สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
คนญี่ปุ่นที่เล่นพวก Twitter นี่ก็มีทั้งที่อัพบ่อยและไม่ค่อยอัพนะครับ แต่โดยรวมคนญี่ปุ่นเขาไม่อัพสุ่มสี่สุ่มห้าเหมือนคนไทย จะอัพอะไรนี่ต้องมั่นใจก่อนเสมอว่าไม่มีปัญหา เพราะคนโรคจิตมันเยอะอัพอะไรไปนี่พวกสตอล์คเกอร์อาจได้ข้อมูลไปด้วย
ถ้าเป็นพวกเวบบอร์ดรึเวบแชทอะไรนี่ก็เห็นคนเขาเล่นกันเยอะอยู่
อย่างไรก็ตามผมเห็นคนไทยอัพนู่นนี่ใน FB มันทุกวันวันละหลายๆครั้งแล้วก็ปลง ไม่รู้จะไปลงมันทำไมนักหนา
ผมไม่เคยสนใจจะไปอัพอะไรใน FB เลย ไม่รู้จะไปรายงานว่าไปทำนู่นนี่นั่นให้คนอื่นรู้ไปเพื่ออะไร ไร้สาระ
ถ้าเป็นพวกเวบบอร์ดรึเวบแชทอะไรนี่ก็เห็นคนเขาเล่นกันเยอะอยู่
อย่างไรก็ตามผมเห็นคนไทยอัพนู่นนี่ใน FB มันทุกวันวันละหลายๆครั้งแล้วก็ปลง ไม่รู้จะไปลงมันทำไมนักหนา
ผมไม่เคยสนใจจะไปอัพอะไรใน FB เลย ไม่รู้จะไปรายงานว่าไปทำนู่นนี่นั่นให้คนอื่นรู้ไปเพื่ออะไร ไร้สาระ
ความคิดเห็นที่ 3
ปรกติคนญี่ปุ่นเขาเล่น Twitterค่ะ
เขาไม่ค่อยอัพเดทไม่ค่อยโชว์. อัพเดทมากโชว์มากอวดมาก จะโดนแซะมากว่าโดนชมนะ
แต่ถ้าเป็นข่าว ด่วนอะไรพวกนี้เขาจะอัพเดท
บอกกันนะ. คนญี่ปุ่นเขาจะระวังคำพูด
และคนญี่ปุ่น. ผู้เชี่ยวชาญออกมาเตือนว่า. ตอนนี้อยู่ไหน ไปเที่ยวไหนกําลังทำอะไรอยู่ที่ไหน
ไม่ควรอัพเดท ขึ้นsocialmedia. บอกคน
เพราะอันตราย. เหมือนคุณกําลังบอก. ขโมยว่า
ตอนนี้คุณไม่อยู่บ้านนะ. เหมือนชี้โพรงให้กระรอก.
เห็นแต่คนไทย. บอกหมด. เช่น คือวันที่15จะไปคาวากุจิโกะทั้งครอบครัวค่ะ
โอ้ชั่งกล้าบอกเนอะ. หวานคอแร้งเลย
คนญี่ปุ่นเขาระวังตัวค่ะ. ก่อนที่เขาจะอัพเดท เขาต้องคิดก่อนที่จะทำ. เรื่องไม่เป็นเรื่อง. เขาไม่ลงหรอก. ไร้สาระ
คนไทยบอกหมด. ตอนนี้อยู่ไหน ไปเที่ยวไหน
โชว์รูป บอกหมด. ถามจริงๆเขาไม่กลัวขโมยมายกเค้าบ้านเขาหรือ.
ขโมยญี่ปุ่น ฉลาดนะจ้ะ. หวานคอขโมย
ทั้งตำรวจ ทั้งผู้เชี่ยวชาญ. เขาออกมาเตือนมาห้ามตลอด.
