[CR] Hello โอกินาว่า งบหมื่นเดียวก็เที่ยวได้

สวัสดีค่ะ เมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา เราได้มีโอกาสไปเที่ยวญี่ปุ่นอีกแล้ววววว เพี้ยนลาเวนเดอร์
แต่คราวนี้ขอลงใต้สุดๆ ไปโผล่จังหวัดโอกินาว่า...

จริงๆ มีแผนจะไปที่อื่น แต่ระหว่างที่กำลังหาตั๋วอยู่นั้น (ประมาณเดือน สิงหาคม) มีเพจนึงขึ้นโปรโมชั่นว่า สายการบิน Peach ไปโอกินาว่า ตั๋วเริ่มต้น 1,400 บาท เริ่มต้นจองพร้อมกันเที่ยงคืน พอเที่ยงคืนปุ๊บ เข้าไปส่องๆ กดไปเรื่อยๆ ถึงเดือนมกราคม เฮ้ยยยย มี 2 ที่นั่ง ราคาไปกลับ คนละ 4,140 บาทเท่านั้นนนน สมองสั่งให้กดเลย ณ ตอนนั้น หยิบบัตรเครดิตมารูดปื๊ดๆ เป็นอันจบพิธีการ ได้ตั๋วมา 2 ใบ แบบงงๆ ในเวลาไม่กี่นาที  เม่าออม

หลังจากได้ตั๋วมาแล้ว แผนเที่ยวก็ต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด เพราะตอนแรกเราแพลนจะไปที่อื่น 555555 ก็เริ่มต้นหากันใหม่ อ่านรีวิวบ้าง ดูตามเว็บท่องเที่ยวบ้าง ที่เที่ยวน่าไปเยอะมากเลย


เรามีฝากไฟล์แผนที่โอกินาว่าไว้ในลิงค์นี้ ลองดูได้นะคะ https://files.fm/u/s9vasy2r

แต่เรามีเวลา 4 วัน 3 คืน และไม่ได้เช่ารถด้วย เลยจัดแพลนออกมาได้ตามนี้
วันที่ 1 : สนามบินนาฮะ (Naha Airport) --- Okinawa Prefectural Museum & Art Museum --- เน้น Shopping ชิลๆ
วันที่ 2 : Yogi Park --- Tsuboya Yachimun-dori street --- Kokusai dori street --- Shopping @ ดองกี้
วันที่ 3 : 1 Day Tour >>> Okinawa Churaumi Aquarium --- Kouri Bridge --- Cape Manzamo --- Mihama American Village
วันที่ 4 : Shurijo Castle --- Naminoue Shrine

ก่อนเดินทาง เราจองที่พักไปก่อน ชื่อว่า โรงแรมสตอร์ก (Hotel Stork) ลง Monorail ที่สถานี Omoromachi station และเดินต่อไปอีก 900 เมตร โดย ที่เลือกที่นี่เพราะราคาไม่แพงมาก พัก 3 คืน ตกคนละ 2,000 บาท ห้องน้ำในตัว ห้องก็เก๋ดี มี 2 ชั้น อุปกรณ์ครบทุกอย่าง และที่เราชอบที่สุดคือเค้ามีบริการเครื่องดื่มฟรีแบบไม่จำกัด มีน้ำให้เลือกเยอะมากๆๆๆๆๆ แต่ถ้าจะกินต้องใช้แก้วที่เค้ามีให้ในห้องพักเท่านั้นนะ


ขนาดห้องพัก โดยส่วนตัวเราว่าเล็กพอสมควร ไม่เหมาะกับคนที่มีข้าวของเยอะ หรือสัมภาระขนาดใหญ่ ขนาดของเรากระเป๋าเล็ก ยังต้องสลับกันอยู่คนละชั้นเลย ไม่งั้นจะอึดอัดมาก

สำหรับ 1 Day Tour เราจองของบริษัท Cerulean Blue Okinawa จริงๆ มีหลายคอร์สให้เลือก แต่เราเลือก C Course เพราะดูแล้วได้ไปเที่ยว Landmark แต่ละที่ครบเลย ราคาก็โอเค ตกคนละ 1,465 บาท ที่ประทับใจอย่างนึงคือ เราจองก่อนเดินทางประมาณ 2 เดือน กดจองตอนกลางคืน เช้ามาในไลน์เราขึ้นว่า Cerulean Blue add เรามา และหลังจากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่คนไทย พิมพ์ confirm การเดินทาง และบอกว่าต้องเตรียมอะไรไปบ้าง

เรื่องเสื้อผ้า เราเช็คแล้วเช็คอีก เขาบอกว่าช่วงที่เราไปประมาณ 17-18 องศา เย็นสบายๆ เสื้อแขนยาวตัวเดียวก็เอาอยู่ เราก็จัดไปแบบบางเบา ประมาณแขนยาว และ Jacket เท่านั้น

