Huawei เป็นแบรนด์ที่ต้องบอกว่าเน้นเรื่องกล้องมาอย่างหนักตั้งแต่ยุค P9 ที่นำให้คนรู้จักกับกล้องขาวดำ Leica ที่เป็นการร่วมพัฒนา ไม่ใช่เลนส์จาก Leica นะอันนี้ทำความเข้าใจกันก่อน และต้องบอกเลยว่าหลังจากนั้นทุกคนแทบจะรู้จักมือถือกล้องเทพจากตัวนี้ เลยและเข้าใจไปเลยว่า Huawei ต้องกล้องสวยแน่นอนว่าก็ได้พัฒนามาเรื่องๆจาก 2 กล้องเป็น 3 กล้องและมาในรอบนี้ได้พัฒนาไปอีกโดยการนำเลนส์ มุมกว้างเข้ามาในเรือธงของค่ายครับ และมาในรุ่น Huawei mate 20 นั้นเองตัว Mate 20 เปิดตัวมาถึง 3 รุ่นย่อยด้วยกัน คือ ตัวเล็กสุด Mate 20 ตัวเทพ Mate 20 Pro และ ตัวจอใหญ่ Mate 20X ที่แถมปากกาด้วยครับสำหรับคนไทยเท่านั้นด้วยโหดเลย แต่ในรีวิวนี้เรามาอยู่กับรุ่นเล็กสุดคือ Mate 20 ที่ใช้กล้องคนละแบบกับ 2 รุ่นนั้นแต่ก็ไม่ได้แตกต่างกันมากเลยจะเป็นยังไงไปชม !
Mate 20 รุ่นนี้มีจุดเด่นมากกว่าแค่กล้องครับแน่นอนว่า ทาง Mate 20 คือรุ่นแรกที่ใช้ Cpu Kirin 980 ที่ใช้เทคโนโลยนี 7nm ตัวแรกของค่ายเลย และรวมถึงการใช้กล้องหลัง 3 ตัวพร้อมเลนส์ไว์มุมกว้าง 104 องศาอีกด้วยและยังมีการปรับเปลี่ยนดีไซน์การออกแบบมากมายและหน้าจอมาแบบเต็มจอแบบมีติ่งหยดน้ำด้วยครับอีกทั้งในเรื่องของระบบก็ยังมาด้วย Android 9.0 และ EMUI ตัวล่าสุดด้วยที่จัดฟีเจอร์มาค่อนข้างเต็มเลยครับในตัวนี้
Huawei Mate 20 เปิดราคามาที่ 24990 บาทมาทั้งหมด 2 สีครับ สีที่ในรีวิวคือ Twilight และ สี Blue หรือสีฟ้าน้ำเงินนั้นเองครับ ต้องบอกว่าสี Twilight ค่อนข้างสวยเลยและมีแค่รุ่นนี้รุ่นเดียวเท่านั้น
UNBOX
- ตัวเครื่อง Mate 20
- เคส TPU นิ่ม Mate 20
- Adaptor ชาร์จไฟ Huawei Supercharge
- สาย Type-C
- หูฟัง 3.5 มม. แน่นอนว่ารุ่นนี้ยังไม่ตัดในส่วน รู 3.5มม !!