ประเทศไทยนี่ไม่ใครมาเตือนบ้างเหรอ
แล้วก็บ่นจังว่า. ขโมยเยอะมากๆๆ
เขาไม่ค่อยอัพเดทไม่ค่อยโชว์. อัพเดทมากโชว์มากอวดมาก จะโดนแซะมากว่าโดนชมนะ
แต่ถ้าเป็นข่าว ด่วนอะไรพวกนี้เขาจะอัพเดท
บอกกันนะ. คนญี่ปุ่นเขาจะระวังคำพูด
และคนญี่ปุ่น. ผู้เชี่ยวชาญออกมาเตือนว่า. ตอนนี้อยู่ไหน ไปเที่ยวไหนกําลังทำอะไรอยู่ที่ไหน
ไม่ควรอัพเดท ขึ้นsocialmedia. บอกคน
เพราะอันตราย. เหมือนคุณกําลังบอก. ขโมยว่า
ตอนนี้คุณไม่อยู่บ้านนะ. เหมือนชี้โพรงให้กระรอก.
เห็นแต่คนไทย. บอกหมด. เช่น คือวันที่15จะไปคาวากุจิโกะทั้งครอบครัวค่ะ
โอ้ชั่งกล้าบอกเนอะ. หวานคอแร้งเลย
คนญี่ปุ่นเขาระวังตัวค่ะ. ก่อนที่เขาจะอัพเดท เขาต้องคิดก่อนที่จะทำ. เรื่องไม่เป็นเรื่อง. เขาไม่ลงหรอก. ไร้สาระ
คนไทยบอกหมด. ตอนนี้อยู่ไหน ไปเที่ยวไหน
โชว์รูป บอกหมด. ถามจริงๆเขาไม่กลัวขโมยมายกเค้าบ้านเขาหรือ.
ขโมยญี่ปุ่น ฉลาดนะจ้ะ. หวานคอขโมย
ทั้งตำรวจ ทั้งผู้เชี่ยวชาญ. เขาออกมาเตือนมาห้ามตลอด.
ประเทศไทยนี่ไม่ใครมาเตือนบ้างเหรอ
แล้วก็บ่นจังว่า. ขโมยเยอะมากๆๆ
ความคิดเห็นที่ 29
บทความในเว็บนี้น่าจะทำให้เข้าใจได้ว่าคนญี่ปุ่นคิดยังไงบ้าง https://www.marumura.com/japanese-facebook-update
ทำไมคนญี่ปุ่นไม่ค่อยอัพรูปตัวเอง (+แฟน) ใน Facebook
เวลานึกไม่ออกว่าจะเขียนบทความเรื่องอะไรดี ดิฉันมักจะเปิด Facebook ดูเรื่อยๆ เผื่อมีประเด็นน่าสนใจบ้าง คืนวันอาทิตย์นี้ก็เช่นกัน ขณะเลื่อนเมาส์ไปเรื่อยๆ ดิฉันมักพบกับภาพอาหารอลังการ ภาพครอบครัวอบอุ่น ภาพ selfie สาวสวย (ตลอดจนหนุ่มสวย) ภาพตลกหน้าเปิ่นๆ ภาพคู่แฟนหนุงหนิง ภาพนักวิ่งมาราธอน ฯลฯ
…ต่างกับเพื่อนคนญี่ปุ่นบนเฟสดิฉันเหลือเกิน
พี่แกไม่ค่อยโพสท์อะไรกันเลย …. 5555
หากใครเป็นเพื่อนบน Facebook กับคนญี่ปุ่น วันๆ คุณอาจจะเห็นแต่รูปหมา รูปเบนโตะ รูปดอกไม้ รูปวิวสถานที่ท่องเที่ยว แต่น้อยครั้งนัก ที่คุณจะได้เห็นรูปพวกเขา รูปครอบครัวหรือรูปแฟน ยกเว้นกรณีที่เป็นเหตุการณ์สำคัญมากๆ ในชีวิต เช่น งานแต่งงาน (ซึ่งก็จะมีแต่รูปบ่าว-สาว ไม่ถึงขั้นภาพหมู่ครอบครัว) หรือลูกคลอด ภาพในงานศพหรือภาพป่วยเข้าโรงพยาบาล อะไรแบบนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เราแทบไม่ค่อยรู้ความเคลื่อนไหวส่วนตัวของพวกเขาสักเท่าไรเลย
(หมายเหตุ: เพื่อนญี่ปุ่นดิฉันมักอยู่ในวัย 20 ปลายๆ ถึงเกือบ 70 ปี สารภาพว่า ดิฉันก็ไม่แน่ใจว่า วัยรุ่นญี่ปุ่นเป็นแบบนี้หรือเปล่า)
ดิฉันเคยถามเพื่อนว่า ทำไมพวกเธอไม่ค่อยโพสท์รูปตัวเองกันบ้าง ร้อยทั้งร้อยตอบมาคำเดียวว่า “อาย” ค่ะ (ภาษาญี่ปุ่น คือ Hazukashii-恥ずかしい เวลาผู้หญิงพูด ต้องบีบเสียงให้เล็กและแหลมนิดนึง “ฮาซุกาชี่อี้อี้อี้ ดะมง” ดะมง…แปลว่า “นี่นา”)
ดิฉันก็มานั่งวิเคราะห์ต่อ ….แล้วคนญี่ปุ่น “อาย” อะไร
จริงๆ มันไม่ใช่ความอายหรอกค่ะ …มันคือ “ความกลัว” ต่างหาก!
