พี่สาวผมได้เข้ารับตำแหน่งในหน่วยงานราชการ หน่วยงานหนึ่งเมื่อธันวาคมปี 60 ในพื้นที่กรุงเทพฯ แต่เดิมเคยปฏิบัติงานเป็นลูกจ้างของรัฐมาโดยตลอด ซึ่งแน่นอนถึงอายุราชการจะน้อย แต่การทำงานจริงก็ทำมาอย่างยาวนาน และได้รับการชื่นชมอยู่บ่อย ๆ ซึ่งเดิมครอบครัวก็มีพื้นเพอยู่ต่างจังหวัดทางภาคใต้ และโดยส่วนมากคนส่วนใหญ่ ก็ต้องอยากย้ายกลับภูมิลำเนาถูกต้องไหมครับ ซึ่งพี่สาวผมเป็นคนไม่ชอบใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ ซักเท่าไหร่นัก และเมื่อครบกำหนดตามราชการ ก็สามารถยื่นคำร้องเพื่อขอย้ายพื้นที่การปฏิบัติงานได้
และเรื่องที่ชวนหงุดหงิดมันเกิดขึ้นตอนนี้แหละครับ พี่สาวผมเล่าให้ฟังว่า เค้าส่งเอกสารเป็นวันแรก ๆ ที่มีกำหนดการแจ้งเข้ามา โดยเลือกตามตำแหน่งที่ว่างเป็นพื้นที่จังหวัดภาคใต้ทั้งหมด ซึ่งแน่นอนโอกาสได้ย้ายมันก็จะสูงไปด้วย เพราะไม่ได้เฉพาะเจาะจงไปที่ใดที่หนึ่ง แต่ฝันร้ายก็มาเยือนเมื่อผู้บังคับบัญชา เดินมาพร้อมกับเอกสารขอย้ายของพี่สาว กับ น้องผู้หญิงอีกคนนึง พร้อมกับแจ้งให้ทราบเป็นการขอร้องเชิงบังคับว่า ขอไม่ให้ย้ายจนกว่าท่านจะพ้นวาระตำแหน่งที่ท่านดำรงอยู่ได้หรือไม่ แล้วค่อยไปขอย้ายอีกครั้งเดือนตุลาคมปี 62 เพราะเหตุผลที่ว่า ข้าราชการคนที่ยังปฏิบัติงานอยู่ในส่วนงานเดียวกัน ไม่สามารถรองรับงาน หรือ ปฏิบัติงานได้ ซึ่งหากขาดพี่สาว กับน้องผู้หญิงคนนี้ไป จะทำให้ส่วนงานที่สังกัดอยู่ ไม่สามารถดำเนินงานได้
ซึ่งตัวผมเองก็ยังพอเข้าใจในความจำเป็นเรื่องการไม่อนุมัติในการขอย้าย แต่มันไม่มีวิธีไหนที่จะเอาข้าราชการที่ไร้ศักยภาพเหล่านั้นออกจากองค์กรได้เลยเหรอครับ ผมเองก็ได้ฟังเรื่องเล่าอยู่บ่อย ๆ ว่าคนที่รับผิดชอบงานทำงานไม่ได้ บ้างก็อ้างนั่นอ้างนี่ บ้างก็ทิ้งไว้เฉย ๆ จนพี่สาวผมเองก็ต้องอาสาเข้าไปทำให้มันสำเร็จเสร็จสิ้น แล้วบุคลากรเหล่านั้นก็ทำงานแบบเช้าชามเย็นชาม เดินทางมานั่งตากแอร์ให้ครบเวลา รอรับเงินเดือน รอวันเกษียณ ถ้าตำแหน่งของคนเหล่านี้ว่าง อย่างน้อย ๆ อาจจะเด็กรุ่นใหม่ที่สอบข้าราชการได้มาทำงานทดแทน มันก็อาจจะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ที่สาเหตุ ก็จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก
