11/11/2018
เราเริ่มต้นการเดินทางแต่เช้า จุดหมายแรกคือสถานีเกียวโตเพื่อมาซื้อตัวรถบัสเพื่อใช้เดินทางในเกียวโตเนื่องจากสถานที่ส่วนใหญ่ในเกียวโต รถไฟจะไม่ได้วิ่งผ่าน เราต้องใช้รถบัสเพื่อย่นระยะการเดินทางในการไปที่ตัววัด แต่เมื่อสอบถามพนักงานแล้วได้ความว่า เส้นทางที่เราไปมันต้องใช้ตั๋วรถบัส 2 บริษัท ซึ่งบวกลบคูณหารแล้ว ผมไปจ่ายเอาบนรถน่าจะถูกกว่า เลยเปลี่ยนใจไม่ซื้อแล้วไปหาข้าวเช้ากินแทน
โดยตอนแรกผมวางแผนจะมาชิมราเมงร้านดังสไตล์เกียวโตซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานีเกียวโต แต่เมื่อมาถึงหน้าร้านแล้วคนเยอะมาก เลยต้องตัดใจกลับไปพึ่งข้าวกล่องที่สถานีรถไฟอีกครั้ง (ยังไม่เข็ด) หลังจากซื้อข้าวกล่องเสร็จเรานั่งรถไฟจากสถานี Kyoto ไปลงที่สถานี Yamashina เพื่อแวะกินข้าวเช้าก่อน
1. ข้าวหน้าปลาแองโชวี่และพริกไทยญี่ปุ่น
กล่องนี้รสชาติไม่ได้เรื่องเลยครับ เหมือนรสมันโดดไปหมดอันนึงก็เค็ม อันนึงก้เปรี้ยว สะเทือนใจมากครับ
2. ข้าวหน้าปลาไหล
รสชาติพอได้ แต่เนื้อปลาไหลแห้งๆแข็งๆ สะเทือนใจอีกเช่นกัน
หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ เราเดินต่อไปที่วัด Bishamondo ระยะทางประมาณ 1 กม. ครับ ระหว่างทางเราจะเห็นบรรยากาศที่แสนสงบ และมีใบไม้แดงประปรายครับ พอมาถึงหน้าวัดยังต้องเดินขึ้นบันไดไปอีกครับ
บริเวณหน้าทางเข้าวัดมีโคมไฟหินด้วยครับ
ที่วัดใบไม้เริ่มแดงแล้วบางส่วนครับ
บางส่วนก็ยังเป็นสีเหลืองอยู่
บรรยากาศดูร่มรื่นสุดๆ
หลังจากนั้นผมเดินไปยังจุดที่เป็นแลนมาร์คของที่นี่ครับ คือจุดที่เป็นบันไดลงมาแล้วจะมีใบไม้สีแดงอยู่เต็มบันได และนี่คือสิ่งที่เราได้เห็นครับ
บันได ดูสะอาดตาปราศจากใบไม้ใดๆครับ ผิดหวังอีกครั้ง จริงๆแล้วระหว่างทางมีแผ่นโปสเตอร์แปะครับ ช่วงที่มีใบไม้แดงเต็มบันได จะเป็นช่วงไหน แต่เราไม่รู้ตรงนี้มาก่อนครับ อย่างน้อยเราก็ได้วิวแบบอีกอารมณ์นึง
หลังจากนั้นผมเดินกลับไปที่สถานี Yamashina ระหว่างทางที่เดินกลับเราจะเจอสะพานข้ามคลองครับ บรรยากาศดีมากๆครับ
มีดอกอะไรไม่รู้ด้วยครับสวยดี
หลังจากนั้นเรานั่งรถไฟไปที่สถานี Rokujizo ครับ เพื่อจะไปวัด Daigoji ต่อ ก่อนไปวัดเราแวะกินข้าวหน้าปลาไหลที่
