Huawei เปิดตัว ตระกูล Mate20 มาทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกันมีทั้งรุ่น Mate 20 / 20 X / 20 Pro แน่นอนครับว่าทางเราได้รีวิวตัวเล็กไปแล้วในรุ่น Mate 20 และในวันนี้เราจะมาทดลองใช้งานกับรุ่น Mate 20X รุ่นพี่จอใหญ่ ที่สุดในตระกูล และแน่นอนว่าขนาดนั้นใหญ่สะใจมากๆครับ แต่ด้วยขนาดจอใหญ่ฟีเจอร์ด้านอื่นๆนั้นก็ไม่ได้เป็นรองใครเลย โดยได้นำกล้องตัว Pro มาใส่ต้องบอกว่าเรื่องกล้องนั้นเทพเลยแหละ และ มาพร้อมวัสดุฝาหลังแบบเดียวกันด้วยครับ เป็นอีกรุ่นที่น่าสนใจมากๆเลย และในไทยยิ่งพิเศษด้วยการที่แถมปากกามาให้ทุกเครื่องเลย ที่ขายในไทยอันนี้ดีมาก
Mate 20 X เปิดตัวเป็นรุ่นที่จอใหญ่ที่สุดในตระกูล ด้วยขนาดจอมากถึง 7.2 นิ้ว OLED รองรับปากกา M-Pen ด้วย และมาด้วย CPU Kirin 980 7nm ตัวใหม่ล่าสุดจากทาง Huawei และ GPU TURBO2.0 รวมถึง ลำโพงคู่ และ กล้องหลัง 3 ตัวที่มาพร้อมเลนส์มุมกว้างอีกด้วยที่ตัวเดียวกับทาง Mate 20 Pro ครับ อีกทั้ง ยังมีระบบระบายความร้อน Vapour Chamber (VC) และ Graphene Film และแบต มากถึง 5000 mAh รองรับ Super Charge ต้องบอกว่าเป็นรุ่นที่ค่อนข้างจัดเต็มทั้ง จอใหญ่ แบตอึด กล้องสวย และ แรง ครบเลยในรุ่นนี้ครบเครื่อง
Huawei Mate 20 X นั้นเปิด ราคามาที่ 28,990 บาท พร้อมกันด้วย 2 สีด้วยกันครับคือทางสี Midnight Blue และ Phantom Silver และ แถมปากกา M-pen ทุกเครื่อง ใครซื้อแล้วไม่มีให้ ไปขอหรือคุยกับทาง Huawei เลยนะครับผมรุ่นนี้ต้องได้ทุกคนที่ซื้อ และเป็นประเทศเดียวด้วยที่แถมแบบนี้
UNBOX
- ตัวเครื่อง Huawei Mate 20 X
- เคส Huawei Mate 20 X แบบใส นิ่ม
- ที่ชาร์จ Huawei Supercharge
- สายชาร์จ Huawei Supercharge
- หูฟัง 3.5 มม.