แล้วยิ่งตอนนี้หน่วยงานก็กำลังจะย้ายที่ตั้งไปอยู่ในเขตปริมณฑลด้วย แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายต้องเพิ่มขึ้น เพราะต้องไปเช่าห้อง เช่าหอ เช่าบ้านอยู่ (ปัจจุบันพี่สาวอาศัยอยู่ที่บ้านผมในกรุงเทพฯ) แต่สิ่งที่น่าหดหู่ไปกว่านั้นคือเหตุการณ์นี้เคยเกิดมาแล้ว กับน้องผู้หญิงที่ผมพูดถึง เมื่อช่วงเดือนเมษายนปี 61 คุณพ่อของน้องใช้ชีวิตลำพังอยู่ต่างจังหวัด แต่คำร้องขอย้ายไม่มีผล ด้วยเหตุผลเดียวกัน จนคุณพ่อน้องป่วยและเสียชีวิตไปในที่สุด ลองคิดดูสิครับ ว่ามันน่าเจ็บปวดขนาดไหน แต่ก็ต้องกลั้นใจทำงานต่อไป จะไปดูแลพ่อก็ทำไม่ได้
สุดท้ายนี้พอจะมีทางไหนที่ทำให้คำร้องเป็นผลตามการพิจารณาโดยเกณฑ์ทั่วไป ที่ไม่ใช่เพียงเพราะรั้งเอาไว้ทำงานแทนคนที่ไร้ศักยภาพและประสิทธิภาพเหล่านี้ได้บ้างครับ เรื่องเพิ่มค่าตอบแทนก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะตามระเบียบไหน ๆ ก็คงไม่มีระบุรองรับไว้ในส่วนนี้ ว่าทำงานแทนคนอื่นแล้วจะมีรายได้เพิ่มตอนนี้กลายเป็นว่าเหมือนคนไม่กี่คนทำงานควบรวมทั้งส่วนงาน จะขอย้ายกลับไปทำต่างจังหวัดเหมือนเดิมก็ไม่ได้ เพราะตอนบรรจุแกเลือกพื้นที่กรุงเทพฯ เพราะตำแหน่งที่ตจว. ณ ตอนนั้น ประกอบกับผมอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯอยู่แล้ว ก็คิดว่าอดทนให้ครบวาระ 1 ปี ตามระเบียบ ก็จะขอย้ายกลับตจว.แต่พอเจอเหตุการณ์แบบนี้ แอบเซ็งแทนพี่สาวแล้วก็ดูพี่สาวผมเครียดหน่อย ๆ ด้วย
ขอปรึกษา เรื่องพี่สาวขอย้ายพื้นที่ปฏิบัติงาน แต่ถูกดึงเอกสารคำร้องออก เพียงเพราะคนที่มีอยู่ไม่สามารถปฏิบัติงานได้
และเรื่องที่ชวนหงุดหงิดมันเกิดขึ้นตอนนี้แหละครับ พี่สาวผมเล่าให้ฟังว่า เค้าส่งเอกสารเป็นวันแรก ๆ ที่มีกำหนดการแจ้งเข้ามา โดยเลือกตามตำแหน่งที่ว่างเป็นพื้นที่จังหวัดภาคใต้ทั้งหมด ซึ่งแน่นอนโอกาสได้ย้ายมันก็จะสูงไปด้วย เพราะไม่ได้เฉพาะเจาะจงไปที่ใดที่หนึ่ง แต่ฝันร้ายก็มาเยือนเมื่อผู้บังคับบัญชา เดินมาพร้อมกับเอกสารขอย้ายของพี่สาว กับ น้องผู้หญิงอีกคนนึง พร้อมกับแจ้งให้ทราบเป็นการขอร้องเชิงบังคับว่า ขอไม่ให้ย้ายจนกว่าท่านจะพ้นวาระตำแหน่งที่ท่านดำรงอยู่ได้หรือไม่ แล้วค่อยไปขอย้ายอีกครั้งเดือนตุลาคมปี 62 เพราะเหตุผลที่ว่า ข้าราชการคนที่ยังปฏิบัติงานอยู่ในส่วนงานเดียวกัน ไม่สามารถรองรับงาน หรือ ปฏิบัติงานได้ ซึ่งหากขาดพี่สาว กับน้องผู้หญิงคนนี้ไป จะทำให้ส่วนงานที่สังกัดอยู่ ไม่สามารถดำเนินงานได้
