สวัสดีค่ะ เจ้าของกระทู้รบกวนปรึกษา อยากระบาย อยากได้คนรับฟังและเข้าใจเพราะไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไปดี
เมื่อมาพบหลักฐานว่า สามีแอบไปนวดกระปู๋ โดยไปมา3-4 ครั้งแล้วช่วงเวลาเกือบปี โดยส่วนตัวรับไม่ได้ เพราะคิดว่าตั้งใจนอกใจเพราะ มีการวางแผนมีการโกหก ถ้าไม่จับได้คาหนังคาเขาก็คงจะเขางอกไปเรื่อยๆอะคะ อยากรู้จังถ้า ผญ ทำบ้าง ผชจะรับได้ไหม แค่นวดๆชักๆไม่มีอะไรกันอะนะ
ปล. นอกใจครั้งนี้ทำมานานแล้วเกือบปี แต่เพิ่งมาเจอในเมื่อสองสามปีก่อน และก่อนแต่งงานผชคนนี้เคยมีกิ๊กมาแล้วครั้งนึงตอนไปเรียนเมืองนอกซึ่งเขาบอกเป็นเพื่อนกันแต่จริงๆ ความสนิทเกินเพื่อนค่ะ เห็นจากข้องความที่แชทหาและข้อความในอีเมลอะนะคะ ซึ่งครั้งนั้นเราก็เคยอภัยให้แล้วทั้งที่ใจจริงไม่อยากอภัยให้เลย นี่แต่งงานมาไม่กี่ปีก็มานอกใจนอกกายกันอีก ใจจริงไม่อภัยแล้ว แต่ยังหาทางออกไม่เจอค่ะ ที่ต้องอดทนอยู่ก็เพราะลูก เพราะถ้าเลิกกันจริง ลูกก็คงต้องฝากให้ฝั่งที่บ้านสามีดูแลเพราะเขามีเวลา มีแม่สามีช่วยดู ส่วนเราต้องออกไปทำงานข้างนอกบ้าน ไม่มีใครช่วยดูแลลูก เรากลัวว่าเขาจะเป็นเด็กมีปัญหาขาดความอบอุ่น แต่การที่ต้องใช้ชีวิตอยู่กับคนแบบนี้มันทรมานมากจริงๆค่ะ คนเราถ้าอยู่ด้วยกันแล้วไม่มีความจริงใจและซื่อสัตย์ต่อกันแล้ว จะอยู่กันไปทำไมล่ะคะ ถามว่าก็อยากอดทนนะคะ แต่มันหลอนจริงๆค่ะ คือรู้สึกว่าเผลอปุ๊บก็คิดจะนอกใจตลอดเวลา มันผวา หวาดระแวง หลอนค่ะ ความเชื่อใจมันไม่มีแล้ว อาการนี้มันทรมานจริงๆค่ะ ใครไม่เจอกับตัวเองคงไม่รู้
จากนั้นมาจุดนี้ก็เป็นชนวนที่ทำให้เราทะเลาะกันเสมอ จากความไม่ไว้ใจแบะไม่เชื่อใจ เพราะพอคิดถึงมันทีไร เหมือนโดนมีดมากรีดที่หัวใจเป็นล้านๆครั้ง
เจ้าของกระทู้ทำงานงกๆ อยู่นอกบ้านทุกวัน เหนื่อยกายเหนื่อยใจ ต้องเดินทางไปทำงานในเมืองทุกวันทั้งที่บ้านอยู่ชานเมือง แต่สามีทำงานธุรกิจส่วนตัว มีเวลามากมาย ชอบใช้เวลากลางวันตอนบ่ายๆไปนวดกระปู๋ครั้งละ 3-4,000 บาท ทั้งที่ยังต้องยืมเงินภรรยาเพื่อช่วยธุรกิจของเขา คนเรานะทำกันได้ลงคอ ยิ่งกว่าแทงหลังกันอีกค่ะ รู้สึกเสียใจมากจริงๆ ที่เลือกคนผิด หลงคิดว่าคนเราจะเปลี่ยนแปลงได้
ปล. เจ้าของกระทู้ อายุ 30 กว่าๆ มีลูก1คนยังเล็กๆอยู่ เจ้าของกระทู้เป็นผญสมัยใหม่ มีการศึกษาดีมีหน้าที่การงานดี หน้าตาใช้ได้ และไม่แคร์เรื่องการหย่าถ้าอยู่ด้วยกันแล้วต้องมาทนทุกข์ ก็คิดว่าเสียโอกาสในการหาคนดีๆคนใหม่ที่จะสามารถใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันได้ตลอดไป ซึ่งเจ้าของกระทู้ ยังคิดว่าถ้าเลิกกันตั้งแต่ตอนนี้ จะได้มีโอกาสที่ดีในการหาคนดีๆมาร่วมชีวิต แต่ถ้าจะหาคนที่ดีกว่านี้ไม่ได้อีกแล้วชีวิตนี้ ก็ขออยู่คนเดียวดีกว่าค่ะ แต่ความจริงยังไม่กล้าทำอะไร เพราะ ห่วงลูกค่ะ