- ปากกา M-Pen ขายจริงจะเป็นกล่องแยกนะครับ
- ฟิล์มใส ติดมาบนหน้าจอ
DESIGN
การออกแบบตัวเครื่อง มาที่ขนาดกันก่อนเลย 7.2 นิ้วที่มัน Tablet ในยุคก่อนกันเลยครับใหญ่มากกกแต่ด้วย เทคโนโลยี ขอบบางๆในสมัยนี้มันทำให้ขนาดยังพอพกพาไปไหนมาไหนได้สบายขึ้นเยอะ เป็นมือถือได้เลยครับ น้ำหนัก ขนาดของจริงไม่ได้เกะกะแบบที่คิด ใส่กระเป๋ากางเกงยีนส์ได้ น้ำหนักไม่ถ่วงมากหนักงานประกอบทำได้ดี แต่ถ้าวางไว้กระเป๋าหลัง อย่าเผลอไปนั่งทับแอดมินเสียวแทนด้วยขนาดจอใหญ่แบบนี้ อาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายเลย
ในด้านของหน้าจอ มาที่ขนาดใหญ่มากก จอ 7.2 นิ้วความละเอียด 2244 x 1080 แบบ OLED รองรับ HDR และเป็นจอแบบขอบบาง มีติ่งหยดน้ำ จึงทำให้ขนาดมันพกพาได้ง่ายกว่าแต่ก่อนมากครับ จอเรียบไม่มีโค้งแบบตัว PRO และ ทับด้วยกระจก Gorilla Glass จอจะมีฟิลม์ติดจากโรงงานมาให้นะครับแ่ในภาพนั้นน่าจะแกะออกไปแล้ว
ในส่วนของขอบด้านบนหน้าจอนั้น เป็นหน้าจอแบบมีติ่งหยดน้ำนั้นเอง การแจ้งเตือนโดนย้ายไปซ้ายขวา หมด รวมถึง ลำโพง และเซนเซอร์ต่างๆนั้นซ่อนอยู่ข้างๆกล้อง และ ลำโพงนั้นอยู่บริวเณขอบเครื่องเหนือตัวกล้องนั้นเองครับเนียนๆ
มาที่ด้านล่าง แน่นอนว่าทุกค่ายนั้นยังต้องมีขอบจอในส่วนล่างไว้ไม่ได้บางมากนัก เพราะเป็นส่วนที่ทำได้ยากถ้าจะทำบางๆและมีค่าใช้จ่ายสูงเกินไป และราคาน่าจะพุ่งกว่านี้มากเลยนะ ยอมมีขอบแต่ราคาจับต้องได้แทนละกันแบบนั้น ส่วนในการควบคุมปุ่มนั้น ย้ายไปบนจอหมดแล้ว และ สามารถใช้แบบ ปัดๆไปมาได้แบบไม่ต้องมีปุ่ม 3 ปุ่มแล้วครับ
ในส่วนของขอบด้านล่าง ตัวนี้ มีลำโพงหลัก ตัวที่ 1 รูชาร์จ ไมค์ ทั้ง 2 จุดครับผม ขอบมีการปัดเงาเช่นกันสวยงาม
รูหูฟัง นั้นมาอยู่ด้านบน ไม่ได้ตัดไปไหน รูไมค์ก็มีมาด้วย รวมถึง IR ไม่ได้ตัดออกไปด้วย และลำโพงหลักตัวที่ 2
ด้านซ้ายตัวเครื่องเรียบๆเลยครับ เป็นที่อยู่ของ ถาดซิม และ รองรับ 2 ซิม หรือ 1 ซิม +NM Card เพิ่มความจุ ไม่ใช่ Micro-SD แล้วนะ ต้อง NM Card เท่านั้นที่ผลิตโดย Huawei นั้นเอง รูปทรงแบบ ซิม เลยครับ
ขอบด้านขวาของตัวเครื่องรุ่นนี้ เป็นปุ่ม Power ที่มีขอบสีแดง และ Texture ขีดๆครับ และปุ่ม เพิ่ม-ลดเสียงครับ
ด้านหลังรุ่นนี้ จะเป็นการเอากล้องมาจาก MATE 20 Pro เลย แต่มีสแกนนิ้วด้านหลังมาให้ครับ พร้อมกับวัสดุฝาหลังแบบกระจก แต่มีการเล่นลวดลาย ขีดๆแนวทแยง ทำให้ไม่เลอะรอยนิ้วมือ ทนรอยขีดข่วนได้ดีมาก และ เล่นกับแสงสวยเลยแหละ และเรื่องทนรอยขนแมวได้ดีจริงๆนะ การสัมผัสคล้ายๆพวกไม้บรรทัด 3 มิติในตอนเด็นๆนั้นแหละ 55
SPEC
- Android 9.0 Pie + EMUI 9.0
- CPU HUAWEI Kirin 980 7nm
- GPU Mali-G76 MP10
- หน้าจอ 7.2 นิ้วความละเอียด 2244 x 1080 FHD+ แบบ OLED รองรับ HDR + DCI-P3
- RAM 6GB
-STORAGE 128GB + เพิ่มความจุ NM Card สูงสุด 256GB
- กล้องหลัง 3 ตัว 40 MP (Wide Angle Lens, f/1.8 aperture) + 20 MP (Ultra Wide Angle Lens, f/2.2 aperture) + 8 MP (Telephoto, f/2.4 aperture), supports autofocus (laser focus, phase focus, contrast focus), supports AIS (Huawei AI Image Stabilization).