คนญี่ปุ่นกลัวที่จะ….
1. โดนมองว่า เป็นคนหลงตัวเอง
คนญี่ปุ่นมองว่า คนที่โม้ถึงตัวเองบ่อยๆ เป็นคนหลงตัวเอง ยิ่งถ้าใครถ่ายภาพ selfie ผองเพื่อนคนญี่ปุ่นอาจมองด้วยสายตาเย็นชา พร้อมหัวเราะหึๆ ในใจว่า “ชี/ฮีคิดว่าตัวเองหน้าตาดีสินะ”
ถามว่า หลงตัวเองแล้วไง ของไทยอาจดูน่าหมั่นไส้แบบน่ารักๆ แต่สำหรับคนญี่ปุ่น พวกเขาเติบโตมาในสังคมมีรากฐานของการคิดเผื่อแผ่เพื่อคนอื่นตลอดเวลาแม้แต่คนที่ไม่รู้จัก คนที่หลงตัวเอง คือ คนที่มัวแต่คิดเรื่องตนเอง ไม่คิดถึงคนอื่น ภาพลักษณ์จึงดูไม่ค่อยดีเท่าไรค่ะ (ถึงแม้คนอื่นจะคาดเดาตีความไปเองจากพฤติกรรม Selfie ก็เหอะ)
2. โดนมองว่า เป็นคนขี้อวด
หากวันๆ โพสท์แต่ภาพชีวิตดี๊ดี เช่น อัพรูปอาหารฝรั่งเศส ไวน์ ซูชิไฮโซ ตลอดเวลา คนญี่ปุ่นคนอื่นก็อาจจะมองว่า คนนั้นเป็นคนขี้อวด คนอื่นอาจจะหมั่นไส้เอาได้
3. กลัวข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหล
อันนี้เขยิบจากความอาย มาเป็นความกลัว….เรื่องนี้เป็นประเด็นแห่งชาติที่คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่กลัวกันเหลือเกิน จะว่าไป คนญี่ปุ่นกลัวตั้งแต่การที่ต้องใช้ชื่อจริง Register บัญชีเฟสบุ๊คแล้ว เขากลัวคนจะเอารูป Profile ไปใช้ จะล่วงรู้ข้อมูลส่วนบุคคล จะรู้ว่าภรรยาหรือลูกหน้าตาเป็นอย่างไร อาจจะถูกลักพาตัวก็ได้! อะไรแบบนี้ … คนญี่ปุ่นโดยทั่วไปจึงรู้สึกว่า การเผยแพร่รูปส่วนบุคคลในสังคมอินเตอร์เน็ทเป็นเรื่องอันตรายค่ะ
ขนาดดิฉันถ่ายรูปคู่กับเพื่อนหรือถ่ายกันเป็นหมู่คณะ ยังต้องถามทุกคนว่า อัพเฟสได้ไหม จะเปิดให้แค่ Friend ดูได้เท่านั้น ถ้าอัพ จะ tag ได้หรือเปล่า เขาถือหรือไม่ จริงจังค่ะ จริงจัง
++++++++++++++++++
หากเป็นคู่รัก ดราม่าประวัติศาสตร์ทุกชาติภพ คือ การลงรูปคู่นั่นเอง ฝั่งคู่รักไทย จะกลัวว่า หากแฟนไม่ยอมให้อัพรูปคู่ แปลว่า แฟนแอบคบเราเป็นกิ๊กๆ หรือเป็นคนเจ้าชู้หรือเปล่า หรือไม่ก็เป็นพวกแอ๊บโสดไหม การอัพรูปคู่หรือไม่อัพ ถือเป็นการวัดระดับความจริงใจของแฟนได้เลย
ตัดภาพมาฝั่งญี่ปุ่นบ้าง ประเด็นดราม่าดังกล่าว จะไม่ค่อยเกิดขึ้นค่ะ เพราะคนญี่ปุ่นไม่ค่อยยอมอัพรูปคู่รักอยู่แล้ว เหตุผลหลักๆ เลยคือ ….
