สวัสดีครับ ผมเป็นเด็กต่างจังหวัด กำลังมาต่อเฉพาะทาง ที่ กทม ตอนนี้ train มาได้ 6 เดือน แต่ช่วงนี้ทุกวันที่ไปทำงาน ไปเรียน มันรู้สึกไม่มีความสุข เหมือนก่อนมาเทรนเลยครับ ด้วยหลายๆเหตุผล
-ผมทำงาน รพ.ชุมชน มา 4 ปี ความรู้วิชาการห่างหายมานาน เข้ามาเรียน ต้องปรับตัวเยอะมาก รุ่นน้องที่เรียนปีเดียวกัน ก็เก่งมาก เนื้อหาการเรียนใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก ซึ่งผมรู้สึกว่า ผมเป็นคนหัวช้า เรียนช้า กว่าคนอื่น
-ผมไม่เคยจากบ้านมาใช้ชีวิตคนเดียว พอมาอยู่ กทม ป่วยด้วยทอนซิลอักเสบ ไข้สูงบ่อยมาก จนบางครั้งร้องไห้คนเดียว อยากกลับไปอยู่บ้าน อย่างน้อยมีคนคอยดูแล
-เดิมผมเป็นคนหารายได้เลี้ยงครอบครัว พ่อเกษียณราชการแล้ว ส่วนแม่ ก็อยู่บ้าน ก่อนตัดสินใจเรียนต่อ ผมมีคลินิกทั่วไป ที่เปิดในอำเภอเล็กๆ และมีรายได้จากการอยู่เวร ก็พอที่จะเลี้ยงครอบครัวได้ ตอนนี้ขายคลินิกให้พี่หมอคนอื่น เพื่อเอาเงินมาเรียนต่อ
-ผมต้องส่งพี่สาวเรียนหมอ ค่าเทอมๆละ 5 หมื่น ตอนนี้อยู่ปี 3 เหลืออีก 3 ปี รวม 3 แสน
>> พอมาเรียน รายได้เหลือ 25,000 บาท จากหลักแสน ที่เคยได้ ทำให้ผมต้องตัดสินใจกู้เงินธนาคารมาหลักล้านบาท และใช้เงินเดือนที่ได้หักผ่อน
เพื่อแบ่งให้ครอบครัวรายเดือน เฉลี่ยเดือนละ 4หมื่น ดังนั้น เงินรายเดือน ผมไม่พอใช้ เพราะ 25000 บาทต้องหักลบ ค่าผ่อนธนาคาร 15000 บาท จึงต้องใช้เงินเก็บที่เคยสะสม มาแบ่งใช้ รายเดือนเพิ่ม และมันก็ลดลงเรื่อยๆ
ก่อนผมเข้ามา ผมคิดว่า เป็นหมอ ต้องต่อเฉพาะทางทุกคน เพราะสังคมนี้ ใช้เฉพาะทางข่มแพทย์ทั่วไป และ คิดว่า สาขานี้ เป็นสาขาที่เหมาะกับตัวผมที่สุด แต่พอมาเทรนแล้ว ผมกลับรู้สึกไม่โอเคกับชีวิตในปัจจุบัน ผมกลับมานั่งเครียดทุกวัน บางครั้งแอบร้องไห้คนเดียว แต่ไม่อยากบอกใคร เพราะผมรู้ว่า บอกไปก็ได้คำตอบเดิม คือ สู้ๆนะ /ทนเรียนให้จบๆไป /เพื่อนเรียนได้ทำไมเราเรียนไม่ได้ แต่ไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกของตัวผมเอง
ผมพยายามฝืนแล้วนะ ตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา ก็รู้สึกว่า เดี๋ยววันๆนึงก็ผ่านไป ขึ้นเช้าวันใหม่ วงจรเดิมก็กลับมา