DESIGN
การออกแบบกันก่อนเลยตัวนี้เป็นการเปลี่ยนการออกแบบในด้านหลังแบบแตกต่างจากรุ่นก่อนแบบชัดเจนครับแน่นอนว่าตอนแรกที่เห็นสี่เหลี่ยมข้างหลังแบบนี้ไม่ค่อยสวยเท่าไรเลยแต่เมื่อดูของจริงก็โอเคเลยไม่ได้แย่ครับ ส่วนเรื่องของวัสดุความหนาบางเบาพวกนี้อยู่ในระดับกลางๆไม่ได้บางมากหรือเบามากครับจับได้พอดีมือและโค้งรับมือได้ดีเลยวัสดุเป็นกระจกทั้งหน้าและหลังรวมถึงมีการไล่สีที่สวยงามและไล่ไปจบถึงขอบด้านข้างทั้ง 2 ข้างครับดูเนียนสวยเลยครับ
ด้านหน้า หน้าจอที่เต็มตาขอบบางกว่าตัว Pro ซะอีกเป็นหน้าจอที่มาพร้อมกับจอ ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2244×1080) แบบ RGBW IPS อัตราส่วนแบบ 18.7:9 screen ratio จอแบบ LCD นะครับไม่ใช่จอโค้งและ ครอบทับด้วย Gorilla Glass รองรับ DCI-P3 / HDR 10 ทั้งหมดครับผม และ มีติ่งหน้าจอด้วยนะ
ด้านขอบล่างหน้าจอต้องบอกว่าทำได้ค่อนข้างบางเลยแหละ บางกว่ารุ่นพี่มันซะอีกครับ ปุ่มควบคุมไปบนจอทั้งหมดและสามารถใช้งานแบบไม่มีปุ่มหน้าจอก็ได้เช่นกันครับในตัวนี้ แบบปัดไปมาทำให้เต็มหน้าจอมากขึ้นกว่าเดิมไปอีก
ในส่วนของขอบด้านบน ตัวนี้ไม่มีสแกนหน้าแบบ 3 มิติอะไรจึงได้ติ่งหยดน้ำ น่ารักๆมาครับ พร้อมกล้องหน้า ลำโพง และ เซนเซอร์วัดแสงต่างๆอยู่ในตรงติ่งตรงนั้นและ ลำโพงจะอยู่บนขอบตัวเครื่องครับผมซ่อนเนียนๆไป
มากันที่ด้านล่างของตัวเครื่อง เป็นลำโพง หลัก ช่องชาร์จ TYPE-C และ ไมค์สำหรับไว้คุยอัดเสียงต่างๆครับ ขอบด้านล่างจะเป็นสีดำ แน่นอนว่าขอบด้านบนจะเป็นอีกสีนะครับ 2 สีไปเลยยันขอบเครื่อง
มาที่มุมด้านข้างจะเห็นชัดเจนเลยว่า มีการไล่สี ด้านล่างนั้นจะเข้มและข้างบนนั้นจะอ่อนกว่าครับ ปุ่ม เพิ่มเสียง ลดเสียง และ ปุ่ม เปิดปิด ซึ่งปุ่มเปิดปืด นั้นจะเป็นขอบสีแดงและมีพื้นผิวที่แตกต่างกว่าเพิ่มเสียงครับผม
สำหรับในขอบด้านซ้ายตัวเครื่อง เป็นที่อยู่ของช่องใส่ซิมแบบ Nanosim Dualsim แบบ Hybrid แต่ !!! การเพิ่มความจุนั้นจะรองรับแค่ Nm Card เท่านั้นที่ทาง Huawei คิดขึ้นมาและไม่สามารถใช้ Micro SD ได้นะครับ ****
สำหรับขอบเครื่องในส่วนบนนั้นจะเห็นว่าโทนสีจะไปออกสีน้ำเงินอ่อนครับ แน่นอนยังมีรู 3.5 มม. และ IR สำหรับควบคุม เครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมด แน่นอนว่ารุ่น Pro ไม่มีครับ เป็นจุดเด่น ที่ดียังไม่ตัดออกไปสำหรับ Mate 20
ด้านหลังจะเป็นการไล่สีแบบ Twilight ครับจะเป็นสีเข้มไป ม่วง และ ไฟน้ำเงินสวยงามมาก เปลี่ยนสีแล้วแต่มุมกล้องด้วยครับผม มี สแกนนิ้วด้านหลัง และ ตัวกล้องแบบ 4 เหลี่ยม วางกล้อง 4 มุมครับ ไฟแฟลชจะอยู่บนขวา แตกต่างกับตัว Pro ที่ไฟแฟลชนั้นจะอยู่มุมซ้ายบนครับผม และโมดูล 4 เหลี่ยมนั้นจะเล็กกว่าตัว Pro นั้นเอง