1. กลัวเสียภาพลักษณ์
คนญี่ปุ่น โดยเฉพาะผู้ชาย มักจะชอบเก๊ก อยู่ที่ทำงานดูเข้มแข็งขึงขัน ชอบออกคำสั่งลูกน้อง แต่โปรดจินตนาการว่า หากวันดีคืนดี บอสสุดโหดของเรามีภาพใน Facebook เป็นภาพยิ้มแป้นแล้นกับแฟนสาวที่ร้านอาหารฝรั่งเศส ลูกน้องคงจะขำกัน และไม่ค่อยเชื่อถือเวลาบอสเก๊กโหดอีกต่อไป
ผู้ชาย “อ๊ะแหะ” แบบนี้ ถือว่าขาดความเป็นผู้นำ จะเติบโตในสังคมมนุษย์เงินเดือนญี่ปุ่นยากค่ะ
เพราะฉะนั้น เพื่อคงคอนเซปท์ผู้ชายแมน เข้ม ถึก ทน คูล … การโพสท์ภาพที่แสดงมุมมองที่พวกเขาแอบซ่อนไว้ จึงเป็นเรื่องต้องห้ามนะจ๊ะ
ขอเตือนว่า ใครมีแฟนเป็นคนญี่ปุ่น หากจะอัพ ต้องขออนุญาตแฟนก่อน ถ้าเขาไม่ให้ อย่าตื๊อ และต้องขออนุญาตเขา “ทุกครั้ง” อย่าถือว่าเขาอนุญาตแล้ว จะโพสท์กระหน่ำฉ่ำใจ แฟนจะงอนได้นะคะ
2. กลัวโดนมองว่าเป็น “คู่รักงี่เง่า”
คู่รักงี่เง่า (Bakap-puruバカップル)มาจากการสมาสคำว่า “Baka” ที่แปลว่า “งี่เง่า” กับคำว่า “Kappuru (Couple)” ที่แปลว่า “คู่รัก”
Bakappuru หมายถึง คู่รักที่สวีทกันอย่างดูดดื่ม จูบลูบไล้อิงแอบแนบชิดกันในที่สาธารณะ อาทิ สวนสนุกหรือรถไฟ โดยไม่แคร์สายตาชาวบ้าน หรือไม่ก็ใส่เสื้อลายเดียวกัน (สร้างความอิจฉาตาร้อนให้กับคนอื่นและแฝงความหมายว่า ไม่รู้กาลเทศะ)
นอกจากการกระทำแล้ว ลักษณะคำพูดก็ยังสะท้อนความเป็น Bakappuru ได้ เช่น
“ฉันจะรักแต่ Satoshi คนเดียวเท่านั้น ตราบชั่วนิรันดร์!”