สิ่งที่เคยวาดฝัน หลังเทรนจบ คือการกลับไปพัฒนา รพ. ในสาขาที่ได้เรียนมา แต่รู้ไหมครับ เบื้องหลังก่อนมาเรียน ผมโดนกดดันจากระบบราชการเยอะมาก ในเรื่องของทุน จนคิดจะลาออกจากราชการตั้งแต่ก่อนรับสมัครเทรน และหากกลับไป รพ.ที่ขอทุนมา ตึกที่สร้างเพื่อรองรับเฉพาะทาง ก็ไม่มีทางสร้างเสร็จ เพราะช่างรับเหมาทิ้งงาน จริงๆมันกำหนดเสร็จตั้งแต่ ปี 59 แล้ว ตอนนี้ยังไม่ดำเนินเรื่องต่อ และเครื่องมือ ก็มีไม่มากพอ กลับไป ก็คงมีงานเทียบเท่าหมอ GP และรายได้ก็เท่าหมอ GP แหละครับ เพราะมันเป็น รพ.ชุมชน
การมาเรียนมันก็มีข้อดีนะครับ เพราะมันทำให้ผมรู้ว่า ตัวผมไม่เหมาะกับคำว่าเฉพาะทาง ชีวิตผมยังอยากทำอะไรอีกเยอะ อายุ ก็ 30 กว่าปีแล้ว ยัง....
-อยากมีเงินเก็บ ตั้งตัว ให้ได้มากกว่านี้ เพราะครอบครัวผมไม่ได้มาจากคนรวย ผมทำงานจ่ายหนี้ให้ครอบครัว จนใกล้หมดหนี้ แต่ตัวเองแทบไม่มีเงินเก็บ เทียบกับเพื่อนคนอื่น มีเงินเก็บหลักล้าน ในช่วงเวลาเดียวกัน
-อยากเรียนภาษา พัฒนาตัวเอง
และสำคัญเลย คือ อยากมีความสุข ในตัวตนที่ผมเป็น
ความสุขในชีวิตผมลดลงทุกวัน จากที่เคยร่าเริง พอกลับมาจาก รพ ก็จะ ตึงเครียด เบื่อหน่าย แต่ยังไม่ถึงคิดสั้นนะครับ ผมรู้ดีว่าผลเสียหาก off training คือ
-กระแสลบ จากคนรอบข้าง เช่น เห็นไหม บอกตั้งใจมาเรียนเพื่อ รพ. คนไข้ สุดท้ายก็ออก / เรียนไม่ไหวเหรอแค่นี้ บลาๆๆๆ โดยเฉพาะพ่อผม ซึ่งทำงานในระบบสาธารณสุขมาก่อน และมีญาติเป็นหมอ พ่อจะไม่คุยกับผมในเรื่องนี้เลย เพราะไม่รู้ว่า ถ้าลาออก จะไปบอกเขาว่าอะไรเวลาโดนถาม พ่อค่อนข้างผิกไอเดียเรื่องชนชั้นวิชาชีพ
-โดนใช้ทุน จากต้นสังกัด สองเท่า คือจ่ายเงินเดือนคืนที่ได้มา ตลอดการเทรน
-ภาควิชา คงเรียกมาคุย ถึงเหตุผล และคงรั้งไม่ให้ลาออก อย่างมากคงให้ drop ไปก่อน
และคงมีอีกหลายอย่าง แต่ คนเหล่านั้น ก็แค่คิดเห็น ไม่ได้มาช่วยให้ชีวิตผมดีขึ้น
ผมกำลังมีความคิด ตัดสินใจจะลาออกจากเทรนนิ่ง และจ่ายเงินใช้ทุนคืน จากนั้น ลาออกจากระบบราชการ ไปทำงานเอกชน เก็บเงิน หาความสุขให้ตัวเอง โดยที่ผมไม่รู้ว่า เหตุผลคำว่า เฉพาะทางสาขานี้ ไม่เหมาะกับตัวผม มันจะเป็นเหตุผล ให้ผมออกไปหาตัวตนได้รึเปล่า
แต่ที่รู้ตอนนี้คือ ชีวิตผมไม่มีความสุข ผมควรทำไงดีครับ
ผมควรหยุดหรือไปต่อในเส้นทางtraining แพทย์เฉพาะทาง
-ผมทำงาน รพ.ชุมชน มา 4 ปี ความรู้วิชาการห่างหายมานาน เข้ามาเรียน ต้องปรับตัวเยอะมาก รุ่นน้องที่เรียนปีเดียวกัน ก็เก่งมาก เนื้อหาการเรียนใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก ซึ่งผมรู้สึกว่า ผมเป็นคนหัวช้า เรียนช้า กว่าคนอื่น
