สวัสดีค่ะ นี่เป็นการรีวิวในพันทิปเป็นครั้งแรก หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะคะ ^_^
ว่าด้วยการอยากไปเที่ยวต่างประเทศเป็นครั้งแรก ประเทศที่ถูกเราเลือกนั่นก็คือ "มาเลเซีย" เพราะอยู่ไม่ไกลจากบ้านเรามากมายใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1.20 ชั่วโมง เลยมีความสนใจและมือลั่นกดจองเลยจ้า สายการบินที่ไปนั่นก็คือ Airasia ทั้งขาไปและขากลับค่ะ เรทเงินตอนที่แรกอยู่ที่ 1 ริงกิต = 7.92 บาทไทย
สำหรับทริปครั้งนี้เราไป 4 วัน 3 คืน (9-12/11/61)
มาเริ่มกันเลยดีกว่าจะรอช้าอยู่ทำไมกัน
วันที่ 1 (9/11/61)
เมื่อไปถึงสนามบินนานาชาติ ภูเก็ต ทำการเช็คอิน ตรวจเช็คสัมภาระและผ่านด่าน ตม.เรียบร้อยแล้ว ก็เตรียมตัวอออกเดินทางไปยังประเทศมาเลเซียกันเลยจ้าาาาา
08.00 น. เครื่องบินออกจากสนามบินภูเก็ตไปยังกัวลาลัมเปอร์ เวลาประมาณ 10.20 น. ก็ถึงสนามบิน KLIA2 เป็นที่เรียบร้อย (*เวลาที่มาเลเซียจะเร็วกว่าประเทศไทยหนึ่งชั่วโมง) ออกจากเครื่องก็เดินไปตามทางจะมีป้ายบอกตลอดทาง อันดับแรกต้องผ่านด่าน ตม.กันก่อนเลยจ้า ไปถึงก็ต่อคิวซึ่งก็คิวยาวพอประมาณ พอถึงคิวใจก็จะสั่นๆหน่อย เนื่องจากพาสปอร์ตเราเล่มใหม่ ตม.ก็จ้องหน้านิดหน่อยแล้วก็ให้สแกนนิ้วแล้วประทับตราเป็นอันเสร็จสิ้นภาระกิจด่านแรก พอผ่านด่าน ตม.มาได้ก็เดินมาเรื่อยๆ อันดับแรกต้องหาซื้อซิมการ์ดกันสักหน่อย มีหลายเจ้ามากให้เลือก แต่ค่ายที่เราเลือกก็คือ Umobile ราคาอยู่ที่ 32.5 ริงกิต ทำการจ่ายเงินและใส่ซิมก็ใช้เน็ตได้ โปรแกรมแรกของวันนี้ก็คือ มะละกา ก็เดินหาป้ายบอกทางไปซื้อตั๋วจะอยู่ชั้นล่างของสนามบิน การเดินทางวันนี้จะเดินทางด้วยรถทัวร์ พอไปถึงหน้าเคาน์เตอร์ขายตั๋วก็บอก พนง.ว่าจะไป มะละกา พนง.ก็จะบอกเวลารถที่จะออก ถ้าตกลงก็ทำการจ่ายเงินราคาตั๋วอยู่ที่ 24.10 ริงกิต พนง.จะให้ตั๋วและแจ้ง Platform ที่รถจอด ถือว่าดวงดีไปยืนรอแปปนึงรถก็มา ก็ยื่นตั๋วให้คนขับแล้วก็นั่งตามเลขที่เราได้ รถทัวร์บ้านเค้าสบายมากเบาะใหญ่นั่งสบาย
