' .. If you never go, you'll never know.'
ไปเที่ยวญี่ปุ่นมาก็หลายครั้ง แต่นี่เป็นการไปเที่ยวโอกินาวาครั้งแรกของเรา
ไม่คิดว่าทริปที่ตัดสินใจไปแบบปุบปับเพราะเจอตั๋วโปรฯ ของ Peach Air
จะทำให้เราได้รู้ว่าโอกินาวานั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามมากกว่าที่คิด
วันนี้ก็เลยอยากเอาข้อมูลและสถานที่แปลกใหม่ที่มีโอกาสได้ไปเจอมาแบ่งปัน
ออกตัวก่อนว่าทริปนี้เราไม่ได้เข้าอควาเรียมชื่อดังอย่าง Churaumi Aquarium นะคะ
ฉะนั้นถือว่าโพสต์นี้เป็นไอเดียเที่ยวโอกินาวาในมุมแปลกใหม่แล้วกันน้า
เผื่อใครไปหลายวันแล้วมีช่วงเวลาว่างๆ อยากลองหาที่ใหม่ๆ เที่ยวดูบ้าง
หวังว่าสถานที่ท่องเที่ยวเที่ยวในทริปนี้จะสามารถเป็นไกด์ให้ได้อย่างไม่มากก็น้อยจ้า : )
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับ “โอกินาวา”
o โอกินาวา นับเป็นเกาะที่อยู่ทางใต้สุดของประเทศญี่ปุ่น ฟังดูอาจเหมือนเป็นแค่เกาะเล็กๆ แต่แท้จริงแล้ว โอกินาวาถือได้ว่าเป็นหมู่เกาะที่ประกอบไปด้วยเกาะน้อยใหญ่มากมายกว่า 160 เกาะเลยทีเดียว โดยบางเกาะนั้นสามารถขับรถข้ามสะพานที่ทอดยาวผ่านมหาสมุทรไปเที่ยวได้โดยไม่ต้องนั่งเรือข้ามไปเลยนา
o แม้จะได้ชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น แต่ในอดีต โอกินาวาเคยเป็นรัฐอิสระที่ปกครองตนเอง รวมถึงมีวัฒนธรรมและภาษาเป็นของตัวเองด้วย โดยอาณาจักรริวกิวหรือโอกินาวาในยุคก่อนได้ถูกแคว้นซัทสึมะหรือจังหวัดคาโกชิมะในปัจจุบัน ยกพลบุกยึดจนต้องตกอยู่ภายใต้การปกครองของญี่ปุ่นและได้กลายมาเป็นจังหวัดโอกินาวา Aloha ฮาวายสไตล์เจแปนจนถึงทุกวันนี้นั่นเอง
o ถ้าได้ไปโอกินาวา จะสังเกตเห็นว่าในหลายสถานที่นั้นมีกลิ่นอายอเมริกันในยุคเก่าก่อนให้ได้สัมผัสกันอยู่เนืองๆ นั่นอาจเป็นเพราะโอกินาวาเองเคยถูกใช้เป็นฐานทัพของประเทศสหรัฐอเมริกาในช่วงสงครามโลก โอกินาวาจึงได้สมญานามว่าเป็น ฮาวายสไตล์แดนปลาดิบ รวมถึงเป็นสถานที่พักผ่อนตากอากาศของคนญี่ปุ่นในทุกช่วงฤดูกาล เนื่องจากสภาพอากาศที่ค่อนข้างอบอุ่นตลอดทั้งปีแม้แต่ในช่วงฤดูหนาวก็ยังสามารถบินไปเที่ยวลั่นล้าได้แบบเย็นสบายทั้งกายใจจ้า
บินไปโอกินาวากับ Peach Air
ได้ยินชื่อ Peach Air ผ่านหูอยู่บ่อยๆ ว่าเป็นสายการบินโลว์คอสที่มีตั๋วโปรฯ ไปโอกินาวาในราคาถูก แต่ก็ปล่อยให้ผ่านหูไปทุกที เพราะข่าวเทผู้โดยสารนั่นแล แต่ครั้งนี้มันอดใจไม่ไหว เพราะอยากเที่ยวแต่งบน้อย ได้จังหวะ Peach Air ปล่อยตั๋วโปรโมชั่นในราคา 4,xxx บาท ออกมาพอดี ก็เลยมือลั่น! จองล่วงหน้าไปไม่ถึง 2 อาทิตย์ ราคาที่เรากดได้คือ ..
