สวัสดีครับผม วันนี้ขอพักเรื่องติวภาษาอังกฤษมาเขียนอะไรตามใจฉันบ้างนะครับ 555+
กระทู้นี้อาจจะยาวและมีหลายตอนหน่อย ซึ่งผมจะพาทุกคนไปท่องเที่ยวยังประเทศที่ได้ชื่อว่าสุดแสนจะโรแมนติคสุด ๆ นั่นก็คือ....
ฝรั่งเศส
SETE – illuminations Pierre Bideau
(สำหรับเรื่องลิขสิทธิ์ของภาพหอไอเฟลในยามกลางคืน ตามกฏของ SETE France นั้นเท่ากับละเมิดลิขสิทธิ์หากนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ และจะเท่ากับละเมิดลิขสิทธิ์ในการใช้ส่วนบุคคลหากไม่อ้างอิงถึง SETE – illuminations Pierre Bideau ในกรณีของผมนี้เป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ส่วนบุคคลเพื่อการศึกษา โดยมีความตั้งใจอย่างยิ่งที่จะไม่นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์หรือหาผลประโยชน์แต่อย่างใดครับ)
โดยทริปนี้จะเป็นการรีวิวตั้งแต่การขอวีซ่าคร่าว ๆ การเดินทางทั้งไปกลับ และในปารีส รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่ต่าง ๆ
โดยเฉพาะคนที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์และงานศิลปะ รับรองได้เลยว่างานนี้เต็มอิ่มแน่นอนครับ
พร้อมแล้วหรือยังเอ่ยยยยยย ???
3
2
1
ไปกันเลยคร้าบบบบบ !!!
----------------------------------------------
เกร็ดเล็กน้อย1: ชื่อกรุงปารีส
ที่ได้ชื่อนี้เพราะว่าในสมัยยุคเหล็ก (3000 ปี ก่อนคริสตกาล) มีชาวเคลต์เผ่าหนึ่ง ชื่อว่า Parisii อาศัยอยู่ในบริเวณนี้นั่นเองครับ
โดยพวกเขาอยู่อาศัยมาจนกระทั่งถึงยุคอาณาจักรโรมัน ทั้งนี้ทั้งนั้น คำว่า Paris ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเจ้าชายปารีสแห่งกรุงทรอยแต่อย่างใดนะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้รูปเหรียญที่หล่อขึ้นโดยพวก Parisii
กรุงปารีส ยังได้ชื่อว่าเป็น The City of Light (La Ville Lumière) เพราะว่าเป็นทั้งเมืองที่มีบทบาทสำคัญในยุคแห่งการรู้แจ้ง (Age of Englightenment-ใช้เรียกรวม ๆ ถึงยุโรปในช่วงคริสตศตวรรษที่ 17-18 หลังการมาถึงของยุคแห่งการฟื้นฟูศิลปวิทยาการ หรือเรียกกันติดปากว่ายุคเรอเนอสซองค์ ที่นำเอาความรู้สมัยคลาสสิก (Classical Era - กรีก โรมัน) นำมาใช้อีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ยุโรปตกอยู่ภายใต้อำนาจของศาสนจักรโรมันคาธอลิกมาเป็นเวลานาน ทีนี้พอความรู้สมัยเรอเนอซองค์มาถึงจุดสูงสุด จึงทำให้เป็นสาเหตุหนึ่งให้เกิดยุคแห่งการรู้แจ้งขึ้น ในยุคนี้มีนักคิดทางด้านปรัชญาและการปกครองเกิดขึ้นมากมาย
ภาพวิวจากบนประตูชัย (Arc de Triomphe)
ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งนั่นก็เพราะ นครแห่งนี้ เป็นเมืองแรก ๆ ในยุโรปที่มีการนำไฟฟ้ามาใช้นั่นเองครับ
--------------------------------------------------
เริ่มทริปได้
มาเริ่มกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิเลยครับ หลังจากเราทำการผ่านต.ม. ก็ได้เวลาบอร์ดดิ้งแล้วววว
ซึ่งในการเดินทางทริปนี้ เราเลือกบินกับสายการบิน Etihad สายการบินแห่งชาติของสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์
Inflight Entertainment อาจจะเก่านิดหน่อย แต่ที่นั่งกว้างขวางดีครับ ที่สำคัญ บริการระดับ 5 ดาวจริง ๆ
