#EthiopiaDiary Part 6 วิหารคริสต์แห่งทะเลสาบทานา (Lake Tana)

DAY 13


20 พฤศจิกายน 2018

เดินทางภายในประเทศกับ Ethiopian Airline ต้องทำใจค่าที่กดจองเวลาหนึ่งแต่ออกบินอีกหนึ่งเวลา ดีที่มีอีเมล์ส่งมาเตือน 24 ชั่วโมงก่อนเวลาเดินทางจริง

.

ลาแล้วลาลิเบลาเมืองสวยรุ่มรวยประวัติศาสตร์และอารยธรรม หวังใจว่าจะได้กลับมาใหม่ คราวหน้าจะมาชมพิธี Timkat งานสำคัญทางศาสนาคริสต์นิกาย Ethiopian Tawahedo Orthodox ที่จัดขึ้นในวันที่ 19 มกราคมของทุกปี ได้ข่าวว่าจะมีจาริกาจาริกีทั่วทั้งเอธิโอเปียมาร่วมงาน คงคล้ายกับงานรับขันธ์ธรรมเทพวูดูที่เบนิน (Benin)

วันนี้ต้องเดินทางไปบาฮีดาร์ (Bahir Dar) เมืองติดทะเลสาบทานาต้นกำเนิดสาขาของแม่น้ำไนล์ (Blue Nile) แม้จะอยู่ในภูมิภาคเดียวกับลาลิเบลาแต่ดันอยู่ฝั่งตะวันหลับ หากจะนั่งรถหวานเย็นไต่เขาไปคงใช้เวลามหาศาล เลยตัดสินใจเดินทางโดยเครื่องบิน (ต้องไปต่อเครื่องที่แอดดิสอาบาบา)

.

ถึงบาฮีดาร์ตอน 04:16 p.m. ช้ากว่ากำหนดการ 6 นาที จากบนเครื่องเห็นความเขียวขจีของตัวเมืองและปริมณฑลค่าที่มีทะเลสาบขนาดใหญ่และแม่น้ำไนล์สีน้ำเงินหล่อเลี้ยง ดูไม่แห้งแล้งเหมือนหลายเมืองที่ผ่านมา ออกมานอกสนามบินมีพลขับจากโรงแรมมายืนรอต้อนรับเหมือนที่ลาลิเบลาเป๊ะ นี่คือปัญหาอจินไตยว่าทำไมนางถึงรู้ว่าเราจะมา ถนนจากสนามบินราดยางอย่างดี ในตัวเมืองมีถนนสองฝั่งให้รถขับสวน มีคาเฟ่เรียงรายริมทาง มีสัญญาณไฟอัจฉริยะ เกร๋ๆ

ยังไม่ทันลงจากรถก็มีพนักงานขายทัวร์ชมวิหารเข้ามาประชิด เจรจาต้าอวยได้ราคา 80 ดอลลาร์ เราไปคนเดียว ไม่ต้องการไกด์ ชมแค่ริมฝั่งชลพอเพราะถ้าไปวิหารที่ตั้งอยู่บนเกาะกลางทะเลสาบจริงๆต้องใช้เวลาทั้งวัน ยิ่งเห็นเรือด้วยแล้วยิ่งไม่น่าไว้ใจ ตัดสินใจจ่ายมัดจำ 40 ดอลลาร์แต่จ่ายเป็นเงินเอธิโอเปีย ให้เรท 30 หน่วยเท่ากับ 1 ดอลลาร์ นี่ให้มากกว่าเรทตลาดมืดอีก ขี้เกียจขนกลับไปแลกคืน

...

DAY 14

21 พฤศจิกายน 2018

เล่าเรื่องด้วย 40 ภาพ: วิหารคริสต์แห่งทะเลสาบทานา

1.

เดินทางไปท่าเรือ เห็นท่าแล้วประหวั่นว่าจะโดนหลอกค่าที่ไม่มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมอันใดบ่งบอกว่านี่คือที่ให้เรือจอดและขนคนขึ้นลง พอเห็นเรือขับมาเริ่มใจชื้น ดูโอ่โถงใหญ่กว่าที่เห็นเมื่อวาน

2.

ทะเลสาบทานาเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในเอธิโอเปีย ตัวทะเลสาบสูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 1.7 กิโลเมตรและมีความลึกสูงสุด 15 เมตร ตอนแรกที่ได้ยินพี่พลขับพูดถึงระดับความลึกแล้วตกใจ แปลกใจว่าทำไมตื้นจัง พอกลับมาค้นก็เป็นดังเขาว่า มันคงมีเหตุผลแต่ขี้เกียจค้นคว้าเพิ่มเติม

3.