- กล้องหน้า 1 ตัว 24 MP, f/2.0 aperture
- สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่อง
- ลำโพงคู่ STEREO
- Type-C, USB 3.1 GEN1
- แบต 5,000 mAh พร้อม Huawei Supercharge
- มีระบบระบายความร้อน Vapour Chamber (VC) และ Graphene Film
- 85.4 มม. 174.6 มม. 8.15 มม.น้ำหนัก:232 กรัม
PERFORMANCE
ประสิทธิภาพของตัวเครื่องแน่นอนเลยครับว่าตัว Kirin 980 นั้นไม่มีอะไรติดขัดเลยด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดแบบ 7nm ทำให้มันค่อนข้างดีเลยแหละ เพียงแต่บางแอพหรือบางส่วนยังไม่ได้ลงตัวมากนัก มาพร้อม RAM 6GB ความจุ 128 GB ได้ UFS2.1 ส่วนคะแนน antutu นั้นทำได้ไป 312891 คะแนน ถือว่าทำคะแนนได้แรงแต่อาจจะไม่ได้โหดทะลุ 35000 แบบที่หลายๆคนคิดแต่เกิน 30000 ก็ถือว่าโหดมากแล้วจริงๆอย่าไปอิงคะแนนมากครับเน้นใช้งานจริงจะดีกว่าว่าระบบทำได้ลื่นและดึงประสิทธิภาพออกมาได้ดีขนาดไหนครับผม
SYSTEM UI
สำหรับ Software นั้นมาพร้อมกับตัว EMUI ล่าสุดและ Android 9 ครับ หน้าตาใกล้เคียงรุ่นเดิมแต่ปรับบางจุดเล็กน้อยครับ แอพการแจ้งเตือนเป็นจุด และ เลขในบางแอพ และ App drawer นั้นสามารถเลือกได้ครับว่าจะมีหรือไม่มีทำให้เราสามารถตั้งค่าได้ครับ ไม่ได้ตัดออกไปไหน หน้าตาโดยรวมไม่ค่อยต่างจากรุ่นก่อนมากนักครับใน P20
สำหรับหน้าตา Quicksetting นั้นต้องบอกว่าอิงจากตัวเดิมแต่ปรับมาโทนสีขาวฟ้า และ ปรับแต่งได้ค่อนข้างเยอะเช่นเดิม อีกทั้งยังแบ่งหน้าจอได้ง่ายๆด้วยใช้ข้อนิ้วเคาะและลากครับก็จะสามารถแบ่งได้เลย
คียบอร์ดไทยนั้นยังคงใช้ Swiftkey เช่นเดิม ตัว MATE 20 X มาพร้อมความจุถึง 128GB และ RAM 6 GB ครับ ว่างประมาณ 110 กว่าๆ และ RAM ใช้งานไป 3 GB ครับ เหลือๆสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันทั่วไปเลย
ในส่วนของการควบคุมนั้นจะเลือกได้ว่าจะเอาแบบ ปัดเต็มจอ หรือ ปุ่มแบบเดิมๆ ก็สามารถเลือกได้เลย Gesture นั้นมีเลือกมากมายทั้งเคาะหน้าจอถ่ายภาพ แบ่งหน้าจออะไรพวกนี้ครับ ยกขึ้นมาจะเงียบพวกนี้ยังคงมีมาครบ และแน่นอนว่าสามารถ สแกนใบหน้าได้ด้วยสำหรับตัวนี้ ทำได้ไวพอสมควร แต่ใช้งานแบบกล้องที่มืดเลยสแกนไม่ติดครับ