ส่วนการเตรียมตัวเรื่อง Internet เราซื้อ AIS SIM ไป ตอนนั้นมีโปรอยู่ใน Klook แค่ 150 บาทเท่านั้น (ปกติ 399 บาท) เลยรีบจองทันที จ่ายเงินเสร็จก็เตรียมปรินท์ Voucher ไปรับของได้ที่เคาน์เตอร์สุวรรณภูมิ

เอาล่ะ เตรียมตัวแป๊บๆ ก็ถึงวันเดินทางแล้ว นานาจักรยาน

ทวนแผนการเดินทางอีกที


สายการบิน Peach ต้องไปขึ้นที่สุวรรณภูมิ เช็คอิน row M เคาน์เตอร์จะเปิดให้เช็คอินประมาณ 4 ทุ่มครึ่ง

ขนาดที่นั่งก็ค่อนข้างแคบนิดนึง แต่เราสูง 158 cm. ก็พอมีที่ว่างบ้าง ^^


เครื่องออกตรงเวลาเป๊ะ 01.45 น. และแลนดิ้งที่สนามบินนาฮะตรงเวลาเช่นกัน ในเวลา 08.05 น.


ตอนที่เครื่องจอด เรามองลงมาเห็นเจ้าหน้าที่กำลังโหลดกระเป๋าลงจากเครื่อง แต่เสื้อผ้าเค้าปลิวหนักมาก เลยใจตุ๊มๆ ต่อมๆ ละว่า ตอนนี้อุณหภูมิเท่าไหร่กันแน่ เต่าเอือม

พอตอนลงจากเครื่องเท่านั้นแหละ โอ้โหววววววววว ลมหนาว ลมแรงด้วย ฝนตกปรอยๆ ด้วย ไปกันใหญ่เลยจ้า คิดไม่ตกเลยว่า เสื้อผ้าที่เอามานี่ไม่ได้ตอบโจทย์อากาศแบบนี้เลย จะไหวไหม ต้องซื้อเพิ่มไหม เพราะเราเตรียมมาแบบชิลๆ อ๊ะ

อาคารที่เราลงจากเครื่องนี้ เรียกว่า อาคาร LCCT (Low Cost Carrier Terminal) อารมณ์เหมือนโกดังเก็บของ ถ้าเห็นก็อย่าตกใจไป 55555

พอผ่าน ตม. ได้ก็ต้องมาต่อรถบัส (ฟรี) หน้าอาคาร เพื่อไปลงที่ Domestic Terminal


Noted* ตอนกลับ ก็มารอรถบัสหน้า Domestic Terminal ประตูเดียวกับตอนที่ลง เพื่อกลับไปขึ้นเครื่องที่อาคาร LCCT


Domestic Terminal เป็นอาคารสนามบินเต็มรูปแบบ มีครบทั้งร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ และสถานี Monorail ก็อยู่ตรงนี้ เรารีบเปลี่ยนเสื้อผ้า หาอะไรกินที่นี่ และเตรียมนั่ง Monorail ไปฝากของที่โรงแรม

ไปสถานี Monorail ก็ไม่ยาก เดินขึ้นไปชั้น 2 ตามป้าย เดินไปตามทาง จะเห็นสถานี Naha kuko station


ซื้อบัตร Yui Rail 1 day Ticket ที่ตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ ราคา 800 เยน (แต่ถ้าใครเดินทางบ่อย แนะนำซื้อแบบ 2 day เหลือเพียง 1,400 เยนเท่านั้น)


การเดินทางในเมือง Naha เราจะเน้นการเดินทางโดย Monorail เป็นหลัก ซึ่งมีแค่สายเดียวที่วิ่งในเมืองนี้ ระยะทางก็ไม่ยาวมาก มีแค่ 15 สถานี


เริ่มต้นเราจะไปฝากของที่โรงแรมสตอร์ก (Hotel Stork) ให้นั่งมาลงที่ Omoromachi station โดยลงฝั่งที่เป็นห้าง T Galleria


เดินเลียบห้าง ตรงไปตามทางเรื่อยๆ จะเจออีกห้างที่ชื่อ Naha Main Place


ให้เดินตรงไปอีก และข้ามถนนไปตรง Lawson ที่อยู่ตรงฝั่งตรงข้าม ให้เลี้ยวซ้าย จะเห็น FamilyMart ใหญ่อยู่หน้าซอยนึง เลี้ยวเข้าไปนิดเดียว ก็จะเห็นป้ายชื่อโรงแรมด้านซ้ายมือ


ที่นี่จะเริ่มเช็คอินได้ประมาณบ่ายสาม เราเลยขอฝากของเค้าไว้ก่อน

แพลนต่อไปก็คือ เราจะไป shopping รองเท้า ที่ร้าน Sports Depo สาขาห้าง Rakuichi เคยอ่านในรีวิวเค้าบอกว่า ที่นี่ Sales หนักมาก เลยขอแวะไปดูสักหน่อย เราใช้วิธีเดินไป เพราะดู map แล้วไม่ไกลมาก ประมาณ 900 เมตร จุดเริ่มต้นก็คือร้าน Lawson ที่เราเพิ่งเดินผ่านมาเมื่อกี้ ให้เลี้ยวซ้ายที่แยกนั้น แล้วเดินตรงมาเรื่อยๆ ผ่านห้าง CO OP ไป