SPEC
- ขนาดหน้าจอ: 6.5 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2244×1080) แบบ RGBW IPS 18.7:9 screen ratio
- ซีพียู: Kirin 980 (Octa-Core 2 x Cortex A76 2.66 GHz + 2 x Cortex A76 1.92 GHz + 4 x Cortex A53 1.8 GHz) + Dual NPU
- กล้องหน้า: 24 ล้านพิกเซล f/2.0
- กล้องหลัง: Triple Leica เลนส์ Wide 12MP RGB f/1.8 + เลนส์ซูม Tele 2x RGB 8MP f/2.4 + เลนส์ Ultrawide 16MP RGB f/2.2
- หน่วยความจำ: RAM 6 GB / ROM 128 GB รองรับ NanoMemory Card สูงสุด 256GB NM Card
- แบตเตอรี่: 4000 mAh พร้อมระบบ Super Charge (ชาร์จเร็วสูงสุดถึง 22.5w)
- สแกนนิ้ว ด้านหลังเครื่อง
- ระบบปฎิบัติการ: Android 9.0 (Pie) + EMUI 9.0
PERFORMANCE
ประสิทธิภาพของตัวเครื่องแน่นอนเลยครับว่าตัว Kirin 980 นั้นไม่มีอะไรติดขัดเลยด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดแบบ 7nm ทำให้มันค่อนข้างดีเลยแหละ เพียงแต่บางแอพหรือบางส่วนยังไม่ได้ลงตัวมากนัก มาพร้อม RAM 6GB ความจุ 128 GB ได้ UFS2.1 ส่วนคะแนน antutu นั้นทำได้ไป 312891 คะแนน ถือว่าทำคะแนนได้แรงแต่อาจจะไม่ได้โหดทะลุ 35000 แบบที่หลายๆคนคิดแต่เกิน 30000 ก็ถือว่าโหดมากแล้วจริงๆอย่าไปอิงคะแนนมากครับเน้นใช้งานจริงจะดีกว่าว่าระบบทำได้ลื่นและดึงประสิทธิภาพออกมาได้ดีขนาดไหนครับผม
SYSTEM UI
สำหรับ Software นั้นมาพร้อมกับตัว EMUI ล่าสุดและ Android 9 ครับ หน้าตาใกล้เคียงรุ่นเดิมแต่ปรับบางจุดเล็กน้อยครับ แอพการแจ้งเตือนเป็นจุด และ เลขในบางแอพ และ App drawer นั้นสามารถเลือกได้ครับว่าจะมีหรือไม่มีทำให้เราสามารถตั้งค่าได้ครับ ไม่ได้ตัดออกไปไหน หน้าตาโดยรวมไม่ค่อยต่างจากรุ่นก่อนมากนักครับใน P20
สำหรับหน้าตา Quicksetting นั้นต้องบอกว่าอิงจากตัวเดิมแต่ปรับมาโทนสีขาวฟ้า และ ปรับแต่งได้ค่อนข้างเยอะเช่นเดิม อีกทั้งยังแบ่งหน้าจอได้ง่ายๆด้วยใช้ข้อนิ้วเคาะและลากครับก็จะสามารถแบ่งได้เลย
คียบอร์ดไทยนั้นยังคงใช้ Swiftkey เช่นเดิม ตัว MATE 20 มาพร้อมความจุถึง 128GB และ RAM 6 GB ครับ ว่างประมาณ 110 กว่าๆ และ RAM ใช้งานไป 3 GB ครับ เหลือๆสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันทั่วไปเลย
ในส่วนของการควบคุมนั้นจะเลือกได้ว่าจะเอาแบบ ปัดเต็มจอ หรือ ปุ่มแบบเดิมๆ ก็สามารถเลือกได้เลย Gesture นั้นมีเลือกมากมายทั้งเคาะหน้าจอถ่ายภาพ แบ่งหน้าจออะไรพวกนี้ครับ ยกขึ้นมาจะเงียบพวกนี้ยังคงมีมาครบ และแน่นอนว่าสามารถ สแกนใบหน้าได้ด้วยสำหรับตัวนี้ ทำได้ไวพอสมควร แต่ใช้งานแบบกล้องที่มืดเลยสแกนไม่ติดครับ