พี่พลขับเซอร์ไพรซ์ด้วยการพาไปดูต้นกำเนิดแม่น้ำไนล์สีน้ำเงิน เห็นต้นพาพ่ายรัส (ปาปิรัส) โบกไสวอยู่ริมตลิ่ง

4.

และสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เจอฮิปโป 3 ตัวกำลังดำผุดดำว่ายอยู่ในแม่น้ำ นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นฮิปโปตัวเป็นๆในธรรมชาติ พวกนางน่ารักที่สุด

5.

ชมฮิปโปเสร็จพี่พลขับก็หมุนเรือเข้ามาในทะเลสาบแล้วตัดข้ามไปยังอีกฝั่งหนึ่งที่เป็นแหลมยื่นออกมาเพื่อไปชมวิหารคริสต์แห่งแรกของวัน (ที่จริงแล้วไม่ควรเรียกวิหารแต่เราใช้คำนี้ตั้งแต่ต้นเลยเลยตามเลย; ภาษาอังกฤษใช้คำว่า monastery ฉะนั้นควรเรียกว่าเป็นวัดหรืออารามจะเหมาะกว่าเพราะมีสิ่งปลูกสร้างหลายอย่างในรั้วเดียวกัน แต่เราไปดูโบสถ์/วิหารเพียงอย่างเดียว)

ฮิปโปเด็กกับฮิปโปผู้ใหญ่

6.

ระหว่างทางผ่านท่าเรือขึ้นอาราม Debra Maryam พี่พลขับบอกไม่น่าสนใจ อ่ะ งั้นผ่าน ว่าไงว่าตามกัน

7.

ขึ้นท่าที่แหลมอะไรสักอย่างจำชื่อไม่ได้ เสียค่าเหยีบแผ่นดิน 320 หน่วย เขาบอกว่าราคานี้รวมไกด์ เราถามว่าถ้าไม่เอาไกด์ได้ไหม เขาตอบว่าเป็นแพ็คเกจ อ่ะ จ่ายก็จ่าย ระหว่างทางเดินไปอารามเจอลิงเวอร์เวท (Vervet Monkey) 3-4 ตัวไต่ต้นไม้เป็นที่ปรีดาปราโมทย์ เปลี่ยนเป็นเลนส์ซูมไม่ทันเลยต้องถ่ายแล้วครอปเอา

8.

ถึงอาราม Ural Kidane Mehret เดินผ่านโคปุระเข้ามาก็เจอโบสถ์ตั้งเด่นเป็นสง่า ตัวโบสถ์เป็นรูปทรงกระบอก ผนังโบสถ์เป็นไม้ระแนงซี่เล็กๆมัดติดกันด้วยเชือกทำจากหนังวัว เดินผ่านประตูเข้าไปเจอระเบียงคตที่ลาดล้อมโบสถ์ ผนังโบสถ์จริงน่าจะเป็นโครงสร้างก่ออิฐถือปูนและฉาบด้วยดินดูเปล่าเปลือย

9.

ภายในโบสถ์เป็นห้องสี่เหลี่ยมที่ผนังตั้งแต่พื้นจรดเพดานเต็มไปด้วยภายคริสตประวัติสีสดใส สวยมาก

10.

บริเวณโบสถ์ชั้นใน เป็นทรงสี่เหลี่ยมซ้อนในทรงกระบอก มีทางให้เดินรอบ

11.

ภาพจิตรกรรมฝาผนัง The Coronation of Virgin Mary

12.

ภาพจิตรกรรมฝาผนัง Moses on Mt. Sinai

13.

ภาพจิตรกรรมฝาผนัง Abraham Sacrificing Isaac

14.

ภาพจิตรกรรมฝาผนัง The Council of Nicea หรือปฐมสังคายนา รูปซ้ายสุดคือจักรพรรดิคอนสแตนติน (Emperor Constantine) ผู้เป็นองค์ประทาน

15.

ภาพจิตรกรรมฝาผนัง Jesus Christ Entering Jerusalem

16.

ภาพจิตรกรรมฝาผนังพระแม่มารีกับพระเยซู

17.

สวดภาวนาประกอบจังหวะ

18.

ตีกลองกำกับจังหวะ

19.

เขย่าอังกะลุง

20.

เขย่าอังกะลุง

21.

นักบวชภายในโบสถ์

22.

เด็นน้อยวิ่งเล่นภายในโบสถ์

23.

ประตูโบสถ์

24.

หน้าต่างโบสถ์

25.

ทำความเคารพ

26.

ภานในสุดของโบสถ์ ห้ามคนนอกเข้าไป

27.

จุดเทียนบวงสรวง ปวงเทพเจ้า

28.

