สวัสดีครับ เมื่อไม่นานมานี้ผมกับเพื่อนๆ ได้มีโอกาสไปเที่ยวจันทบุรีมา 3 วัน 2 คืน เป็นจังหวัดที่ไม่ไกลจากกรุงเทพบ้านเกิดเมืองนอน แต่การเที่ยวครั้งนี้ไม่ใช่การเที่ยวแบบไปถ่ายรูปตามสถานที่ท่องเที่ยวแบบทั่วไปนะครับ เราเที่ยวแบบ Creative Tourism พูดง่ายๆ ก็คือเที่ยวแบบสัมผัสประสบการณ์วิถีชีวิตของชาวจันทบุรีเลย เขาทำอะไรเราทำด้วย เขากินอาหารท้องถิ่นแบบไหนเราก็กินด้วย เรียกได้ว่าเหมือนไปเรียนรู้ชีวิตพวกเขานั่นเองแหละครับ ก็เป็นการท่องเที่ยวอีกรูปแบบนึงที่อยากให้ลองไปกันดูครับ แนะนำว่าไปกับเพื่อนจะยิ่งสนุกครับโดยเฉพาะเวลาทำกิจกรรมต่างๆ ทริปนี้ก็จะเน้นลุยๆ นะฮะ ใครที่สนใจจะไปก็ไม่ต้องเตรียมเสื้อผ้าเลิศหรูอลังการมากเนอะเดี๋ยวจะทำกิจกรรมลำบาก ฮ่าๆๆ
เริ่มแรกเราก็ได้ออกเดินทางแต่เช้า(มาก) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม. ก็ถึงแล้ว โดยที่แรกเราจะไปกันที่หมู่บ้านท่องเที่ยวชุมชนบ้านปัถวี
ที่นี่จะเป็นหมู่บ้านการเกษตร ซึ่งไม่ใช่เกษตรธรรมดานะครับ เป็นเกษตรออร์แกนิคล้วนๆ ทุกอย่างเป็นไปตามกรรมวิธีธรรมชาติ 100% โดยตอนแรกพี่ๆ ชาวบ้านก็พาไปดูสวนที่เลี้ยงตัวชันโรงไว้เยอะแยะเลย เจ้าตัวชันโรงนี้ก็ผลิตมีน้ำผึ้งออกมาให้เรากินได้เหมือนผึ้งปกติเลยนะครับ ผมลองชิมดูแล้วรสชาติเหมือนน้ำผึ้งแต่จะมีความเปรี้ยวแซมนิดๆ ตัวชันโรงนี้เขาค่อนข้างใจดีครับ ไม่ต้องกลัวว่ามันจะทำร้ายเรา แต่พี่ชาวบ้านแอบกระซิบมาว่าอย่าไปตบมันจะครับเดี๋ยวจะวิ่งหนีไปทันเพราะฟีโรโมนมันจะออกแล้วเพื่อนๆ มันจะมารุมกัดเราได้
นี่เป็นหน้าตาข้างในรังของเจ้าชันโรงเท่านี้ยังไม่หมดครับ ที่นี่ยังมีของขึ้นชื่อเมืองจันฯ ก็คือทุเรียนนั่นเอง แต่อย่างที่บอกไปว่าที่นี่ปลูกแบบออร์แกนิค ถามว่าต่างกับทุเรียนปกติยังไง ปกติแล้วทุเรียนทั่วไปจะมีการแต้มขั้วเพื่อให้เนื้อข้างในสุกพร้อมกันทั้งลูก แต่น้องทุเรียนออร์แกนิคเขาจะสุกทีละพู
หลังจากที่เราไปสัมผัสชีวิตชาวไร่ชาวสวนมาแล้ว ช่วงบ่ายเราก็เดินทางต่อไปยังแม่น้ำจันทบุรีเพื่อไปดูฟาร์มหอยนางรมกันต่อ ความพิเศษของฟาร์มหอยที่จันทบุรีก็คือจะเลี้ยงด้วยอาหารธรรมชาติ ทำให้เนื้อน้องหอยเขาจะหวาน เวลากินเข้าไปจะไม่มีกลิ่นอาหารที่น้องเขากินเข้าไปติดมาด้วย การเดินทางเข้าฟาร์มนี่จะต้องขึ้นเรือจากท่าไปประมาณ 15-20 นาทีก็จะถึง เจ้าของฟาร์มหอยที่เราไปดูชื่อลุงทมครับ ลุงแกเป็นปราชญ์ชาวบ้านคนนึงที่อยู่กับหอยนางรมมาทั้งชีวิต พอผมเห็นหอยลุงแล้วต้องตะลึงจริงๆ หอยลุงแกมีหลายขนาดครับ ตั้งแต่ตัวน้อยๆ ไปจนใหญ่มากกกกกกกกก ใหญ่ขนาดที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ใหญ่กว่าเอาสองกำปั้นมาต่อกันอีก เรียกได้ว่าน้องหอยสุขภาพดีจริงๆ เห็นแล้วน้ำลายแตกฟองเปรี๊ยะๆ อยากจะขย้ำหอยเข้าปากจริงๆ ในรูปนี่คือยังโตได้อีกนะครับ