สำหรับตัวติ่งที่มีมาให่ก็สามารถถมดำปิดไปได้ด้วยเช่นเดียวกันครับเนียนๆตาไปเลย หน้าตาแอพธีมอะไรก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ครับ ไอคอน การเปลี่ยนหน้าต่างๆ รวมถึงระบบเสียงก็รองรับ Dolby และปรับ EQ ได้ตามภาพเลยครับ
M-PEN
สำหรับรุ่นนี้แน่นอนจุดที่เด่นๆเลยก็หนีไม่พ้นในเรื่องของขนาดจอที่ใหญ่มากและหน้าจอใหญ่ๆแบบนี้เราต้องใช้ประโยชน์ของมันให้ได้เต็มที่รุ่นนี้รองรับปากกาด้วย และ ประเทศไทย Exclusive สุดๆแถมมาให้ทุกเครื่อง แน่นอนว่าปากกาตัวนี้นั้นเรียกว่า M-pen แบบเดียวกับทางฝั่ง Mediapad แต่แน่นอน ขนาด ต่างๆการออกแบบ รวมถึงตัวปากกานั้นแตกต่างกันพอสมควรเลย ตัวปากกาตัวนี้มีขนาดเล็กกว่า เบากว่าและดีไซน์การออกแบบทั้งหมดแตกต่างกันแบบชัดเจน ตัวปากการุ่นนี้ หัวสีดำ แข็งครับ และมีเหน็บปากกามาให้ ทำเหมือนปากกาจริงๆมากขึ้นทุกวัน และ น้ำหนักนั้นก็ทำได้ดีเลย แต่การใช้งานจริงๆจะดีไหมต้องดูกัน
ทางด้านการออกแบบตัวนี้มาในโทนสีเทาเข้มวัสดุสีด้านครับ หัวปากกามีขอบแดง ละตัวหัวเป็นสีดำขนาดพอดีมือไม่เล็กไม่ใหญ่ แต่เนื่องจากการใช้งานนั้นตัวเครื่องมันไม่มีที่เก็บปากกาทำให้เราต้องพกแยกและอาจจะมีลืมกันได้ง่ายและอาจจะขี้เกียจพกกันไปทุกวันได้ครับ ยังดีที่ตัวปากกามีการออกแบบที่เหน็บกระเป๋าเสื้อมาให้ก็พกได้สะดวกขึ้นเยอะเลย การใช้งานปากกานั้นปากกาด้านหัวจะเป็นหัวแบบแข็งและค่อนข้างลื่นครับเมื่อใช้งานกับหน้าจอของทาง Mate 20 X ฟิลลิ่งนั้นจะแตกต่างกับทาง MediaPad พอสมควรและเทียบกับทางค่ายเกาหลี ที่มีปากกามาให้นั้นจะยังพบความแตกต่างกันค่อนข้างชัดเจนเลย รวมถึงการไล่น้ำหนัก ความลื่น หนืดของตัวหัวปากกาซึ่งต้องบอกกันตรงๆว่าของทาง Huawei นั้นยังทำมาได้ไม่ได้ลงตัวมานักในจุดนี้ แต่ก็พอใช้เขียวอะไรชั่วคราวได้ หรือจดงานเป็นหลัก แต่ถ้าสายวาดภาพหรือออกแบบอาจจะเจอจุดที่ยังใช้งานไม่ค่อนลงตัวเท่าไรนั้นเอง
ปากกาตัวนี้จะใช้ไฟชาร์จเข้านะครับแบบ TYPE-C แน่นอนว่าแบตในตัวก็ใช้งานได้นานนมากพอสมควรครับ และการชาร์จก็ทำได้ไวไม่ได้มีปัญหาอะไรมากแต่ตัวที่ชาร์จนั้น จะเป็นพอร์ทที่ไม่มีอะไรปิดอันนี้อาจจะต้องระวังอะไรเข้าไปติด หรือพวกฝุ่นต่างๆครับ
[SR] รีวิว Huawei Mate 20 X จอยักษ์ พร้อมปากกา และ กล้อง 3 ตัวเลนส์มุมกว้าง !