“ฉันคงขาดเธอไม่ได้แน่ๆ ถ้าเธอไม่อยู่ ฉันขาดใจตายดีกว่า”
คนญี่ปุ่นมองว่า พวกนี้จะรักกันอย่างดูดดื่มแค่ช่วงแรกๆ นี่แหละ เดี๋ยวอีกแป๊บก็เลิก เพราะฉะนั้น ถ้าอัพรูปคู่ลงเฟสบ่อยๆ ถี่ๆ ก็เหมือนการแสดงความรักในที่สาธารณะแบบหนึ่ง อาจสร้างความหมั่นไส้ให้กับคนอื่นได้ และโดนจัดให้อยู่ในหมวด Bakappuru ไปโดยไม่รู้ตัว
อีกทั้งคนญี่ปุ่นมองว่า เวลารักใคร ไม่ควรแสดงออกความรักกันเกินหน้าเกินตา ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน ให้ค่อยๆ ใช้เวลาพิสูจน์ ค่อยๆ เรียนรู้กันไป อย่าโชว์ในที่สาธารณะเลย มันมิงามเค่อะ
+++++++++++++++
หากเราถามคนญี่ปุ่นว่า เหตุใด พวกเขาถึงไม่อัพรูปส่วนตัวบน Facebook พวกเขาจะตอบว่า “อาย” แต่จริงๆ แล้ว ถ้าคิดให้ดี เบื้องหลังของความอาย คือ การกลัวว่าคนอื่นจะมองตัวเองในแง่ที่ไม่ดีนั่นเอง เช่น เป็นคนหลงตัวเอง ขี้อวด หรือดูไม่น่าเชื่อถือ
คนญี่ปุ่นอาจใส่ใจคนรอบข้างมากๆ ก็จริง แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขาต้องแบกรับ คือ การคอยกังวลกับสายตาคนรอบข้างที่มองตัวพวกเขาเองนี่แหละค่ะ นั่นทำให้คนญี่ปุ่นหลายๆ คนบอกรักเมืองไทย (ไม่ต้องคิดมาก ทำอะไรทำเลย) แต่ละชาติ มีความงดงาม มีข้อดี แตกต่างกันจริงๆ ค่ะ
เรื่องโดย : เกตุวดี www.marumura.com
ทักทายพูดคุยกับเกตุวดี ได้ที่ >>> เกตุวดี Marumura
ทำไมคนญี่ปุ่นไม่ค่อยอัพรูปตัวเอง (+แฟน) ใน Facebook
เวลานึกไม่ออกว่าจะเขียนบทความเรื่องอะไรดี ดิฉันมักจะเปิด Facebook ดูเรื่อยๆ เผื่อมีประเด็นน่าสนใจบ้าง คืนวันอาทิตย์นี้ก็เช่นกัน ขณะเลื่อนเมาส์ไปเรื่อยๆ ดิฉันมักพบกับภาพอาหารอลังการ ภาพครอบครัวอบอุ่น ภาพ selfie สาวสวย (ตลอดจนหนุ่มสวย) ภาพตลกหน้าเปิ่นๆ ภาพคู่แฟนหนุงหนิง ภาพนักวิ่งมาราธอน ฯลฯ
…ต่างกับเพื่อนคนญี่ปุ่นบนเฟสดิฉันเหลือเกิน
พี่แกไม่ค่อยโพสท์อะไรกันเลย …. 5555
หากใครเป็นเพื่อนบน Facebook กับคนญี่ปุ่น วันๆ คุณอาจจะเห็นแต่รูปหมา รูปเบนโตะ รูปดอกไม้ รูปวิวสถานที่ท่องเที่ยว แต่น้อยครั้งนัก ที่คุณจะได้เห็นรูปพวกเขา รูปครอบครัวหรือรูปแฟน ยกเว้นกรณีที่เป็นเหตุการณ์สำคัญมากๆ ในชีวิต เช่น งานแต่งงาน (ซึ่งก็จะมีแต่รูปบ่าว-สาว ไม่ถึงขั้นภาพหมู่ครอบครัว) หรือลูกคลอด ภาพในงานศพหรือภาพป่วยเข้าโรงพยาบาล อะไรแบบนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เราแทบไม่ค่อยรู้ความเคลื่อนไหวส่วนตัวของพวกเขาสักเท่าไรเลย
(หมายเหตุ: เพื่อนญี่ปุ่นดิฉันมักอยู่ในวัย 20 ปลายๆ ถึงเกือบ 70 ปี สารภาพว่า ดิฉันก็ไม่แน่ใจว่า วัยรุ่นญี่ปุ่นเป็นแบบนี้หรือเปล่า)