นี่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ อยากย้อนไปตอนที่มีโอกาสเลือกคนที่เค้าเข้ามาในชีวิตเราช่วงหนึ่งแต่ไปบวชตลอดชีวิตหลังจากเราแต่งงานได้ไม่นาน ซึ่งเวลาผ่านไปแล้วไม่อาจหวนคืน ตอนนี้ก็ทำได้แค่เสียดายเวลาและโอกาสอันนั้นจริงๆ ตอนนั้นที่เลือกสามีคนนี้เพราะเขาเข้ามาในช่วงชีวิตที่เราลำบากและก็เจ้าใจสภาพครอบครัวของเรา มีให้ความช่วยเหลือบ้างตามโอกาส แต่เรารู้สึกว่าเขามีนิสัยส่วนตัวหลายอย่างที่ทำให้เราไม่ชอบ แต่ก็คิดว่าน่าจะเปลี่ยนแปลงกันได้ถ้ารักกันควรปรับเข้าหากัน แต่ปรากฎไม่เลยค่ะ เราปรับอยู่คนเดียวจนรู้สึกแย่มาก เช่น ต้องยอมแต่งเข้าบ้านเขาที่เป็นกงสีซึ่งมีหนี้สินไม่น้อยเลย เวลามีปากเสียงกับพี่สาวเขา เราต้องเป็นฝ่ายยอม นิ่งเงียบทั้งที่เราไม่ได้ผิด ซึ่งพี่สาวเค้าเป็นคนจู้จี้จุกจิกมากและคิดลบ ขี้นินทา เฝ้าจับผิด และบ้านก็อยู่ชานเมืองไกลๆ ที่เราต้องเดินทางเข้าเมืองเพื่อทำงานออฟฟิศทุกวัน ชีวิตเราเหนื่อยมากค่ะ พอมีลูกก็นึกว่าจะดีขึ้น เรายอมลาออกจากงานมาเพื่อเลี้ยงลูกให้น้ำนมลูกปีนึง ระหว่างนี้สามีให้เงินค่ะชดเชยรายได้ของเรา แต่สุดท้ายเขาก็คงไม่อยากให้เงินต่อ จึงไล่เรากลับไปหางานทำข้างนอกอีกเพราะธุรกิจที่บ้านก็มีปัญหา ซึ่งเราก็เสียใจและน้อยใจอยู่แต่อีกใจนึงก็คิดแค่ว่า ดีซะอีก ทำงานหาเงินได้เอง อีกหน่อยเกิดอะไรขึ้นยังไงก็มีทางไป เกิดเหตุต้องเลิกกันจะได้ไม่เดือดร้อน. เราก็เลยทำงานข้างนอกมาเรื่อยๆและคอยซัพพอร์ตการเงินให้สามีเวลาเขาหมุนเงินไม่ทันค่ะ.
ทุกวันนี้ก็ยังอดทนอยู่นะคะ แต่เรามีการวางแผนโดยซื้อคอนโดด้วยเงินเก็บตัวเอง จะได้มีทางไปค่ะ เพราะทะเลาะกันทีไร สามีก็จะเอ่ยปากไล่ เอ่ยปากบอกเลิกทุกครั้ง มิหนำซ้ำยังลงไม้ลงมือก่อนด้วย บางทีมาขอยืมเงินเราแล้วเราไม่ให้เพราะของเก่าก็ยังไม่ได้คืนเลย ยังมีการฝากความแค้นอีก
ลึกๆ เราอยากจะจากไปแบบไม่ต้องกลับมาเลย แต่ยังทำไม่ได้เลยค่ะ เพราะบางทีก็รู้สึกเหงา รู้สึกคิดถึงลูก ไม่อยากใช้ชีวิตคนเดียว มันเศร้ามากนะคะ จนบางทีเหมือนตัวเองเป็นโรคซึมเศร้าไปเลยค่ะ ไม่อยากมีชีวิตอยู่แบบนี้ รู้สึกตัวเองตัดสินใจผิดพลาดทีชีวิตพังทั้งชีวิตเลยค่ะ ที่สำคัญเรื่องแบบนี้เราปรึกษาใครไม่ได้เลยค่ะ แม้แต่พ่อแม่กลัวท่านไม่สบายใจ กับเพื่อนหรือใครก็ไม่อยากให้รู้เพราะมันเป็นเรื่องภายใน ไม่อยากนำออกค่ะ หนีกใจมากค่ะที่ต้องเก็บความทุกข์แบบนี้เอาไว้คนเดียว