พอดูเสร็จเราก็ไปทดลองทำอีแปะให้น้องหอย อีแปะที่ว่านี้คือจะมีหน้าตาเหมือนตัวอีแปะทะเลน่ะครับ แต่อันนี้ทำจากปูนเอามาหยอดเป็นวงกลมเล็กๆ ร้อยบนเชือกเอาไปแขวนไว้ในน้ำเพื่อให้ไข่น้องหอยมาเกาะ หน้าตาเป็นแบบนี้เลย
พอทำเสร็จแล้วก็ถึงเวลาที่ผมรอคอยมาเนิ่นนาน นั่นก็คือการกินหอยนางรมของโปรดที่แพลุงทม ลุงแกก็ใจดีมาก ให้หอยพวกเรามาเยอะจนกินแทบจะไม่หมดกัน แล้วหอยแต่ละตัวก็ทั้งสดและใหญ่เท่าฝ่ามือทั้งนั้น ถ้ากินที่กรุงเทพเยอะเท่านี้ล้มละลายแน่นอน
แต่มีคำเตือน!!!! อย่ากินเยอะนะครับเดี๋ยวจะจู๊ดๆ เอาได้เพราะเจ้าน้องหอยนางรมนี่จะมีเชื้อแบคทีเรียชนิดนึงติดมาด้วย กินนิดเดียวไม่อันตราย แต่ถ้าเยอะมากๆ นี่ต้องหามเข้าโรงบาลกันเลยนะครับ ผมนี่ด้วยความที่โปรดปรานเจ้าหอยนี้มากบวกกับเพื่อนกินกันไม่หมดก็เลยซัดไปคนเดียว 10 กว่าตัว ผลคืออาหารเป็นพิษหนักมาก วิ่งหาห้องน้ำตลอดทั้งทริป ถึงกับต้องไปหาหมอกันเลย เพราะฉะนั้นอย่าตะกละแบบผม! ฮ่าๆๆ
สำหรับการเดินทางวันแรกก็จบลงเท่านี้ครับ ยังมีวันต่อไปอีก ถ้าใครสนใจอยากดูบรรยากาศหรือติดตามเพิ่มเติมก็สามารถดูได้ที่ Youtube Channel ของผมนะครับ
https://www.youtube.com/channel/UCNOoyqDdhZGRuPzzPl2Lmuw?view_as=subscriber&ab_channel=%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81
ถ้าชอบก็ช่วยกดไลค์ กดแชร์ กดสับตะไคร้ เอ้ย! subscribe กันได้นะครับ
ปล. ผมแอบกระซิบถามลุงทมมาฝากคนที่สนใจ ลุงเขารับนักท่องเที่ยวด้วยนะครับ โดยจะพาไปดูฟาร์มหอยกลางน้ำแล้วก็มากินอาหารทะเลที่แพของลุง มีสองแบบให้เลือก ถ้ากินมื้อเดียวจะตกคนละ 900 บาท แต่ถ้าทั้งวันอาหาร 3 มื้อจะตกคนละ 1900 ราคานี้เทียบกับปริมาณที่ได้คือคุ้มมากจริงๆ กุ้งหอยปูปลามีหมดเลยครับ ผมบอกเลยว่าเป็นสวรรค์ของคนรักอาหารทะเลจริงๆ ก่อนเขียนกระทู้นี้ผมไปค้นข้อมูลมาเพิ่มเติมเห็นว่ามีเพจของลุงแกด้วย ถ้าใครสนใจก็ติดต่อตามลิ้งค์ได้เลยนะครับ
https://www.facebook.com/trvhomestay1/ (ผมไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับลุงแกนะครับ แต่ผมไปมาแล้วประทับใจเลยเอามาแชร์ต่อ อยากสนับสนุนลุงแกต่อไป)
ภารกิจตามล่าหาของดีเมืองจันทบุรี เที่ยวแบบเก๋ๆ ไม่ได้ไปแค่ถ่ายรูป!!