แวะพิพิธภัณฑ์ข้างๆโบสถ์ มีพระเกี้ยวของจักรพรรดิเอธิโอเปียให้ชม

29.

Manuscript สมัยโบราณ

30.

ขากลับเดินผ่านร้านขายภาพเขียน เห็นวิธีการทำสีจากธรรมชาติแล้วรู้สึกทึ่ง

31.

อีกอาราม อยู่บนแหลมเดียวกันแต่นั่งเรือไป โบสถ์มีลักษณะเหมือนกันเป๊ะ ภายในมีจิตรกรรมฝาผนังที่วิจิตรคือกัน

32.

ภาพจิตรกรรมฝาผนัง

33.

บนหลังคา

34.

ภาพเก่าที่ยังไม่ได้บูรณะ

35.

ภาพเก่าที่ยังไม่ได้บูรณะ

36.

ภาพเก่าที่ยังไม่ได้บูรณะ

37.

อารามสุดท้ายที่ไปดูตั้งอยู่บนเกาะเล็กๆกลางทะเลสาบ มีขื่อว่า Entos Eyesu เป็นอารามที่ใหม่สุด ดูไม่ขลัง

38.

ภาพจิตรกรรมฝาผนัง เหมือนคอมมิคบุ๊ค ไม่สวยมลังมเลืองเท่า

39.

ภาพจิตรกรรมฝาผนัง เหมือนคอมมิคบุ๊ค ไม่สวยมลังมเลืองเท่า

40.

คุกสำหรับขังพระทุศีลให้ท่านปลงอาบัติ ภายในอึมทึมมาก

ป.ล. มีวิหารคริสต์มากมายทั้งในเกาะแก่งกีดกระแสกุศลและริมฝั่งทะเลสาบ ก่อนมาเราอยากไปชมหลายๆที่โดยเฉพาะอารามที่อยู่บนเกาะขนาดใหญ่กลางน้ำแต่พี่พลขับบอกว่ามันไกลมากต้องใช้เวลาทั้งวัน คิดไปคิดมาก็คงเหมือนๆกันและอาจจะถึงจุดอิ่มตัวเลยตัดสินใจดูแค่สามที่เป็นพอ

...

DAY 15

22 พฤศจิกายน 2018

เมื่อวานเพื่อนสาวสมัยเรียนแพทย์ประจำบ้านเดินทางมาเยี่ยม ปัจจุบันนางเรียนแพทย์ประจำบ้านต่อยอด Global Ophthalmology ที่ Emory University แต่ต้องมาประจำที่เอธิโอเปียเป็นเวลา 1 ปี ลักษณาการเรียนคือการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคทางตาสมัยใหม่ให้เหมาะสมกับประเทศกำลังพัฒนา นอกจากนี้ยังช่วยวางแผนระบบการรีเฟอร์และสาธารณสุขเกี่ยวกับสุขอนามัยของตา ที่เอธิโอเปียอัตราการดำรงอยู่ของโรค trachoma หรือริดสีดวงตาอันเกิดจากบัคเตรีที่มีชื่อว่า Chlamydia tachromatis มีประมาณ 40% เป็นตัวเลขที่น่าตกใจ ถือว่าสูงมาก ก.ไก่ล้านตัว นางยังทำวิจัยเกี่ยวกับผลการรักษาต้อกระจกแบบ mass คือออกหน่วยผ่าตัดครั้งละพันกว่าคนเพื่อดูว่าการทำแบบนี้กับการผ่าตัดที่เลือกเคสทีละน้อยคนแบบไหนจะดีกว่ากัน ส่วนที่เราสนใจคืออัตราการเกิดโรคมะเร็งตาหรือ retinoblastoma ในเอธิโอเปียสูงมากถึง 17% ไม่รู้ว่ามี ascertainment bias หรือเปล่า แต่ถ้าเป็นจริงน่าจะมีสาเหตุทางพันธุกรรมเข้ามาเกี่ยวข้อง

.

วันนี้ไปเที่ยวน้ำตก Blue Nile ออกเดินทางตอนเจ็ดโมงเช้าไปถึงทางเข้าน้ำตกตอนแปดโมง เสียเงินค่าเข้า, ค่าไกด์, และค่าจิปาถะคนละ 160 หน่วย จากนั้นก็เดินไปยังริมฝั่งแม่น้ำไนล์สีน้ำเงิน, นั่งเรือข้ามฟาก, และเดินต่ออีก 15 นาที ตัวน้ำตกสวยใช้ได้แต่ไม่ยิ่งใหญ่เท่าทีลอซู เดินชมวิวอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงก็เดินทางกลับ

รวมรูป









.

มีต่ออีกนิดตรงคอมเมนท์
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่