ขาไป Bkk - Naha 2,430 บาท/คน (รวมภาษีแล้ว แต่ไม่รวมน้ำหนักกระเป๋าและที่นั่ง)
ขากลับ Naha - Bkk 1,730 บาท/คน (รวมภาษีแล้ว แต่ไม่รวมน้ำหนักกระเป๋าและที่นั่ง)
รวมไป - กลับ 4,160 บาท/คน
สายการบินนี้อนุญาตให้นำกระเป๋าถือขึ้นเครื่องได้ 2 ชิ้น คือกระเป๋าสัมภาระ 1 ใบ + กระเป๋าถือใบเล็กอีก 1 ใบ โดยต้องมีน้ำหนักรวมกันไม่เกิน 7 กิโลกรัม ก่อนไปอ่านรีวิวมาเยอะว่า Peach Air ค่อนข้างเข้มเรื่องน้ำหนักกระเป๋า ซึ่งตอนขาออกจากไทยไม่ค่อยเท่าไรนะคะ เจ้าหน้าที่ไม่ได้ตรวจอะไร แต่ตอนกลับจากโอกินาวา ที่ญี่ปุ่นค่อนข้างเคร่งกว่าไทย มีเครื่องชั่งก่อนเข้าเกท แต่ก็มีเครื่องชั่งเอาไว้ให้ตรงแถวเช็คอินด้วย ฉะนั้นเช็คก่อนได้ ส่วนตัวเราซื้อน้ำหนักกระเป๋าเดินทางสำหรับโหลดเพิ่มแค่ 1 ใบ ราคา 980 บาท ได้น้ำหนัก 20 กิโลกรัม ชั่งได้ 19.8 กิโลฯ เกือบเต็มแม็กเพราะพร็อพเยอะ 5555
ส่วนประสบการณ์กับน้องพีชครั้งแรกนั้นก็ต้องเรียกได้ว่าค่อนข้างประทับใจ เพราะไม่ได้ดีเลย์หรือโดนเทแต่อย่างใด แต่ที่ถูกใจที่สุดก็คือเวลาบินค่ะ เพราะไฟลท์ขาไป Bkk – Naha เครื่องออกตอน 01:45 น. ถึงโอกินาวาตอนเช้า 08:05 น. สามารถออกเที่ยวได้ทันทีแบบเต็มวัน ส่วนขากลับ เครื่องออกตอน 21:45 น. มีเวลาลั้นล้าก่อนกลับได้อีกหนึ่งวันเต็มๆ ถึงแม้จะส่งอีเมลมาแบบงงๆ หน่อย เพราะแจ้งเตือนวันเดินทางผิด แต่ด้วยราคาที่แสนเป็นมิตร ถือว่าโอเคเลยสำหรับการบินไปเที่ยวญี่ปุ่นราคาที่ถูกขนาดนี้จ้า
เช่ารถขับกับ OTS Rent a car
ทริปนี้เราเลือกเช่ารถกับ OTS Rent a car ซึ่งเป็นบริษัทเช่ารถเจ้าดังในโอกินาวา เพราะเปรียบเทียบราคาแล้วค่อนข้างถูกกว่าเจ้าอื่นๆ เช่าทั้งหมด 5 วัน ราคา 16,200 เยน หรือประมาณ 4,700 บาท แล้วเลือกซื้อประกันเพิ่มแบบ Safety Pack อีก 540 เยน/วัน รวม 2,700 เยน ค่าน้ำมันทั้งหมดประมาณ 3,500 เยน ตกเป็นเงินไทยประมาณพันนิดๆ สรุปรวมค่าเช่ารถในทริปนี้คือ 6,500 บาท ได้รถรุ่นเล็ก Toyota Aqua ขับกัน 2 คน หารแล้วก็จะตกคนละ 3,250 บาทเท่านั้นเองค่ะ
