กรอกน้ำภายในสนามบินก่อนขึ้นเครื่องด้วย เดชะกรรม ด้านในมีจุดกรอกน้ำที่เดียว ไหลช้าแถมคนต่อคิวยาวมาก ไปต่อสักพัก สงสัยว่าทำไมมันนาน แหม่น้ำไหลอย่างกับปัสสาวะแมว ไม่เหมือนที่สุวรรณภูมิมีจุดให้กินน้ำเย็นชื่นใจก่อนขึ้นเครื่องตั้งหลายจุด แถมยังไหลแรงสะใจ เลยต้องจำใจซื้อน้ำมา 1 ขวด โดยร้านที่แนะนำเป็น Dairy Queen ราคาถูกสุดแล้ว ร้านอื่นน้ำดื่ม 500 มล. 40 บาท แต่ร้านนี้ 35 แถมมีขวดใหญ่ 700 มล. ราคา 55 บาท เอามาคนละขวด เพราะบนเครื่องอากาศแห้งมาก ขาดน้ำเหมือนกำลังจะตาย กลืนน้ำลายเหนียวคอตลอดเวลา อีกอย่างสายการบินนี้ไม่มีบริการน้ำเสิร์ฟฟรีนะจ๊ะ ซื้อติดตัวไปเถอะ ไม่งั้นมีหวังหิวน้ำไม่ได้นอนตลอดคืนแน่ แถมน้ำดื่มบนเครื่องราคาแพงกว่านี้เยอะ


วันนี้เราบินเครื่องใหม่เครื่องใหญ่ ที่นั่งเป็นแบบ 3-3-3 หน้าต่างเป็นแบบรุ่นใหม่ ไม่มีม่านแต่เป็นระบบไฟฟ้าหมุนให้หน้าต่างทึบแทน คนตัวเล็กน่าจะนั่งสบาย แต่คนตัวใหญ่อย่างผม (สูง 177 น้ำหนัก 160) อึดอัดไปหน่อย เวลาขึ้นเครื่องเลยแอบยกที่วางแขนที่ติดบริเวณทางเดินเพื่อเอี้ยวตัวบ้าง พอมีสัญญาณรัดเข็มขัดก็เอาลง ด้านขวามือมีปุ่มเปิดไฟ ปิดไฟ และเรียกพนักงาน อาหารบนเครื่องรับเป็นเงินเยนและสิงคโปร์ดอลลาร์ ถ้าคุณไม่ได้แลกมาไม่ต้องตกใจ บนเครื่องมีบริการรับบัตรเครดิต มีบริการ WIFI และดูหนังบนเครื่องบิน (ราคาแพงมาก) ห้องน้ำมีให้บริการหลายห้อง แอร์และสจ๊วดส่วนใหญ่เป็นชาวสิงคโปร์ (เพราะลำนี้บินมาจากสิงคโปร์ก่อนไปนาริตะ) โดยรวมแล้วบริการดี คอยเดินดูแลเป็นพักๆ เข็มขัดเสริมขอฟรี (ไม่เหมือน Eastar Jet ต้องเสียเงิน) ยิ้มแย้มแจ่มใส สมกับเป็นเครือของสายการบิน Singapore Airlines ที่ขึ้นชื่อเรื่องบริการอันดับต้นๆของโลก






โดยเมื่อเครื่องออกสักพักพนักงานต้อนรับก็จะแจกใบผ่านตม.ของประเทศญี่ปุ่น มีตั้ง 2 ใบแถมตั้ง 2 หน้ากระดาษ แต่ไม่ต้องตกใจ เพราะเราแคปหน้าจอวิธีการเขียนใบนี้ก่อนเข้าตม.ที่ญี่ปุ่นเรียบร้อยแล้ว โดยวิธีการเขียนนั้น เราเอามาจากเพจของคุณ BeamSensei ลิงค์นี้ https://bit.ly/2SJrdKI แล้วอย่าลืมพกปากกาส่วนตัวไปด้วยคนละแท่ง จะได้รีบเขียนบนเครื่องแล้ววิ่งตรงไปที่ตม. ได้ทันที เพราะแผนของเราคือรีบรับกระเป๋าแลกตั๋วรถไฟ Skyliner และเข้าสู่ย่าน Ueno อย่างรวดเร็ว

ใช้เวลาเดินทาง 6 ชม. ถึงแล้วสนามบินนาริตะประเทศญี่ปุ่น รีบเปิดเครื่อง Wifi ที่เราเช่ามาจาก Wise World Wifi โดยแพคเกจสำหรับใช้อินเตอร์เน็ตที่ญี่ปุ่นราคาถูกมาก แค่วันละ 99 บาท เป็นแบบใช้ได้ทั่วประเทศญี่ปุ่นจะออกนอกโตเกียวก็ไม่หวั่น ต้องจองล่วงหน้าผ่านลิงค์นี้เท่านั้น https://bit.ly/2DPI2LI รับเครื่องที่ประเทศไทย บริเวณตึกไทม์สแควร์ชั้น 2 ตรงข้ามโรบินสันอโศก เดินทางง่ายลง BTS. สถานีอโศก เมื่อไปถึงจ่ายเงินค่ามัดจำ 1,000 บาท พร้อมค่าแพ็คเกจรายวันตามจำนวนวันที่เราไป พนักงานจะสอนวิธีการเปิดเครื่องและเชื่อมต่อให้เรียบร้อยไม่ต้องกลัวเด๋อด๋า มาถึงเปิดเครื่อง รอสัญญาณ เชื่อมต่อให้เสร็จก็ใช้ได้เลยจ้า ปรับเวลาในมือถือให้เรียบร้อย เวลาที่นี่เร็วกว่าที่ไทย 2 ชม. สภาพอากาศวันนี้ 1 องศา !!! อุทานแบบหยาบคายในใจ เตรียมเสื้อกันหนาวมาตัวเดียวซะด้วย ก็ลองดูว่าจะอยู่รอดไหมในทริปนี้ ได้ใช้ไขมันที่สะสมมาทั้งชีวิตก็คราวนี้นี่แหละ




