อ่านกระทู้นี้แล้วนึกถึงสถานการณ์ในที่ทำงานของตัวเอง
https://ppantip.com/topic/38306241/
ใน Spoil เราเกริ่นที่มาที่ไปไว้ ถ้ายาวไปก็สามารถอ่านข้ามได้เลยค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เราเป็นคนต่างชาติคนเดียวในออฟฟิศ ตอนเราได้งานเราก็บังเอิญได้นั่งในห้องเดียวกับหัวหน้า 2 คนและเพื่อนฝ่ายกราฟฟิคอีก 1 คน
ส่วนเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ (6-7 คน) นั่งห้องอื่นและชั้นใต้ดิน ตอนแรกก็มีปัญหาเรื่องการสื่อสารนิดหน่อยเพราะเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆไม่ชินพูดภาษาอังกฤษ
ยกเว้นเพื่อนฝ่ายกราฟฟิคซึ่งเป็นมิตรมากๆและพูดภาษาอังกฤษได้คล่องกว่าคนอื่น เราเริ่มสนิทกับเพื่อนคนนี้เพราะนั่งใกล้กัน คุยเรื่องดูหนังฟังเพลงเรื่อยเปื่อย แล้วเค้าเรียนจบมาสายเดียวกับสามีเราเลยมีเรื่องให้คุยเยอะ พูดได้ว่าส่วนมากเราเป็นคนฟังเค้าพูดมากกว่าและเค้าเนิร์ดมากๆ
สังคมออฟฟิศที่นี่ค่อนข้างต่างกับที่ไทยคือเค้าจะไม่ออกไปกินข้าวด้วยกันหลังเลิกงาน ออฟฟิศเก่าเรานี่เอะอะเลิกงานก็กินข้าวต้ม
เราเลยแอบคิดถึงสังคมที่ไทย จนเพื่อนคนนี้ชวนเราไปบ้านพร้อมเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆเพื่อตีปิงปองและดื่มเบียร์เราก็ไปนะ หลังจากนั้นเราก็เริ่มคุยกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นมากขึ้นเรื่อยๆ ค่อยๆเกร็งกันน้อยลงแต่ก็จะมีเพื่อนคนนี้นี่ล่ะที่ชวนเราไปนู่นไปนี่เสมอแม้เราจะไม่อยากไปก็ตาม จนผ่านมาได้หลายเดือนเราเริ่มตะหงิดๆว่าทำไมไม่มีใครชวนเพื่อนคนนี้ไปบ้านหรือปาร์ตี้หลังเลิกงานเลย มากสุดคือปาร์ตี้ของออฟฟิศ ตอนแรกเราก็ไม่คิดอะไรยังมีชวนเพื่อนมาทานข้าวเย็นบ้าง เล่นเกมบ้าง จนเพื่อนคนอื่นแซวว่าถ้ามีเราจะต้องมีเพื่อนคนนี้เสมอ เราแอบสังเกตด้วยบางทีว่าเพื่อนร่วมงานบางคนแสดงออกว่ารำคาญเพื่อนคนนี้ บวกกับความเนิร์ดของเพื่อนและการไม่รู้จักขอบเขต ความชอบเผือกขั้นสูงสุด เผือกระดับแอบฟังว่าหัวหน้าคุยโทรศัพท์เรื่องอะไรบ้าง ทำให้เรารู้สึกอึดอัดในบางครั้ง ยังไม่รวมถึงการ Prank หลายๆอย่างที่ไม่เหมาะสม
เราเริ่มรำคาญเพราะเพื่อนแกล้งเราไม่หยุดในช่วงที่เรางานยุ่งมากๆ เรานั่งทำงานอยู่เค้าเดินมากดปุ่มลดระดับเก้าอี้ ทำให้ระดับลดฮวบจนเราตกใจ ไม่ก็พยายามย่องเข้ามาด้านหลังแล้วแตะบ่าแรงๆ ซึ่งเราบอกเพื่อนดีๆหลายทีว่าเราไม่สนุกด้วยเราไม่ชอบแต่เพื่อนก็ยังไม่หยุด ล่าสุดหัวหน้ามอบหมายให้เราทำงานชิ้นนึงแล้วบอกว่าเราควรจะย้ายไปนั่งไกลๆเพื่อนคนนี้เพราะเค้าไม่อยากให้คนอื่นมายุ่งกับโปรเจคนี้ เราก็โอเค ย้ายก็ย้ายเพราะรำคาญเพื่อนเต็มทน เรากลัวว่าถ้ามันมากกว่านี้เราอาจจะแสดงสีหน้าหรือพูดอะไรออกไปแล้วทำร้ายจิตใจเค้า แต่ไม่เลยพอเราย้ายที่นั่งเพื่อนก็ตามมาเผือกเพราะเค้าอยากเห็นหน้าจอคอมพิวเตอร์เรา เราบอกเพื่อนว่าถ้าอยากรู้อะไรให้ไปคุยกับหัวหน้าเอาเองนะ แต่เพื่อนก็ไม่ละความพยายามที่จะแอบดูหน้าจอคอมพิวเตอร์เราให้ได้
