สวัสดีชาวพันทิปทุกคนครับ วันนี้ผมก็จะมานำเสนอ "10 อันดับหนังสุดโปรดปี 2018 ครึ่งปีแรก" แต่ถ้าสงสัยว่าทำไมถึงทำแค่ครึ่งปีแรก ก็เพราะยังไม่สิ้นปีไงครับ #อ่าล้อเล่ง555 เพราะครึ่งปีแรกหนังที่ผมชอบมีอยู่มากโขเลยครับ ส่วนชังก็มีบ้างแต่จะรู้สึกว่าส่วนชอบจะเยอะกว่าปริมาณนึง และแน่นอน"ผมมีลิสต์ของผม คุณก็มีลิสต์ของคุณ" ฉะนั้นบอกผมด้วยนะครับว่ามีเรื่องอะไรบ้างที่พวกคุณชอบในครึ่งปีแรก แต่ก่อนจะไปเริ่ม ก็ขอกล่าวอะไรสักเล็กน้อยก่อนอ่านนะครับ
1) ในลิสต์นี้จะมีแค่หนังที่ผมชอบจริงๆ โดยไม่อิงคะแนน จะตัดสินจากความประทับใจล้วนๆ
2) หนังที่อยู่ในลิสต์ส่วนใหญ่จะเป็นหนังเข้าโรง ฉะนั้นถ้าหาหนังใน Netflix ล่ะก็จะไม่ค่อยมีในลิสต์นี้
ถ้าพร้อมแล้ว... Let's GO!
อันดับชมเชย
Insidious: the Last Key | วิญญาณตามติด: กุญแจผีบอก
- เป็นหนังภาคต่อที่ย้อนเรื่องราวกลับไปตอนก่อนภาคแรก ถึงแม้ปมปริศนาต่างๆ จะไม่ได้ถูกคลี่คลายครบทุกปม แต่ก็ยอมรับว่าการกลับมาของป้า Lin Shaye นี่ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ และพลังหลอนของภาคก่อนๆ ก็ยังขลังไม่จางหาย ถือว่าเป็นภาคต่อที่ไม่เลว
Solo: A Star Wars Story | ฮาน โซโล: ตำนานสตาร์วอร์ส
- กระแสช่วงเข้าฉายค่อนข้างที่จะถูกยี้จากแฟนๆ หนักหนาพอตัว ถึงกับมีการยี้การแสดงของพ่อฮานคนใหม่ด้วย บางคนก็บอกว่านี่คือความผิดพลาดครั้งใหญ่ของ Star Wars ที่แป๊กทั้งรายได้และคำวิจารณ์ แต่กระนั้น ถึงแม้หนังจะไม่ได้โกยคำชม ไม่ได้โกยเงินเป็นกอบเป็นกำ แต่ผมก็ยังบันเทิงกับหนังในระดับนึงเลย
Fifty Shades Freed | ฟิฟตี้เชดส์ ฟรีด
- หลายๆ คนคงงงว่ามันมาอยู่สูงขนาดนี้ได้ยังไง ทั้งๆ ที่หนังมันทั้งห่วยและก็ทั้งแป๊ก แต่กระผมก็ยังยืนยันคำเดิมครับว่าผมชอบภาคนี้ ถึงแม้บทสรุปมันจะดูห้วนๆ หน่อย แต่การที่ได้ดูสาวน้อยแอนาเติบโตมาตั้งแต่ภาคแรกและดั้นด้นจนมาถึงจุดนี้ ผมมีความสุขนะ โดยเฉพาะตอนจบผมค่อนข้างประทับใจเลยล่ะ
10 อันดับ
10. A Quiet Place | ดินแดนไร้เสียง
ทีแรกก็ไม่คิดง่าจะชอบขนาดนี้หรอกนะครับ แต่ไม่ปฎิเสธว่าตอนดูผมกรี๊ดและลุ้นหลายฉากมาก โดยเฉพาะฉากในไร่ที่เล่นผมเกือบหัวใจวายตาย หนังใช้ประโยชน์ความเงียบได้สร้างสรรค์ดี และการตัดต่อก็ยังเร้าอารมณ์อีกด้วย ก็ไม่ใช่เรื่องยากครับที่หนังจะขึ้นมาอยู่สูงขนาดนี้
9. Tomb Raider | ลาร่า ครอฟต์: ทูมป์ เรเดอร์
นี่เป็นหนังจากเกมไม่กี่เรื่องที่ทำออกมากลมกล่อมครับ เพราะหนังจากเกมที่ผ่านๆ มามันย่อมจะโดนเทศจากแฟนเกมเสียเยอะ(อย่าง RE ที่แฟนเกมสวดยับแต่หนังทำเงิน) ฉะนั้นการทำหนังออกมาให้ถูกใจคอหนังและคอเกมส์ มันเป็นสิ่งที่ทำยาก แต่ว่าเรื่องนี้...ทำได้!
