เราเป็นเด็กจบใหม่ นี้คือเรื่องราวชีวิตของเรา.......แบบคราวๆไม่ลงรายละเอียดแต่ละช่วงมาก อยากเล่าเฉยๆ
เราเกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะปานกลาง ไม่ได้ร่ำรวย มีหนี้สินพวงมาด้วย พ่อแม่เราก็คงเป็นเหมือนครอบครัวฐานะปานกลางเหมือนๆกันแหละมั้ง ตื่นเช้าไปทำงาน กลับบ้าน นอน ชีวิตที่ต้องดิ้นร้นเพื่อความสุขสบายของทุกคนในครอบครัว หาเงินมาให้เราและน้องไปโรงเรียน ซื้อขนม ซื้อข้าวกิน เราเป็นคนที่เรียนไม่เก่ง แต่ชอบทำกิจกรรมของโรงเรียน มีกิจกรรมอะไรพอทำได้ก็ทำ ไม่ว่าจะเป็นพิธีกรงานโรงเรียนต่างๆ เข้าค่าย กีฬาสี แกนนำสภานักเรียน บลาๆๆๆ เรียกง่ายๆคือ "เด็กกิจกรรม" ตั้งแต่ ม.ต้น จนถึง เรียนจบ ป.ตรี ก็ยังคงเป็นเด็กกิจกรรมอยู่ ถามว่ามันได้อะไร มันช่วยให้ครอบครัวรวยขึ้น หายจากการเป็นหนี้หรอ...ก็ไม่ ก็ยังคงจนและเป็นหนี้เหมือนเดิม ซึ่งถามว่าได้อะไรจริงๆแล้ว เราก็ตอบได้เลยว่า "ไม่รู้สิ" (บางคนคงจะตอบแบบโลกสวยๆว่า ได้เพื่อน ได้มิตรภาพ ได้ประสบการณ์ดีๆที่หาจากในห้องเรียนไม่ได้ค่ะ #มองบน) สำหรับเรามันได้การใช้ชีวิตที่ในห้องเรียนไม่มีสอน เราสามารถนำทุกสิ่งอย่างที่เคยทำมาปรับใช้ได้ อาจจะได้ประโยชน์บางๆ ไร้ประโยชน์บาง แต่ก็ผ่านมาได้จนถึงจบ ป.ตรี อ่ะน่ะ ตอน ม.ปลาย ที่ต้องเลือกสาขาที่จะเรียนต่อ แรกๆก็อยากเป็นหมอ พยาบาลตำรวจ ทหารเรือ บก อากาศ ( แหม๋ไม่ดูรอยยักในสมอง ) ด้วยความที่เรียนไม่เก่ง ก็สอบไม่ติดไปตามระเบียบ อยากเป็นครู (ฮาโหลไม่ชอบเด็ก เกลียดการอยู่รวมกับเด็กมากๆ ) ก็สอบไม่ติดอีก เลยมามองย้อยกลับมาดูสิ่งที่ตัวเองชอบทำ คือการทำกิจกรรม แล้วเรียนอะไรดีหล่ะถึงจะได้ทำกิจกรรมเยอะๆ ไม่ต้องมานั่งเรียน วิทย์ คณิต เคมี ชีวะ อังกฤษ ทำแต่กิจกรรมไปเลย หวยก็มาออกที่ "นิเทศ" ครั้งนี้สอบติดว่ะ เรียนๆมันคือสิ่งที่เราอยากทำ พอมาเรียนกิจกรรมได้ทำสมใจอยาก (แต่ก็ต้องมาประสบพบเจอกับ คณิต วิทย์ อังกฤษ เหมือนเดิม) ปีเริ่ม เรียนเป็นหลัก กิจกรรมเป็นรอง เพราะปี1ไง ไม่กล้าแสดงออกมากลัวรุ่นพี่กับเพื่อนๆหาว่าเราโชว์เพาเวอร์ (เดี๋ยวเกลียดกูกันทั้งสาขาจะซ่วยไปจนถึงปี4) ปี2ก็เริ่มได้ทำกิจกรรม ออกค่าย อบรมนักข่าว ผู้ประกาศ อาสาสมัครรับบริจาคของ อบรมถ่ายรูป เขียนบทความ ทำหนังสือพิมพ์ เป็นดีเจ เป็นพิธีกร (ที่พูดมานี่แค่ทำในคลาสที่เรียนเด้อ) จนกระทั้งมาปี 3 เอาแล้วโว้ยยยยยย เด็กกิจกรรมที่แท้ทรู ทำจนกระทั้งไม่มีเวลาพัก เพราะได้ออกต่างจังหวัดมากขึ้น ไปมันทุกภาค เป็นตัวแทนไปแลกเปลี่ยนกับเพื่อนๆ ม.