สำหรับตัวติ่งที่มีมาให่ก็สามารถถมดำปิดไปได้ด้วยเช่นเดียวกันครับเนียนๆตาไปเลย หน้าตาแอพธีมอะไรก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ครับ ไอคอน การเปลี่ยนหน้าต่างๆ รวมถึงระบบเสียงก็รองรับ Dolby และปรับ EQ ได้ตามภาพเลยครับ
SCREEN
สำหรับหน้าจอตัวนี้เป็นหน้าจอแบบ LCD นะครับ เป็นหน้าจอขนาด 6.5 นิ้ว IPD FullHD+ ตัวนี้หน้าจอจะชัดน้อยกว่ารุ่นพี่ Pro นะครับ แต่จะเท่ากับ MATE20X ใช้จอแบบ LCD รองรับ DCI-P3 HDR10 และ ใช้กระจก Gorilla Glass แต่ไม่ได้บอกรุ่นนะครับ จอไม่ได้เป็นจอโค้ง ส่วนจอจริงๆแอดมินเองชอบ LCD เป็นทุนเดิมครับเจอจอตัวนี้ไปเลยชอบเลยมันทำได้ดีครับทั้งสี ความสว่างและโทนภาพโดยรวมสีดีสวยสดไม่เวอร์และสู้แดดได้ดีเลยแหละ ในเรื่องของความสว่างตัวนี้เรื่องจอไม่ต้องพูดอะไรมาก ลงตัวทั้งหมด เสียดายแค่มันเป็น FullHD เท่านั้นครับ ไม่งั้นจะลงตัว
GAMING
ในด้านของตัวเกมส์ตัวนี้เป็น CPU Kirin 980 7nm ตัวล่าสุดมาพร้อม GPU Turbo บอกเลยว่าเกมส์ที่รองรับทำได้สบาย แต่เนื่องจากมันใหม่อยู่บางเกมส์แบบ PUBG ยังไม่รองรับภาพแบบสุดนะครับ แต่ในส่วนของเกมส์อื่นๆนั้นทำได้ดีเลยไม่ว่าจะเป็น ROV -INJUSTICE 2- ROS -FORNITE พวกนี้สบายลื่นๆตามคลิปได้เลยครับส่วนเรื่องของความร้อนหรือแบตนั้นทำได้ดี ไม่ร้อน และ อึดพอสมควรครับ ตัว 7nm ช่วยได้อย่างมากในเรื่องนี้ สายเกมส์ก็จัดกันได้ไม่มีปัญหา แต่เกมส์ที่ไม่ได้รองรับ GPU TURBO บางเกมส์นั้นอาจจะไม่ได้ลื่นมากนักแต่เกมส์ทั่วไปที่แอดมินลองต้องบอกว่าสบายๆเลยแหละ ความลื่นไหลติดนิ้วดีกว่าเดิม แต่บางเกมส์ยังแอบชอบ Snap มากกว่านิดหน่อยครับ
MUSIC SOUND
เพลงผ่านหูฟังตัวนี้ยังเป็นไม่กี่รุ่นในปลายปี 2018 ที่ยังมีรู 3.5 มม. ต้องมีหลายๆคนดีใจแน่ๆ ในเรื่องของตัวหูฟังยังคงใช้แบบเดิมกับรุ่นก่อนหน้าทั้งการออกแบบและคุณภาพเสียง แน่นอนว่ารุ่นนี้มี Software Dolby หรือทาง Huawei มาปรับมากมายครับ แต่เสียงจริงๆที่ออกจากตัวเครื่องกลับพบว่าไม่ได้พัฒนาขึ้นเท่าไรนัก แอดมินลองเสียงกับหูฟังหลายๆราคา ก็ยังพบว่าเสียงแทบไม่ต่างกับตัวก่อนหน้าในตัว P20 พวกนั้นโทนเสียง กำลังขับเหมือนกันมากๆครับ สำหรับใครที่เน้นเสียงเพลงอาจจะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนัก เสียงออกมากำลังขับกลางๆ เสียงไปทางแหลมสูงมาก และ เบสมาแบบน้อยๆ ไม่ได้หนักแน่น มิติเสียงกลางๆไม่ได้เลวร้ายครับ เสียงโดยรวมไม่ค่อยนุ่มเท่าไร ต้องหาตัวช่วยแทนหรือปรับผ่านทาง Software ก็อาจจะช่วยได้บ้างครับในจุดนี้หรือสายแปลง DAC แยกก็จะตอบโจทย์มากกว่า
[SR] รีวิว Huawei Mate 20 เรือธง 3 กล้องพร้อมเลนส์มุมกว้าง และ CPU 7nm Kirin 980 !