ร้านนี้ครับ うなぎのしお冨 ตัวร้านอยู่ไม่ไกลจากสถานีครับ เพียงเดินข้ามสี่แยกมา
(ร้านตรงกลางนะครับ)
บรรยากาศภายในร้านเป็นแบบบ้านๆ มากครับ มีที่นั่งอยู่ไม่ถึง 10 ที่ เมนูไม่มีภาษาอังกฤษแต่มีรูปให้ดูครับ ก็ใช้นิ้วให้เป็นประโยชน์ครับ
ชี้เอาเลยครับ เราสั่งเซตข้าวหน้าปลาไหล และปลาอะไรสักอย่างย่างมาครับ
คุณป้าจะเสิร์ฟ ออเดิร์ฟมาก่อนครับ ไอ้ปลาที่หั่นเป็นแว่นละมีไข่ตรงกลางอร่อยครับ
ระหว่างนั้น คุณลุงจะไปย่างปลาไหลครับ เนื่องจากเราหิวมากครับ ออเดิร์ฟหมดอย่างรวดเร็ว ระหว่างรอผมเลยขอออกไปถ่ายปลาไหลย่างครับ
ย่างเสร็จคุณลุงยกมาให้ถ่ายใกล้ๆอีกทีครับ
น่ากินมากๆเลยครับ
หลังจากนั้นคุณป้าจะเป็นคนตัดแบ่งใส่จานครับ สุดท้ายแล้วออกมาหน้าตาแบบนี้ครับ
คือมันอร่อยมากนะครับ ตั้งแต่เคยกินข้าวหน้าปลาไหลมา อันนี้คือที่สุดละครับ เนื้อปลาไหลนุ่ม ซอสแบบกำลังดีไม่มากไม่น้อยเกินไป พูดละอยากกลับไปกินอีกเลยครับ
ละเจ้าปลาย่างอีกตัวที่เราสั่งไว้ก็มาครับ
เนื้อมันจะเหมือนปลากระบอกครับ เค็มๆอร่อยดี
ร้านนี้อร่อยมากนะครับ แนะนำให้ไปลอง เป็นบรรยากาศแบบ Home cook จริงๆ ละไม่มีการทำไว้ก่อน ของที่เราได้กินมันเลยเป็นอะไรที่สดใหม่ ระหว่างที่เรากินข้าวอยู่ คุณลุงคุณป้าพยายามชวนเราคุยตลอดผ่านทางแอพแปลภาษาครับ คุยรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างครับ บรรยากาศดูอบอุ่นมากๆครับ เหมือนเราไปเยี่ยมบ้านคุณลุงคุณป้าแล้วแกทำอาหารให้เรากิน ร้านนี้มีน้องวง AKB48 เคยมากินด้วยครับ สำหรับมื้อนี้ค่าเสียหายอยู่ที่ 4428 เยนครับ ก่อนกลับเราขอถ่ายภาพกับคุณลุงคุณป้าไว้เป็นที่ระลึกด้วยครับ ซึ่งในอนาคตหากผมได้มาเกียวโตอีก ผมจะกลับมากินที่นี่แน่นอนครับ
หลังจากทานข้าวเสร็จเราเดินข้ามถนนมาขึ้นรถบัส เพื่อไปที่วัด Daigoji ครับ โดยรถบัสจอดป้ายหน้าวัดเลยครับ เดินไม่กี่เมตรก็ถึงตัววัดครับ
วัด Daigoji มีขนาดใหญ่มากๆครับ ค่าเข้าชมอยู่ที่คนละ 1500 เยนครับ โดยตัววัดจะประกอบด้วนส่วนหลัก 3 ส่วน คือด้านบนสุดมีเจดีย์กลางน้ำเล็กๆ คือจุดถ่ายรูปครับ ด้ายซ้ายเป็นอาคารไม้ที่มีรูปภาพเก่าๆ และสวนครับ ส่วนด้านขวาเป็นนิทรรศการครับ