8. Black Panther | แบล็ค แพนเธอร์
สำหรับหนังจากคอมิค Marvel เรื่องนี้ ยอมรับว่าตอนดูรอบแรกผมไม่ค่อยอิน เนื่องจากไม่ค่อยเข้าถึงสักเท่าไหร่ แต่พอดูรอบสอง ผมก็เริ่มเข้าใจรายละเอียดของหนังมากขึ้น เริ่มบันเทิงมากขึ้น จนสุดท้ายก็ตกหลุมรักหนังเรื่องนี้จนได้ Feige แกเก่งมากๆ เลยครับ อันนี้ผมนับถือเขาเลยที่ทำหนังออกมาดีอย่างนี้
7. Darkest Hour | ชั่วโมงพลิกโลก
นี่เป็นหนังออสการ์ครับ หนังคว้านำชายไปครองในปีนี้(Gary Oldman) หนังเป็นหนังเฉพาะกลุ่มนะครับ ถ้าใครชอบก็ชอบมากแต่ถ้าไม่ชอบก็จะเบื่อเลย ซึ่งก็เป็นงี้อยู่แล้วสำหรับหนังออสการ์ แต่ผมว่าหนังเข้าท่าเลยนะ องค์ประกอบฉากต่างๆ ดีมากๆ นักแสดงก็ยอดเยี่ยมห้าดาว บทการเมืองก็เข้มข้น(ผมก็เป็นคนชอบถกเรื่องการเมืองคนนึงแหละ) และการเปลี่ยนแปลงโฉมของ Oldman ในครั้งนั้นก็สะเทือนเวทีระดับโลกเลยครับ มีกระแสพอตัวในช่วงนั้น
6. The Shape of Water | เดอะ เชปพ์ ออฟ วอเทอร์
ผมคงไม่ต้องบรรยายเรื่องความดีงามของหนังหรอกนะ ผมจะพูดแค่สองประโยคสั้นๆ ว่าทำไมผมถึงชอบ หนึ่ง "เรื่องราวเข้มข้น" และสอง "หนังกำกับโดยลุง Del Toro"
5. Sicario: Days of Soldado | ทีมพิฆาตทะลุแดนเดือด 2
ถึงแม้จะไม่ขลังเท่าภาคแรก แต่ก็ไม่ทำให้เฟรนไชต์ดูดร็อปลงเลย หนังยังคงความสนุกและความเข้มข้นไว้ดี บทจะเครียดก็เครียด บทจะมันส์ก็มันส์ขั้นสุดเช่นกัน ฉะนั้นไม่แปลกที่ผมไม่ได้รู้สึกผิดหวังกับหนังภาคนี้เลย ออกไปทางอิ่มเอมด้วยซ้ำ
4. Maze Runner: the Death Cure | เมซ รันเนอร์: ไข้มรณะ