ใช้เวลาชั่วโมงกว่าๆ ก็เดินทางมาถึงเมืองมะละกา รถทัวร์จะจอดที่ Melaka Sentral แล้วต้องต่อรถเข้าไปในเมืองมะละกาก่อนจะนั่งรถต่อก็ขอแวะทานอาหารก่อนเพราะตอนนี้หิวมาก เดินไปเดินมาก็จบที่ร้านข้าวแกงซึ่งเข้าไปแบบงงๆ เพราะร้านจะยื่นจานข้าวมาให้เราตักกับข้าวเอง เราก็ตักแบบงงๆ กินแบบงงๆ เป็นมื้อแรกที่งงมาก 555555 พอหาอะไรกินเสร็จเรียบร้อยก็ไปที่ Platform 17 เพื่อเข้าไปในตัวเมืองของมะละกา ค่าตั๋ว 2 ริงกิต ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีเพราะรถติดมากวันนี้ ก็ถึงที่ลงรถ จุดที่รถจอดจะเป็นสถานที่โดดเด่นของเมืองมะละกา นั่นก็คือ Dutch Square
เราก็ตื่นเต้นมากเพราะเป็นสถานที่สีแดงเด่นสวยงามมาก ยืนชื่นชมเสร็จก็รีบเดินไปเช็คอินที่โรงแรมเพราะแดดแรงมากกกกกกก โรงแรมที่เราพักในวันนี้นั่นก็คือ Hotel By The River เราสำรองจาก Booking.com เดินไม่ไกลมากก็ถึงโรงแรม ทำการเช็คอินเรียบร้อยก็เข้าห้องพัก โรงแรมเป็นแบบบ้านแล้วมาแบ่งกั้นเป็นห้องๆ รวมๆก็โอเค ห้องไม่ใหญ่มากแต่สะดวกเวลาเดินทางไปเที่ยวสถานที่ต่างๆ
นั่งพักสักแปปก็ออกมาเก็บตามจุดเช็คอินกันเลยจ้า เดินออกมาสายตาเหลือบไปเห็นผนังบ้านมีการเพ้นท์ด้วยสีเป็นรูปต่างๆ เลยขอแวะถ่ายรูปนิดนึง แล้วก็เดินต่อไปที่แรกที่เราไปนั่นก็คือ Dutch Spuare
ก่อนไปต่อ ขอแวะดูแผนที่สักหน่อย กันพลาด 5555
ยืนถ่ายรูปจนสมใจอยากก็ไปเดินต่อไปที่ Kota a famosa เป็นป้อมปราการสมัยอดีต
ข้างๆ จะเป็นสถานที่ราชการ สวยงามแปลกตา
แล้วก็เดินขึ้นไปด้านบนก็เจอกับ St. Paul’s Church และจุดชมวิวมุมสูงด้านบน กว่าจะเดินขึ้นมาได้เล่นเอาหอบกันไปหลายรอบ
ถ่ายจากด้านบนจะมองเห็นเป็นวิวไกลสุดลูกตาาาาาา
เก็บภาพบรรยากาศเสร็จก็ได้เวลาเดินลงไปหาอะไรทานกันเถอะ ทางลงเห็นต้นไม้รู้สึกชอบมากดูแปลกตา
ที่มะละกาจะมีรถสามล้อปั่นบริการด้วย สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ต้องการเดิน สามล้อก็จะปั่นพาไปยังที่ต่างๆ ค่าบริการก็แล้วแต่ระยะทาง รถสามล้อที่มะละกามีความอเมซิ่งมากกกก จะประดับตกแต่งด้วยตุ๊กตาหลากหลายแบบ ชอบมากกกกกกกกก เลยขอถ่ายรูปมาให้ดูสักหน่อย
ถ่ายรูปอะไรเสร็จเรียบร้อยก็เดินไปหาอะไรทานกันเถอะ โชคดีวันที่เรามามีถนนคนเดิน Jonker Walk ก็คล้ายๆถนนคนเดินบ้านเรา
สองข้างทางก็จะมีของขายหลากหลายอย่างให้เลือกซื้อ เราก็เดินไปเรื่อยๆ จนสุดซอย
แล้วก็จบตรงที่ หอยผัด และ ก๋วยเตี๋ยวผัด มีความอร่อยแบบแปลกๆ
