⌛⏰🕛THE GLOVES 2018 FINAL GAME ถุงมือเรื่องสั้น รอบชิงชนะเลิศ กท.ที่ 9 "นาฬิกาเพื่อน" โดย "ถุงมือ WATCH MAN"🕛⏰⌛

กระทู้คำถาม


เรื่องสั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องรองสุดท้ายแล้วครับ เหลืออีกเพียงเรื่องเดียว ถุงมือเดียวเท่านั้นที่รออยู่ตอนนี้ ซึ่งต้องมาถึงมือกรรมการภายในวันที่ 15 คือภายในวันพรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายครับ หลังจากนั้นก็จะมีแบบฟอร์มตอบรวมทุกเรื่องให้ทุกท่านได้เขียนคำตอบกัน ซึ่งจะมี "คำถามพิเศษ" ด้วยครับ

เรื่องนี้เกี่ยวกับนาฬิกา และคนชอบของแบรนด์เนมครับ แต่จะชอบปานใด ไปเจอของที่ถูกตั้งราคาโหดๆหินๆเข้าก็คิดหนักละครับถ้าเป็นมนุษย์เงินเดือน ไม่ใช่เศรษฐีผู้มีอันจะกิน

แต่กระทาชายนายหนึ่งซึ่งหาใช่คนรวยไม่ จำเป็นและจำใจต้องหาเงินไปซื้อนาฬิกาเรือนหนึ่งราคาเกินครึ่งล้าน!

ทำไมต้องหาเงินไปซื้อมันให้ได้ ไม่ซื้อจะเป็นไร จะเกิดอะไรขึ้น ???

ต้องติดตามอ่านดูกันละครับ...จบแล้วก็ตัดเกรดตามความชอบใจ แล้วหาคนเขียนมาเน้อ...อมยิ้ม04หัวใจดอกไม้







กิติภพก้าวออกจากร้านนาฬิกาแบรนด์เนมในห้างหรูด้วยอาการขมปร่าไปทั้งปาก  นาฬิกาบ้าบออะไรถึงได้แพงขนาดนี้ ทั้งที่ตัวเรือนก็ดูปกติธรรมดา ไม่ได้ฝังโคตรเพชรแต่ประการใด  

“ หกแสนห้าหมื่นบาทครับ ”

เสียงของพนักงานขายที่บอกราคาของนาฬิกาเรือนนั้นยังก้องอยู่ในหู ถึงแม้เขาจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งรองผู้จัดการทั้งที่อายุยังน้อยและมีเงินเดือนเกือบแสน   แต่มันก็เป็นราคานาฬิกาที่สูงเกินไป  และเขาก็ไม่เคยจะคิดซื้อเลยในชีวิตนี้    

..............

ไม่นึกเลยว่าเขาจำต้องกล้ำกลืนน้ำตาหาเงินมาซื้อมัน  

..............

ชายหนุ่มนึกย้อนไปเมื่อสามวันก่อน  ขณะที่เขากำลังเดินออกจากห้องทำงาน  และได้สวนกับวีรชัยตรงทางเดิน

“เฮ้ย !  ภพ  ค่ำนี้ไอ้ต๊อดเลี้ยงงานวันเกิด  นายไปด้วยนะ เพื่อนถามถึงกันหลายคน “

วีระชัยซึ่งเป็นทั้งเพื่อนและเจ้านายโดยตรงของเขาตบไหล่บอกมา  ส่วนเพื่อน ๆ ที่พูดถึงนั้นเป็นกลุ่มเพื่อนสนิทสมัยมัธยมของวีรชัย   ซึ่งกิติภพได้ไปรู้จักและคบหาครั้งเรียนต่อระดับปริญญาโท

วีรชัยและเพื่อนเหล่านี้รวมกลุ่มพบปะสังสรรค์กันอยู่บ่อย ๆ  โดยเฉพาะคนชื่อต๊อด ซึ่งเป็นทายาทของบริษัทใหญ่ระดับอยู่ในตลาดหลักทรัพย์    

