สวัสดีค่ะ สมาชิกทุกๆท่าน
วันนี้ดิฉันมีเรื่องมาขอคำปรึกษาในเรื่องกฏหมายค่ะ สืบเนื่องจาก กระทู้
https://ppantip.com/topic/37836249 ที่ดิฉันเคยตั้งไว้ เมื่อเดือน กค.2561
ในรายละเอียด ดิฉันได้ลงไว้ว่า แม่บ้านที่หอพักของดิฉันมี 2 คน เป็นคู่ป้าหลาน โดยหลานนั้นอยู่ดีๆมีใบแจ้งหนี้จากทรูซึ่งเป็นเบอร์คนละเบอร์กับที่ใช้อยู่
โดยเบอร์ที่เรียกเก็บนั้น ไม่ใช่เบอร์ประจำของป้าหลานค่ะ และไม่เคยมีคนรู้จักใช้เบอร์นี้ ดิฉันได้ให้หลานไปแจ้งความและดำเนินเรื่องติดต่อกับทางทรู
จนได้รายละเอียดส่วนนึงว่า เบอร์นี้มีการเปิดใช้ลงทะเบียนพร้อมซื้อโทรศัพท์ Oppo ที่ 7-11 โดยวิธีการซื้อนั้น จะต้องนำบัตรประชาชนไปซื้อ แต่ปัญหา
ก็คือ ทาง 7-11 ไม่ได้ตรวจสอบว่า บัตรประชาชน ตรงกับผู้ที่ถือบัตรไปหรือเปล่า และที่สำคัญก็คือ บัตรประชาชนตัวจริง ของหลานแม่บ้านอยู่กับเจ้าตัว
ดิฉันได้ดำเนินเรื่องต่อจากทาง 7-11 ว่าผู้ที่ไปซื้อโทรศัพท์พร้อมเบอร์นั้น ไม่ใช่แม่บ้านของดิฉันแน่นอน เพราะสาขาที่ไปทำการซื้อนั้น อยู่คนละที่กับที่
ดิฉันและแม่บ้านอยู่ค่ะ หลังจากดำเนินเรื่องต่างๆ จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่ทราบ ว่าผู้ที่นำบัตรประชาชนของแม่บ้านไปซื้อโทรศัพท์นั้นเป็นใคร
ทางทรูแจ้งว่า จะทำการปิดเบอร์นั้น และทางแม่บ้านไม่ต้องชำระ และทางทรูจะทำการล็อคเครื่องนั้นไว้ รอแค่ เจ้าตัวที่ซื้อนำเครื่องมาปลดล็อค อีมี่
ถึงจะทราบว่าเป็นใคร แต่ถ้าหากผู้นั้นไม่มา ก็จะไม่ทราบว่าเป็นใคร เรื่องนี้จบแบบนี้
มาวันนี้ วันเสาร์ที่ 1 ธันวาคม แม่บ้านป้าหลาน ได้โชว์บิลค่าบริการจาก ทรูดิสทริบิวชั่น มีการเรียกเก็บค่าบริการ 3 พันบาท โดยเบอร์นั้นเป็นเบอร์เดียวกัน
กับที่ไปซื้อโทรศัพท์ และปัญหาที่งอกขึ้นมาอีก 1 เรื่อง คือ มีใบค่าบริการ 2 เบอร์ 2 ชื่อ นั่นคือ ป้าแม่บ้านด้วย นั่นหมายถึงว่า ใบเรียกเก็บค่าบริการ
จากทรูดิสทริบิวชั่น นั้น มี 2เบอร์ จำนวน 3 พัน บาท/1 เบอร์ เคสเก่า ดิฉันและแม่บ้าน ยังไม่ทันได้ทราบ ว่าคนที่เอาบัตรประชาชนไปใช้ซื้อโทรศัพท์
เป็นใคร เพราะถ้าหาก เป็นญาติ หรือบุคคลที่แม่บ้านรู้จัก ทางแม่บ้านจะได้ดำเนินการได้ แต่หากไม่ใช่บุคคลที่ทางแม่บ้านรู้จัก แต่มีการนำบัตรประชาชน
บุคคลอื่นไปใช้ ทางแม่บ้านต้องการจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เช่นเดียวกันกับเรื่องนี้ค่ะ ทางแม่บ้าน เหนื่อยหน่าย รวมไปถึงดิฉัน ที่ต้องเป็นคนพาแม่บ้าน
ไปแจ้งความ และครั้งแรก ดิฉันก็ต้องพาหลานแม่บ้านไปทำเรื่องที่ทรู อีก ซึ่งแม่บ้านต้องลางานไปทำเรื่อง เสียเวลา เสียค่ารถ