จุดขายตั๋ว
บริเวณหน้าทางเข้าวัด
ซุ้มประตูขนาดใหญ่
รูปปั้นเทพเจ้าหน้าซุ้มประตู ดูขลังมากๆครับ
เราเริ่มจากด้านบนก่อนครับ โดยใช้ระยะเวลาพอสมควรครับจากหน้าทางเข้าวัดไปยังจุดบนสุด แต่ภาพที่ได้ก้คุ้มค่าเหนื่อยแน่นอนครับ
ด้านบนสุดมีเจดีย์กลางน้ำและสะพานข้ามสีแดง สำหรับใบไม้เปลี่ยนสีรอบเจดีย์มีทั้งเขียว เหลือง แดง
จากเจดีย์ด้านบนเราเดินกลับมาที่ อาคารไม้ด้านล่างครับ ซึ่งภายในมีภาพวาดเก่าแก่ครับ และมีสวนแบบญี่ปุ่นให้นั่งพักผ่อนครับ
จากตรงนี้เดินไปฝั่งตรงข้ามจะเป็นอาคารจัดนิทรรศการครับ ด้านในเป็นประวัติความเป็นมาของวัด และมีพวกวัตถุโบราณจัดแสดงครับ
ใกล้ๆกัน มีร้านขายถั่วทอด คล้ายๆขนมถั่วทอดแผ่นบ้านเรา แต่เขาใช้ถั่วเขียวกับถั่วแดงแทน อร่อยดีเหมือนกันครับ
ผมเสร็จจากตรงนี้เกือบบ่าย 3 โมงละครับ เลยต้องล้มเลิกแพลนที่จะไปศาลเจ้า เลยตัดสินใจนั่งรถกลับไปที่ Osaka จากวัดผมนั่งรถบัสกลับมาที่สถานี Rokujizo แล้วนั่งรถไฟกลับมาที่สถานี Shinimamiya เพื่อเอาของมาเก็บที่โรงแรม และออกไปกินมื้อเย็นที่ Isomaru Suisan ในย่านชินเซไกครับ ผมรู้สึกว่าเมนูที่ร้านบางอย่างมันเปลี่ยนไปจากปีที่แล้ว แต่หลักๆก็มีเหมือนเดิมครับ
หน้าตาเมนูครับ
เราสามารถสั่งอาหารจากไอแพดได้เลยครับ มีภาษาอังกฤษด้วย
เราสั่งอาหารมาพอสมควรครับ ขี้เกียจย่างเลยจัดปลาดิบมาแทนครับ แต่ที่ขาดไม้ได้คือมันปูกับข้าวนะครับ
ปลาดิบ เฉยๆครับ ไม่ค่อยสดเท่าไหร่
มันปู อันนีดีมากครับ แต่ผมว่าตัวมันปูแบบธรรมดาอร่อยกว่าครับ
ปลาย่าง อันนี้รอนานมากครับ กินหมดทุกอย่างแล้วต้องนั่งรออีก 30 นาที ถึงจะได้กิน รสชาติเฉยๆครับ
สำหรับค่าเสียหายมื้อนี้ทั้งหมด 4831 เยนครับ ที่ชอบที่สุดคือมันปูครับ อย่างอื่นเฉยๆนะ เสร็จจากตรงนี้ เรากลับไปช๊อปปิ้งที่ห้าง เมก้าดองกี้ต่อ แล้วก็กลับไปพักผ่อนครับ
<<กลับไปกระทู้หลัก>>
รีวิวเที่ยวโซนคันไซ 7 วัน (คิโนซากิออนเซน, โกเบ, เกียวโต, วากายาม่า, คุมาโนะ, และ โอซาก้า) เดินทางโดยสายการบิน Jal
https://ppantip.com/topic/38339283
[CR] เที่ยวเกียวโต ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ วัด Bishamondo, วัด Daigoji และฟินกับปลาไหลร้านคุณลุงคุณป้า