Huawei เป็นแบรนด์ที่ต้องบอกว่าเน้นเรื่องกล้องมาอย่างหนักตั้งแต่ยุค P9 ที่นำให้คนรู้จักกับกล้องขาวดำ Leica ที่เป็นการร่วมพัฒนา ไม่ใช่เลนส์จาก Leica นะอันนี้ทำความเข้าใจกันก่อน และต้องบอกเลยว่าหลังจากนั้นทุกคนแทบจะรู้จักมือถือกล้องเทพจากตัวนี้ เลยและเข้าใจไปเลยว่า Huawei ต้องกล้องสวยแน่นอนว่าก็ได้พัฒนามาเรื่องๆจาก 2 กล้องเป็น 3 กล้องและมาในรอบนี้ได้พัฒนาไปอีกโดยการนำเลนส์ มุมกว้างเข้ามาในเรือธงของค่ายครับ และมาในรุ่น Huawei mate 20 นั้นเองตัว Mate 20 เปิดตัวมาถึง 3 รุ่นย่อยด้วยกัน คือ ตัวเล็กสุด Mate 20 ตัวเทพ Mate 20 Pro และ ตัวจอใหญ่ Mate 20X ที่แถมปากกาด้วยครับสำหรับคนไทยเท่านั้นด้วยโหดเลย แต่ในรีวิวนี้เรามาอยู่กับรุ่นเล็กสุดคือ Mate 20 ที่ใช้กล้องคนละแบบกับ 2 รุ่นนั้นแต่ก็ไม่ได้แตกต่างกันมากเลยจะเป็นยังไงไปชม !
Mate 20 รุ่นนี้มีจุดเด่นมากกว่าแค่กล้องครับแน่นอนว่า ทาง Mate 20 คือรุ่นแรกที่ใช้ Cpu Kirin 980 ที่ใช้เทคโนโลยนี 7nm ตัวแรกของค่ายเลย และรวมถึงการใช้กล้องหลัง 3 ตัวพร้อมเลนส์ไว์มุมกว้าง 104 องศาอีกด้วยและยังมีการปรับเปลี่ยนดีไซน์การออกแบบมากมายและหน้าจอมาแบบเต็มจอแบบมีติ่งหยดน้ำด้วยครับอีกทั้งในเรื่องของระบบก็ยังมาด้วย Android 9.0 และ EMUI ตัวล่าสุดด้วยที่จัดฟีเจอร์มาค่อนข้างเต็มเลยครับในตัวนี้
Huawei Mate 20 เปิดราคามาที่ 24990 บาทมาทั้งหมด 2 สีครับ สีที่ในรีวิวคือ Twilight และ สี Blue หรือสีฟ้าน้ำเงินนั้นเองครับ ต้องบอกว่าสี Twilight ค่อนข้างสวยเลยและมีแค่รุ่นนี้รุ่นเดียวเท่านั้น
UNBOX
- ตัวเครื่อง Mate 20
- เคส TPU นิ่ม Mate 20
- Adaptor ชาร์จไฟ Huawei Supercharge
- สาย Type-C
- หูฟัง 3.5 มม. แน่นอนว่ารุ่นนี้ยังไม่ตัดในส่วน รู 3.5มม !!