อิ่มแล้วก็เดินกลับระหว่างทางก็แวะซื้อของฝากติดไม้ติดมือมานิดหน่อย เป็นอันเสร็จสิ้นภาระกิจของวันนี้ พักผ่อนเก็บแรงกันเถอะเรา ^_^
วันที่ 2 (10/11/61)
สวัสดีวันที่สองในประเทศมาเลเซีย เริ่มที่แรกในวันนี้กันเลย คือร้านข้าวมันไก่ ที่ชื่อเสียงเลื่องลือมาก (มาตามรีวิว) อยู่ใกล้ๆโรงแรมประมาณ 100 เมตร ร้านจะเป็นแบบห้องแถวอยู่หัวมุมหาง่ายเป็นร้านไม่ใหญ่มาก แต่คนรอเยอะมาก มาถึงก็เข้าคิวกันเลยจ้า
พอถึงคิวก็แจ้งว่ามา 2 คน (เรากับเพื่อนสาว) แล้วก็นั่งรอที่โต๊ะก็จะมีข้าวมันไก่มาเสริฟ จุดขายของร้านนี้ก็คือ ข้าวมันที่จะมาเป็นข้าวปั้นเป็นก้อนๆ คล้ายๆลูกชิ้นปลาบ้านเรา จานนึงมี 5 ลูก กับไก่ที่สับมาอีกครึ่งตัวราดด้วยซีอิ้ว ถือว่าอร่อยสมคำร่ำลือ พอคิดเงินมื้อนี้ก็หมดไป 28 ริงกิต ตกคนละ 14 ริงกิต ก็ถือว่าคุ้มค่ากับการรอคิวดีนะ หน้าตาข้าวมันไก่ก็จะประมาณนี้
เดินเก็บตกถ่ายรูปนิดๆหน่อยๆก็เข้าโรงแรมเพื่อทำการเช็คเอาท์ วันนี้เราจะไปกัวลาลัมเปอร์กันจ้า การเดินทางไปกัวลาลัมเปอร์เราต้องไปขึ้นรถที่ Melaka Sentral จุดที่รถทัวร์จอดตอนขามา การเดินทางก็ไปได้หลายวิธี แต่ด้วยความขี้เกียจของเราและเพื่อนจึงเลือกโดยการเรียก Grab เมื่อตกลงราคาเรียบร้อยก็นั่งรถไป Melaka Sentral กันเลยจ้า พี่คนขับเป็นผู้หญิงอัธยาศัยดีมาก ชวนคุย ถามนู้นถามนี้ แต่ที่พีคสุดคือถามว่าเป็นเพื่อนกันใช่มั้ย หันหน้ามองเพื่อนแล้วก็ขำ 555555 สงสัยว่าเราเป็นคู่ทอมดี้แน่ๆเลย เราก็รีบบอกเลยว่ามายเฟรนนนนนนน นั่งมาถึงก็รีบมุ่งหน้าไปเคาน์เตอร์ขายตั๋ว ฟังออกบ้างไม่ออกบ้างตามประสา 5555555555 ก็บอก พนง.ว่าเราต้องการไป KL Sentral แต่ พนง.บอกว่าน่าจะไม่มีประมาณนี้แหละค่ะ แต่มีไปที่ TBS เราก็งงๆ แต่คุ้นชื่อมาจากรีวิว ก็เลยตกลง ทำการจ่ายเงิน ค่าตั๋วก็ 12 ริงกิต พนง.ก็แจ้งจุดขึ้นรถ โชคดีอีกแล้วพอไปถึงรถก็จะออกพอดี ขึ้นไปก็ได้ที่นั่งข้างหน้าสะดวกไปอีก ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึง TBS ซึ่งก็งงๆ เพราะตามแผนที่วางมาไม่มีที่นี่ในหัวเลยจ้า
ลงจากรถก็มุ่งหน้าไปถามประชาสัมพันธ์ว่าต้องการไป KL Sentral พี่เค้าก็ชี้และบอกทาง เราก็เดินตามที่พี่แกบอกก็มาเจอจุดจำหน่ายตั๋วรถไฟฟ้า เป็นของ KLIA transit ค่าตั๋ว 6.50 ริงกิต ซึ่งเป็นสายที่มาจากสนามบิน เป็นรถไฟฟ้าคล้ายๆ BTS บ้านเรา ซื้อตั๋วเรียบร้อยก็เดินไปรอขึ้นรถไฟฟ้า จะมีป้ายไฟบอกเวลาที่รถไฟจะมาถึงตลอดเวลา (ถือว่าดีมาก)