Huawei เปิดตัว ตระกูล Mate20 มาทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกันมีทั้งรุ่น Mate 20 / 20 X / 20 Pro แน่นอนครับว่าทางเราได้รีวิวตัวเล็กไปแล้วในรุ่น Mate 20 และในวันนี้เราจะมาทดลองใช้งานกับรุ่น Mate 20X รุ่นพี่จอใหญ่ ที่สุดในตระกูล และแน่นอนว่าขนาดนั้นใหญ่สะใจมากๆครับ แต่ด้วยขนาดจอใหญ่ฟีเจอร์ด้านอื่นๆนั้นก็ไม่ได้เป็นรองใครเลย โดยได้นำกล้องตัว Pro มาใส่ต้องบอกว่าเรื่องกล้องนั้นเทพเลยแหละ และ มาพร้อมวัสดุฝาหลังแบบเดียวกันด้วยครับ เป็นอีกรุ่นที่น่าสนใจมากๆเลย และในไทยยิ่งพิเศษด้วยการที่แถมปากกามาให้ทุกเครื่องเลย ที่ขายในไทยอันนี้ดีมาก
Mate 20 X เปิดตัวเป็นรุ่นที่จอใหญ่ที่สุดในตระกูล ด้วยขนาดจอมากถึง 7.2 นิ้ว OLED รองรับปากกา M-Pen ด้วย และมาด้วย CPU Kirin 980 7nm ตัวใหม่ล่าสุดจากทาง Huawei และ GPU TURBO2.0 รวมถึง ลำโพงคู่ และ กล้องหลัง 3 ตัวที่มาพร้อมเลนส์มุมกว้างอีกด้วยที่ตัวเดียวกับทาง Mate 20 Pro ครับ อีกทั้ง ยังมีระบบระบายความร้อน Vapour Chamber (VC) และ Graphene Film และแบต มากถึง 5000 mAh รองรับ Super Charge ต้องบอกว่าเป็นรุ่นที่ค่อนข้างจัดเต็มทั้ง จอใหญ่ แบตอึด กล้องสวย และ แรง ครบเลยในรุ่นนี้ครบเครื่อง
Huawei Mate 20 X นั้นเปิด ราคามาที่ 28,990 บาท พร้อมกันด้วย 2 สีด้วยกันครับคือทางสี Midnight Blue และ Phantom Silver และ แถมปากกา M-pen ทุกเครื่อง ใครซื้อแล้วไม่มีให้ ไปขอหรือคุยกับทาง Huawei เลยนะครับผมรุ่นนี้ต้องได้ทุกคนที่ซื้อ และเป็นประเทศเดียวด้วยที่แถมแบบนี้
UNBOX
- ตัวเครื่อง Huawei Mate 20 X
- เคส Huawei Mate 20 X แบบใส นิ่ม
- ที่ชาร์จ Huawei Supercharge
- สายชาร์จ Huawei Supercharge
- หูฟัง 3.5 มม.