เริ่มแรกเราก็ได้ออกเดินทางแต่เช้า(มาก) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม. ก็ถึงแล้ว โดยที่แรกเราจะไปกันที่หมู่บ้านท่องเที่ยวชุมชนบ้านปัถวี
ที่นี่จะเป็นหมู่บ้านการเกษตร ซึ่งไม่ใช่เกษตรธรรมดานะครับ เป็นเกษตรออร์แกนิคล้วนๆ ทุกอย่างเป็นไปตามกรรมวิธีธรรมชาติ 100% โดยตอนแรกพี่ๆ ชาวบ้านก็พาไปดูสวนที่เลี้ยงตัวชันโรงไว้เยอะแยะเลย เจ้าตัวชันโรงนี้ก็ผลิตมีน้ำผึ้งออกมาให้เรากินได้เหมือนผึ้งปกติเลยนะครับ ผมลองชิมดูแล้วรสชาติเหมือนน้ำผึ้งแต่จะมีความเปรี้ยวแซมนิดๆ ตัวชันโรงนี้เขาค่อนข้างใจดีครับ ไม่ต้องกลัวว่ามันจะทำร้ายเรา แต่พี่ชาวบ้านแอบกระซิบมาว่าอย่าไปตบมันจะครับเดี๋ยวจะวิ่งหนีไปทันเพราะฟีโรโมนมันจะออกแล้วเพื่อนๆ มันจะมารุมกัดเราได้
นี่เป็นหน้าตาข้างในรังของเจ้าชันโรงเท่านี้ยังไม่หมดครับ ที่นี่ยังมีของขึ้นชื่อเมืองจันฯ ก็คือทุเรียนนั่นเอง แต่อย่างที่บอกไปว่าที่นี่ปลูกแบบออร์แกนิค ถามว่าต่างกับทุเรียนปกติยังไง ปกติแล้วทุเรียนทั่วไปจะมีการแต้มขั้วเพื่อให้เนื้อข้างในสุกพร้อมกันทั้งลูก แต่น้องทุเรียนออร์แกนิคเขาจะสุกทีละพู
หลังจากที่เราไปสัมผัสชีวิตชาวไร่ชาวสวนมาแล้ว ช่วงบ่ายเราก็เดินทางต่อไปยังแม่น้ำจันทบุรีเพื่อไปดูฟาร์มหอยนางรมกันต่อ ความพิเศษของฟาร์มหอยที่จันทบุรีก็คือจะเลี้ยงด้วยอาหารธรรมชาติ ทำให้เนื้อน้องหอยเขาจะหวาน เวลากินเข้าไปจะไม่มีกลิ่นอาหารที่น้องเขากินเข้าไปติดมาด้วย การเดินทางเข้าฟาร์มนี่จะต้องขึ้นเรือจากท่าไปประมาณ 15-20 นาทีก็จะถึง เจ้าของฟาร์มหอยที่เราไปดูชื่อลุงทมครับ ลุงแกเป็นปราชญ์ชาวบ้านคนนึงที่อยู่กับหอยนางรมมาทั้งชีวิต พอผมเห็นหอยลุงแล้วต้องตะลึงจริงๆ หอยลุงแกมีหลายขนาดครับ ตั้งแต่ตัวน้อยๆ ไปจนใหญ่มากกกกกกกกก ใหญ่ขนาดที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ใหญ่กว่าเอาสองกำปั้นมาต่อกันอีก เรียกได้ว่าน้องหอยสุขภาพดีจริงๆ เห็นแล้วน้ำลายแตกฟองเปรี๊ยะๆ อยากจะขย้ำหอยเข้าปากจริงๆ ในรูปนี่คือยังโตได้อีกนะครับ