นั่งรถไฟฟ้ามาสักพักก็ถึง KL Sentral อารมณ์คล้ายๆ หมอชิตบ้านเรา แต่จะมีความอินเตอร์กว่า เป็นจุดส่วนรวมคมนาคมต่างๆไว้ที่นี่ ทั้งรถทัวร์ รถไฟฟ้าสายต่างๆ สะดวกสบายสุดๆ พอถึงเราก็มุ่งหน้าไปหารถไฟฟ้าที่จะไปที่โรงแรม เป็นสาย KELANA JAYA สายสีชมพู ก็ซื้อตั๋วที่ตู้อัตโนมัติ กดเลือกสถานีที่จะไป คือ Masjid Jamek ห่างกัน 2 สถานี ก็ได้จะเหรียญออกมา เหมือนเหรียญของ MRT ที่ไทยเลยจ้า แล้วก็เข้าไปรอรถไฟฟ้ากันเลย
พอได้ขึ้นคนเยอะมากก็ยืนจนลงที่สถานี Masjid Jamek ออกจากสถานีก็เปิด map หาโรงแรมกันเลยจ้า โรงแรมที่เราจะพักมีชื่อว่า Hotel 1915 Kuala Lumpur เป็นการมาพักตามรีวิวอีกเช่นเคย อิอิ เราจะพักที่นี่ด้วยกัน 2 คืน โรงแรมหาง่ายมาก จะอยู่ในย่านคนอินเดีย ตอนแรกที่ไปถึงตกใจมากเพราะรถติดแล้วเสียงแตรรถก็ดังลั่น แบบแข่งกันบีบประมาณนั้น 555555 พอถึงโรงแรมก็ทำการเช็คอินเรียบร้อย ได้พักชั้น 4 โชคดีที่โรงแรมมีลิฟท์เลยสบายสำหรับคนขี้เกียจแบบเรา โรงแรมมีความอินดี้ๆ สไตล์ลอฟท์นิดๆ เป็นการรีโนเวทใหม่เน้นโทนสีขาว เราก็เข้าห้องเปิดแอร์ขอพักสักนิดนึงนะจ้ะ (เพลียกับการเดินทางมาก)
หลังจากพักเหนื่อยจนพอใจแล้วคิดว่าต้องหาไรกินได้แล้ว แล้วก็ออกจากโรงแรมมุ่งหน้าหาของกิน มื้อแรกในกัวลาลัมเปอร์นั้นก็คือ KFC เพื่อนยากจ้า ซอสมีรสชาติแปลกๆ แต่ก็อร่อยในแบบของเค้า อิอิ
หลังจากกินเสร็จเรียบร้อยก็คุยกับเพื่อนว่าเราจะไปไหนกันก่อนดีเพราะในหัวมีเยอะมาก 55555 และแล้วก็ตกลงกันได้ว่าจะไปตึกแฝดกันเป็นที่แรก การเดินทางก็ด้วยวิธีรถไฟฟ้า สะดวกและประหยัดสุด เราก็ไปซื้อตั๋วที่ตู้เลือกสถานี KLCC พอมาถึงสถานีก็หาป้ายบอกทางไปตึกแฝดก่อนเลยจ้า กลัวจะไม่ได้เห็น 5555 แบบบ้านนอกเข้าเมืองมาก ณ ตอนนั้น เดินมาเรื่อยๆ ก็จะเจอห้างแล้วก็ออกนอกห้างเห็นคนเยอะๆ มองขึ้นไปก็เจอตึกแฝด (Twin Tower) แล้วจ้า ถ้ามาประเทศมาเลเซียแล้วไม่มาตึกแฝดถือว่ามาไม่ถึงสินะ (เอามาจากไหนเนี่ยยยย) มาถึงก็ขอเก็บภาพกันหน่อย อยากได้รูปทั้งกลางวันและกลางคืนเลย 555555 มาทั้งทีต้องเอาให้คุ้ม การถ่ายค่อนข้างยากต้องเสยกล้องสุดๆ ดีที่เราเอากล้อง Gopro มาด้วยเลยทำให้ง่ายเก็บภาพได้หมด ชอบสุดๆ