กิติภพยิ้มเจื่อน พลางก้มมองเครื่องแต่งกายของตนเอง  หากไปร่วมงานในวันนี้ก็คงจะแปลกแยกจากเพื่อนฝูงอยู่บ้าง ถึงแม้ราคาเครื่องแต่งกายของเขารวมทั้งตัวจะหลายพันบาท  แต่เทียบกับเพื่อนคนอื่น ๆ  ที่ล้วนแต่เป็นทายาทของมหาเศรษฐีก็คงจะเหมือนเดินตัวเปลือยเปล่าไปร่วมงาน

จะว่าไปเขาก็ต่างจากเพื่อนกลุ่มนี้อยู่แล้ว  โดยพื้นฐานลูกชาวนาจากต่างจังหวัด  แต่เรียนเก่งจนได้เข้าเรียนในคณะวิศวกรรมของมหาลัยชั้นนำในประเทศ  และบังเอิญที่ได้ถูกนิสัยใจคอกับวีรชัยเพื่อนร่วมคณะซึ่งเป็นทายาทของบริษัทรับเหมาก่อสร้างยักษ์ใหญ่    

เมื่อเขาเรียนจบด้วยระดับเกียรตินิยม  ทั้งความสนิทสนมส่วนตัวและผลงานด้านการเรียน  กิติภพจึงได้ถูกวีรชัยดึงตัวเข้าร่วมงานในบริษัทโดยทันที

หลังทำงานได้สามปีวีรชัยก็ลากกิติภพไปเรียนต่อด้วยกันอีกในระดับปริญญาโท  โดยบริษัทฯ เป็นผู้ให้ทุนในการเรียน  กิติภพเข้าใจดีว่าเพื่อนกำลังสนับสนุนเขาให้ก้าวหน้าขึ้น   จึงรับข้อเสนอนี้ด้วยความยินดี  และในห้องเรียนของเอ็มบีเอนี่เองที่เขาได้รู้จักคบหากับเหล่าลูกเศรษฐี เพื่อนของวีรชัยกลุ่มนี้

ขณะสำรวจตัวเองอย่างอึดอัด  พร้อมนึกหาวิธีจะหลีกเลี่ยงไปร่วมงานอย่างไรให้เหมาะสม  วีรชัยดูเหมือนจะอ่านความคิดของเขาออก  พูดดักออกมาก่อน

“ห้ามปฏิเสธนะโว้ย  บอกแล้วว่าเพื่อนหลายคนอยากเจอ  โดยเฉพาะไอ้ต๊อดเจ้าของงาน ..”

จ้องหน้ากันอยู่ชั่วครู่  แล้ววีรชัยก็ถอดนาฬิกาในข้อมือของตนเองออก  ยัดใส่อุ้มมือของกิติภพพร้อมตบไหล่หนัก ๆ

“เอ้า ! ..แค่ใส่ไอ้นี่เรือนเดียว  นายก็ไม่ต้องอายใครแล้ว  เพิ่งซื้อมาเมื่อวานนี่เอง  เฮ้อ .. ไม่รู้จะคิดมากไปทำไม  เพื่อน ๆ กันทั้งนั้น ..”   วีรชัยส่ายหัวประกอบคำพูดประโยคสุดท้ายแล้วเดินจากไป ...

คืนนั้นไม่ทราบว่าจะเป็นเพราะนาฬิกาหรูของวีรชัยหรือไม่   กิติภพเข้าร่วมงานกับเพื่อน ๆ ด้วยความมั่นใจและสบายใจขึ้น  จากปกติที่อาจจะหลีก ๆ เลี่ยง ๆ กลับก่อน  ก็กลายเป็นสนุกสนานกับเพื่อน ๆ จนดึก แถมยังรับคำชวนของต๊อดกับวีรชัยไปเที่ยวผับหรูแถวย่านสุขุมวิทกันต่อ ..

ในผับทุกคนสนุกกันอย่างสุดเหวี่ยง  ได้ชนแก้วกับกลุ่มสาวแอร์โฮสเตส โต๊ะข้าง ๆ  และกิติภพยังได้ร่วมสนทนา

“ผมก็เคยจีบมาแล้วคนหนึ่งตอนเดินทางกลับบ้าน  สมัยเรียน ..”