เราเริ่มต้นการเดินทางแต่เช้า จุดหมายแรกคือสถานีเกียวโตเพื่อมาซื้อตัวรถบัสเพื่อใช้เดินทางในเกียวโตเนื่องจากสถานที่ส่วนใหญ่ในเกียวโต รถไฟจะไม่ได้วิ่งผ่าน เราต้องใช้รถบัสเพื่อย่นระยะการเดินทางในการไปที่ตัววัด แต่เมื่อสอบถามพนักงานแล้วได้ความว่า เส้นทางที่เราไปมันต้องใช้ตั๋วรถบัส 2 บริษัท ซึ่งบวกลบคูณหารแล้ว ผมไปจ่ายเอาบนรถน่าจะถูกกว่า เลยเปลี่ยนใจไม่ซื้อแล้วไปหาข้าวเช้ากินแทน
โดยตอนแรกผมวางแผนจะมาชิมราเมงร้านดังสไตล์เกียวโตซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานีเกียวโต แต่เมื่อมาถึงหน้าร้านแล้วคนเยอะมาก เลยต้องตัดใจกลับไปพึ่งข้าวกล่องที่สถานีรถไฟอีกครั้ง (ยังไม่เข็ด) หลังจากซื้อข้าวกล่องเสร็จเรานั่งรถไฟจากสถานี Kyoto ไปลงที่สถานี Yamashina เพื่อแวะกินข้าวเช้าก่อน
1. ข้าวหน้าปลาแองโชวี่และพริกไทยญี่ปุ่น
กล่องนี้รสชาติไม่ได้เรื่องเลยครับ เหมือนรสมันโดดไปหมดอันนึงก็เค็ม อันนึงก้เปรี้ยว สะเทือนใจมากครับ
2. ข้าวหน้าปลาไหล
รสชาติพอได้ แต่เนื้อปลาไหลแห้งๆแข็งๆ สะเทือนใจอีกเช่นกัน
หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ เราเดินต่อไปที่วัด Bishamondo ระยะทางประมาณ 1 กม. ครับ ระหว่างทางเราจะเห็นบรรยากาศที่แสนสงบ และมีใบไม้แดงประปรายครับ พอมาถึงหน้าวัดยังต้องเดินขึ้นบันไดไปอีกครับ
บริเวณหน้าทางเข้าวัดมีโคมไฟหินด้วยครับ
ที่วัดใบไม้เริ่มแดงแล้วบางส่วนครับ
บางส่วนก็ยังเป็นสีเหลืองอยู่
บรรยากาศดูร่มรื่นสุดๆ
หลังจากนั้นผมเดินไปยังจุดที่เป็นแลนมาร์คของที่นี่ครับ คือจุดที่เป็นบันไดลงมาแล้วจะมีใบไม้สีแดงอยู่เต็มบันได และนี่คือสิ่งที่เราได้เห็นครับ
บันได ดูสะอาดตาปราศจากใบไม้ใดๆครับ ผิดหวังอีกครั้ง จริงๆแล้วระหว่างทางมีแผ่นโปสเตอร์แปะครับ ช่วงที่มีใบไม้แดงเต็มบันได จะเป็นช่วงไหน แต่เราไม่รู้ตรงนี้มาก่อนครับ อย่างน้อยเราก็ได้วิวแบบอีกอารมณ์นึง
หลังจากนั้นผมเดินกลับไปที่สถานี Yamashina ระหว่างทางที่เดินกลับเราจะเจอสะพานข้ามคลองครับ บรรยากาศดีมากๆครับ
มีดอกอะไรไม่รู้ด้วยครับสวยดี