[CR] ทริปนี้ที่มาเลเซีย 4 วัน 3 คืน
ว่าด้วยการอยากไปเที่ยวต่างประเทศเป็นครั้งแรก ประเทศที่ถูกเราเลือกนั่นก็คือ "มาเลเซีย" เพราะอยู่ไม่ไกลจากบ้านเรามากมายใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1.20 ชั่วโมง เลยมีความสนใจและมือลั่นกดจองเลยจ้า สายการบินที่ไปนั่นก็คือ Airasia ทั้งขาไปและขากลับค่ะ เรทเงินตอนที่แรกอยู่ที่ 1 ริงกิต = 7.92 บาทไทย
สำหรับทริปครั้งนี้เราไป 4 วัน 3 คืน (9-12/11/61)
มาเริ่มกันเลยดีกว่าจะรอช้าอยู่ทำไมกัน
วันที่ 1 (9/11/61)
เมื่อไปถึงสนามบินนานาชาติ ภูเก็ต ทำการเช็คอิน ตรวจเช็คสัมภาระและผ่านด่าน ตม.เรียบร้อยแล้ว ก็เตรียมตัวอออกเดินทางไปยังประเทศมาเลเซียกันเลยจ้าาาาา
08.00 น. เครื่องบินออกจากสนามบินภูเก็ตไปยังกัวลาลัมเปอร์ เวลาประมาณ 10.20 น. ก็ถึงสนามบิน KLIA2 เป็นที่เรียบร้อย (*เวลาที่มาเลเซียจะเร็วกว่าประเทศไทยหนึ่งชั่วโมง) ออกจากเครื่องก็เดินไปตามทางจะมีป้ายบอกตลอดทาง อันดับแรกต้องผ่านด่าน ตม.กันก่อนเลยจ้า ไปถึงก็ต่อคิวซึ่งก็คิวยาวพอประมาณ พอถึงคิวใจก็จะสั่นๆหน่อย เนื่องจากพาสปอร์ตเราเล่มใหม่ ตม.ก็จ้องหน้านิดหน่อยแล้วก็ให้สแกนนิ้วแล้วประทับตราเป็นอันเสร็จสิ้นภาระกิจด่านแรก พอผ่านด่าน ตม.มาได้ก็เดินมาเรื่อยๆ อันดับแรกต้องหาซื้อซิมการ์ดกันสักหน่อย มีหลายเจ้ามากให้เลือก แต่ค่ายที่เราเลือกก็คือ Umobile ราคาอยู่ที่ 32.5 ริงกิต ทำการจ่ายเงินและใส่ซิมก็ใช้เน็ตได้ โปรแกรมแรกของวันนี้ก็คือ มะละกา ก็เดินหาป้ายบอกทางไปซื้อตั๋วจะอยู่ชั้นล่างของสนามบิน การเดินทางวันนี้จะเดินทางด้วยรถทัวร์ พอไปถึงหน้าเคาน์เตอร์ขายตั๋วก็บอก พนง.ว่าจะไป มะละกา พนง.ก็จะบอกเวลารถที่จะออก ถ้าตกลงก็ทำการจ่ายเงินราคาตั๋วอยู่ที่ 24.10 ริงกิต พนง.จะให้ตั๋วและแจ้ง Platform ที่รถจอด ถือว่าดวงดีไปยืนรอแปปนึงรถก็มา ก็ยื่นตั๋วให้คนขับแล้วก็นั่งตามเลขที่เราได้ รถทัวร์บ้านเค้าสบายมากเบาะใหญ่นั่งสบาย