“แอร์ในประเทศหรือคะ   แอร์อะไรอ่ะ ..”   คู่สนทนาเอียงคอถาม

“นครชัยแอร์ ..”    เขาตอบไปตามความเป็นจริง    แต่ก็ทำให้ทั้งหมดนึกว่าปล่อยมุกและฮากันอย่างครึกครื้น

หลังจากนั้นจำได้อย่างเดียวว่าเมากันวายป่วง   กิติภพจำไม่ได้ว่าแยกกับเพื่อน ๆ ตอนไหน อย่างไร  และมีใครติดมานอนด้วยหรือเปล่า  รู้ตัวอีกทีขณะตื่นขึ้นในห้องของโรงแรมแห่งหนึ่งแถวซอยนานา  พบว่าเขานอนอยู่บนเตียงคนเดียว แต่ที่นอนยับยู่ยี่ไปหมด เหมือนผ่านการใช้งานมาอย่างหนัก

กิติภพยังโสด  และเช้าถัดมาก็บังเอิญเป็นวันหยุด  ดูแล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรถ้า ...


นาฬิกาของวีรชัยเรือนนั้นไม่หายไป ..



ชายหนุ่มถึงกับสบถออกมาอย่างหยาบคายในความซวยของตนเอง  ไล่ค้นหาภายในห้องไปจนแทบทุกตารางนิ้ว  จากนั้นมานั่งทึ้งผมทวนความจำอีกเป็นครึ่งวัน

เมื่อรู้แน่ชัดว่านาฬิกาเรือนนั้นหายไปจริง ๆ  และจำอะไรไม่ได้เลย  กิติภพก็ย้อนรอยสืบ  เริ่มต้นด้วยกลับไปยังผับที่เที่ยวกันเมื่อคืนปรากฏว่าผับปิด  ไม่มีคนอยู่   เขาย้อนไปถามอีกครั้งเมื่อเวลาผับเปิดในตอนย่ำค่ำ  และผลที่ได้ทราบก็คือ    - ไม่มีใครเห็น  -

กิติภพไม่กล้าที่จะปรึกษาเรื่องนี้กับใคร  โดยเฉพาะกับวีรชัย  หลังจากนิ่งคิดอยู่อีกหนึ่งวันชายหนุ่มก็ตัดสินใจที่จะใช้วิธีซื้อคืน โดยไม่ให้เพื่อนรู้ว่าเป็นเรือนใหม่   คิดว่าคงจะตบตาผ่านไปได้  เพราะวีรชัยก็บอกว่าเพิ่งซื้อมาเหมือนกัน

และก็เป็นเหตุให้เขาก็เผ่นออกจากร้านแทบไม่ทันเมื่อรู้ราคา ..


ชายหนุ่มกินอะไรแทบไม่ลงทั้งวัน  ในห้วงความคิด วนเวียนอยู่แต่ตัวเลขหกแสนห้าหมื่นบาท แต่กิติภพมีความหยิ่งทะนงในตัวเอง   เมื่อตัดสินใจไปแล้วเขาก็จะเดินตามนั้น  และต้องทำทุกวิถีทางให้ได้เงินมาภายในไม่กี่วัน เพื่อจะรีบซื้อนาฬิกาไปคืนเพื่อน

.............
..............


กิติภพแกว่งแก้วไวน์ในมืออย่างสบายใจ  ในที่สุดภาระของเขาก็ปลดเปลื้องลงได้อย่างสวยงาม   วันนี้เลยมอบรางวัลพิเศษให้แก่ตัวเองสักครั้ง  โดยการนั่งดื่มด่ำกับรสชาติของอาหารและเครื่องดื่มในโรงแรมหรูแห่งนี้


ในชั่วขณะหนึ่งชายหนุ่มก็อดคิดเสียไม่ได้ ถึงความลำบากในเวลาที่ผ่านมา...


................
...............