โดยวันนี้เราเลือกใช้บริการรถไฟด่วนพิเศษ Skyliner ที่แวะแค่ 2 สถานีคือ Nippori และ Ueno แบบไปกลับสนามบินและใช้ Tokyo Subway ได้อีก 72 ชม.ราคา 5400 เยน (คิดเป็นเงินไทย 1620 บาท) ตกค่าเดินทางวันละ 540 บาท หลงได้ไม่จำกัด เนื่องจากเราเป็นมือใหม่เอาแพคเกจนี้แหละ จองมากจากไทยเรียบร้อยจากลิงค์นี้ https://bit.ly/1RS92Ls พิมพ์ใบจองมาพร้อมยื่นให้เจ้าหน้าที่ที่ Skyliner Information แล้วก็จะได้ตั๋วมาสำหรับใช้ทั้งทริปนี้ ส่วนตารางการเดินรถเข้าเมืองเนื่องจากเรามีเวลาจำกัด อยากเสียเวลาหลงให้น้อยเที่ยวให้เยอะที่สุดก็ดูตารางรถออกจากสนามบินได้ที่นี่ https://bit.ly/2t2nxFx เพื่อจะได้จัดการตารางเที่ยวได้อย่างถูกต้องมากขึ้น และแผนที่รถไฟใต้ดินสำหรับใช้ในโตเกียวแบบหลงไม่จำกัด https://bit.ly/2Uw6Pdg แนะนำว่าอย่าเซฟในมือถือทิ้งเอาไว้ เผื่อมือถือหายหรือไม่มีสัญญาณเราจะได้ไม่หลง ปริ้นเก็บเอาไว้ติดตัวคนละชุดเผื่อฉุกเฉินดีที่สุด


เมื่อได้ตั๋วแบบนี้มาวิธีการดูว่าเราจะขึ้นสายไหน เช่น Skyliner (มองหาสีฟ้าที่จอแบบนี้บริเวณทางเข้า แล้วบัตรสีชมพูใช้วิธีเสียบเข้ามา) ขึ้นเวลาไหน (09.17) รถไฟคันที่เท่าไหร่ (Train 6) เดินตามป้ายมารอที่ชานชะลา ขบวนของตัวเอง (Car4) ที่นั่ง (Seat 13 A) แค่นี้ก็ไม่ต้องกลัวหลงแล้วรอขึ้นรถไฟไปด้วยกันเลย


เข้ามาในขบวนรถไฟของเราขบวนที่ 4 ที่ชานชะลาจะไม่บอกนะว่าตู้ไหนจอดตรงไหน ต้องสังเกตเลขตู้เอาเองวางกระเป๋าใบใหญ่ตรงประตู แล้วไปนั่งที่เราได้เลย โดยที่นั่งกว้างขวาง มีช่อง USB ให้ชาร์จไฟ แล้วถ้าใครมากับเพื่อนเยอะๆอยากนั่งแบบหันหน้าคุยกัน ก็เอาเท้าเหยียบที่ปุ่มเล็กๆแล้วบิดที่นั่งมาชนหน้ากัน ก็นั่งเม้าท์กันได้ตลอดทริปละจ้า สะดวกสบาย ใช้เวลาเดินทางแค่ 42 นาทีก็ถึงแล้ว เวลารถไฟที่ญี่ปุ่นนี่ตรงเป๊ะเว่อร์






เดินออกมาจากขบวนรถไฟ ก็เปิดแผนที่ Google Maps เอากระเป๋าไปฝากไว้ที่โรงแรมก่อน โดยโรงแรมที่เราพักนี้มีชื่อว่า Ueno Hotel ไกลจากสถานีรถไฟ 900 เมตร เดินไกลมาก ! แต่แฟนบอกว่าไม่รู้เห็นชื่อว่า Ueno เลยจองมา อีกอย่างอยู่ใกล้สถานีรถไฟ แต่เป็น JR ไม่ใช่ Subway ซะนี่ แถมจองไปแล้วตั้ง 2 วัน ช่างเถอะถือเป็นประสบการณ์ อากาศตอนนี้ 5 องศา ก็เย็นนะแต่ทนได้ แต่พอลมมานี่ทนไม่ไหวจริงๆ หนาวมือสุดๆ เนื่องจากเราไม่ได้แลกเงินมาจึงใช้บริการกดเงินที่ตู้ ATM แทน ตู้ ATM ที่นี่แนะนำให้ใช้ของ Seven Bank เพราะตู้รองรับภาษาไทย มีเสียงภาษาไทยด้วย แถมใบเสร็จออกมาก็เป็นภาษาไทย เรากดมาก่อน 30,000 เยน (คิดเป็นเงินไทย 9000 บาท) เอามาใช้ก่อน ถ้าไม่พอค่อยวิ่งไปกดใน 7-11 ต่อ ทำทุกอย่างเสร็จแล้ว ออกเที่ยวกันเลย !






***เกิน 10,000 ตัวอักษร ขอรีวิวต่อในช่อง Comment นะครับ
ชื่อสินค้า:   เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง 4 วัน 3 คืน
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่