มาวันนี้ ดิฉัน มีคำถามอยากสอบถามกับนักกฏหมายค่ะ ว่าในกรณีแบบนี้ ทางแม่บ้าน สามารถตามหาคนที่เอาบัตรประชาชนไปใช้ทำการเปิดบริการต่างๆนั้น
ที่มีเฉพาะแค่ทรูบริษัทเดียว จะสามารถตามหาตัวคนนั้นได้มั้ยคะ หากดิฉันขอความร่วมมือจากทรู แม่บ้านดิฉันอยากจะทราบว่าบุคคลคนนั้นเป็นใคร
เป็นญาติ คนรู้จักหรือไม่ หากไม่ เค้าไปเอาบัตรประชาขนของแม่บ้านป้าหลานมาจากที่ไหน ทั้งๆที่ บัตรประชาชนก็อยู่กับเจ้าตัวทั้ง 2 คน เรื่องนี้
ดิฉันก็รู้สึกแปลกๆที่ว่า ป้าหลานแม่บ้าน ใช้บริการเบอร์ทรูอยู่แล้วค่ะ แต่มีกันคนละเบอร์ ไม่มีการไปเปิดเบอร์ใดๆ หรือมีโทรศัพท์ รุ่นอื่น นอกเหนื่อจากที่
ใช้อยู่ในปัจจุบัน และในอนาคต ดิฉันก็ไม่ทราบว่าจะมีค่าบริการมาเรียกเก็บแบบนี้เพิ่มหรือเปล่า และหากผู้ที่เอาบัตรประชาชนไปเปิดบริการนั้น
ไม่ใช่ญาติไม่ใช่คนรู้จัก ทางแม่บ้าน จะสามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียเวลา ค่าเดินทางที่ต้องไปทำเรื่อง จากทางทรูได้หรือไม่คะ เพราะดิฉันคิดว่า
ในการไปเปิดขอใช้บริการนั้น อันดับแรก ต้องมีบัตรประชาชน อันดับที่2 พนง ควรจะตรวจสอบหน้าตาว่าตรงกับบัตรประชาชนมั้ย ไม่ใช่แค่ว่า
ถือบัตรประชาชนของใครไปเปิดใช้บริการก็ได้ แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าก็คือ บัตรประชาชนตัวจริง อยู่กับเจ้าตัวทั้ง 2 คนป้าหลาน ตลอดเวลาค่ะ
มีบุคคลอื่น นำบัตรประชาชน ไปขอใช้บริการจากทรู อีกแล้ว !
วันนี้ดิฉันมีเรื่องมาขอคำปรึกษาในเรื่องกฏหมายค่ะ สืบเนื่องจาก กระทู้ https://ppantip.com/topic/37836249 ที่ดิฉันเคยตั้งไว้ เมื่อเดือน กค.2561
ในรายละเอียด ดิฉันได้ลงไว้ว่า แม่บ้านที่หอพักของดิฉันมี 2 คน เป็นคู่ป้าหลาน โดยหลานนั้นอยู่ดีๆมีใบแจ้งหนี้จากทรูซึ่งเป็นเบอร์คนละเบอร์กับที่ใช้อยู่
โดยเบอร์ที่เรียกเก็บนั้น ไม่ใช่เบอร์ประจำของป้าหลานค่ะ และไม่เคยมีคนรู้จักใช้เบอร์นี้ ดิฉันได้ให้หลานไปแจ้งความและดำเนินเรื่องติดต่อกับทางทรู
จนได้รายละเอียดส่วนนึงว่า เบอร์นี้มีการเปิดใช้ลงทะเบียนพร้อมซื้อโทรศัพท์ Oppo ที่ 7-11 โดยวิธีการซื้อนั้น จะต้องนำบัตรประชาชนไปซื้อ แต่ปัญหา
ก็คือ ทาง 7-11 ไม่ได้ตรวจสอบว่า บัตรประชาชน ตรงกับผู้ที่ถือบัตรไปหรือเปล่า และที่สำคัญก็คือ บัตรประชาชนตัวจริง ของหลานแม่บ้านอยู่กับเจ้าตัว
ดิฉันได้ดำเนินเรื่องต่อจากทาง 7-11 ว่าผู้ที่ไปซื้อโทรศัพท์พร้อมเบอร์นั้น ไม่ใช่แม่บ้านของดิฉันแน่นอน เพราะสาขาที่ไปทำการซื้อนั้น อยู่คนละที่กับที่
ดิฉันและแม่บ้านอยู่ค่ะ หลังจากดำเนินเรื่องต่างๆ จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่ทราบ ว่าผู้ที่นำบัตรประชาชนของแม่บ้านไปซื้อโทรศัพท์นั้นเป็นใคร