ใช้เวลาชั่วโมงกว่าๆ ก็เดินทางมาถึงเมืองมะละกา รถทัวร์จะจอดที่ Melaka Sentral แล้วต้องต่อรถเข้าไปในเมืองมะละกาก่อนจะนั่งรถต่อก็ขอแวะทานอาหารก่อนเพราะตอนนี้หิวมาก เดินไปเดินมาก็จบที่ร้านข้าวแกงซึ่งเข้าไปแบบงงๆ เพราะร้านจะยื่นจานข้าวมาให้เราตักกับข้าวเอง เราก็ตักแบบงงๆ กินแบบงงๆ เป็นมื้อแรกที่งงมาก 555555 พอหาอะไรกินเสร็จเรียบร้อยก็ไปที่ Platform 17 เพื่อเข้าไปในตัวเมืองของมะละกา ค่าตั๋ว 2 ริงกิต ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีเพราะรถติดมากวันนี้ ก็ถึงที่ลงรถ จุดที่รถจอดจะเป็นสถานที่โดดเด่นของเมืองมะละกา นั่นก็คือ Dutch Square
เราก็ตื่นเต้นมากเพราะเป็นสถานที่สีแดงเด่นสวยงามมาก ยืนชื่นชมเสร็จก็รีบเดินไปเช็คอินที่โรงแรมเพราะแดดแรงมากกกกกกก โรงแรมที่เราพักในวันนี้นั่นก็คือ Hotel By The River เราสำรองจาก Booking.com เดินไม่ไกลมากก็ถึงโรงแรม ทำการเช็คอินเรียบร้อยก็เข้าห้องพัก โรงแรมเป็นแบบบ้านแล้วมาแบ่งกั้นเป็นห้องๆ รวมๆก็โอเค ห้องไม่ใหญ่มากแต่สะดวกเวลาเดินทางไปเที่ยวสถานที่ต่างๆ
นั่งพักสักแปปก็ออกมาเก็บตามจุดเช็คอินกันเลยจ้า เดินออกมาสายตาเหลือบไปเห็นผนังบ้านมีการเพ้นท์ด้วยสีเป็นรูปต่างๆ เลยขอแวะถ่ายรูปนิดนึง แล้วก็เดินต่อไปที่แรกที่เราไปนั่นก็คือ Dutch Spuare
ก่อนไปต่อ ขอแวะดูแผนที่สักหน่อย กันพลาด 5555
ยืนถ่ายรูปจนสมใจอยากก็ไปเดินต่อไปที่ Kota a famosa เป็นป้อมปราการสมัยอดีต
ข้างๆ จะเป็นสถานที่ราชการ สวยงามแปลกตา
แล้วก็เดินขึ้นไปด้านบนก็เจอกับ St. Paul’s Church และจุดชมวิวมุมสูงด้านบน กว่าจะเดินขึ้นมาได้เล่นเอาหอบกันไปหลายรอบ
ถ่ายจากด้านบนจะมองเห็นเป็นวิวไกลสุดลูกตาาาาาา
เก็บภาพบรรยากาศเสร็จก็ได้เวลาเดินลงไปหาอะไรทานกันเถอะ ทางลงเห็นต้นไม้รู้สึกชอบมากดูแปลกตา
ที่มะละกาจะมีรถสามล้อปั่นบริการด้วย สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ต้องการเดิน สามล้อก็จะปั่นพาไปยังที่ต่างๆ ค่าบริการก็แล้วแต่ระยะทาง รถสามล้อที่มะละกามีความอเมซิ่งมากกกก จะประดับตกแต่งด้วยตุ๊กตาหลากหลายแบบ ชอบมากกกกกกกกก เลยขอถ่ายรูปมาให้ดูสักหน่อย
ถ่ายรูปอะไรเสร็จเรียบร้อยก็เดินไปหาอะไรทานกันเถอะ โชคดีวันที่เรามามีถนนคนเดิน Jonker Walk ก็คล้ายๆถนนคนเดินบ้านเรา
สองข้างทางก็จะมีของขายหลากหลายอย่างให้เลือกซื้อ เราก็เดินไปเรื่อยๆ จนสุดซอย
แล้วก็จบตรงที่ หอยผัด และ ก๋วยเตี๋ยวผัด มีความอร่อยแบบแปลกๆ
อิ่มแล้วก็เดินกลับระหว่างทางก็แวะซื้อของฝากติดไม้ติดมือมานิดหน่อย เป็นอันเสร็จสิ้นภาระกิจของวันนี้ พักผ่อนเก็บแรงกันเถอะเรา ^_^