อื่น กลับมาจากจังหวัดนี้ก็ไปจังหวัดนั้นต่อ เรียนก็น้อย ไปก็บ่อย ผลที่ได้คือ D มา 1 ตัว (ดอกทง กูทำกิจกรรมเพื่อได้ D จริงๆ ไว้อาลัยเกียรตินิยมไปเลยจ้า) ขึ้นปี4 รู้ตัวแล้วว่าเราเป็นพี่ควรหยุดให้น้องๆได้ทำบ้าง เลยลดกิจกรรมลง ตั้งใจเรียนเพิ่มขึ้น จนได้เกรด 3.36 มาครอบครอง และเชยชม เรียนกฺค่อยข้างดี กิจกรรมโคตรจะเด่อน เรียนก็จบ แต่งานไม่มีทำ ไทยแลนด์ยุค 4.0 ไม่ว่าที่ไหนก็ต้องการบุคลากรทำงานที่ปีประสบการณ์อย่างน้อง 1 ปี ( ฮาโหล!!!!!กูพึ่งเรียนจบจะให้เอาประสบการณ์มาจากไหน เอาประสบการณ์เด็กกิจกรรมไหม มีเป็น10ปีเลยตั้งแต่ ม.ต้น ) พอไปสมัครงานราชการ สอบผ่าน ได้คะแนนเกือบจะต้นๆ การสัมภาษณ์ไม่ต้องพูดถึง 10 10 10 (เจอก๋วยเตี๋ยวมาเป็นหม้อเลยจ้า) จนตอนนี้เรียนจบได้ 7-8 เดือนแล้วเป็นพนักงานพาร์ทไทม์อยู่ร้านกาแฟ ได้เงินวันละ 30บาท/ชั่วโมง ปริญญาก็ยังไม่ได้รับ หนี้ กยศ.ก็ยังไม่ได้ใช้ หนี้พ่อแม่ไปยืมมาส่งกูเรียนอีก เป็นไงชีวิตเรา เด็กจบใหม่
ชิวิตเด็กจบใหม่ งานไม่มี หนี้เป็นแสน เป็นเหมือนกันไหม
เราเกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะปานกลาง ไม่ได้ร่ำรวย มีหนี้สินพวงมาด้วย พ่อแม่เราก็คงเป็นเหมือนครอบครัวฐานะปานกลางเหมือนๆกันแหละมั้ง ตื่นเช้าไปทำงาน กลับบ้าน นอน ชีวิตที่ต้องดิ้นร้นเพื่อความสุขสบายของทุกคนในครอบครัว หาเงินมาให้เราและน้องไปโรงเรียน ซื้อขนม ซื้อข้าวกิน เราเป็นคนที่เรียนไม่เก่ง แต่ชอบทำกิจกรรมของโรงเรียน มีกิจกรรมอะไรพอทำได้ก็ทำ ไม่ว่าจะเป็นพิธีกรงานโรงเรียนต่างๆ เข้าค่าย กีฬาสี แกนนำสภานักเรียน บลาๆๆๆ เรียกง่ายๆคือ "เด็กกิจกรรม" ตั้งแต่ ม.ต้น จนถึง เรียนจบ ป.ตรี ก็ยังคงเป็นเด็กกิจกรรมอยู่ ถามว่ามันได้อะไร มันช่วยให้ครอบครัวรวยขึ้น หายจากการเป็นหนี้หรอ...ก็ไม่ ก็ยังคงจนและเป็นหนี้เหมือนเดิม ซึ่งถามว่าได้อะไรจริงๆแล้ว เราก็ตอบได้เลยว่า "ไม่รู้สิ" (บางคนคงจะตอบแบบโลกสวยๆว่า ได้เพื่อน ได้มิตรภาพ ได้ประสบการณ์ดีๆที่หาจากในห้องเรียนไม่ได้ค่ะ #มองบน) สำหรับเรามันได้การใช้ชีวิตที่ในห้องเรียนไม่มีสอน เราสามารถนำทุกสิ่งอย่างที่เคยทำมาปรับใช้ได้ อาจจะได้ประโยชน์บางๆ ไร้ประโยชน์บาง แต่ก็ผ่านมาได้จนถึงจบ ป.