เมื่อทราบถึงราคาของนาฬิกาเรือนที่หายไป   กิติภพก็สำรวจเงินเก็บของตนเองที่มีอยู่  

ถึงแม้ภาระผ่อนคอนโดและรถยนต์หนึ่งคันกินเงินเดือนเขาไปกว่าครึ่ง  ส่งให้พ่อแม่ที่บ้านนอกอีกเดือนละหนึ่งหมื่น แต่การใช้จ่ายตามความจำเป็น  ไม่ฟุ่มเฟือย  ทำให้เขาพอมีเงินเก็บอยู่บ้างราวสองแสนบาท  

ชายหนุ่มกดเงินสดจากบัตรเครดิตที่มีอยู่ใบเดียวออกมาจนเต็มวงเงินได้มาสมทบอีกแสนห้า แต่รวมแล้วเขายังขาดอีกร่วมสามแสน  ด้วยนิสัยใจคอและประวัติที่ดี ทำให้เขาหายืมเพื่อนฝูงใกล้ตัวมาได้อย่างรวดเร็วอีกสองแสนกว่าบาท  

ท้ายที่สุดขาดอีกห้าหมื่น  และในเวลาที่บีบรัด ทำให้เขาจำเป็นต้องใช้บริการเจ้าหนี้นอกระบบ  โดยมีเจ๊ร้านข้าวมันไก่ที่นั่งกินอยู่ประจำเป็นผู้แนะนำและค้ำประกัน

กิติภพรวบรวมเงินหกแสนห้าหมื่นบาทซื้อนาฬิกาคืนเพื่อนได้ภายในห้าวัน   โชคดีอย่างหนึ่งคือ ช่วงนี้เป็นเวลาที่ วีรชัยเดินทางไปยื่นซองประมูลงานที่ต่างประเทศพอดี   เมื่อทั้งสองเจอกันกิติภพจึงได้ยื่นนาฬิกาคืนให้โดยไม่มีข้อพิรุธใด ๆ

.........

หลังจากนั้นจึงเป็นวันมหาโหดและทุกข์ยากของเขาอย่างแท้จริง    

………

อยู่ ๆ ก็เป็นหนี้เพิ่มขึ้นมาอีกสี่แสนกว่าบาท  อันดับแรกกิติภพใช้วิธีโยกหนี้จากคนรู้จักมาเป็นหนี้ธนาคารให้หมด  โดยการทำบัตรเครดิตเพิ่มเติมและทำวงเงินกู้ส่วนบุคคล  นำเงินมาใช้หนี้เพื่อนฝูงโดยเร็ว  แต่เจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบไม่ยอมที่จะรับชำระก่อน  ขอเก็บคืนทุกสิบห้าวันยี่สิบงวด ตามเงื่อนไขเดิม ในอัตราดอกเบี้ยทบต้นมหาโหด

การที่ต้องชำระขั้นต่ำสิบเปอร์เซ็นต์ของบัตรเครดิตและเงินกู้ส่วนบุคคล  รวมกับเงินกู้นอกระบบอีกทุกสิบห้าวันทำให้กิติภพมีภาระหนี้สินเพิ่มขึ้นอีกถึงเดือนละห้าหมื่นบาท  รวมกับค่าผ่อนคอนโด รถยนต์ และส่งให้พ่อแม่แล้ว  มันมากกว่าเงินเดือนที่เขาได้รับ

กิติภพใช้วิธีสู้ยิบตา  ประหยัดทุกทาง  เปลี่ยนการเดินทางไปทำงานเป็นขึ้นรถเมล์เหมือนย้อนไปครั้งเป็นนักศึกษา  เดินทางกลับต่างจังหวัดไปเอาข้าวสารที่บ้านมาหุงพร้อมทำอาการกินเอง   มื้อกลางวันก็ใช้วิธีทำข้าวกล่องซึ่งส่วนมากก็เป็นแต่ไข่เจียว  

แต่อย่างไรรายจ่ายก็มากกว่ารายรับ  ชายหนุ่มใช้วิธีชำระบัตรเครดิตบางใบไปก่อน  พอตัดบัญชีแล้วก็กดออกมาใหม่  เพื่อเอามาใช้หนี้ส่วนอื่น ๆ ที่ยังคงเหลือ  พร้อมเหลือไว้ใช้กินและเดินทางบ้าง

เขาจำเป็นต้องปิดหนี้ให้เร็วและเด็ดขาด  เพราะตกลงกับแฟนที่ต่างจังหวัดไว้ว่าจะแต่งงานกันในอีกสองปี    พ่อกับแม่ของเขาก็รอเงินก้อนเพื่อปิดเงินกู้ ธกส.

