.. " ชื่อป่าบงเปียง แล้วไหนป่าวะ เห็นมีแต่ข้าว "
.. " เฮ้ย แต่บรรยากาศดีอ่ะ มีนาขั้นบันไดเหมือนที่เวียดนามเลย "
.. " เคยไปหรอเวียดนาม แล้วรู้ได้ไงว่าเหมือน "
.. " ไม่เคยไป เคยเห็นแต่ในรูป "
.. " จะอยากเห็นแค่ในรูปที่เค้ารีวิวทำไมล่ะ ไปดูให้เห็นกับตาเลยสิ ที่บงเปียงนะ ไม่ใช่เวียดนาม "
บทสนทนา ที่เกิดขึ้นจากการตอบโต้ในใจของเราเอง
คะยั้นคะยอให้กดจองตั๋วไปเชียงใหม่ ในเดือน พฤศจิกายน 2561
ป่าบงเปียง ต้นเดือนพฤศจิกายนแบบนี้ มีโอกาสที่จะเจอกับความว่างเปล่าของทุ่งนา
เพราะชาวบ้านจะเริ่มเก็บเกี่ยวกันแล้วนะ นาข้าวจะเหลืองทองอร่ามไปทั้งทุ่ง
ถ้าอยากเห็นความเขียวชะอุ่มให้ไปช่วงหน้าฝน ก.ย-ต้น ต.ค ช่วงนั้นพีคสุด
แต่กว่าจะได้มาเห็นความงามที่ไกลสุดลูกหูลูกตา
เส้นทางการมาไม่ง่ายเลย หลายคนส่ายหัว
เมื่อรู้ว่าปากทางเข้าหมู่บ้านเป็นดินโคลน, เป็นหลุมเป็นบ่อ
รถเก๋ง,รถมอไซต์ อาจจะยากลำบากซักนิดในการขับเข้าหมู่บ้าน
และรวมถึงไม่มีไฟฟ้าให้ใช้ ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ
แต่นี่แหละ คือมนต์เสน่ห์ของธรรมชาติ ที่ดึงดูดให้คนอย่างเราไปหาให้ได้
ป่าบงเปียง สามารถไปได้ 2 ทาง
1. ไปทางฝั่งดอยอินทนนท์ เส้นนี้เหมือนเป็นทางลัด จะถึงหมู่บ้านเร็วกว่า
แต่พอถึงปากทางเข้าหมู่บ้าน ต้องใช้รถโฟร์วีลจะดีที่สุด เพราะด้วยสภาพถนนที่เป็นดินโคลนนั่นเอง
2. ไปทางเส้นแม่แจ่ม เส้นนี้ขับอ้อมไกล แต่ทางเข้าดี (อาจมีเนินสูงโค้กหักศอกบ้าง) และมีวิวสวย ๆ ให้ชม
วิธีการไปบ้านป่าบงเปียง ฉบับไปโดยรถ 2 แถว
ป่าบงเปียง ตั้งอยู่ใน อ.แม่แจ่ม เพราะงั้นเราต้องหาทางไปแม่แจ่มให้ได้ก่อน
โดยเราเริ่มจากขึ้นรถเชียงใหม่-จอมทอง ที่ต้นทางขนส่งช้างเผือก ค่ารถ 35 บาท
บอกให้คนขับไปจอดที่คิวรถจอมทอง-แม่แจ่ม
แถววัดพระธาตุศรีจอมทอง (จะเลยจากจุดจอดรถสุดสายนิดนึง)
ใช้เวลาเดินทาง 1.5 ชม.
จากนั้น ต่อรถจอมทอง-แม่แจ่ม ค่ารถ 70 บาท
ไปลงสุดสายที่คิวรถแม่แจ่ม ใช้เวลาเดินทางอีก 2 ชม.
" เป็นไง แค่ขาไปก็ 3.5 ชม.แล้วนะ หึหึ "
จดไว้ : รอบรถจอมทอง-แม่แจ่ม มี 09.30 น, 11.30 น, 13.30 น., 15.30 น, 17.30 น.
รอบรถแม่แจ่ม-จอมทอง มี 04.30 น. , 07.00 น. , 09.00 น. , 12.00 น. , 15.00 น.