- ปากกา M-Pen ขายจริงจะเป็นกล่องแยกนะครับ
- ฟิล์มใส ติดมาบนหน้าจอ
DESIGN
การออกแบบตัวเครื่อง มาที่ขนาดกันก่อนเลย 7.2 นิ้วที่มัน Tablet ในยุคก่อนกันเลยครับใหญ่มากกกแต่ด้วย เทคโนโลยี ขอบบางๆในสมัยนี้มันทำให้ขนาดยังพอพกพาไปไหนมาไหนได้สบายขึ้นเยอะ เป็นมือถือได้เลยครับ น้ำหนัก ขนาดของจริงไม่ได้เกะกะแบบที่คิด ใส่กระเป๋ากางเกงยีนส์ได้ น้ำหนักไม่ถ่วงมากหนักงานประกอบทำได้ดี แต่ถ้าวางไว้กระเป๋าหลัง อย่าเผลอไปนั่งทับแอดมินเสียวแทนด้วยขนาดจอใหญ่แบบนี้ อาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายเลย
ในด้านของหน้าจอ มาที่ขนาดใหญ่มากก จอ 7.2 นิ้วความละเอียด 2244 x 1080 แบบ OLED รองรับ HDR และเป็นจอแบบขอบบาง มีติ่งหยดน้ำ จึงทำให้ขนาดมันพกพาได้ง่ายกว่าแต่ก่อนมากครับ จอเรียบไม่มีโค้งแบบตัว PRO และ ทับด้วยกระจก Gorilla Glass จอจะมีฟิลม์ติดจากโรงงานมาให้นะครับแ่ในภาพนั้นน่าจะแกะออกไปแล้ว
ในส่วนของขอบด้านบนหน้าจอนั้น เป็นหน้าจอแบบมีติ่งหยดน้ำนั้นเอง การแจ้งเตือนโดนย้ายไปซ้ายขวา หมด รวมถึง ลำโพง และเซนเซอร์ต่างๆนั้นซ่อนอยู่ข้างๆกล้อง และ ลำโพงนั้นอยู่บริวเณขอบเครื่องเหนือตัวกล้องนั้นเองครับเนียนๆ
มาที่ด้านล่าง แน่นอนว่าทุกค่ายนั้นยังต้องมีขอบจอในส่วนล่างไว้ไม่ได้บางมากนัก เพราะเป็นส่วนที่ทำได้ยากถ้าจะทำบางๆและมีค่าใช้จ่ายสูงเกินไป และราคาน่าจะพุ่งกว่านี้มากเลยนะ ยอมมีขอบแต่ราคาจับต้องได้แทนละกันแบบนั้น ส่วนในการควบคุมปุ่มนั้น ย้ายไปบนจอหมดแล้ว และ สามารถใช้แบบ ปัดๆไปมาได้แบบไม่ต้องมีปุ่ม 3 ปุ่มแล้วครับ
ในส่วนของขอบด้านล่าง ตัวนี้ มีลำโพงหลัก ตัวที่ 1 รูชาร์จ ไมค์ ทั้ง 2 จุดครับผม ขอบมีการปัดเงาเช่นกันสวยงาม
รูหูฟัง นั้นมาอยู่ด้านบน ไม่ได้ตัดไปไหน รูไมค์ก็มีมาด้วย รวมถึง IR ไม่ได้ตัดออกไปด้วย และลำโพงหลักตัวที่ 2
ด้านซ้ายตัวเครื่องเรียบๆเลยครับ เป็นที่อยู่ของ ถาดซิม และ รองรับ 2 ซิม หรือ 1 ซิม +NM Card เพิ่มความจุ ไม่ใช่ Micro-SD แล้วนะ ต้อง NM Card เท่านั้นที่ผลิตโดย Huawei นั้นเอง รูปทรงแบบ ซิม เลยครับ
ขอบด้านขวาของตัวเครื่องรุ่นนี้ เป็นปุ่ม Power ที่มีขอบสีแดง และ Texture ขีดๆครับ และปุ่ม เพิ่ม-ลดเสียงครับ
ด้านหลังรุ่นนี้ จะเป็นการเอากล้องมาจาก MATE 20 Pro เลย แต่มีสแกนนิ้วด้านหลังมาให้ครับ พร้อมกับวัสดุฝาหลังแบบกระจก แต่มีการเล่นลวดลาย ขีดๆแนวทแยง ทำให้ไม่เลอะรอยนิ้วมือ ทนรอยขีดข่วนได้ดีมาก และ เล่นกับแสงสวยเลยแหละ และเรื่องทนรอยขนแมวได้ดีจริงๆนะ การสัมผัสคล้ายๆพวกไม้บรรทัด 3 มิติในตอนเด็นๆนั้นแหละ 55
SPEC
- Android 9.0 Pie + EMUI 9.0
- CPU HUAWEI Kirin 980 7nm
- GPU Mali-G76 MP10
- หน้าจอ 7.2 นิ้วความละเอียด 2244 x 1080 FHD+ แบบ OLED รองรับ HDR + DCI-P3
- RAM 6GB
-STORAGE 128GB + เพิ่มความจุ NM Card สูงสุด 256GB
- กล้องหลัง 3 ตัว 40 MP (Wide Angle Lens, f/1.8 aperture) + 20 MP (Ultra Wide Angle Lens, f/2.2 aperture) + 8 MP (Telephoto, f/2.4 aperture), supports autofocus (laser focus, phase focus, contrast focus), supports AIS (Huawei AI Image Stabilization).