วันที่ 2 (10/11/61)
สวัสดีวันที่สองในประเทศมาเลเซีย เริ่มที่แรกในวันนี้กันเลย คือร้านข้าวมันไก่ ที่ชื่อเสียงเลื่องลือมาก (มาตามรีวิว) อยู่ใกล้ๆโรงแรมประมาณ 100 เมตร ร้านจะเป็นแบบห้องแถวอยู่หัวมุมหาง่ายเป็นร้านไม่ใหญ่มาก แต่คนรอเยอะมาก มาถึงก็เข้าคิวกันเลยจ้า
พอถึงคิวก็แจ้งว่ามา 2 คน (เรากับเพื่อนสาว) แล้วก็นั่งรอที่โต๊ะก็จะมีข้าวมันไก่มาเสริฟ จุดขายของร้านนี้ก็คือ ข้าวมันที่จะมาเป็นข้าวปั้นเป็นก้อนๆ คล้ายๆลูกชิ้นปลาบ้านเรา จานนึงมี 5 ลูก กับไก่ที่สับมาอีกครึ่งตัวราดด้วยซีอิ้ว ถือว่าอร่อยสมคำร่ำลือ พอคิดเงินมื้อนี้ก็หมดไป 28 ริงกิต ตกคนละ 14 ริงกิต ก็ถือว่าคุ้มค่ากับการรอคิวดีนะ หน้าตาข้าวมันไก่ก็จะประมาณนี้
เดินเก็บตกถ่ายรูปนิดๆหน่อยๆก็เข้าโรงแรมเพื่อทำการเช็คเอาท์ วันนี้เราจะไปกัวลาลัมเปอร์กันจ้า การเดินทางไปกัวลาลัมเปอร์เราต้องไปขึ้นรถที่ Melaka Sentral จุดที่รถทัวร์จอดตอนขามา การเดินทางก็ไปได้หลายวิธี แต่ด้วยความขี้เกียจของเราและเพื่อนจึงเลือกโดยการเรียก Grab เมื่อตกลงราคาเรียบร้อยก็นั่งรถไป Melaka Sentral กันเลยจ้า พี่คนขับเป็นผู้หญิงอัธยาศัยดีมาก ชวนคุย ถามนู้นถามนี้ แต่ที่พีคสุดคือถามว่าเป็นเพื่อนกันใช่มั้ย หันหน้ามองเพื่อนแล้วก็ขำ 555555 สงสัยว่าเราเป็นคู่ทอมดี้แน่ๆเลย เราก็รีบบอกเลยว่ามายเฟรนนนนนนน นั่งมาถึงก็รีบมุ่งหน้าไปเคาน์เตอร์ขายตั๋ว ฟังออกบ้างไม่ออกบ้างตามประสา 5555555555 ก็บอก พนง.ว่าเราต้องการไป KL Sentral แต่ พนง.บอกว่าน่าจะไม่มีประมาณนี้แหละค่ะ แต่มีไปที่ TBS เราก็งงๆ แต่คุ้นชื่อมาจากรีวิว ก็เลยตกลง ทำการจ่ายเงิน ค่าตั๋วก็ 12 ริงกิต พนง.ก็แจ้งจุดขึ้นรถ โชคดีอีกแล้วพอไปถึงรถก็จะออกพอดี ขึ้นไปก็ได้ที่นั่งข้างหน้าสะดวกไปอีก ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึง TBS ซึ่งก็งงๆ เพราะตามแผนที่วางมาไม่มีที่นี่ในหัวเลยจ้า
ลงจากรถก็มุ่งหน้าไปถามประชาสัมพันธ์ว่าต้องการไป KL Sentral พี่เค้าก็ชี้และบอกทาง เราก็เดินตามที่พี่แกบอกก็มาเจอจุดจำหน่ายตั๋วรถไฟฟ้า เป็นของ KLIA transit ค่าตั๋ว 6.50 ริงกิต ซึ่งเป็นสายที่มาจากสนามบิน เป็นรถไฟฟ้าคล้ายๆ BTS บ้านเรา ซื้อตั๋วเรียบร้อยก็เดินไปรอขึ้นรถไฟฟ้า จะมีป้ายไฟบอกเวลาที่รถไฟจะมาถึงตลอดเวลา (ถือว่าดีมาก)