วันนั้นเป็นวันที่เราหมดความอดทน หงุดหงิดมากจนถึงขั้น search หาในอินเตอร์เน็ตว่าจะรับมือกับเพื่อนร่วมงานแบบนี้ยังไง จนได้วิธีมาสองสามวิธี มาดูกันว่าได้ผลมั้ย
1. บอกเพื่อนแบบนุ่มนวลว่าเรารู้สึกยังไง ถ้าเพื่อนยังไม่เข้าใจก็อธิบายอีกรอบ คนประเภทนี้เราทำอะไรไม่ได้นอกจากพูดซ้ำเรื่อยๆจนวันนึงเค้าเข้าใจ
ทำแล้วเป็นยังไงอันนี้ยังบอกไม่ได้เพราะอาจจะใช้เวลาตลอดชีวิตการทำงานเราจนกว่ามันจะเข้าใจ 555555 เราคิดว่าส่วนนึงเป็นที่ตัวเราด้วยที่มีลักษณะไม่ค่อยอะไรมาก อะไรตลกก็ขำไม่ค่อยทำตัวซีเรียสเท่าไหร่ดังกระทู้ที่ยกตัวอย่างมาข้างต้นทำให้คนอื่นล้ำเส้นได้ง่าย
2. คนไฮเปอร์จะมีพลังงานล้นเหลือและไม่รู้จะปลดปล่อยพลังงานยังไงทำให้บางทีแสดงออกมาในรูปแบบที่ไม่เหมาะสม ในกรณีเพื่อนเราคือการ Prank ต่างๆและพูดไม่หยุด บางทีถึงขั้นดึงเราไปจากหน้าคอมพิวเตอร์เพื่อโชว์รูปบ้านเค้าให้เราดู วิธีแก้คือมอบหมายงานให้มากสุดเท่าที่จะทำได้ซึ่งอันนี้อยู่เหนือการควบคุมเรา สิ่งที่เราทำได้คือหยิบหูฟังมาใส่แล้วเปิดเพลง ถ้าเค้ายังไม่หยุดพูดและยังพยายามรบกวนการทำงานของเราก็บอกเค้าไปดีๆว่าฉันมีงานที่ต้องทำให้เสร็จก่อนพักเที่ยงนี้ ถ้าเพื่อนแกล้งอีกก็ทำเป็นไม่สนใจ เช่น เค้าเอาเทปมาแปะใต้เม้าส์เราเพื่อที่เราจะใช้เม้าส์ไม่ได้ บางคนโดนแบบนี้แล้วนึกว่าเม้าส์เสียบ้าง ต้องเดินหาเม้าส์ใหม่ทำให้เสียเวลาทำงาน เราแก้โดยแกะเทปออกแล้วทำงานต่อ ไม่มีอาการตอบสนองใดๆทั้งสิ้นให้เพื่อนเห็น การแกล้งจะได้ผลต่อเมื่อคนถูกแกล้งตอบสนองกับการแกล้งนั้นๆเพราะฉะนั้นการเมินเฉยคือวิธีที่ดีที่สุด มีบางทีที่เพื่อนเราเอาไปเล่าต่อเวลาพักว่าแกล้งเราแล้วเราเฉย เราก็จะใช้โอกาสนั้นพูดไปว่า ฉันไม่สนุกด้วยกับการเล่นอะไรแบบนี้ ฉันคิดว่ามันไม่ตลก ถามว่าเข้าหัวเพื่อนมั้ยก็เข้านะแต่อีกห้านาทีมันก็ลืมอีกตามเสต็ป แต่เราก็ตั้งใจว่าเราจะทำซ้ำๆไปเรื่อยเช่นกัน
3. เว้นระยะห่าง ข้อนี้เราพลาดเองเพราะเพื่อนคิดว่าเค้าสนิทกับเรามาก ถามว่าเราคิดว่าเค้าเป็นเพื่อนสนิทมั้ยเราคิดว่าไม่ เพราะเพื่อนในนิยามของเราคือคุยกันได้ทุกเรื่องซึ่งเราทำแบบนั้นกับเค้าไม่ได้ไง เราเลยชวนเค้ามาทานอาหารน้อยลงเพื่อแสดงออกให้เห็นว่าเรากับเค้ามีเส้นคั่นอยู่นะ เธอห้ามล้ำเส้นนี้
4. วิธีสุดท้ายที่เราอยากเลี่ยงคือคุยกับหัวหน้า อันนี้เราคิดว่าไม่ค่อยปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์เพราะถ้าเพื่อนเรามีลักษณะนิสัยเป็นมิตร เราอาจจะมีสิทธิกลายเป็นคนแย่ในสายตาคนอื่นทันที
ที่เหลือก็ตามเวรตามกรรมแล้วค่ะทีนี้