ที่โอกินาวา เราสามารถเลือกคืนรถต่างสาขากันได้นะคะ เช่น รับรถที่สนามบินแล้วเลือกคืนในเมือง ก็ไม่เสียค่าส่วนต่างเหมือนภูมิภาคอื่นๆ ในญี่ปุ่น โดย OTS นั้นมีเคาน์เตอร์รับ - คืน รถอยู่ทั้งหมด 4 สาขาในเกาะหลักโอกินาวา และมี 3 สาขาในเกาะย่อยของโอกินาวาอย่าง Ishigaki Island / Miyako Island และ Shimoji Island ซึ่งทริปนี้เราเลือกรับที่สาขาใหญ่ Rinku-Toyosaki Main Office ที่อยู่ใกล้สนามบินมากที่สุด เพราะลงจากเครื่องแล้วสามารถติดต่อที่เคาน์เตอร์ในสนามบินได้เลย แล้วเขาจะมี Shuttle Bus ไปส่งยังสาขาหลักอีกที ที่สนามบินมีพนักงานคนไทยด้วยค่ะ ฉะนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะสื่อสารไม่รู้เรื่อง จะมีพี่คนไทยคอยจัดคิว เรียกคิวให้เสร็จสรรพค่า
แล้วถ้าไม่เช่ารถจะสามารถเที่ยวในโอกินาวาได้ไหม?
อันที่จริงแล้วเราสามารถไปเที่ยวโอกินาวาแบบไม่เช่ารถขับก็ได้ค่ะ แต่ก็จะไม่ค่อยสะดวกเท่าไร เพราะรถไฟโมโนเรลมีแค่ในเมืองนาฮา (Naha) ซึ่งเป็นเมืองหลวงเท่านั้น ถ้าจะออกไปเที่ยวนอกเมืองต้องพึ่งรถบัส (ที่รอบน้อย) หรือซื้อทัวร์แบบ One Day Trip อย่างเดียว ฉะนั้นการเช่ารถขับเที่ยวจึงอิสระมากกว่า .. การเช่ารถขับในญี่ปุ่นนั้นง่ายกว่าประเทศอื่นๆ นะคะ เพราะบางบริษัทไม่ต้องใช้บัตรเครดิตเพื่อประกันวงเงิน แล้วก็สามารถจ่ายเงินเงินสดในวันที่รับรถได้เลย อย่างเช่น OTS เป็นต้น ที่สำคัญยังขับพวงมาลัยขวา ฝั่งเดียวกับบ้านเรา ยิ่งเป็นในโอกินาวาด้วยแล้วยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่ เพราะถนนค่อนข้างโล่ง พอออกนอกเมืองแล้วรถน้อย คนญี่ปุ่นก็ขับรถกันตามกฎระเบียบ ฉะนั้นปลอดภัย หายห่วง ไม่ต้องกังวลเลยค่ะ : )
ระบบคมนาคมหลักในเมืองนาฮา คือ Yui Rail มีแค่ 15 สถานีเท่านั้น ระยะทางทั้งหมดประมาณ 13 กิโลเมตร แต่ก็ครอบคลุมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ในเมืองนาฮา สำหรับค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 150 เยน ถ้าใครมีแพลนขึ้นหลายเที่ยวจะซื้อเป็น 1 Day Ticket ก็ได้ ราคาอยู่ที่ 800 เยน ต่อ 1 วันค่า
[CR] Unseen O k i n a w a ; ญี่ปุ่นในงบ 15,000 กับโอกินาวาในมุมแปลกใหม่
ไปเที่ยวญี่ปุ่นมาก็หลายครั้ง แต่นี่เป็นการไปเที่ยวโอกินาวาครั้งแรกของเรา
ไม่คิดว่าทริปที่ตัดสินใจไปแบบปุบปับเพราะเจอตั๋วโปรฯ ของ Peach Air
จะทำให้เราได้รู้ว่าโอกินาวานั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามมากกว่าที่คิด