พอดูเสร็จเราก็ไปทดลองทำอีแปะให้น้องหอย อีแปะที่ว่านี้คือจะมีหน้าตาเหมือนตัวอีแปะทะเลน่ะครับ แต่อันนี้ทำจากปูนเอามาหยอดเป็นวงกลมเล็กๆ ร้อยบนเชือกเอาไปแขวนไว้ในน้ำเพื่อให้ไข่น้องหอยมาเกาะ หน้าตาเป็นแบบนี้เลย
พอทำเสร็จแล้วก็ถึงเวลาที่ผมรอคอยมาเนิ่นนาน นั่นก็คือการกินหอยนางรมของโปรดที่แพลุงทม ลุงแกก็ใจดีมาก ให้หอยพวกเรามาเยอะจนกินแทบจะไม่หมดกัน แล้วหอยแต่ละตัวก็ทั้งสดและใหญ่เท่าฝ่ามือทั้งนั้น ถ้ากินที่กรุงเทพเยอะเท่านี้ล้มละลายแน่นอน
แต่มีคำเตือน!!!! อย่ากินเยอะนะครับเดี๋ยวจะจู๊ดๆ เอาได้เพราะเจ้าน้องหอยนางรมนี่จะมีเชื้อแบคทีเรียชนิดนึงติดมาด้วย กินนิดเดียวไม่อันตราย แต่ถ้าเยอะมากๆ นี่ต้องหามเข้าโรงบาลกันเลยนะครับ ผมนี่ด้วยความที่โปรดปรานเจ้าหอยนี้มากบวกกับเพื่อนกินกันไม่หมดก็เลยซัดไปคนเดียว 10 กว่าตัว ผลคืออาหารเป็นพิษหนักมาก วิ่งหาห้องน้ำตลอดทั้งทริป ถึงกับต้องไปหาหมอกันเลย เพราะฉะนั้นอย่าตะกละแบบผม! ฮ่าๆๆ
สำหรับการเดินทางวันแรกก็จบลงเท่านี้ครับ ยังมีวันต่อไปอีก ถ้าใครสนใจอยากดูบรรยากาศหรือติดตามเพิ่มเติมก็สามารถดูได้ที่ Youtube Channel ของผมนะครับ
https://www.youtube.com/channel/UCNOoyqDdhZGRuPzzPl2Lmuw?view_as=subscriber&ab_channel=%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81
ถ้าชอบก็ช่วยกดไลค์ กดแชร์ กดสับตะไคร้ เอ้ย! subscribe กันได้นะครับ
ปล. ผมแอบกระซิบถามลุงทมมาฝากคนที่สนใจ ลุงเขารับนักท่องเที่ยวด้วยนะครับ โดยจะพาไปดูฟาร์มหอยกลางน้ำแล้วก็มากินอาหารทะเลที่แพของลุง มีสองแบบให้เลือก ถ้ากินมื้อเดียวจะตกคนละ 900 บาท แต่ถ้าทั้งวันอาหาร 3 มื้อจะตกคนละ 1900 ราคานี้เทียบกับปริมาณที่ได้คือคุ้มมากจริงๆ กุ้งหอยปูปลามีหมดเลยครับ ผมบอกเลยว่าเป็นสวรรค์ของคนรักอาหารทะเลจริงๆ ก่อนเขียนกระทู้นี้ผมไปค้นข้อมูลมาเพิ่มเติมเห็นว่ามีเพจของลุงแกด้วย ถ้าใครสนใจก็ติดต่อตามลิ้งค์ได้เลยนะครับ https://www.facebook.com/trvhomestay1/ (ผมไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับลุงแกนะครับ แต่ผมไปมาแล้วประทับใจเลยเอามาแชร์ต่อ อยากสนับสนุนลุงแกต่อไป)