- กล้องหน้า 1 ตัว 24 MP, f/2.0 aperture
- สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่อง
- ลำโพงคู่ STEREO
- Type-C, USB 3.1 GEN1
- แบต 5,000 mAh พร้อม Huawei Supercharge
- มีระบบระบายความร้อน Vapour Chamber (VC) และ Graphene Film
- 85.4 มม. 174.6 มม. 8.15 มม.น้ำหนัก:232 กรัม
PERFORMANCE
ประสิทธิภาพของตัวเครื่องแน่นอนเลยครับว่าตัว Kirin 980 นั้นไม่มีอะไรติดขัดเลยด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดแบบ 7nm ทำให้มันค่อนข้างดีเลยแหละ เพียงแต่บางแอพหรือบางส่วนยังไม่ได้ลงตัวมากนัก มาพร้อม RAM 6GB ความจุ 128 GB ได้ UFS2.1 ส่วนคะแนน antutu นั้นทำได้ไป 312891 คะแนน ถือว่าทำคะแนนได้แรงแต่อาจจะไม่ได้โหดทะลุ 35000 แบบที่หลายๆคนคิดแต่เกิน 30000 ก็ถือว่าโหดมากแล้วจริงๆอย่าไปอิงคะแนนมากครับเน้นใช้งานจริงจะดีกว่าว่าระบบทำได้ลื่นและดึงประสิทธิภาพออกมาได้ดีขนาดไหนครับผม
SYSTEM UI
สำหรับ Software นั้นมาพร้อมกับตัว EMUI ล่าสุดและ Android 9 ครับ หน้าตาใกล้เคียงรุ่นเดิมแต่ปรับบางจุดเล็กน้อยครับ แอพการแจ้งเตือนเป็นจุด และ เลขในบางแอพ และ App drawer นั้นสามารถเลือกได้ครับว่าจะมีหรือไม่มีทำให้เราสามารถตั้งค่าได้ครับ ไม่ได้ตัดออกไปไหน หน้าตาโดยรวมไม่ค่อยต่างจากรุ่นก่อนมากนักครับใน P20
สำหรับหน้าตา Quicksetting นั้นต้องบอกว่าอิงจากตัวเดิมแต่ปรับมาโทนสีขาวฟ้า และ ปรับแต่งได้ค่อนข้างเยอะเช่นเดิม อีกทั้งยังแบ่งหน้าจอได้ง่ายๆด้วยใช้ข้อนิ้วเคาะและลากครับก็จะสามารถแบ่งได้เลย
คียบอร์ดไทยนั้นยังคงใช้ Swiftkey เช่นเดิม ตัว MATE 20 X มาพร้อมความจุถึง 128GB และ RAM 6 GB ครับ ว่างประมาณ 110 กว่าๆ และ RAM ใช้งานไป 3 GB ครับ เหลือๆสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันทั่วไปเลย
ในส่วนของการควบคุมนั้นจะเลือกได้ว่าจะเอาแบบ ปัดเต็มจอ หรือ ปุ่มแบบเดิมๆ ก็สามารถเลือกได้เลย Gesture นั้นมีเลือกมากมายทั้งเคาะหน้าจอถ่ายภาพ แบ่งหน้าจออะไรพวกนี้ครับ ยกขึ้นมาจะเงียบพวกนี้ยังคงมีมาครบ และแน่นอนว่าสามารถ สแกนใบหน้าได้ด้วยสำหรับตัวนี้ ทำได้ไวพอสมควร แต่ใช้งานแบบกล้องที่มืดเลยสแกนไม่ติดครับ