-ผมไม่เคยจากบ้านมาใช้ชีวิตคนเดียว พอมาอยู่ กทม ป่วยด้วยทอนซิลอักเสบ ไข้สูงบ่อยมาก จนบางครั้งร้องไห้คนเดียว อยากกลับไปอยู่บ้าน อย่างน้อยมีคนคอยดูแล
-เดิมผมเป็นคนหารายได้เลี้ยงครอบครัว พ่อเกษียณราชการแล้ว ส่วนแม่ ก็อยู่บ้าน ก่อนตัดสินใจเรียนต่อ ผมมีคลินิกทั่วไป ที่เปิดในอำเภอเล็กๆ และมีรายได้จากการอยู่เวร ก็พอที่จะเลี้ยงครอบครัวได้ ตอนนี้ขายคลินิกให้พี่หมอคนอื่น เพื่อเอาเงินมาเรียนต่อ
-ผมต้องส่งพี่สาวเรียนหมอ ค่าเทอมๆละ 5 หมื่น ตอนนี้อยู่ปี 3 เหลืออีก 3 ปี รวม 3 แสน
>> พอมาเรียน รายได้เหลือ 25,000 บาท จากหลักแสน ที่เคยได้ ทำให้ผมต้องตัดสินใจกู้เงินธนาคารมาหลักล้านบาท และใช้เงินเดือนที่ได้หักผ่อน
เพื่อแบ่งให้ครอบครัวรายเดือน เฉลี่ยเดือนละ 4หมื่น ดังนั้น เงินรายเดือน ผมไม่พอใช้ เพราะ 25000 บาทต้องหักลบ ค่าผ่อนธนาคาร 15000 บาท จึงต้องใช้เงินเก็บที่เคยสะสม มาแบ่งใช้ รายเดือนเพิ่ม และมันก็ลดลงเรื่อยๆ
ก่อนผมเข้ามา ผมคิดว่า เป็นหมอ ต้องต่อเฉพาะทางทุกคน เพราะสังคมนี้ ใช้เฉพาะทางข่มแพทย์ทั่วไป และ คิดว่า สาขานี้ เป็นสาขาที่เหมาะกับตัวผมที่สุด แต่พอมาเทรนแล้ว ผมกลับรู้สึกไม่โอเคกับชีวิตในปัจจุบัน ผมกลับมานั่งเครียดทุกวัน บางครั้งแอบร้องไห้คนเดียว แต่ไม่อยากบอกใคร เพราะผมรู้ว่า บอกไปก็ได้คำตอบเดิม คือ สู้ๆนะ /ทนเรียนให้จบๆไป /เพื่อนเรียนได้ทำไมเราเรียนไม่ได้ แต่ไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกของตัวผมเอง
ผมพยายามฝืนแล้วนะ ตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา ก็รู้สึกว่า เดี๋ยววันๆนึงก็ผ่านไป ขึ้นเช้าวันใหม่ วงจรเดิมก็กลับมา
สิ่งที่เคยวาดฝัน หลังเทรนจบ คือการกลับไปพัฒนา รพ. ในสาขาที่ได้เรียนมา แต่รู้ไหมครับ เบื้องหลังก่อนมาเรียน ผมโดนกดดันจากระบบราชการเยอะมาก ในเรื่องของทุน จนคิดจะลาออกจากราชการตั้งแต่ก่อนรับสมัครเทรน และหากกลับไป รพ.ที่ขอทุนมา ตึกที่สร้างเพื่อรองรับเฉพาะทาง ก็ไม่มีทางสร้างเสร็จ เพราะช่างรับเหมาทิ้งงาน จริงๆมันกำหนดเสร็จตั้งแต่ ปี 59 แล้ว ตอนนี้ยังไม่ดำเนินเรื่องต่อ และเครื่องมือ ก็มีไม่มากพอ กลับไป ก็คงมีงานเทียบเท่าหมอ GP และรายได้ก็เท่าหมอ GP แหละครับ เพราะมันเป็น รพ.ชุมชน
การมาเรียนมันก็มีข้อดีนะครับ เพราะมันทำให้ผมรู้ว่า ตัวผมไม่เหมาะกับคำว่าเฉพาะทาง ชีวิตผมยังอยากทำอะไรอีกเยอะ อายุ ก็ 30 กว่าปีแล้ว ยัง....