ก็เดินทางมาถึงภาคสุดท้าย(?)แล้วกับหนังที่สร้างมาจากนิยายวัยรุ่นขายดี The Maze Runner หรือว่าในชื่อไทย "เกมปริศนา" โดยส่วนตัวค่อนข้างชอบภาคนี้มากที่สุดแล้ว เพราะมีครบทุกอารมณ์ ถึงแม้บทมันจะป่วยๆ หน่อย แต่ผมก็เสียน้ำตาให้กับหนังเรื่องนี้ตั้งสองหนแน่ะ
3. Deadpool 2 | เดดพูล 2
โอ้ยยย!!!... ต้องสาธยายความเกรียนของหนังมั้ย คือจะจิกกัดไปไหน อยู่ที่ไหนแซวที่นั่น และแน่นอนว่าผมชอบภาคนี้มากกว่าภาคแรก อิอิ
2. Love, Simon | อีเมลลับฉบับ, ไซมอน
ใครจะว่ายังไงไม่รู้ แต่นี่คือหนัง LGBT ที่ผมชอบมากที่สุด(แชมป์เก่าคือ Call Me By Your Name) เพราะหนังไม่ได้นำเสนอมุมมองของเกย์ที่มีชีวิตตกต่ำ ต้องแอบใช้ชีวิตแบบรันทด ไม่ใช่เลย.. หนังเล่าเรื่องสนุกมาก และเป็นการดำเนินเรื่องที่ไม่น่าเบื่ออีกด้วย หนังจะหยอดมุขตลกเล็กๆ เข้ามาเสมอ ใครที่ยังไม่ดูแนะนำให้ดูสักครั้งในชีวิตครับ
1. Avengers: Infinity War | อเวนเจอร์ส: มหาสงครามล้างจักรวาล
ต้องบอกว่าเป็น Masterpiece แห่งมาร์เวลเลยเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่หนังไม่ได้มีบทที่จริงจังแบบขั้นสุด(เพราะหลายฉากมีมุขมาแทรกเป็นระยะ) แต่หนังก็ดำเนินเรื่องได้เข้มข้นและน่าติดตาม ที่สำคัญคือให้ระยะเวลาฮีโร่แต่ละตัวได้ดีอีกด้วย 10 ปีที่ปูมา ไม่ผิดหวังเลยครับค่ายนี้
และนี่ก็คือลิสต์หนังที่ผมชอบมากที่สุดในปี 2018 ครึ่งปีแรก เห็นด้วย/ไม่เห็นด้วยยังไงคอมเม้นท์บอกด้วยนะครับ และอย่าลืมบอกลิสต์ของเพื่อนๆ กันด้วยนะครับ😃
Top 10 หนังโปรดแห่งปี 2018 (ครึ่งปีแรก) By ฮีโร่ตัวน้อย
1) ในลิสต์นี้จะมีแค่หนังที่ผมชอบจริงๆ โดยไม่อิงคะแนน จะตัดสินจากความประทับใจล้วนๆ
2) หนังที่อยู่ในลิสต์ส่วนใหญ่จะเป็นหนังเข้าโรง ฉะนั้นถ้าหาหนังใน Netflix ล่ะก็จะไม่ค่อยมีในลิสต์นี้
ถ้าพร้อมแล้ว... Let's GO!