ดิฉันเคยถามเพื่อนว่า ทำไมพวกเธอไม่ค่อยโพสท์รูปตัวเองกันบ้าง ร้อยทั้งร้อยตอบมาคำเดียวว่า “อาย” ค่ะ (ภาษาญี่ปุ่น คือ Hazukashii-恥ずかしい เวลาผู้หญิงพูด ต้องบีบเสียงให้เล็กและแหลมนิดนึง “ฮาซุกาชี่อี้อี้อี้ ดะมง” ดะมง…แปลว่า “นี่นา”)
ดิฉันก็มานั่งวิเคราะห์ต่อ ….แล้วคนญี่ปุ่น “อาย” อะไร
จริงๆ มันไม่ใช่ความอายหรอกค่ะ …มันคือ “ความกลัว” ต่างหาก!
คนญี่ปุ่นกลัวที่จะ….
1. โดนมองว่า เป็นคนหลงตัวเอง
คนญี่ปุ่นมองว่า คนที่โม้ถึงตัวเองบ่อยๆ เป็นคนหลงตัวเอง ยิ่งถ้าใครถ่ายภาพ selfie ผองเพื่อนคนญี่ปุ่นอาจมองด้วยสายตาเย็นชา พร้อมหัวเราะหึๆ ในใจว่า “ชี/ฮีคิดว่าตัวเองหน้าตาดีสินะ”
ถามว่า หลงตัวเองแล้วไง ของไทยอาจดูน่าหมั่นไส้แบบน่ารักๆ แต่สำหรับคนญี่ปุ่น พวกเขาเติบโตมาในสังคมมีรากฐานของการคิดเผื่อแผ่เพื่อคนอื่นตลอดเวลาแม้แต่คนที่ไม่รู้จัก คนที่หลงตัวเอง คือ คนที่มัวแต่คิดเรื่องตนเอง ไม่คิดถึงคนอื่น ภาพลักษณ์จึงดูไม่ค่อยดีเท่าไรค่ะ (ถึงแม้คนอื่นจะคาดเดาตีความไปเองจากพฤติกรรม Selfie ก็เหอะ)
2. โดนมองว่า เป็นคนขี้อวด
หากวันๆ โพสท์แต่ภาพชีวิตดี๊ดี เช่น อัพรูปอาหารฝรั่งเศส ไวน์ ซูชิไฮโซ ตลอดเวลา คนญี่ปุ่นคนอื่นก็อาจจะมองว่า คนนั้นเป็นคนขี้อวด คนอื่นอาจจะหมั่นไส้เอาได้
3. กลัวข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหล
อันนี้เขยิบจากความอาย มาเป็นความกลัว….เรื่องนี้เป็นประเด็นแห่งชาติที่คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่กลัวกันเหลือเกิน จะว่าไป คนญี่ปุ่นกลัวตั้งแต่การที่ต้องใช้ชื่อจริง Register บัญชีเฟสบุ๊คแล้ว เขากลัวคนจะเอารูป Profile ไปใช้ จะล่วงรู้ข้อมูลส่วนบุคคล จะรู้ว่าภรรยาหรือลูกหน้าตาเป็นอย่างไร อาจจะถูกลักพาตัวก็ได้! อะไรแบบนี้ … คนญี่ปุ่นโดยทั่วไปจึงรู้สึกว่า การเผยแพร่รูปส่วนบุคคลในสังคมอินเตอร์เน็ทเป็นเรื่องอันตรายค่ะ
ขนาดดิฉันถ่ายรูปคู่กับเพื่อนหรือถ่ายกันเป็นหมู่คณะ ยังต้องถามทุกคนว่า อัพเฟสได้ไหม จะเปิดให้แค่ Friend ดูได้เท่านั้น ถ้าอัพ จะ tag ได้หรือเปล่า เขาถือหรือไม่ จริงจังค่ะ จริงจัง
++++++++++++++++++
หากเป็นคู่รัก ดราม่าประวัติศาสตร์ทุกชาติภพ คือ การลงรูปคู่นั่นเอง ฝั่งคู่รักไทย จะกลัวว่า หากแฟนไม่ยอมให้อัพรูปคู่ แปลว่า แฟนแอบคบเราเป็นกิ๊กๆ หรือเป็นคนเจ้าชู้หรือเปล่า หรือไม่ก็เป็นพวกแอ๊บโสดไหม การอัพรูปคู่หรือไม่อัพ ถือเป็นการวัดระดับความจริงใจของแฟนได้เลย
ตัดภาพมาฝั่งญี่ปุ่นบ้าง ประเด็นดราม่าดังกล่าว จะไม่ค่อยเกิดขึ้นค่ะ เพราะคนญี่ปุ่นไม่ค่อยยอมอัพรูปคู่รักอยู่แล้ว เหตุผลหลักๆ เลยคือ ….