ทางทรูแจ้งว่า จะทำการปิดเบอร์นั้น และทางแม่บ้านไม่ต้องชำระ และทางทรูจะทำการล็อคเครื่องนั้นไว้ รอแค่ เจ้าตัวที่ซื้อนำเครื่องมาปลดล็อค อีมี่
ถึงจะทราบว่าเป็นใคร แต่ถ้าหากผู้นั้นไม่มา ก็จะไม่ทราบว่าเป็นใคร เรื่องนี้จบแบบนี้
มาวันนี้ วันเสาร์ที่ 1 ธันวาคม แม่บ้านป้าหลาน ได้โชว์บิลค่าบริการจาก ทรูดิสทริบิวชั่น มีการเรียกเก็บค่าบริการ 3 พันบาท โดยเบอร์นั้นเป็นเบอร์เดียวกัน
กับที่ไปซื้อโทรศัพท์ และปัญหาที่งอกขึ้นมาอีก 1 เรื่อง คือ มีใบค่าบริการ 2 เบอร์ 2 ชื่อ นั่นคือ ป้าแม่บ้านด้วย นั่นหมายถึงว่า ใบเรียกเก็บค่าบริการ
จากทรูดิสทริบิวชั่น นั้น มี 2เบอร์ จำนวน 3 พัน บาท/1 เบอร์ เคสเก่า ดิฉันและแม่บ้าน ยังไม่ทันได้ทราบ ว่าคนที่เอาบัตรประชาชนไปใช้ซื้อโทรศัพท์
เป็นใคร เพราะถ้าหาก เป็นญาติ หรือบุคคลที่แม่บ้านรู้จัก ทางแม่บ้านจะได้ดำเนินการได้ แต่หากไม่ใช่บุคคลที่ทางแม่บ้านรู้จัก แต่มีการนำบัตรประชาชน
บุคคลอื่นไปใช้ ทางแม่บ้านต้องการจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เช่นเดียวกันกับเรื่องนี้ค่ะ ทางแม่บ้าน เหนื่อยหน่าย รวมไปถึงดิฉัน ที่ต้องเป็นคนพาแม่บ้าน
ไปแจ้งความ และครั้งแรก ดิฉันก็ต้องพาหลานแม่บ้านไปทำเรื่องที่ทรู อีก ซึ่งแม่บ้านต้องลางานไปทำเรื่อง เสียเวลา เสียค่ารถ
มาวันนี้ ดิฉัน มีคำถามอยากสอบถามกับนักกฏหมายค่ะ ว่าในกรณีแบบนี้ ทางแม่บ้าน สามารถตามหาคนที่เอาบัตรประชาชนไปใช้ทำการเปิดบริการต่างๆนั้น
ที่มีเฉพาะแค่ทรูบริษัทเดียว จะสามารถตามหาตัวคนนั้นได้มั้ยคะ หากดิฉันขอความร่วมมือจากทรู แม่บ้านดิฉันอยากจะทราบว่าบุคคลคนนั้นเป็นใคร
เป็นญาติ คนรู้จักหรือไม่ หากไม่ เค้าไปเอาบัตรประชาขนของแม่บ้านป้าหลานมาจากที่ไหน ทั้งๆที่ บัตรประชาชนก็อยู่กับเจ้าตัวทั้ง 2 คน เรื่องนี้
ดิฉันก็รู้สึกแปลกๆที่ว่า ป้าหลานแม่บ้าน ใช้บริการเบอร์ทรูอยู่แล้วค่ะ แต่มีกันคนละเบอร์ ไม่มีการไปเปิดเบอร์ใดๆ หรือมีโทรศัพท์ รุ่นอื่น นอกเหนื่อจากที่
ใช้อยู่ในปัจจุบัน และในอนาคต ดิฉันก็ไม่ทราบว่าจะมีค่าบริการมาเรียกเก็บแบบนี้เพิ่มหรือเปล่า และหากผู้ที่เอาบัตรประชาชนไปเปิดบริการนั้น
ไม่ใช่ญาติไม่ใช่คนรู้จัก ทางแม่บ้าน จะสามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียเวลา ค่าเดินทางที่ต้องไปทำเรื่อง จากทางทรูได้หรือไม่คะ เพราะดิฉันคิดว่า
ในการไปเปิดขอใช้บริการนั้น อันดับแรก ต้องมีบัตรประชาชน อันดับที่2 พนง ควรจะตรวจสอบหน้าตาว่าตรงกับบัตรประชาชนมั้ย ไม่ใช่แค่ว่า
ถือบัตรประชาชนของใครไปเปิดใช้บริการก็ได้ แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าก็คือ บัตรประชาชนตัวจริง อยู่กับเจ้าตัวทั้ง 2 คนป้าหลาน ตลอดเวลาค่ะ