Insidious: the Last Key | วิญญาณตามติด: กุญแจผีบอก
- เป็นหนังภาคต่อที่ย้อนเรื่องราวกลับไปตอนก่อนภาคแรก ถึงแม้ปมปริศนาต่างๆ จะไม่ได้ถูกคลี่คลายครบทุกปม แต่ก็ยอมรับว่าการกลับมาของป้า Lin Shaye นี่ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ และพลังหลอนของภาคก่อนๆ ก็ยังขลังไม่จางหาย ถือว่าเป็นภาคต่อที่ไม่เลว
Solo: A Star Wars Story | ฮาน โซโล: ตำนานสตาร์วอร์ส
- กระแสช่วงเข้าฉายค่อนข้างที่จะถูกยี้จากแฟนๆ หนักหนาพอตัว ถึงกับมีการยี้การแสดงของพ่อฮานคนใหม่ด้วย บางคนก็บอกว่านี่คือความผิดพลาดครั้งใหญ่ของ Star Wars ที่แป๊กทั้งรายได้และคำวิจารณ์ แต่กระนั้น ถึงแม้หนังจะไม่ได้โกยคำชม ไม่ได้โกยเงินเป็นกอบเป็นกำ แต่ผมก็ยังบันเทิงกับหนังในระดับนึงเลย
Fifty Shades Freed | ฟิฟตี้เชดส์ ฟรีด
- หลายๆ คนคงงงว่ามันมาอยู่สูงขนาดนี้ได้ยังไง ทั้งๆ ที่หนังมันทั้งห่วยและก็ทั้งแป๊ก แต่กระผมก็ยังยืนยันคำเดิมครับว่าผมชอบภาคนี้ ถึงแม้บทสรุปมันจะดูห้วนๆ หน่อย แต่การที่ได้ดูสาวน้อยแอนาเติบโตมาตั้งแต่ภาคแรกและดั้นด้นจนมาถึงจุดนี้ ผมมีความสุขนะ โดยเฉพาะตอนจบผมค่อนข้างประทับใจเลยล่ะ
10. A Quiet Place | ดินแดนไร้เสียง
ทีแรกก็ไม่คิดง่าจะชอบขนาดนี้หรอกนะครับ แต่ไม่ปฎิเสธว่าตอนดูผมกรี๊ดและลุ้นหลายฉากมาก โดยเฉพาะฉากในไร่ที่เล่นผมเกือบหัวใจวายตาย หนังใช้ประโยชน์ความเงียบได้สร้างสรรค์ดี และการตัดต่อก็ยังเร้าอารมณ์อีกด้วย ก็ไม่ใช่เรื่องยากครับที่หนังจะขึ้นมาอยู่สูงขนาดนี้
9. Tomb Raider | ลาร่า ครอฟต์: ทูมป์ เรเดอร์
นี่เป็นหนังจากเกมไม่กี่เรื่องที่ทำออกมากลมกล่อมครับ เพราะหนังจากเกมที่ผ่านๆ มามันย่อมจะโดนเทศจากแฟนเกมเสียเยอะ(อย่าง RE ที่แฟนเกมสวดยับแต่หนังทำเงิน) ฉะนั้นการทำหนังออกมาให้ถูกใจคอหนังและคอเกมส์ มันเป็นสิ่งที่ทำยาก แต่ว่าเรื่องนี้...ทำได้!
8. Black Panther | แบล็ค แพนเธอร์
สำหรับหนังจากคอมิค Marvel เรื่องนี้ ยอมรับว่าตอนดูรอบแรกผมไม่ค่อยอิน เนื่องจากไม่ค่อยเข้าถึงสักเท่าไหร่ แต่พอดูรอบสอง ผมก็เริ่มเข้าใจรายละเอียดของหนังมากขึ้น เริ่มบันเทิงมากขึ้น จนสุดท้ายก็ตกหลุมรักหนังเรื่องนี้จนได้ Feige แกเก่งมากๆ เลยครับ อันนี้ผมนับถือเขาเลยที่ทำหนังออกมาดีอย่างนี้
7. Darkest Hour | ชั่วโมงพลิกโลก