วิธีจัดการเพื่อนร่วมงานไฮเปอร์
https://ppantip.com/topic/38306241/
ใน Spoil เราเกริ่นที่มาที่ไปไว้ ถ้ายาวไปก็สามารถอ่านข้ามได้เลยค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
วันนั้นเป็นวันที่เราหมดความอดทน หงุดหงิดมากจนถึงขั้น search หาในอินเตอร์เน็ตว่าจะรับมือกับเพื่อนร่วมงานแบบนี้ยังไง จนได้วิธีมาสองสามวิธี มาดูกันว่าได้ผลมั้ย
1. บอกเพื่อนแบบนุ่มนวลว่าเรารู้สึกยังไง ถ้าเพื่อนยังไม่เข้าใจก็อธิบายอีกรอบ คนประเภทนี้เราทำอะไรไม่ได้นอกจากพูดซ้ำเรื่อยๆจนวันนึงเค้าเข้าใจ
ทำแล้วเป็นยังไงอันนี้ยังบอกไม่ได้เพราะอาจจะใช้เวลาตลอดชีวิตการทำงานเราจนกว่ามันจะเข้าใจ 555555 เราคิดว่าส่วนนึงเป็นที่ตัวเราด้วยที่มีลักษณะไม่ค่อยอะไรมาก อะไรตลกก็ขำไม่ค่อยทำตัวซีเรียสเท่าไหร่ดังกระทู้ที่ยกตัวอย่างมาข้างต้นทำให้คนอื่นล้ำเส้นได้ง่าย
2. คนไฮเปอร์จะมีพลังงานล้นเหลือและไม่รู้จะปลดปล่อยพลังงานยังไงทำให้บางทีแสดงออกมาในรูปแบบที่ไม่เหมาะสม ในกรณีเพื่อนเราคือการ Prank ต่างๆและพูดไม่หยุด บางทีถึงขั้นดึงเราไปจากหน้าคอมพิวเตอร์เพื่อโชว์รูปบ้านเค้าให้เราดู วิธีแก้คือมอบหมายงานให้มากสุดเท่าที่จะทำได้ซึ่งอันนี้อยู่เหนือการควบคุมเรา สิ่งที่เราทำได้คือหยิบหูฟังมาใส่แล้วเปิดเพลง ถ้าเค้ายังไม่หยุดพูดและยังพยายามรบกวนการทำงานของเราก็บอกเค้าไปดีๆว่าฉันมีงานที่ต้องทำให้เสร็จก่อนพักเที่ยงนี้ ถ้าเพื่อนแกล้งอีกก็ทำเป็นไม่สนใจ เช่น เค้าเอาเทปมาแปะใต้เม้าส์เราเพื่อที่เราจะใช้เม้าส์ไม่ได้ บางคนโดนแบบนี้แล้วนึกว่าเม้าส์เสียบ้าง ต้องเดินหาเม้าส์ใหม่ทำให้เสียเวลาทำงาน เราแก้โดยแกะเทปออกแล้วทำงานต่อ ไม่มีอาการตอบสนองใดๆทั้งสิ้นให้เพื่อนเห็น การแกล้งจะได้ผลต่อเมื่อคนถูกแกล้งตอบสนองกับการแกล้งนั้นๆเพราะฉะนั้นการเมินเฉยคือวิธีที่ดีที่สุด มีบางทีที่เพื่อนเราเอาไปเล่าต่อเวลาพักว่าแกล้งเราแล้วเราเฉย เราก็จะใช้โอกาสนั้นพูดไปว่า ฉันไม่สนุกด้วยกับการเล่นอะไรแบบนี้ ฉันคิดว่ามันไม่ตลก ถามว่าเข้าหัวเพื่อนมั้ยก็เข้านะแต่อีกห้านาทีมันก็ลืมอีกตามเสต็ป แต่เราก็ตั้งใจว่าเราจะทำซ้ำๆไปเรื่อยเช่นกัน
3. เว้นระยะห่าง ข้อนี้เราพลาดเองเพราะเพื่อนคิดว่าเค้าสนิทกับเรามาก ถามว่าเราคิดว่าเค้าเป็นเพื่อนสนิทมั้ยเราคิดว่าไม่ เพราะเพื่อนในนิยามของเราคือคุยกันได้ทุกเรื่องซึ่งเราทำแบบนั้นกับเค้าไม่ได้ไง เราเลยชวนเค้ามาทานอาหารน้อยลงเพื่อแสดงออกให้เห็นว่าเรากับเค้ามีเส้นคั่นอยู่นะ เธอห้ามล้ำเส้นนี้
4. วิธีสุดท้ายที่เราอยากเลี่ยงคือคุยกับหัวหน้า อันนี้เราคิดว่าไม่ค่อยปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์เพราะถ้าเพื่อนเรามีลักษณะนิสัยเป็นมิตร เราอาจจะมีสิทธิกลายเป็นคนแย่ในสายตาคนอื่นทันที
ที่เหลือก็ตามเวรตามกรรมแล้วค่ะทีนี้