DESIGN
การออกแบบกันก่อนเลยตัวนี้เป็นการเปลี่ยนการออกแบบในด้านหลังแบบแตกต่างจากรุ่นก่อนแบบชัดเจนครับแน่นอนว่าตอนแรกที่เห็นสี่เหลี่ยมข้างหลังแบบนี้ไม่ค่อยสวยเท่าไรเลยแต่เมื่อดูของจริงก็โอเคเลยไม่ได้แย่ครับ ส่วนเรื่องของวัสดุความหนาบางเบาพวกนี้อยู่ในระดับกลางๆไม่ได้บางมากหรือเบามากครับจับได้พอดีมือและโค้งรับมือได้ดีเลยวัสดุเป็นกระจกทั้งหน้าและหลังรวมถึงมีการไล่สีที่สวยงามและไล่ไปจบถึงขอบด้านข้างทั้ง 2 ข้างครับดูเนียนสวยเลยครับ
ด้านหน้า หน้าจอที่เต็มตาขอบบางกว่าตัว Pro ซะอีกเป็นหน้าจอที่มาพร้อมกับจอ ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2244×1080) แบบ RGBW IPS อัตราส่วนแบบ 18.7:9 screen ratio จอแบบ LCD นะครับไม่ใช่จอโค้งและ ครอบทับด้วย Gorilla Glass รองรับ DCI-P3 / HDR 10 ทั้งหมดครับผม และ มีติ่งหน้าจอด้วยนะ
ด้านขอบล่างหน้าจอต้องบอกว่าทำได้ค่อนข้างบางเลยแหละ บางกว่ารุ่นพี่มันซะอีกครับ ปุ่มควบคุมไปบนจอทั้งหมดและสามารถใช้งานแบบไม่มีปุ่มหน้าจอก็ได้เช่นกันครับในตัวนี้ แบบปัดไปมาทำให้เต็มหน้าจอมากขึ้นกว่าเดิมไปอีก
ในส่วนของขอบด้านบน ตัวนี้ไม่มีสแกนหน้าแบบ 3 มิติอะไรจึงได้ติ่งหยดน้ำ น่ารักๆมาครับ พร้อมกล้องหน้า ลำโพง และ เซนเซอร์วัดแสงต่างๆอยู่ในตรงติ่งตรงนั้นและ ลำโพงจะอยู่บนขอบตัวเครื่องครับผมซ่อนเนียนๆไป
มากันที่ด้านล่างของตัวเครื่อง เป็นลำโพง หลัก ช่องชาร์จ TYPE-C และ ไมค์สำหรับไว้คุยอัดเสียงต่างๆครับ ขอบด้านล่างจะเป็นสีดำ แน่นอนว่าขอบด้านบนจะเป็นอีกสีนะครับ 2 สีไปเลยยันขอบเครื่อง
มาที่มุมด้านข้างจะเห็นชัดเจนเลยว่า มีการไล่สี ด้านล่างนั้นจะเข้มและข้างบนนั้นจะอ่อนกว่าครับ ปุ่ม เพิ่มเสียง ลดเสียง และ ปุ่ม เปิดปิด ซึ่งปุ่มเปิดปืด นั้นจะเป็นขอบสีแดงและมีพื้นผิวที่แตกต่างกว่าเพิ่มเสียงครับผม
สำหรับในขอบด้านซ้ายตัวเครื่อง เป็นที่อยู่ของช่องใส่ซิมแบบ Nanosim Dualsim แบบ Hybrid แต่ !!! การเพิ่มความจุนั้นจะรองรับแค่ Nm Card เท่านั้นที่ทาง Huawei คิดขึ้นมาและไม่สามารถใช้ Micro SD ได้นะครับ ****
สำหรับขอบเครื่องในส่วนบนนั้นจะเห็นว่าโทนสีจะไปออกสีน้ำเงินอ่อนครับ แน่นอนยังมีรู 3.5 มม. และ IR สำหรับควบคุม เครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมด แน่นอนว่ารุ่น Pro ไม่มีครับ เป็นจุดเด่น ที่ดียังไม่ตัดออกไปสำหรับ Mate 20
ด้านหลังจะเป็นการไล่สีแบบ Twilight ครับจะเป็นสีเข้มไป ม่วง และ ไฟน้ำเงินสวยงามมาก เปลี่ยนสีแล้วแต่มุมกล้องด้วยครับผม มี สแกนนิ้วด้านหลัง และ ตัวกล้องแบบ 4 เหลี่ยม วางกล้อง 4 มุมครับ ไฟแฟลชจะอยู่บนขวา แตกต่างกับตัว Pro ที่ไฟแฟลชนั้นจะอยู่มุมซ้ายบนครับผม และโมดูล 4 เหลี่ยมนั้นจะเล็กกว่าตัว Pro นั้นเอง