จุดจบจากการไว้ใจ...เมื่อพบว่าสามีไปนวดกระปู๋
เมื่อมาพบหลักฐานว่า สามีแอบไปนวดกระปู๋ โดยไปมา3-4 ครั้งแล้วช่วงเวลาเกือบปี โดยส่วนตัวรับไม่ได้ เพราะคิดว่าตั้งใจนอกใจเพราะ มีการวางแผนมีการโกหก ถ้าไม่จับได้คาหนังคาเขาก็คงจะเขางอกไปเรื่อยๆอะคะ อยากรู้จังถ้า ผญ ทำบ้าง ผชจะรับได้ไหม แค่นวดๆชักๆไม่มีอะไรกันอะนะ
ปล. นอกใจครั้งนี้ทำมานานแล้วเกือบปี แต่เพิ่งมาเจอในเมื่อสองสามปีก่อน และก่อนแต่งงานผชคนนี้เคยมีกิ๊กมาแล้วครั้งนึงตอนไปเรียนเมืองนอกซึ่งเขาบอกเป็นเพื่อนกันแต่จริงๆ ความสนิทเกินเพื่อนค่ะ เห็นจากข้องความที่แชทหาและข้อความในอีเมลอะนะคะ ซึ่งครั้งนั้นเราก็เคยอภัยให้แล้วทั้งที่ใจจริงไม่อยากอภัยให้เลย นี่แต่งงานมาไม่กี่ปีก็มานอกใจนอกกายกันอีก ใจจริงไม่อภัยแล้ว แต่ยังหาทางออกไม่เจอค่ะ ที่ต้องอดทนอยู่ก็เพราะลูก เพราะถ้าเลิกกันจริง ลูกก็คงต้องฝากให้ฝั่งที่บ้านสามีดูแลเพราะเขามีเวลา มีแม่สามีช่วยดู ส่วนเราต้องออกไปทำงานข้างนอกบ้าน ไม่มีใครช่วยดูแลลูก เรากลัวว่าเขาจะเป็นเด็กมีปัญหาขาดความอบอุ่น แต่การที่ต้องใช้ชีวิตอยู่กับคนแบบนี้มันทรมานมากจริงๆค่ะ คนเราถ้าอยู่ด้วยกันแล้วไม่มีความจริงใจและซื่อสัตย์ต่อกันแล้ว จะอยู่กันไปทำไมล่ะคะ ถามว่าก็อยากอดทนนะคะ แต่มันหลอนจริงๆค่ะ คือรู้สึกว่าเผลอปุ๊บก็คิดจะนอกใจตลอดเวลา มันผวา หวาดระแวง หลอนค่ะ ความเชื่อใจมันไม่มีแล้ว อาการนี้มันทรมานจริงๆค่ะ ใครไม่เจอกับตัวเองคงไม่รู้
จากนั้นมาจุดนี้ก็เป็นชนวนที่ทำให้เราทะเลาะกันเสมอ จากความไม่ไว้ใจแบะไม่เชื่อใจ เพราะพอคิดถึงมันทีไร เหมือนโดนมีดมากรีดที่หัวใจเป็นล้านๆครั้ง
เจ้าของกระทู้ทำงานงกๆ อยู่นอกบ้านทุกวัน เหนื่อยกายเหนื่อยใจ ต้องเดินทางไปทำงานในเมืองทุกวันทั้งที่บ้านอยู่ชานเมือง แต่สามีทำงานธุรกิจส่วนตัว มีเวลามากมาย ชอบใช้เวลากลางวันตอนบ่ายๆไปนวดกระปู๋ครั้งละ 3-4,000 บาท ทั้งที่ยังต้องยืมเงินภรรยาเพื่อช่วยธุรกิจของเขา คนเรานะทำกันได้ลงคอ ยิ่งกว่าแทงหลังกันอีกค่ะ รู้สึกเสียใจมากจริงๆ ที่เลือกคนผิด หลงคิดว่าคนเราจะเปลี่ยนแปลงได้
ปล. เจ้าของกระทู้ อายุ 30 กว่าๆ มีลูก1คนยังเล็กๆอยู่ เจ้าของกระทู้เป็นผญสมัยใหม่ มีการศึกษาดีมีหน้าที่การงานดี หน้าตาใช้ได้ และไม่แคร์เรื่องการหย่าถ้าอยู่ด้วยกันแล้วต้องมาทนทุกข์ ก็คิดว่าเสียโอกาสในการหาคนดีๆคนใหม่ที่จะสามารถใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันได้ตลอดไป ซึ่งเจ้าของกระทู้ ยังคิดว่าถ้าเลิกกันตั้งแต่ตอนนี้ จะได้มีโอกาสที่ดีในการหาคนดีๆมาร่วมชีวิต แต่ถ้าจะหาคนที่ดีกว่านี้ไม่ได้อีกแล้วชีวิตนี้ ก็ขออยู่คนเดียวดีกว่าค่ะ แต่ความจริงยังไม่กล้าทำอะไร เพราะ ห่วงลูกค่ะ