นี่เป็นหนังออสการ์ครับ หนังคว้านำชายไปครองในปีนี้(Gary Oldman) หนังเป็นหนังเฉพาะกลุ่มนะครับ ถ้าใครชอบก็ชอบมากแต่ถ้าไม่ชอบก็จะเบื่อเลย ซึ่งก็เป็นงี้อยู่แล้วสำหรับหนังออสการ์ แต่ผมว่าหนังเข้าท่าเลยนะ องค์ประกอบฉากต่างๆ ดีมากๆ นักแสดงก็ยอดเยี่ยมห้าดาว บทการเมืองก็เข้มข้น(ผมก็เป็นคนชอบถกเรื่องการเมืองคนนึงแหละ) และการเปลี่ยนแปลงโฉมของ Oldman ในครั้งนั้นก็สะเทือนเวทีระดับโลกเลยครับ มีกระแสพอตัวในช่วงนั้น
6. The Shape of Water | เดอะ เชปพ์ ออฟ วอเทอร์
ผมคงไม่ต้องบรรยายเรื่องความดีงามของหนังหรอกนะ ผมจะพูดแค่สองประโยคสั้นๆ ว่าทำไมผมถึงชอบ หนึ่ง "เรื่องราวเข้มข้น" และสอง "หนังกำกับโดยลุง Del Toro"
5. Sicario: Days of Soldado | ทีมพิฆาตทะลุแดนเดือด 2
ถึงแม้จะไม่ขลังเท่าภาคแรก แต่ก็ไม่ทำให้เฟรนไชต์ดูดร็อปลงเลย หนังยังคงความสนุกและความเข้มข้นไว้ดี บทจะเครียดก็เครียด บทจะมันส์ก็มันส์ขั้นสุดเช่นกัน ฉะนั้นไม่แปลกที่ผมไม่ได้รู้สึกผิดหวังกับหนังภาคนี้เลย ออกไปทางอิ่มเอมด้วยซ้ำ
4. Maze Runner: the Death Cure | เมซ รันเนอร์: ไข้มรณะ
ก็เดินทางมาถึงภาคสุดท้าย(?)แล้วกับหนังที่สร้างมาจากนิยายวัยรุ่นขายดี The Maze Runner หรือว่าในชื่อไทย "เกมปริศนา" โดยส่วนตัวค่อนข้างชอบภาคนี้มากที่สุดแล้ว เพราะมีครบทุกอารมณ์ ถึงแม้บทมันจะป่วยๆ หน่อย แต่ผมก็เสียน้ำตาให้กับหนังเรื่องนี้ตั้งสองหนแน่ะ
3. Deadpool 2 | เดดพูล 2
โอ้ยยย!!!... ต้องสาธยายความเกรียนของหนังมั้ย คือจะจิกกัดไปไหน อยู่ที่ไหนแซวที่นั่น และแน่นอนว่าผมชอบภาคนี้มากกว่าภาคแรก อิอิ
2. Love, Simon | อีเมลลับฉบับ, ไซมอน
ใครจะว่ายังไงไม่รู้ แต่นี่คือหนัง LGBT ที่ผมชอบมากที่สุด(แชมป์เก่าคือ Call Me By Your Name) เพราะหนังไม่ได้นำเสนอมุมมองของเกย์ที่มีชีวิตตกต่ำ ต้องแอบใช้ชีวิตแบบรันทด ไม่ใช่เลย.. หนังเล่าเรื่องสนุกมาก และเป็นการดำเนินเรื่องที่ไม่น่าเบื่ออีกด้วย หนังจะหยอดมุขตลกเล็กๆ เข้ามาเสมอ ใครที่ยังไม่ดูแนะนำให้ดูสักครั้งในชีวิตครับ
1. Avengers: Infinity War | อเวนเจอร์ส: มหาสงครามล้างจักรวาล
ต้องบอกว่าเป็น Masterpiece แห่งมาร์เวลเลยเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่หนังไม่ได้มีบทที่จริงจังแบบขั้นสุด(เพราะหลายฉากมีมุขมาแทรกเป็นระยะ) แต่หนังก็ดำเนินเรื่องได้เข้มข้นและน่าติดตาม ที่สำคัญคือให้ระยะเวลาฮีโร่แต่ละตัวได้ดีอีกด้วย 10 ปีที่ปูมา ไม่ผิดหวังเลยครับค่ายนี้
และนี่ก็คือลิสต์หนังที่ผมชอบมากที่สุดในปี 2018 ครึ่งปีแรก เห็นด้วย/ไม่เห็นด้วยยังไงคอมเม้นท์บอกด้วยนะครับ และอย่าลืมบอกลิสต์ของเพื่อนๆ กันด้วยนะครับ😃