ตรี อ่ะน่ะ ตอน ม.ปลาย ที่ต้องเลือกสาขาที่จะเรียนต่อ แรกๆก็อยากเป็นหมอ พยาบาลตำรวจ ทหารเรือ บก อากาศ ( แหม๋ไม่ดูรอยยักในสมอง ) ด้วยความที่เรียนไม่เก่ง ก็สอบไม่ติดไปตามระเบียบ อยากเป็นครู (ฮาโหลไม่ชอบเด็ก เกลียดการอยู่รวมกับเด็กมากๆ ) ก็สอบไม่ติดอีก เลยมามองย้อยกลับมาดูสิ่งที่ตัวเองชอบทำ คือการทำกิจกรรม แล้วเรียนอะไรดีหล่ะถึงจะได้ทำกิจกรรมเยอะๆ ไม่ต้องมานั่งเรียน วิทย์ คณิต เคมี ชีวะ อังกฤษ ทำแต่กิจกรรมไปเลย หวยก็มาออกที่ "นิเทศ" ครั้งนี้สอบติดว่ะ เรียนๆมันคือสิ่งที่เราอยากทำ พอมาเรียนกิจกรรมได้ทำสมใจอยาก (แต่ก็ต้องมาประสบพบเจอกับ คณิต วิทย์ อังกฤษ เหมือนเดิม) ปีเริ่ม เรียนเป็นหลัก กิจกรรมเป็นรอง เพราะปี1ไง ไม่กล้าแสดงออกมากลัวรุ่นพี่กับเพื่อนๆหาว่าเราโชว์เพาเวอร์ (เดี๋ยวเกลียดกูกันทั้งสาขาจะซ่วยไปจนถึงปี4) ปี2ก็เริ่มได้ทำกิจกรรม ออกค่าย อบรมนักข่าว ผู้ประกาศ อาสาสมัครรับบริจาคของ อบรมถ่ายรูป เขียนบทความ ทำหนังสือพิมพ์ เป็นดีเจ เป็นพิธีกร (ที่พูดมานี่แค่ทำในคลาสที่เรียนเด้อ) จนกระทั้งมาปี 3 เอาแล้วโว้ยยยยยย เด็กกิจกรรมที่แท้ทรู ทำจนกระทั้งไม่มีเวลาพัก เพราะได้ออกต่างจังหวัดมากขึ้น ไปมันทุกภาค เป็นตัวแทนไปแลกเปลี่ยนกับเพื่อนๆ ม.อื่น กลับมาจากจังหวัดนี้ก็ไปจังหวัดนั้นต่อ เรียนก็น้อย ไปก็บ่อย ผลที่ได้คือ D มา 1 ตัว (ดอกทง กูทำกิจกรรมเพื่อได้ D จริงๆ ไว้อาลัยเกียรตินิยมไปเลยจ้า) ขึ้นปี4 รู้ตัวแล้วว่าเราเป็นพี่ควรหยุดให้น้องๆได้ทำบ้าง เลยลดกิจกรรมลง ตั้งใจเรียนเพิ่มขึ้น จนได้เกรด 3.36 มาครอบครอง และเชยชม เรียนกฺค่อยข้างดี กิจกรรมโคตรจะเด่อน เรียนก็จบ แต่งานไม่มีทำ ไทยแลนด์ยุค 4.0 ไม่ว่าที่ไหนก็ต้องการบุคลากรทำงานที่ปีประสบการณ์อย่างน้อง 1 ปี ( ฮาโหล!!!!!กูพึ่งเรียนจบจะให้เอาประสบการณ์มาจากไหน เอาประสบการณ์เด็กกิจกรรมไหม มีเป็น10ปีเลยตั้งแต่ ม.ต้น ) พอไปสมัครงานราชการ สอบผ่าน ได้คะแนนเกือบจะต้นๆ การสัมภาษณ์ไม่ต้องพูดถึง 10 10 10 (เจอก๋วยเตี๋ยวมาเป็นหม้อเลยจ้า) จนตอนนี้เรียนจบได้ 7-8 เดือนแล้วเป็นพนักงานพาร์ทไทม์อยู่ร้านกาแฟ ได้เงินวันละ 30บาท/ชั่วโมง ปริญญาก็ยังไม่ได้รับ หนี้ กยศ.ก็ยังไม่ได้ใช้ หนี้พ่อแม่ไปยืมมาส่งกูเรียนอีก เป็นไงชีวิตเรา เด็กจบใหม่