หลังจากนั้นเรานั่งรถไฟไปที่สถานี Rokujizo ครับ เพื่อจะไปวัด Daigoji ต่อ ก่อนไปวัดเราแวะกินข้าวหน้าปลาไหลที่
ร้านนี้ครับ うなぎのしお冨 ตัวร้านอยู่ไม่ไกลจากสถานีครับ เพียงเดินข้ามสี่แยกมา
(ร้านตรงกลางนะครับ)
บรรยากาศภายในร้านเป็นแบบบ้านๆ มากครับ มีที่นั่งอยู่ไม่ถึง 10 ที่ เมนูไม่มีภาษาอังกฤษแต่มีรูปให้ดูครับ ก็ใช้นิ้วให้เป็นประโยชน์ครับ
ชี้เอาเลยครับ เราสั่งเซตข้าวหน้าปลาไหล และปลาอะไรสักอย่างย่างมาครับ
คุณป้าจะเสิร์ฟ ออเดิร์ฟมาก่อนครับ ไอ้ปลาที่หั่นเป็นแว่นละมีไข่ตรงกลางอร่อยครับ
ระหว่างนั้น คุณลุงจะไปย่างปลาไหลครับ เนื่องจากเราหิวมากครับ ออเดิร์ฟหมดอย่างรวดเร็ว ระหว่างรอผมเลยขอออกไปถ่ายปลาไหลย่างครับ
ย่างเสร็จคุณลุงยกมาให้ถ่ายใกล้ๆอีกทีครับ
น่ากินมากๆเลยครับ
หลังจากนั้นคุณป้าจะเป็นคนตัดแบ่งใส่จานครับ สุดท้ายแล้วออกมาหน้าตาแบบนี้ครับ
คือมันอร่อยมากนะครับ ตั้งแต่เคยกินข้าวหน้าปลาไหลมา อันนี้คือที่สุดละครับ เนื้อปลาไหลนุ่ม ซอสแบบกำลังดีไม่มากไม่น้อยเกินไป พูดละอยากกลับไปกินอีกเลยครับ
ละเจ้าปลาย่างอีกตัวที่เราสั่งไว้ก็มาครับ
เนื้อมันจะเหมือนปลากระบอกครับ เค็มๆอร่อยดี
ร้านนี้อร่อยมากนะครับ แนะนำให้ไปลอง เป็นบรรยากาศแบบ Home cook จริงๆ ละไม่มีการทำไว้ก่อน ของที่เราได้กินมันเลยเป็นอะไรที่สดใหม่ ระหว่างที่เรากินข้าวอยู่ คุณลุงคุณป้าพยายามชวนเราคุยตลอดผ่านทางแอพแปลภาษาครับ คุยรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างครับ บรรยากาศดูอบอุ่นมากๆครับ เหมือนเราไปเยี่ยมบ้านคุณลุงคุณป้าแล้วแกทำอาหารให้เรากิน ร้านนี้มีน้องวง AKB48 เคยมากินด้วยครับ สำหรับมื้อนี้ค่าเสียหายอยู่ที่ 4428 เยนครับ ก่อนกลับเราขอถ่ายภาพกับคุณลุงคุณป้าไว้เป็นที่ระลึกด้วยครับ ซึ่งในอนาคตหากผมได้มาเกียวโตอีก ผมจะกลับมากินที่นี่แน่นอนครับ
หลังจากทานข้าวเสร็จเราเดินข้ามถนนมาขึ้นรถบัส เพื่อไปที่วัด Daigoji ครับ โดยรถบัสจอดป้ายหน้าวัดเลยครับ เดินไม่กี่เมตรก็ถึงตัววัดครับ
วัด Daigoji มีขนาดใหญ่มากๆครับ ค่าเข้าชมอยู่ที่คนละ 1500 เยนครับ โดยตัววัดจะประกอบด้วนส่วนหลัก 3 ส่วน คือด้านบนสุดมีเจดีย์กลางน้ำเล็กๆ คือจุดถ่ายรูปครับ ด้ายซ้ายเป็นอาคารไม้ที่มีรูปภาพเก่าๆ และสวนครับ ส่วนด้านขวาเป็นนิทรรศการครับ