วันนี้ก็เลยอยากเอาข้อมูลและสถานที่แปลกใหม่ที่มีโอกาสได้ไปเจอมาแบ่งปัน
ออกตัวก่อนว่าทริปนี้เราไม่ได้เข้าอควาเรียมชื่อดังอย่าง Churaumi Aquarium นะคะ
ฉะนั้นถือว่าโพสต์นี้เป็นไอเดียเที่ยวโอกินาวาในมุมแปลกใหม่แล้วกันน้า
เผื่อใครไปหลายวันแล้วมีช่วงเวลาว่างๆ อยากลองหาที่ใหม่ๆ เที่ยวดูบ้าง
หวังว่าสถานที่ท่องเที่ยวเที่ยวในทริปนี้จะสามารถเป็นไกด์ให้ได้อย่างไม่มากก็น้อยจ้า : )
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับ “โอกินาวา”
o โอกินาวา นับเป็นเกาะที่อยู่ทางใต้สุดของประเทศญี่ปุ่น ฟังดูอาจเหมือนเป็นแค่เกาะเล็กๆ แต่แท้จริงแล้ว โอกินาวาถือได้ว่าเป็นหมู่เกาะที่ประกอบไปด้วยเกาะน้อยใหญ่มากมายกว่า 160 เกาะเลยทีเดียว โดยบางเกาะนั้นสามารถขับรถข้ามสะพานที่ทอดยาวผ่านมหาสมุทรไปเที่ยวได้โดยไม่ต้องนั่งเรือข้ามไปเลยนา
o แม้จะได้ชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น แต่ในอดีต โอกินาวาเคยเป็นรัฐอิสระที่ปกครองตนเอง รวมถึงมีวัฒนธรรมและภาษาเป็นของตัวเองด้วย โดยอาณาจักรริวกิวหรือโอกินาวาในยุคก่อนได้ถูกแคว้นซัทสึมะหรือจังหวัดคาโกชิมะในปัจจุบัน ยกพลบุกยึดจนต้องตกอยู่ภายใต้การปกครองของญี่ปุ่นและได้กลายมาเป็นจังหวัดโอกินาวา Aloha ฮาวายสไตล์เจแปนจนถึงทุกวันนี้นั่นเอง
o ถ้าได้ไปโอกินาวา จะสังเกตเห็นว่าในหลายสถานที่นั้นมีกลิ่นอายอเมริกันในยุคเก่าก่อนให้ได้สัมผัสกันอยู่เนืองๆ นั่นอาจเป็นเพราะโอกินาวาเองเคยถูกใช้เป็นฐานทัพของประเทศสหรัฐอเมริกาในช่วงสงครามโลก โอกินาวาจึงได้สมญานามว่าเป็น ฮาวายสไตล์แดนปลาดิบ รวมถึงเป็นสถานที่พักผ่อนตากอากาศของคนญี่ปุ่นในทุกช่วงฤดูกาล เนื่องจากสภาพอากาศที่ค่อนข้างอบอุ่นตลอดทั้งปีแม้แต่ในช่วงฤดูหนาวก็ยังสามารถบินไปเที่ยวลั่นล้าได้แบบเย็นสบายทั้งกายใจจ้า
บินไปโอกินาวากับ Peach Air
ได้ยินชื่อ Peach Air ผ่านหูอยู่บ่อยๆ ว่าเป็นสายการบินโลว์คอสที่มีตั๋วโปรฯ ไปโอกินาวาในราคาถูก แต่ก็ปล่อยให้ผ่านหูไปทุกที เพราะข่าวเทผู้โดยสารนั่นแล แต่ครั้งนี้มันอดใจไม่ไหว เพราะอยากเที่ยวแต่งบน้อย ได้จังหวะ Peach Air ปล่อยตั๋วโปรโมชั่นในราคา 4,xxx บาท ออกมาพอดี ก็เลยมือลั่น! จองล่วงหน้าไปไม่ถึง 2 อาทิตย์ ราคาที่เรากดได้คือ ..