-อยากมีเงินเก็บ ตั้งตัว ให้ได้มากกว่านี้ เพราะครอบครัวผมไม่ได้มาจากคนรวย ผมทำงานจ่ายหนี้ให้ครอบครัว จนใกล้หมดหนี้ แต่ตัวเองแทบไม่มีเงินเก็บ เทียบกับเพื่อนคนอื่น มีเงินเก็บหลักล้าน ในช่วงเวลาเดียวกัน
-อยากเรียนภาษา พัฒนาตัวเอง
และสำคัญเลย คือ อยากมีความสุข ในตัวตนที่ผมเป็น
ความสุขในชีวิตผมลดลงทุกวัน จากที่เคยร่าเริง พอกลับมาจาก รพ ก็จะ ตึงเครียด เบื่อหน่าย แต่ยังไม่ถึงคิดสั้นนะครับ ผมรู้ดีว่าผลเสียหาก off training คือ
-กระแสลบ จากคนรอบข้าง เช่น เห็นไหม บอกตั้งใจมาเรียนเพื่อ รพ. คนไข้ สุดท้ายก็ออก / เรียนไม่ไหวเหรอแค่นี้ บลาๆๆๆ โดยเฉพาะพ่อผม ซึ่งทำงานในระบบสาธารณสุขมาก่อน และมีญาติเป็นหมอ พ่อจะไม่คุยกับผมในเรื่องนี้เลย เพราะไม่รู้ว่า ถ้าลาออก จะไปบอกเขาว่าอะไรเวลาโดนถาม พ่อค่อนข้างผิกไอเดียเรื่องชนชั้นวิชาชีพ
-โดนใช้ทุน จากต้นสังกัด สองเท่า คือจ่ายเงินเดือนคืนที่ได้มา ตลอดการเทรน
-ภาควิชา คงเรียกมาคุย ถึงเหตุผล และคงรั้งไม่ให้ลาออก อย่างมากคงให้ drop ไปก่อน
และคงมีอีกหลายอย่าง แต่ คนเหล่านั้น ก็แค่คิดเห็น ไม่ได้มาช่วยให้ชีวิตผมดีขึ้น
ผมกำลังมีความคิด ตัดสินใจจะลาออกจากเทรนนิ่ง และจ่ายเงินใช้ทุนคืน จากนั้น ลาออกจากระบบราชการ ไปทำงานเอกชน เก็บเงิน หาความสุขให้ตัวเอง โดยที่ผมไม่รู้ว่า เหตุผลคำว่า เฉพาะทางสาขานี้ ไม่เหมาะกับตัวผม มันจะเป็นเหตุผล ให้ผมออกไปหาตัวตนได้รึเปล่า
แต่ที่รู้ตอนนี้คือ ชีวิตผมไม่มีความสุข ผมควรทำไงดีครับ