1. กลัวเสียภาพลักษณ์
คนญี่ปุ่น โดยเฉพาะผู้ชาย มักจะชอบเก๊ก อยู่ที่ทำงานดูเข้มแข็งขึงขัน ชอบออกคำสั่งลูกน้อง แต่โปรดจินตนาการว่า หากวันดีคืนดี บอสสุดโหดของเรามีภาพใน Facebook เป็นภาพยิ้มแป้นแล้นกับแฟนสาวที่ร้านอาหารฝรั่งเศส ลูกน้องคงจะขำกัน และไม่ค่อยเชื่อถือเวลาบอสเก๊กโหดอีกต่อไป
ผู้ชาย “อ๊ะแหะ” แบบนี้ ถือว่าขาดความเป็นผู้นำ จะเติบโตในสังคมมนุษย์เงินเดือนญี่ปุ่นยากค่ะ
เพราะฉะนั้น เพื่อคงคอนเซปท์ผู้ชายแมน เข้ม ถึก ทน คูล … การโพสท์ภาพที่แสดงมุมมองที่พวกเขาแอบซ่อนไว้ จึงเป็นเรื่องต้องห้ามนะจ๊ะ
ขอเตือนว่า ใครมีแฟนเป็นคนญี่ปุ่น หากจะอัพ ต้องขออนุญาตแฟนก่อน ถ้าเขาไม่ให้ อย่าตื๊อ และต้องขออนุญาตเขา “ทุกครั้ง” อย่าถือว่าเขาอนุญาตแล้ว จะโพสท์กระหน่ำฉ่ำใจ แฟนจะงอนได้นะคะ
2. กลัวโดนมองว่าเป็น “คู่รักงี่เง่า”
คู่รักงี่เง่า (Bakap-puruバカップル)มาจากการสมาสคำว่า “Baka” ที่แปลว่า “งี่เง่า” กับคำว่า “Kappuru (Couple)” ที่แปลว่า “คู่รัก”
Bakappuru หมายถึง คู่รักที่สวีทกันอย่างดูดดื่ม จูบลูบไล้อิงแอบแนบชิดกันในที่สาธารณะ อาทิ สวนสนุกหรือรถไฟ โดยไม่แคร์สายตาชาวบ้าน หรือไม่ก็ใส่เสื้อลายเดียวกัน (สร้างความอิจฉาตาร้อนให้กับคนอื่นและแฝงความหมายว่า ไม่รู้กาลเทศะ)
นอกจากการกระทำแล้ว ลักษณะคำพูดก็ยังสะท้อนความเป็น Bakappuru ได้ เช่น
“ฉันจะรักแต่ Satoshi คนเดียวเท่านั้น ตราบชั่วนิรันดร์!”