ขาไป Bkk - Naha 2,430 บาท/คน (รวมภาษีแล้ว แต่ไม่รวมน้ำหนักกระเป๋าและที่นั่ง)
ขากลับ Naha - Bkk 1,730 บาท/คน (รวมภาษีแล้ว แต่ไม่รวมน้ำหนักกระเป๋าและที่นั่ง)
รวมไป - กลับ 4,160 บาท/คน
สายการบินนี้อนุญาตให้นำกระเป๋าถือขึ้นเครื่องได้ 2 ชิ้น คือกระเป๋าสัมภาระ 1 ใบ + กระเป๋าถือใบเล็กอีก 1 ใบ โดยต้องมีน้ำหนักรวมกันไม่เกิน 7 กิโลกรัม ก่อนไปอ่านรีวิวมาเยอะว่า Peach Air ค่อนข้างเข้มเรื่องน้ำหนักกระเป๋า ซึ่งตอนขาออกจากไทยไม่ค่อยเท่าไรนะคะ เจ้าหน้าที่ไม่ได้ตรวจอะไร แต่ตอนกลับจากโอกินาวา ที่ญี่ปุ่นค่อนข้างเคร่งกว่าไทย มีเครื่องชั่งก่อนเข้าเกท แต่ก็มีเครื่องชั่งเอาไว้ให้ตรงแถวเช็คอินด้วย ฉะนั้นเช็คก่อนได้ ส่วนตัวเราซื้อน้ำหนักกระเป๋าเดินทางสำหรับโหลดเพิ่มแค่ 1 ใบ ราคา 980 บาท ได้น้ำหนัก 20 กิโลกรัม ชั่งได้ 19.8 กิโลฯ เกือบเต็มแม็กเพราะพร็อพเยอะ 5555
ส่วนประสบการณ์กับน้องพีชครั้งแรกนั้นก็ต้องเรียกได้ว่าค่อนข้างประทับใจ เพราะไม่ได้ดีเลย์หรือโดนเทแต่อย่างใด แต่ที่ถูกใจที่สุดก็คือเวลาบินค่ะ เพราะไฟลท์ขาไป Bkk – Naha เครื่องออกตอน 01:45 น. ถึงโอกินาวาตอนเช้า 08:05 น. สามารถออกเที่ยวได้ทันทีแบบเต็มวัน ส่วนขากลับ เครื่องออกตอน 21:45 น. มีเวลาลั้นล้าก่อนกลับได้อีกหนึ่งวันเต็มๆ ถึงแม้จะส่งอีเมลมาแบบงงๆ หน่อย เพราะแจ้งเตือนวันเดินทางผิด แต่ด้วยราคาที่แสนเป็นมิตร ถือว่าโอเคเลยสำหรับการบินไปเที่ยวญี่ปุ่นราคาที่ถูกขนาดนี้จ้า
เช่ารถขับกับ OTS Rent a car
ทริปนี้เราเลือกเช่ารถกับ OTS Rent a car ซึ่งเป็นบริษัทเช่ารถเจ้าดังในโอกินาวา เพราะเปรียบเทียบราคาแล้วค่อนข้างถูกกว่าเจ้าอื่นๆ เช่าทั้งหมด 5 วัน ราคา 16,200 เยน หรือประมาณ 4,700 บาท แล้วเลือกซื้อประกันเพิ่มแบบ Safety Pack อีก 540 เยน/วัน รวม 2,700 เยน ค่าน้ำมันทั้งหมดประมาณ 3,500 เยน ตกเป็นเงินไทยประมาณพันนิดๆ สรุปรวมค่าเช่ารถในทริปนี้คือ 6,500 บาท ได้รถรุ่นเล็ก Toyota Aqua ขับกัน 2 คน หารแล้วก็จะตกคนละ 3,250 บาทเท่านั้นเองค่ะ