นี่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ อยากย้อนไปตอนที่มีโอกาสเลือกคนที่เค้าเข้ามาในชีวิตเราช่วงหนึ่งแต่ไปบวชตลอดชีวิตหลังจากเราแต่งงานได้ไม่นาน ซึ่งเวลาผ่านไปแล้วไม่อาจหวนคืน ตอนนี้ก็ทำได้แค่เสียดายเวลาและโอกาสอันนั้นจริงๆ ตอนนั้นที่เลือกสามีคนนี้เพราะเขาเข้ามาในช่วงชีวิตที่เราลำบากและก็เจ้าใจสภาพครอบครัวของเรา มีให้ความช่วยเหลือบ้างตามโอกาส แต่เรารู้สึกว่าเขามีนิสัยส่วนตัวหลายอย่างที่ทำให้เราไม่ชอบ แต่ก็คิดว่าน่าจะเปลี่ยนแปลงกันได้ถ้ารักกันควรปรับเข้าหากัน แต่ปรากฎไม่เลยค่ะ เราปรับอยู่คนเดียวจนรู้สึกแย่มาก เช่น ต้องยอมแต่งเข้าบ้านเขาที่เป็นกงสีซึ่งมีหนี้สินไม่น้อยเลย เวลามีปากเสียงกับพี่สาวเขา เราต้องเป็นฝ่ายยอม นิ่งเงียบทั้งที่เราไม่ได้ผิด ซึ่งพี่สาวเค้าเป็นคนจู้จี้จุกจิกมากและคิดลบ ขี้นินทา เฝ้าจับผิด และบ้านก็อยู่ชานเมืองไกลๆ ที่เราต้องเดินทางเข้าเมืองเพื่อทำงานออฟฟิศทุกวัน ชีวิตเราเหนื่อยมากค่ะ พอมีลูกก็นึกว่าจะดีขึ้น เรายอมลาออกจากงานมาเพื่อเลี้ยงลูกให้น้ำนมลูกปีนึง ระหว่างนี้สามีให้เงินค่ะชดเชยรายได้ของเรา แต่สุดท้ายเขาก็คงไม่อยากให้เงินต่อ จึงไล่เรากลับไปหางานทำข้างนอกอีกเพราะธุรกิจที่บ้านก็มีปัญหา ซึ่งเราก็เสียใจและน้อยใจอยู่แต่อีกใจนึงก็คิดแค่ว่า ดีซะอีก ทำงานหาเงินได้เอง อีกหน่อยเกิดอะไรขึ้นยังไงก็มีทางไป เกิดเหตุต้องเลิกกันจะได้ไม่เดือดร้อน. เราก็เลยทำงานข้างนอกมาเรื่อยๆและคอยซัพพอร์ตการเงินให้สามีเวลาเขาหมุนเงินไม่ทันค่ะ.
ทุกวันนี้ก็ยังอดทนอยู่นะคะ แต่เรามีการวางแผนโดยซื้อคอนโดด้วยเงินเก็บตัวเอง จะได้มีทางไปค่ะ เพราะทะเลาะกันทีไร สามีก็จะเอ่ยปากไล่ เอ่ยปากบอกเลิกทุกครั้ง มิหนำซ้ำยังลงไม้ลงมือก่อนด้วย บางทีมาขอยืมเงินเราแล้วเราไม่ให้เพราะของเก่าก็ยังไม่ได้คืนเลย ยังมีการฝากความแค้นอีก
ลึกๆ เราอยากจะจากไปแบบไม่ต้องกลับมาเลย แต่ยังทำไม่ได้เลยค่ะ เพราะบางทีก็รู้สึกเหงา รู้สึกคิดถึงลูก ไม่อยากใช้ชีวิตคนเดียว มันเศร้ามากนะคะ จนบางทีเหมือนตัวเองเป็นโรคซึมเศร้าไปเลยค่ะ ไม่อยากมีชีวิตอยู่แบบนี้ รู้สึกตัวเองตัดสินใจผิดพลาดทีชีวิตพังทั้งชีวิตเลยค่ะ ที่สำคัญเรื่องแบบนี้เราปรึกษาใครไม่ได้เลยค่ะ แม้แต่พ่อแม่กลัวท่านไม่สบายใจ กับเพื่อนหรือใครก็ไม่อยากให้รู้เพราะมันเป็นเรื่องภายใน ไม่อยากนำออกค่ะ หนีกใจมากค่ะที่ต้องเก็บความทุกข์แบบนี้เอาไว้คนเดียว