“ฉันคงขาดเธอไม่ได้แน่ๆ ถ้าเธอไม่อยู่ ฉันขาดใจตายดีกว่า”
คนญี่ปุ่นมองว่า พวกนี้จะรักกันอย่างดูดดื่มแค่ช่วงแรกๆ นี่แหละ เดี๋ยวอีกแป๊บก็เลิก เพราะฉะนั้น ถ้าอัพรูปคู่ลงเฟสบ่อยๆ ถี่ๆ ก็เหมือนการแสดงความรักในที่สาธารณะแบบหนึ่ง อาจสร้างความหมั่นไส้ให้กับคนอื่นได้ และโดนจัดให้อยู่ในหมวด Bakappuru ไปโดยไม่รู้ตัว
อีกทั้งคนญี่ปุ่นมองว่า เวลารักใคร ไม่ควรแสดงออกความรักกันเกินหน้าเกินตา ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน ให้ค่อยๆ ใช้เวลาพิสูจน์ ค่อยๆ เรียนรู้กันไป อย่าโชว์ในที่สาธารณะเลย มันมิงามเค่อะ
+++++++++++++++
หากเราถามคนญี่ปุ่นว่า เหตุใด พวกเขาถึงไม่อัพรูปส่วนตัวบน Facebook พวกเขาจะตอบว่า “อาย” แต่จริงๆ แล้ว ถ้าคิดให้ดี เบื้องหลังของความอาย คือ การกลัวว่าคนอื่นจะมองตัวเองในแง่ที่ไม่ดีนั่นเอง เช่น เป็นคนหลงตัวเอง ขี้อวด หรือดูไม่น่าเชื่อถือ
คนญี่ปุ่นอาจใส่ใจคนรอบข้างมากๆ ก็จริง แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขาต้องแบกรับ คือ การคอยกังวลกับสายตาคนรอบข้างที่มองตัวพวกเขาเองนี่แหละค่ะ นั่นทำให้คนญี่ปุ่นหลายๆ คนบอกรักเมืองไทย (ไม่ต้องคิดมาก ทำอะไรทำเลย) แต่ละชาติ มีความงดงาม มีข้อดี แตกต่างกันจริงๆ ค่ะ
เรื่องโดย : เกตุวดี www.marumura.com
ทักทายพูดคุยกับเกตุวดี ได้ที่ >>> เกตุวดี Marumura
แสดงความคิดเห็น
คนญี่ปุ่นวันๆเขาไม่ค่อยเล่น Social Media หรอ
10-20 วันต่อจะอัพเดท 1 ครั้ง วัยรุ่นผู้หญิงบางคนก็ชอบใส่ Mask ถ่ายรูป(หน้ากากปิดปากที่ผู้หญิงไม่แต่งหน้าใส่กันไปเรียน)
เลยไปสังเกตดาราญี่ปุ่นหลายคนๆ ทวิตหรือ IG อัพเดทนานๆที ต่างจากเซเลปไทยที่อัพเดททุกๆวัน
ดาราไทยบางคนวันละหลายรอบ ไม่เกิน 3 วันก็ต้องอัพรูปบ้างละ
คนไทยหลายคนชอบติดตามดราม่าอินเตอร์เน็ต แฮชแท็กดังๆ แฟนเพจดังๆ ญี่ปุ่นเขามีโมเมนต์แบบนี้บ้างไหม
ไปถามเพื่อนที่เล่นเกมส์ออนไลน์ญี่ปุ่น เพื่อนบอกว่าคนในเกมส์เขาจะไม่ค่อยเรียกชื่อจริงกันเหมือนเซิฟไทย
ถ้าตัวละครเราชื่อ คิริโตะ เขาก็จะเรียกว่าเราคิริโตะ แต่สังคมเกมส์ออนไลน์ไทยปัจจุบันมักจะเรียกชื่อเล่นจริงๆ สนิทกันด้านนอกได้ง่ายกว่า
ใครคุ้นเคยกับประเทศนี้ช่วยอธิบายหน่อย เพิ่งเริ่มสนใจการใช้ชีวิตของคนญี่ปุ่นได้ไม่นาน รู้สึกว่ามันแตกต่างกับฝรั่งคนละขั้วยังไงไม่รู้