ที่โอกินาวา เราสามารถเลือกคืนรถต่างสาขากันได้นะคะ เช่น รับรถที่สนามบินแล้วเลือกคืนในเมือง ก็ไม่เสียค่าส่วนต่างเหมือนภูมิภาคอื่นๆ ในญี่ปุ่น โดย OTS นั้นมีเคาน์เตอร์รับ - คืน รถอยู่ทั้งหมด 4 สาขาในเกาะหลักโอกินาวา และมี 3 สาขาในเกาะย่อยของโอกินาวาอย่าง Ishigaki Island / Miyako Island และ Shimoji Island ซึ่งทริปนี้เราเลือกรับที่สาขาใหญ่ Rinku-Toyosaki Main Office ที่อยู่ใกล้สนามบินมากที่สุด เพราะลงจากเครื่องแล้วสามารถติดต่อที่เคาน์เตอร์ในสนามบินได้เลย แล้วเขาจะมี Shuttle Bus ไปส่งยังสาขาหลักอีกที ที่สนามบินมีพนักงานคนไทยด้วยค่ะ ฉะนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะสื่อสารไม่รู้เรื่อง จะมีพี่คนไทยคอยจัดคิว เรียกคิวให้เสร็จสรรพค่า
แล้วถ้าไม่เช่ารถจะสามารถเที่ยวในโอกินาวาได้ไหม?
อันที่จริงแล้วเราสามารถไปเที่ยวโอกินาวาแบบไม่เช่ารถขับก็ได้ค่ะ แต่ก็จะไม่ค่อยสะดวกเท่าไร เพราะรถไฟโมโนเรลมีแค่ในเมืองนาฮา (Naha) ซึ่งเป็นเมืองหลวงเท่านั้น ถ้าจะออกไปเที่ยวนอกเมืองต้องพึ่งรถบัส (ที่รอบน้อย) หรือซื้อทัวร์แบบ One Day Trip อย่างเดียว ฉะนั้นการเช่ารถขับเที่ยวจึงอิสระมากกว่า .. การเช่ารถขับในญี่ปุ่นนั้นง่ายกว่าประเทศอื่นๆ นะคะ เพราะบางบริษัทไม่ต้องใช้บัตรเครดิตเพื่อประกันวงเงิน แล้วก็สามารถจ่ายเงินเงินสดในวันที่รับรถได้เลย อย่างเช่น OTS เป็นต้น ที่สำคัญยังขับพวงมาลัยขวา ฝั่งเดียวกับบ้านเรา ยิ่งเป็นในโอกินาวาด้วยแล้วยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่ เพราะถนนค่อนข้างโล่ง พอออกนอกเมืองแล้วรถน้อย คนญี่ปุ่นก็ขับรถกันตามกฎระเบียบ ฉะนั้นปลอดภัย หายห่วง ไม่ต้องกังวลเลยค่ะ : )
ระบบคมนาคมหลักในเมืองนาฮา คือ Yui Rail มีแค่ 15 สถานีเท่านั้น ระยะทางทั้งหมดประมาณ 13 กิโลเมตร แต่ก็ครอบคลุมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ในเมืองนาฮา สำหรับค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 150 เยน ถ้าใครมีแพลนขึ้นหลายเที่ยวจะซื้อเป็น 1 Day Ticket ก็ได้ ราคาอยู่ที่ 800 เยน ต่อ 1 วันค่า
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้