จะเห็นห้าง Rakuichi อยู่ขวามือ ข้ามถนนแล้วเดินเข้าไปได้เลย


ที่นี่มีขายอุปกรณ์กีฬาต่างๆ พวกรองเท้าก็มีหลายยี่ห้อ ลดแบบโละๆ ก็มีหลายรุ่นอยู่


เราใช้เวลา Shopping อยู่ในนั้นนานมากกกก 5555 เม่านักช้อป พอออกมาก็เที่ยงกว่าๆ เลยหาอะไรกินรองท้องกันไปก่อน ได้ลองแมคโดนัลด์ในห้างนั่นแหละ

กินเสร็จก็เดินย้อนกลับมาทางเดิม ตรงมาเรื่อยๆ ก็ถึง Okinawa Prefectural Museum & Art Museum ที่เป็นพิพิธภัณฑ์แหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และศิลปะของโอกินาว่า


ตอนนั้นฝนเริ่มตกปรอยๆ หนาว และลมแรงมาก มองนาฬิกาก็ใกล้เวลาบ่ายสามแล้ว เราเลยเดินกลับโรงแรมเพื่อเตรียมไปเช็คอิน พอเช็คอินได้ ก็ของีบแปบนึง 55555 เพราะเหนื่อย กะว่าตื่นเมื่อไหร่ค่อยไปต่อละกัน

ปรากฏว่าตื่นมาเกือบหกโมงเย็นแล้ววววว เงิบ เลยไม่ได้เที่ยวตามแผน งั้นไปหาอะไรกินดีกว่า เราเลยไปเดินเล่นที่ห้าง Aeon ลงสถานี Oroko station ทางเข้าห้างเชื่อมกับทางออกสถานีรถไฟเลย สะดวกสุดๆ


และที่เมือง Naha นี้มีร้านขายของมือ 2 ขนาดใหญ่ ชื่อว่า Manga Souko เปิดตลอด 24 ชั่วโมงด้วย โดยลงที่สถานี Akamine Station และเดินเลี้ยวซ้ายไปทางด้านที่ไม่ได้เป็นโค้งรางรถไฟ เราจะเห็นตึกสีน้ำตาลเด่นมาแต่ไกล


ที่นี่มีขายของมือ 2 ตั้งแต่เสื้อผ้า กระเป๋าแบรนด์เนม เกม โมเดล อุปกรณ์กีฬา คือมีเยอะมากกกกก


หมดไป 1 วันแบบชิลๆ เน้น Shopping และกินเป็นหลัก เพี้ยนฝันดี

วันที่ 2 ตอนแรกเราตั้งใจจะไปตลาดปลา Tomari Fish Market เพื่อกินแซลมอนเป็นอาหารเช้า แต่ดั๊นนนนตื่นสาย เลยต้องตัดออกไปก่อน เพี้ยนเพลีย

เอาล่ะ เห็นเค้าบอกว่า เดือนมกราคม ดอกซากุระเริ่มบานแล้ว แต่ถ้าดูแบบสวยๆ ต้องขับรถขึ้นตอนเหนือเลย แต่เราไม่ได้เช่ารถไง เลยขอไปชมที่สวนในเมือง Naha แทนละกันนะ

สวนที่เราไปชื่อว่า Yogi Park ลงที่ Asato station แล้วเดินตรงไปประมาณ 1 km. (เราจะเห็นรางรถ Monorail เลี้ยวไปทางขวามือ ไม่ต้องสนใจ เราเดินตรงไปอย่างเดียว)


ทางเข้าสวนจะมีรถไฟเก่าตั้งอยู่


ที่นี่คือสวนสาธารณะ บางคนก็มาออกกำลังกาย บางคนก็มานั่งพักผ่อนหย่อนใจ แต่เรามาถ่ายรูป ซากุระค่ะ และรูปที่ได้นั้น!!!


คุ้มไหมที่เดินมา.........  555แป๊ก

ดอกซากุระพันธุ์ของโอกินาว่า คือ คังฮิซากุระ (Kanhizakura) ตัวดอกซากุระพันธุ์นี้มีลักษณะเฉพาะคือ ตัวดอกไม้จะบานห้อยลงมาคล้ายกับระฆัง และตัวกลีบดอกจะมีสีเข้มกว่าซากุระพันธุ์ที่อยู่บนเกาะหลัก


หิวแล้ว กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เดินผ่านร้าน Yoshinoya เข้าไปจัดทันที มันดีมาก จริงๆ นะ

ชื่อสินค้า:   โอกินาว่า
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่