ซึ่งตัวผมเองก็ยังพอเข้าใจในความจำเป็นเรื่องการไม่อนุมัติในการขอย้าย แต่มันไม่มีวิธีไหนที่จะเอาข้าราชการที่ไร้ศักยภาพเหล่านั้นออกจากองค์กรได้เลยเหรอครับ ผมเองก็ได้ฟังเรื่องเล่าอยู่บ่อย ๆ ว่าคนที่รับผิดชอบงานทำงานไม่ได้ บ้างก็อ้างนั่นอ้างนี่ บ้างก็ทิ้งไว้เฉย ๆ จนพี่สาวผมเองก็ต้องอาสาเข้าไปทำให้มันสำเร็จเสร็จสิ้น แล้วบุคลากรเหล่านั้นก็ทำงานแบบเช้าชามเย็นชาม เดินทางมานั่งตากแอร์ให้ครบเวลา รอรับเงินเดือน รอวันเกษียณ ถ้าตำแหน่งของคนเหล่านี้ว่าง อย่างน้อย ๆ อาจจะเด็กรุ่นใหม่ที่สอบข้าราชการได้มาทำงานทดแทน มันก็อาจจะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ที่สาเหตุ ก็จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก
แล้วยิ่งตอนนี้หน่วยงานก็กำลังจะย้ายที่ตั้งไปอยู่ในเขตปริมณฑลด้วย แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายต้องเพิ่มขึ้น เพราะต้องไปเช่าห้อง เช่าหอ เช่าบ้านอยู่ (ปัจจุบันพี่สาวอาศัยอยู่ที่บ้านผมในกรุงเทพฯ) แต่สิ่งที่น่าหดหู่ไปกว่านั้นคือเหตุการณ์นี้เคยเกิดมาแล้ว กับน้องผู้หญิงที่ผมพูดถึง เมื่อช่วงเดือนเมษายนปี 61 คุณพ่อของน้องใช้ชีวิตลำพังอยู่ต่างจังหวัด แต่คำร้องขอย้ายไม่มีผล ด้วยเหตุผลเดียวกัน จนคุณพ่อน้องป่วยและเสียชีวิตไปในที่สุด ลองคิดดูสิครับ ว่ามันน่าเจ็บปวดขนาดไหน แต่ก็ต้องกลั้นใจทำงานต่อไป จะไปดูแลพ่อก็ทำไม่ได้
สุดท้ายนี้พอจะมีทางไหนที่ทำให้คำร้องเป็นผลตามการพิจารณาโดยเกณฑ์ทั่วไป ที่ไม่ใช่เพียงเพราะรั้งเอาไว้ทำงานแทนคนที่ไร้ศักยภาพและประสิทธิภาพเหล่านี้ได้บ้างครับ เรื่องเพิ่มค่าตอบแทนก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะตามระเบียบไหน ๆ ก็คงไม่มีระบุรองรับไว้ในส่วนนี้ ว่าทำงานแทนคนอื่นแล้วจะมีรายได้เพิ่มตอนนี้กลายเป็นว่าเหมือนคนไม่กี่คนทำงานควบรวมทั้งส่วนงาน จะขอย้ายกลับไปทำต่างจังหวัดเหมือนเดิมก็ไม่ได้ เพราะตอนบรรจุแกเลือกพื้นที่กรุงเทพฯ เพราะตำแหน่งที่ตจว. ณ ตอนนั้น ประกอบกับผมอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯอยู่แล้ว ก็คิดว่าอดทนให้ครบวาระ 1 ปี ตามระเบียบ ก็จะขอย้ายกลับตจว.แต่พอเจอเหตุการณ์แบบนี้ แอบเซ็งแทนพี่สาวแล้วก็ดูพี่สาวผมเครียดหน่อย ๆ ด้วย