SPEC
- ขนาดหน้าจอ: 6.5 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2244×1080) แบบ RGBW IPS 18.7:9 screen ratio
- ซีพียู: Kirin 980 (Octa-Core 2 x Cortex A76 2.66 GHz + 2 x Cortex A76 1.92 GHz + 4 x Cortex A53 1.8 GHz) + Dual NPU
- กล้องหน้า: 24 ล้านพิกเซล f/2.0
- กล้องหลัง: Triple Leica เลนส์ Wide 12MP RGB f/1.8 + เลนส์ซูม Tele 2x RGB 8MP f/2.4 + เลนส์ Ultrawide 16MP RGB f/2.2
- หน่วยความจำ: RAM 6 GB / ROM 128 GB รองรับ NanoMemory Card สูงสุด 256GB NM Card
- แบตเตอรี่: 4000 mAh พร้อมระบบ Super Charge (ชาร์จเร็วสูงสุดถึง 22.5w)
- สแกนนิ้ว ด้านหลังเครื่อง
- ระบบปฎิบัติการ: Android 9.0 (Pie) + EMUI 9.0
PERFORMANCE
ประสิทธิภาพของตัวเครื่องแน่นอนเลยครับว่าตัว Kirin 980 นั้นไม่มีอะไรติดขัดเลยด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดแบบ 7nm ทำให้มันค่อนข้างดีเลยแหละ เพียงแต่บางแอพหรือบางส่วนยังไม่ได้ลงตัวมากนัก มาพร้อม RAM 6GB ความจุ 128 GB ได้ UFS2.1 ส่วนคะแนน antutu นั้นทำได้ไป 312891 คะแนน ถือว่าทำคะแนนได้แรงแต่อาจจะไม่ได้โหดทะลุ 35000 แบบที่หลายๆคนคิดแต่เกิน 30000 ก็ถือว่าโหดมากแล้วจริงๆอย่าไปอิงคะแนนมากครับเน้นใช้งานจริงจะดีกว่าว่าระบบทำได้ลื่นและดึงประสิทธิภาพออกมาได้ดีขนาดไหนครับผม
SYSTEM UI
สำหรับ Software นั้นมาพร้อมกับตัว EMUI ล่าสุดและ Android 9 ครับ หน้าตาใกล้เคียงรุ่นเดิมแต่ปรับบางจุดเล็กน้อยครับ แอพการแจ้งเตือนเป็นจุด และ เลขในบางแอพ และ App drawer นั้นสามารถเลือกได้ครับว่าจะมีหรือไม่มีทำให้เราสามารถตั้งค่าได้ครับ ไม่ได้ตัดออกไปไหน หน้าตาโดยรวมไม่ค่อยต่างจากรุ่นก่อนมากนักครับใน P20
สำหรับหน้าตา Quicksetting นั้นต้องบอกว่าอิงจากตัวเดิมแต่ปรับมาโทนสีขาวฟ้า และ ปรับแต่งได้ค่อนข้างเยอะเช่นเดิม อีกทั้งยังแบ่งหน้าจอได้ง่ายๆด้วยใช้ข้อนิ้วเคาะและลากครับก็จะสามารถแบ่งได้เลย
คียบอร์ดไทยนั้นยังคงใช้ Swiftkey เช่นเดิม ตัว MATE 20 มาพร้อมความจุถึง 128GB และ RAM 6 GB ครับ ว่างประมาณ 110 กว่าๆ และ RAM ใช้งานไป 3 GB ครับ เหลือๆสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันทั่วไปเลย
ในส่วนของการควบคุมนั้นจะเลือกได้ว่าจะเอาแบบ ปัดเต็มจอ หรือ ปุ่มแบบเดิมๆ ก็สามารถเลือกได้เลย Gesture นั้นมีเลือกมากมายทั้งเคาะหน้าจอถ่ายภาพ แบ่งหน้าจออะไรพวกนี้ครับ ยกขึ้นมาจะเงียบพวกนี้ยังคงมีมาครบ และแน่นอนว่าสามารถ สแกนใบหน้าได้ด้วยสำหรับตัวนี้ ทำได้ไวพอสมควร แต่ใช้งานแบบกล้องที่มืดเลยสแกนไม่ติดครับ