ในที่สุดเขาก็อดทนมาจนครบสิบเดือน และเป็นจังหวะที่โบนัสออก  กิติภพจึงปิดหนี้ของเดือนสุดท้ายได้อย่างไม่ค้างคา  เงินโบนัสหลังจากปิดหนี้ทั้งหมดแล้ว ยังพอเหลือใช้สำหรับเดือนหน้าได้อย่างสบาย ๆ  กิติภพเลยให้รางวัลสำหรับตัวเองในมื้อนี้สักครั้ง ..  


แด่ .. ความทุกข์ยากที่ผ่านมาเกือบหนึ่งปี ..



...........

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะความคิดของกิติภพ   เขามองดูเห็นเป็นหมายเลขของวีรชัยจึงรับสาย   เพื่อนของเขามีเรื่องจะคุยด้วยและจะตามมานั่งดื่มในห้องอาหาร   เพราะจากอาคารสำนักงานของเขามายังโรงแรมแห่งนี้นั้นไม่ไกลเท่าไหร่

ไม่นานนักวีรชัยก็เดินทางมาถึง  ทรุดกายลงนั่งตรงเก้าอี้ฝั่งตรงกันข้าม  เงยหน้าขึ้นบอกพนักงานว่าให้รินไวน์ขวดบนโต๊ะของกิติภพ  หลังจากนั้นก็หันมาเอ่ย

“เดือนหน้าไอ้ต๊อดมันจะ เลี้ยงวันเกิดมันในบ้านที่เขาใหญ่  มันบอกว่าให้ชวนนายไปด้วย .. “

กิติภพแทบจะพ่นไวน์ที่กำลังดื่มอยู่ออกมา  ไอ้ต๊อดอีกแล้ว ..  หัวของเขาเริ่มหมุนเพื่อจะหาวิธีหลีกเลี่ยงไปร่วมงาน

“ไม่ต้องคิด .. ไม่ต้องปฏิเสธเลย ..”     วีรชัยยกมือขึ้นมาโบก ไปมา

ก่อนหน้านั้นไม่นานจิตใจของกิติภพกำลังหมกมุ่นอยู่กับนาฬิกาและหนี้สินที่ผ่านมา  เมื่อเห็นแขนที่กำลังโบกอยู่เลยอดถามไม่ได้

“ซื้อนาฬิกาใหม่อีกหรือ   เรือนเดิมไปไหน ..”

“เพิ่งซื้อมาไม่กี่วัน  ..”   วีรชัยพยักหน้า  จิบไวน์แล้วกล่าวต่อ

“เรือนที่เคยให้นายยืมน่ะหรือ   เอาให้ไอ้แมนไปล่ะ ..”   วีรชัยเอ่ยถึงคนขับรถของตัวเอง

“เอาให้ไอ้แมน !! .. “    กิติภพทำตาถลน  ส่งเสียงดังจนโต๊ะข้าง ๆ หันมามอง

วีรชัยหัวเราะ   ก่อนพูดออกมา

“ตกอกตกใจอะไร  นั่นมันนาฬิกาปลอม  วันนั้นพาเพื่อนญี่ปุ่นไปเที่ยวบาร์แถวตึกธนิยะ  ก่อนเข้าบาร์เลยพามันเดินเล่น ดูของแถวพัฒน์พงษ์  ไปเจอแผงนี้ขายของก๊อปเกรดเอ   แม่...ng  ทำโคตรเหมือน  เพื่อนญี่ปุ่นชอบใจเลยชวนกันซื้อคนละเรือน  ...”

/// จบ ///  

ถุงมือ  WATCH MAN



แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่