ใครที่ชอบสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ สบายๆ มีมุมถ่ายรูปเยอะๆ ทริปนี้อาจจะไม่เหมาะกับคุณ555555
เพราะเราจะพาไปดูวิถีแบบคนจันจริงๆ เรียกได้ว่า เที่ยวครั้งนี้ได้ทั้งเรียนรู้จริง ลงมือทำจริง เล่นจริง เจ็บจริง กันเลยทีเดียว
ถ้าเพื่อนๆ อยากได้ประสบการณ์ใหม่ๆ ขอแนะนำให้ลองไปจันแบบไม่ใช่นักท่องเที่ยว แต่ไปแบบคนจันกันดู

ที่แรกคือ ชุมชนปัถวี
เป็นสวนผลไม้ออร์แกนิค 100% !!! ขอย้ำว่า ไม่ใช้สารเคมี 100% !!!

แต่.... ช่วงหน้านี้ไม่มีผลไม้จ้าาา TT
เลยอดกินผลไม้ออร์แกนิคสดๆ จากต้น
แต่.... โชคดีที่มีทุเรียนหลงฤดูมาาา จะบอกว่าทุเรียนออร์แกนิคนี่อร่อยมาก รสชาตินุ่มนวล กลิ่นไม่แรง เจ้าของสวนบอกว่า เพราะไม่ใช่สารเคมีนั่นเองจ้า

ที่นี่เค้ามีทีเด็ดอีกอย่างคือ น้ำผึ้งชันโรง
(ชันโรง คือ ผึ้งขนาดจิ๋ว ไม่มีเหล็กใน)

สวนแห่งนี้ใช้ผึ้งจิ๋วเป็นผู้ช่วยในการผสมเกสร
ก็เลยเอาน้ำผึ้งมาใช้ประโยชน์ด้วยซะเลย เช่น ผสมในโลชั่นมังคุดออร์แกนิค(จากในสวน) มีสอนทำโลชั่นนี่ด้วย

แล้วเราก็จะได้เข้าสวนไปชิมน้ำผึ้งชันโรงที่ตักจากรังของมันเลย
รสชาติจะออกหวานอมเปรี้ยว อร่อย!!

ลืมเล่าไปอย่างว่า การเดินทางเข้าไปในสวน เราจะนั่งรถซาเล้งงงง ลองนึกดูว่าพื้นดินในสวนก็จะขรุๆ ขระๆ หน่อย ๆ
แต่ก็สนุกมาก ถึงจะก้นช้ำกันไปบ้าง (อะ ล้อเล่นน)

ไปที่ต่อไปเลยดีกว่า นั่นก็คืออออ ฟาร์มหอยลุงทม !!! ที่นี่ขึ้นชื่อมากเรื่องหอยใหญ่
ลุงทมเป็นนักวิจัย ที่ลองผิดลองถูกกับการเลี้ยงหอยนางรม จนเชี่ยวชาญ และได้หอยนางรมตัวโตๆ รสชาติอร่อย ที่ดังไปถึงต่างแดนเลยนะจะบอกให้

เรานั่งเรือออกไปถึงกลางทะเล (ระหว่างทางคนขับเรือ ก็จะแวะเลี้ยงอาหารนกเหยี่ยวบ้าง นี่แหละวิถี) ไปดูวิธีการเลี้ยงหอยกันที่ฟาร์มของลุงทม
พอลุงทมหยิบหอยอายุ 4 ปีขึ้นมา ทุกคนถึงกับร้องโหหหห ตัวใหญ่มากๆ ใหญ่กว่าฝ่ามือ
ระหว่างดูหอย ลุงทมยังท่องกลอนงานวิจัยของแกให้เราฟังด้วย แค่กลอนสั้นๆ ก็ทำให้เราเข้าใจเรื่องราวความเป็นมาทั้งหมดกว่าจะเป็นฟาร์มหอย

เราจะไม่ใช่แค่ดู แต่จะได้กินหอยนางรมสดๆ ด้วย
ลุงทมพานั่งเรือต่อไปที่แพ จัดเตรียมหอยนางรมสดๆ ตัวใหญ่ๆ พร้อมทั้งหอมเจียว พริกเผา น้ำจิ้ม และกระถิน ที่ช่วยเพิ่มรสหวานให้กับหอยนางรม

มาถึงที่สุดท้ายแล้วที่อยากจะแนะนำ ได้เรียนรู้จริง ทำจริง ไม่แพ้ชุมชนปัถวี และฟาร์มลุงทมแน่นอน
เรามากันที่ ชุมชนบางสระเก้า
มาดูวิถีแหล่งประมงน้ำตื้น และวิถีชาวบ้าน

ก่อนอื่นเราจะไปเรียนรู้การสร้างบ้านปลา และการทำธนาคารปู
การสร้างบ้านปลา แล้วเอาไปไว้ในทะเล ทำให้ปลาตัวเล็กตัวน้อยมีที่หลบซ่อน ไปถูกจับไป และเป็นที่วางไข่ได้ด้วย
ส่วนธนาคารปู เป็นแหล่งอนุรักษ์ไข่ปู เป็นการป้องกันไม่ให้แม่ปูที่มีไข่ติดอยู่ที่หน้าท้องถูกจับไป เพราะจะทำให้ชีวิตลูกปูนับแสนต้องสูญสลายไป
ธนาคารปูจะเขี่ยไข่ออกมาก่อน เพื่อช่วยชีวิตลูกปูให้ได้เติบโตต่อไป

หลังจากนั้นเราก็จะนั่งซาเล้ง(กลายเป็นยานพาหนะคู่ใจ) ไปดูบรรยากาศรอบๆ ชุมชน วัดเอย ตลาดเอย ศาลาไม้ไผ่ริมน้ำเอย
ได้สัมผัสบรรยากาศแบบนี้แล้วอยากจะมาอยู่ที่นี่เลย

และเราก็นั่งซาเล้งเข้าไปถึงแหล่งทอเสื่อกก
ระหว่างทางก็จะเห็นกกตากผึ่งแดดอยู่ที่พื้นตลอดทาง
เราได้ดูและได้ทำทุกๆขั้นตอน ตั้งแต่ย้อมสี ถัก ทอ จนได้เป็นเสื่อ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ จากต้นกก

ปิดท้ายด้วยการกินอาหารชุมชนแบบไม่อั้น มีปู ยำปลา ก๋วยเตี๋ยวหมูเลียง และอีกมากมาย

นอกจาก 3 ชุมชนนี้ จันทบุรีก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวแนวๆ อีกมากมาย เช่น เนินนางพญา จุดชมวิวพระอาทิตย์ตก, ชุมชนขนมแปลก(ก็คือ แปลกจริง มีเยอะด้วย), ชุมชนเก่าริมน้ำจันทบูร(มีงานอาร์ตบนกำแพงเยอะมาก) และตลาดอัญมณี ให้ได้เห็นการซื้อขายอัญมณีอย่างดุเดือด555

เรียกว่าอิ่มทั้งท้อง และยังอิ่มประสบการณ์ด้วย

ขอจบทริปจันทบุรีแบบคนจันเพียงเท่านี้

หวังว่าทุกคนจะเกิดแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการออกไปท่องเที่ยว
เพื่อหาประสบการณ์ที่ต้องลองเองถึงจะรู้!!!