จุดขายตั๋ว
บริเวณหน้าทางเข้าวัด
ซุ้มประตูขนาดใหญ่
รูปปั้นเทพเจ้าหน้าซุ้มประตู ดูขลังมากๆครับ
เราเริ่มจากด้านบนก่อนครับ โดยใช้ระยะเวลาพอสมควรครับจากหน้าทางเข้าวัดไปยังจุดบนสุด แต่ภาพที่ได้ก้คุ้มค่าเหนื่อยแน่นอนครับ
ด้านบนสุดมีเจดีย์กลางน้ำและสะพานข้ามสีแดง สำหรับใบไม้เปลี่ยนสีรอบเจดีย์มีทั้งเขียว เหลือง แดง
จากเจดีย์ด้านบนเราเดินกลับมาที่ อาคารไม้ด้านล่างครับ ซึ่งภายในมีภาพวาดเก่าแก่ครับ และมีสวนแบบญี่ปุ่นให้นั่งพักผ่อนครับ
จากตรงนี้เดินไปฝั่งตรงข้ามจะเป็นอาคารจัดนิทรรศการครับ ด้านในเป็นประวัติความเป็นมาของวัด และมีพวกวัตถุโบราณจัดแสดงครับ
ใกล้ๆกัน มีร้านขายถั่วทอด คล้ายๆขนมถั่วทอดแผ่นบ้านเรา แต่เขาใช้ถั่วเขียวกับถั่วแดงแทน อร่อยดีเหมือนกันครับ
ผมเสร็จจากตรงนี้เกือบบ่าย 3 โมงละครับ เลยต้องล้มเลิกแพลนที่จะไปศาลเจ้า เลยตัดสินใจนั่งรถกลับไปที่ Osaka จากวัดผมนั่งรถบัสกลับมาที่สถานี Rokujizo แล้วนั่งรถไฟกลับมาที่สถานี Shinimamiya เพื่อเอาของมาเก็บที่โรงแรม และออกไปกินมื้อเย็นที่ Isomaru Suisan ในย่านชินเซไกครับ ผมรู้สึกว่าเมนูที่ร้านบางอย่างมันเปลี่ยนไปจากปีที่แล้ว แต่หลักๆก็มีเหมือนเดิมครับ
หน้าตาเมนูครับ
เราสามารถสั่งอาหารจากไอแพดได้เลยครับ มีภาษาอังกฤษด้วย
เราสั่งอาหารมาพอสมควรครับ ขี้เกียจย่างเลยจัดปลาดิบมาแทนครับ แต่ที่ขาดไม้ได้คือมันปูกับข้าวนะครับ
ปลาดิบ เฉยๆครับ ไม่ค่อยสดเท่าไหร่
มันปู อันนีดีมากครับ แต่ผมว่าตัวมันปูแบบธรรมดาอร่อยกว่าครับ
ปลาย่าง อันนี้รอนานมากครับ กินหมดทุกอย่างแล้วต้องนั่งรออีก 30 นาที ถึงจะได้กิน รสชาติเฉยๆครับ
สำหรับค่าเสียหายมื้อนี้ทั้งหมด 4831 เยนครับ ที่ชอบที่สุดคือมันปูครับ อย่างอื่นเฉยๆนะ เสร็จจากตรงนี้ เรากลับไปช๊อปปิ้งที่ห้าง เมก้าดองกี้ต่อ แล้วก็กลับไปพักผ่อนครับ
<<กลับไปกระทู้หลัก>>
รีวิวเที่ยวโซนคันไซ 7 วัน (คิโนซากิออนเซน, โกเบ, เกียวโต, วากายาม่า, คุมาโนะ, และ โอซาก้า) เดินทางโดยสายการบิน Jal
https://ppantip.com/topic/38339283
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้