สำหรับตัวติ่งที่มีมาให่ก็สามารถถมดำปิดไปได้ด้วยเช่นเดียวกันครับเนียนๆตาไปเลย หน้าตาแอพธีมอะไรก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ครับ ไอคอน การเปลี่ยนหน้าต่างๆ รวมถึงระบบเสียงก็รองรับ Dolby และปรับ EQ ได้ตามภาพเลยครับ
SCREEN
สำหรับหน้าจอตัวนี้เป็นหน้าจอแบบ LCD นะครับ เป็นหน้าจอขนาด 6.5 นิ้ว IPD FullHD+ ตัวนี้หน้าจอจะชัดน้อยกว่ารุ่นพี่ Pro นะครับ แต่จะเท่ากับ MATE20X ใช้จอแบบ LCD รองรับ DCI-P3 HDR10 และ ใช้กระจก Gorilla Glass แต่ไม่ได้บอกรุ่นนะครับ จอไม่ได้เป็นจอโค้ง ส่วนจอจริงๆแอดมินเองชอบ LCD เป็นทุนเดิมครับเจอจอตัวนี้ไปเลยชอบเลยมันทำได้ดีครับทั้งสี ความสว่างและโทนภาพโดยรวมสีดีสวยสดไม่เวอร์และสู้แดดได้ดีเลยแหละ ในเรื่องของความสว่างตัวนี้เรื่องจอไม่ต้องพูดอะไรมาก ลงตัวทั้งหมด เสียดายแค่มันเป็น FullHD เท่านั้นครับ ไม่งั้นจะลงตัว
GAMING
ในด้านของตัวเกมส์ตัวนี้เป็น CPU Kirin 980 7nm ตัวล่าสุดมาพร้อม GPU Turbo บอกเลยว่าเกมส์ที่รองรับทำได้สบาย แต่เนื่องจากมันใหม่อยู่บางเกมส์แบบ PUBG ยังไม่รองรับภาพแบบสุดนะครับ แต่ในส่วนของเกมส์อื่นๆนั้นทำได้ดีเลยไม่ว่าจะเป็น ROV -INJUSTICE 2- ROS -FORNITE พวกนี้สบายลื่นๆตามคลิปได้เลยครับส่วนเรื่องของความร้อนหรือแบตนั้นทำได้ดี ไม่ร้อน และ อึดพอสมควรครับ ตัว 7nm ช่วยได้อย่างมากในเรื่องนี้ สายเกมส์ก็จัดกันได้ไม่มีปัญหา แต่เกมส์ที่ไม่ได้รองรับ GPU TURBO บางเกมส์นั้นอาจจะไม่ได้ลื่นมากนักแต่เกมส์ทั่วไปที่แอดมินลองต้องบอกว่าสบายๆเลยแหละ ความลื่นไหลติดนิ้วดีกว่าเดิม แต่บางเกมส์ยังแอบชอบ Snap มากกว่านิดหน่อยครับ
MUSIC SOUND
เพลงผ่านหูฟังตัวนี้ยังเป็นไม่กี่รุ่นในปลายปี 2018 ที่ยังมีรู 3.5 มม. ต้องมีหลายๆคนดีใจแน่ๆ ในเรื่องของตัวหูฟังยังคงใช้แบบเดิมกับรุ่นก่อนหน้าทั้งการออกแบบและคุณภาพเสียง แน่นอนว่ารุ่นนี้มี Software Dolby หรือทาง Huawei มาปรับมากมายครับ แต่เสียงจริงๆที่ออกจากตัวเครื่องกลับพบว่าไม่ได้พัฒนาขึ้นเท่าไรนัก แอดมินลองเสียงกับหูฟังหลายๆราคา ก็ยังพบว่าเสียงแทบไม่ต่างกับตัวก่อนหน้าในตัว P20 พวกนั้นโทนเสียง กำลังขับเหมือนกันมากๆครับ สำหรับใครที่เน้นเสียงเพลงอาจจะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนัก เสียงออกมากำลังขับกลางๆ เสียงไปทางแหลมสูงมาก และ เบสมาแบบน้อยๆ ไม่ได้หนักแน่น มิติเสียงกลางๆไม่ได้เลวร้ายครับ เสียงโดยรวมไม่ค่อยนุ่มเท่าไร ต้องหาตัวช่วยแทนหรือปรับผ่านทาง Software ก็อาจจะช่วยได้บ้างครับในจุดนี้หรือสายแปลง DAC แยกก็จะตอบโจทย์มากกว่า
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้