(อ่านมาหลายรีวิว ส่วนใหญ่ให้ลงที่แยกน้ำตกแม่ปาน แต่ของเราไปลงที่คิวรถสุดสาย
เพราะนัดให้รถของทางที่พักไปรับตรงนั้นจะสะดวกกว่า แวะซื้อขนมนมเนยไปด้วยนะ เพราะไม่มีร้านค้า )
" น้องบัติ " คือชื่อของเจ้าของที่พักบ้านระเบียงนา ซึ่งเป็นที่พักของเราในคืนวันนี้
มารับเราตามที่นัดแนะ แถมใจดีพาแวะ "น้ำออกฮู" ก่อนพาเข้าหมู่บ้าน ซึ่งจะใช้เวลาอีก 40 นาที
บ้านระเบียงนา ที่พักราคาคืนละ 500.- ต่อคน ราคารวมอาหารเย็นและเช้า
หากต้องการให้รถมารับพาเข้าหมู่บ้าน คิดเพิ่มอีก 700.- ต่อคัน รวมไปรับ-ไปส่ง
ที่พักจะเป็นบ้าน แต่ละหลัง เล็กใหญ่ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับจำนวนคนเข้าพัก
มีห้องน้ำอยู่ด้านนอก และมีแผงโซล่าเซลล์ให้ใช้ไฟฟ้าแก้ขัดได้
ไม่มีทีวี, ตู้เย็น, แอร์, เครื่องทำน้ำอุ่น รวมถึง สัญญาณโทรศัพท์ในบางจุด
ภาพรวม
หมอกในยามเช้า มาเคาะประตู ปลุกให้เราตื่นรีบลุกไปชม ก่อนที่จะหายไปในช่วงสายๆ
" ไม่มีไฟฟ้า..แต่มีแสงดาว
ไม่มีประปา..แต่มีน้ำจากบนเขา
ไม่มีทีวี..แต่มีวิวทิวเขา
ไม่มีแอร์..แต่มีลมหนาว
ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์..แต่มีชาวบ้านให้พูดคุย
ไม่มีเครื่องทำอุ่น..ไม่อาบน้ำโว้ยย "
แคปชั่นก่อนออกจากป่าบงเปียง และการไม่อาบน้ำจริงๆ
เพราะอะไร.. อยากให้มาสัมผัสเอง : )
ทริปป่าบงเปียงจบลงแล้ว
แต่เรายังเดินทางไปต่อที่แม่กำปอง และ จังหวัดน่าน
ฝากติดตามด้วยนะคะ
[CR] โปรดเรียกฉันว่า " บ้านป่าบงเปียง " นาขั้นบันได ไม่ต้องไปไกลถึงเวียดนาม
.. " ชื่อป่าบงเปียง แล้วไหนป่าวะ เห็นมีแต่ข้าว "
.. " เฮ้ย แต่บรรยากาศดีอ่ะ มีนาขั้นบันไดเหมือนที่เวียดนามเลย "
.. " เคยไปหรอเวียดนาม แล้วรู้ได้ไงว่าเหมือน "
.. " ไม่เคยไป เคยเห็นแต่ในรูป "
.. " จะอยากเห็นแค่ในรูปที่เค้ารีวิวทำไมล่ะ ไปดูให้เห็นกับตาเลยสิ ที่บงเปียงนะ ไม่ใช่เวียดนาม "
บทสนทนา ที่เกิดขึ้นจากการตอบโต้ในใจของเราเอง
คะยั้นคะยอให้กดจองตั๋วไปเชียงใหม่ ในเดือน พฤศจิกายน 2561
ป่าบงเปียง ต้นเดือนพฤศจิกายนแบบนี้ มีโอกาสที่จะเจอกับความว่างเปล่าของทุ่งนา
เพราะชาวบ้านจะเริ่มเก็บเกี่ยวกันแล้วนะ นาข้าวจะเหลืองทองอร่ามไปทั้งทุ่ง
ถ้าอยากเห็นความเขียวชะอุ่มให้ไปช่วงหน้าฝน ก.ย-ต้น ต.ค ช่วงนั้นพีคสุด
แต่กว่าจะได้มาเห็นความงามที่ไกลสุดลูกหูลูกตา
เส้นทางการมาไม่ง่ายเลย หลายคนส่ายหัว
เมื่อรู้ว่าปากทางเข้าหมู่บ้านเป็นดินโคลน, เป็นหลุมเป็นบ่อ
รถเก๋ง,รถมอไซต์ อาจจะยากลำบากซักนิดในการขับเข้าหมู่บ้าน
และรวมถึงไม่มีไฟฟ้าให้ใช้ ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ
แต่นี่แหละ คือมนต์เสน่ห์ของธรรมชาติ ที่ดึงดูดให้คนอย่างเราไปหาให้ได้
ป่าบงเปียง สามารถไปได้ 2 ทาง
1. ไปทางฝั่งดอยอินทนนท์ เส้นนี้เหมือนเป็นทางลัด จะถึงหมู่บ้านเร็วกว่า
แต่พอถึงปากทางเข้าหมู่บ้าน ต้องใช้รถโฟร์วีลจะดีที่สุด เพราะด้วยสภาพถนนที่เป็นดินโคลนนั่นเอง
2. ไปทางเส้นแม่แจ่ม เส้นนี้ขับอ้อมไกล แต่ทางเข้าดี (อาจมีเนินสูงโค้กหักศอกบ้าง) และมีวิวสวย ๆ ให้ชม
วิธีการไปบ้านป่าบงเปียง ฉบับไปโดยรถ 2 แถว
ป่าบงเปียง ตั้งอยู่ใน อ.แม่แจ่ม เพราะงั้นเราต้องหาทางไปแม่แจ่มให้ได้ก่อน
โดยเราเริ่มจากขึ้นรถเชียงใหม่-จอมทอง ที่ต้นทางขนส่งช้างเผือก ค่ารถ 35 บาท
บอกให้คนขับไปจอดที่คิวรถจอมทอง-แม่แจ่ม
แถววัดพระธาตุศรีจอมทอง (จะเลยจากจุดจอดรถสุดสายนิดนึง)
ใช้เวลาเดินทาง 1.5 ชม.