นั่งรถไฟฟ้ามาสักพักก็ถึง KL Sentral อารมณ์คล้ายๆ หมอชิตบ้านเรา แต่จะมีความอินเตอร์กว่า เป็นจุดส่วนรวมคมนาคมต่างๆไว้ที่นี่ ทั้งรถทัวร์ รถไฟฟ้าสายต่างๆ สะดวกสบายสุดๆ พอถึงเราก็มุ่งหน้าไปหารถไฟฟ้าที่จะไปที่โรงแรม เป็นสาย KELANA JAYA สายสีชมพู ก็ซื้อตั๋วที่ตู้อัตโนมัติ กดเลือกสถานีที่จะไป คือ Masjid Jamek ห่างกัน 2 สถานี ก็ได้จะเหรียญออกมา เหมือนเหรียญของ MRT ที่ไทยเลยจ้า แล้วก็เข้าไปรอรถไฟฟ้ากันเลย
พอได้ขึ้นคนเยอะมากก็ยืนจนลงที่สถานี Masjid Jamek ออกจากสถานีก็เปิด map หาโรงแรมกันเลยจ้า โรงแรมที่เราจะพักมีชื่อว่า Hotel 1915 Kuala Lumpur เป็นการมาพักตามรีวิวอีกเช่นเคย อิอิ เราจะพักที่นี่ด้วยกัน 2 คืน โรงแรมหาง่ายมาก จะอยู่ในย่านคนอินเดีย ตอนแรกที่ไปถึงตกใจมากเพราะรถติดแล้วเสียงแตรรถก็ดังลั่น แบบแข่งกันบีบประมาณนั้น 555555 พอถึงโรงแรมก็ทำการเช็คอินเรียบร้อย ได้พักชั้น 4 โชคดีที่โรงแรมมีลิฟท์เลยสบายสำหรับคนขี้เกียจแบบเรา โรงแรมมีความอินดี้ๆ สไตล์ลอฟท์นิดๆ เป็นการรีโนเวทใหม่เน้นโทนสีขาว เราก็เข้าห้องเปิดแอร์ขอพักสักนิดนึงนะจ้ะ (เพลียกับการเดินทางมาก)
หลังจากพักเหนื่อยจนพอใจแล้วคิดว่าต้องหาไรกินได้แล้ว แล้วก็ออกจากโรงแรมมุ่งหน้าหาของกิน มื้อแรกในกัวลาลัมเปอร์นั้นก็คือ KFC เพื่อนยากจ้า ซอสมีรสชาติแปลกๆ แต่ก็อร่อยในแบบของเค้า อิอิ
หลังจากกินเสร็จเรียบร้อยก็คุยกับเพื่อนว่าเราจะไปไหนกันก่อนดีเพราะในหัวมีเยอะมาก 55555 และแล้วก็ตกลงกันได้ว่าจะไปตึกแฝดกันเป็นที่แรก การเดินทางก็ด้วยวิธีรถไฟฟ้า สะดวกและประหยัดสุด เราก็ไปซื้อตั๋วที่ตู้เลือกสถานี KLCC พอมาถึงสถานีก็หาป้ายบอกทางไปตึกแฝดก่อนเลยจ้า กลัวจะไม่ได้เห็น 5555 แบบบ้านนอกเข้าเมืองมาก ณ ตอนนั้น เดินมาเรื่อยๆ ก็จะเจอห้างแล้วก็ออกนอกห้างเห็นคนเยอะๆ มองขึ้นไปก็เจอตึกแฝด (Twin Tower) แล้วจ้า ถ้ามาประเทศมาเลเซียแล้วไม่มาตึกแฝดถือว่ามาไม่ถึงสินะ (เอามาจากไหนเนี่ยยยย) มาถึงก็ขอเก็บภาพกันหน่อย อยากได้รูปทั้งกลางวันและกลางคืนเลย 555555 มาทั้งทีต้องเอาให้คุ้ม การถ่ายค่อนข้างยากต้องเสยกล้องสุดๆ ดีที่เราเอากล้อง Gopro มาด้วยเลยทำให้ง่ายเก็บภาพได้หมด ชอบสุดๆ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้