สำหรับตัวติ่งที่มีมาให่ก็สามารถถมดำปิดไปได้ด้วยเช่นเดียวกันครับเนียนๆตาไปเลย หน้าตาแอพธีมอะไรก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ครับ ไอคอน การเปลี่ยนหน้าต่างๆ รวมถึงระบบเสียงก็รองรับ Dolby และปรับ EQ ได้ตามภาพเลยครับ
M-PEN
สำหรับรุ่นนี้แน่นอนจุดที่เด่นๆเลยก็หนีไม่พ้นในเรื่องของขนาดจอที่ใหญ่มากและหน้าจอใหญ่ๆแบบนี้เราต้องใช้ประโยชน์ของมันให้ได้เต็มที่รุ่นนี้รองรับปากกาด้วย และ ประเทศไทย Exclusive สุดๆแถมมาให้ทุกเครื่อง แน่นอนว่าปากกาตัวนี้นั้นเรียกว่า M-pen แบบเดียวกับทางฝั่ง Mediapad แต่แน่นอน ขนาด ต่างๆการออกแบบ รวมถึงตัวปากกานั้นแตกต่างกันพอสมควรเลย ตัวปากกาตัวนี้มีขนาดเล็กกว่า เบากว่าและดีไซน์การออกแบบทั้งหมดแตกต่างกันแบบชัดเจน ตัวปากการุ่นนี้ หัวสีดำ แข็งครับ และมีเหน็บปากกามาให้ ทำเหมือนปากกาจริงๆมากขึ้นทุกวัน และ น้ำหนักนั้นก็ทำได้ดีเลย แต่การใช้งานจริงๆจะดีไหมต้องดูกัน
ทางด้านการออกแบบตัวนี้มาในโทนสีเทาเข้มวัสดุสีด้านครับ หัวปากกามีขอบแดง ละตัวหัวเป็นสีดำขนาดพอดีมือไม่เล็กไม่ใหญ่ แต่เนื่องจากการใช้งานนั้นตัวเครื่องมันไม่มีที่เก็บปากกาทำให้เราต้องพกแยกและอาจจะมีลืมกันได้ง่ายและอาจจะขี้เกียจพกกันไปทุกวันได้ครับ ยังดีที่ตัวปากกามีการออกแบบที่เหน็บกระเป๋าเสื้อมาให้ก็พกได้สะดวกขึ้นเยอะเลย การใช้งานปากกานั้นปากกาด้านหัวจะเป็นหัวแบบแข็งและค่อนข้างลื่นครับเมื่อใช้งานกับหน้าจอของทาง Mate 20 X ฟิลลิ่งนั้นจะแตกต่างกับทาง MediaPad พอสมควรและเทียบกับทางค่ายเกาหลี ที่มีปากกามาให้นั้นจะยังพบความแตกต่างกันค่อนข้างชัดเจนเลย รวมถึงการไล่น้ำหนัก ความลื่น หนืดของตัวหัวปากกาซึ่งต้องบอกกันตรงๆว่าของทาง Huawei นั้นยังทำมาได้ไม่ได้ลงตัวมานักในจุดนี้ แต่ก็พอใช้เขียวอะไรชั่วคราวได้ หรือจดงานเป็นหลัก แต่ถ้าสายวาดภาพหรือออกแบบอาจจะเจอจุดที่ยังใช้งานไม่ค่อนลงตัวเท่าไรนั้นเอง
ปากกาตัวนี้จะใช้ไฟชาร์จเข้านะครับแบบ TYPE-C แน่นอนว่าแบตในตัวก็ใช้งานได้นานนมากพอสมควรครับ และการชาร์จก็ทำได้ไวไม่ได้มีปัญหาอะไรมากแต่ตัวที่ชาร์จนั้น จะเป็นพอร์ทที่ไม่มีอะไรปิดอันนี้อาจจะต้องระวังอะไรเข้าไปติด หรือพวกฝุ่นต่างๆครับ
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้