จากนั้น ต่อรถจอมทอง-แม่แจ่ม ค่ารถ 70 บาท
ไปลงสุดสายที่คิวรถแม่แจ่ม ใช้เวลาเดินทางอีก 2 ชม.
" เป็นไง แค่ขาไปก็ 3.5 ชม.แล้วนะ หึหึ "
จดไว้ : รอบรถจอมทอง-แม่แจ่ม มี 09.30 น, 11.30 น, 13.30 น., 15.30 น, 17.30 น.
รอบรถแม่แจ่ม-จอมทอง มี 04.30 น. , 07.00 น. , 09.00 น. , 12.00 น. , 15.00 น.
(อ่านมาหลายรีวิว ส่วนใหญ่ให้ลงที่แยกน้ำตกแม่ปาน แต่ของเราไปลงที่คิวรถสุดสาย
เพราะนัดให้รถของทางที่พักไปรับตรงนั้นจะสะดวกกว่า แวะซื้อขนมนมเนยไปด้วยนะ เพราะไม่มีร้านค้า )
" น้องบัติ " คือชื่อของเจ้าของที่พักบ้านระเบียงนา ซึ่งเป็นที่พักของเราในคืนวันนี้
มารับเราตามที่นัดแนะ แถมใจดีพาแวะ "น้ำออกฮู" ก่อนพาเข้าหมู่บ้าน ซึ่งจะใช้เวลาอีก 40 นาที
บ้านระเบียงนา ที่พักราคาคืนละ 500.- ต่อคน ราคารวมอาหารเย็นและเช้า
หากต้องการให้รถมารับพาเข้าหมู่บ้าน คิดเพิ่มอีก 700.- ต่อคัน รวมไปรับ-ไปส่ง
ที่พักจะเป็นบ้าน แต่ละหลัง เล็กใหญ่ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับจำนวนคนเข้าพัก
มีห้องน้ำอยู่ด้านนอก และมีแผงโซล่าเซลล์ให้ใช้ไฟฟ้าแก้ขัดได้
ไม่มีทีวี, ตู้เย็น, แอร์, เครื่องทำน้ำอุ่น รวมถึง สัญญาณโทรศัพท์ในบางจุด
ภาพรวม
หมอกในยามเช้า มาเคาะประตู ปลุกให้เราตื่นรีบลุกไปชม ก่อนที่จะหายไปในช่วงสายๆ
" ไม่มีไฟฟ้า..แต่มีแสงดาว
ไม่มีประปา..แต่มีน้ำจากบนเขา
ไม่มีทีวี..แต่มีวิวทิวเขา
ไม่มีแอร์..แต่มีลมหนาว
ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์..แต่มีชาวบ้านให้พูดคุย
ไม่มีเครื่องทำอุ่น..ไม่อาบน้ำโว้ยย "
แคปชั่นก่อนออกจากป่าบงเปียง และการไม่อาบน้ำจริงๆ
เพราะอะไร.. อยากให้มาสัมผัสเอง : )
ทริปป่าบงเปียงจบลงแล้ว
แต่เรายังเดินทางไปต่อที่แม่กำปอง และ จังหวัดน่าน
ฝากติดตามด้วยนะคะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น