อาหารก็ประมาณนี้สำหรับ Economy Class อร่อยอยู่สำหรับคนหิวครับ 555+
ออกจากกรุงเทพตี1กว่า ๆ มาถึงอาบูดาบี เพื่อ Via เครื่องไปปารีส ก็ราว ๆ ตีห้าของอาบูดาบีครับ รอจนเครื่องออกตอนนี้ก็ 8.55 น. ไปต่อไม่รอแล้วนะ
รูปปั้นอูฐ สวยงามมาก
พอเปลี่ยนเครื่อง ก็ดูใหม่ขึ้นมาเยอะเลยครับ แต่การบริการก็ประทับใจเหมือนเดิม
สาว ๆ แอร์โฮสเตจเสิร์ฟน้ำอย่างดี
และระหว่างที่กำลังบินอยู่ เราก็ได้ผ่านอะไรบางอย่าง
มันคือเทือกเขาแอลป์นั่นเองครับ
เทือกเขาเเอลป์
เป็นพรมแดนธรรมชาติมาตั้งแต่สมัยโบราณ
สมัยอาณาจักรโรมเรืองอำนาจในยุคสาธารณรัฐ (Roman Republic)
ฮันนิบาล บาร์คา (Hannibal) กษัตริย์กรุงคาร์เทจ (ปัจจุบันอยู่ในตูนิเซีย) ไม่สามารถโจมตีกรุงโรมทางเรือได้ เพราะโรมแข็งแกร่งกว่า จึงต้องเดินทางข้ามเทือกเขาแอลป์ เพื่อจู่โจมไม่ให้ทันรู้ตัว สงครามนี้เรียกว่าสงครามพิวนิกครั้งที่ 2 (Punic War) อันเป็นที่เลื่องลือ
เพราะการฝ่าทัพของคาร์เทจ ต้องเผชิญกับความหนาวเหน็บและความสูงของเขาลูกนี้
ได้มาเห็นกับตา นับว่าสวยงามมากทีเดียวครับ ทริปหน้าต้องไปเยือนให้ได้
และแล้วเราก็มาถึงปารีสแล้ววววว
และที่แรกที่จะพาทุกท่านไปเที่ยวชมคือ Trocadero จุดชมวิวชื่อดังของหอไอเฟลนั่นเองครับ
พูดถึงปารีส หรือฝรั่งเศส สิ่งที่จะขาดไม่ได้เลยคือ การไปชมวิวที่หอไอเฟลที่สุดแสนจะโรแมนติก สิ่งก่อสร้างโครงเหล็กขนาดใหญ่นี้ สร้างโดยกุสตาฟ ไอเฟล โดยสร้างขึ้นเพื่อเป็นทางเข้าในงาน World Fair ครั้งแรกเมื่อปี 1889
เมื่อสร้างเสร็จมันได้กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสถาปนิกและศิลปินมากมาย แต่ทุกวันนี้ หอไอเฟล ถือเป็นอนุสรณ์ที่สำคัญที่สุดของฝรั่งเศส และถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญของโลกด้วย
การจะชมวิวหอไอเฟล นักท่องเที่ยวอาจจะชมได้หลายทาง แต่ที่นิยมกันมากที่สุดมีสองทาง คือทาง Champ de Mars
กับ Trocadéro ซึ่งในทริปนี้ เราเลือกที่ชมทาง Trocadéro เพราะเดินทางสะดวกกว่า
ในมุมนี้ เราจะได้เห็นหอไอเฟลในระยะไกล บนลานกว้างทอดยาวลงไป นักท่องเที่ยวมักจะยืนในมุมตรงกลางที่เห็นหอไอเฟลพอดี และหนึ่งในนักท่องเที่ยวที่เคยถ่ายรูปจากมุมนี้ คืออดอล์ฟ ฮิตเลอร์จอมเผด็จการ ในปี 1940
นับแต่ปฏิวัติปี 1789 ฝรั่งเศสต้องเผชิญกับความยากลำบากของการเปลี่ยนแปลงครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นฟูระบอบกษัตริย์ เปลี่ยนเป็นระบอบสาธารณรัฐ เปลี่ยนเป็นระบอบจักรวรรดิ
แม้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ถูกนาซียึดครอง แต่ทุกวันนี้กลับกลายเป็นประเทศหนึ่งที่แข็งแกร่ง และยืนได้ด้วยตัวเองอย่างสง่างาม
ประหนึ่งความแข็งแกร่งของหอไอเฟลที่จะยังคงยืนหยัดตลอดกาล
ตอนที่ 2 การเดินทางและ Arc de Triomphe
https://ppantip.com/topic/38298426/comment14
ตอนที่ 3 ถนน ฌ็องเอลิเซ่
https://ppantip.com/topic/38298426/comment17
ตอนที่ 4 พระราชวังแวร์ซายส์
https://ppantip.com/topic/38298426/comment18
[CR] พาเที่ยวฝรั่งเศสฉบับเด็กประวัติศาสตร์ ดื่มด่ำอารยธรรมเมืองโรแมนติคแห่งยุโรป ตอนที่ 1 ตะลุยปารีส
กระทู้นี้อาจจะยาวและมีหลายตอนหน่อย ซึ่งผมจะพาทุกคนไปท่องเที่ยวยังประเทศที่ได้ชื่อว่าสุดแสนจะโรแมนติคสุด ๆ นั่นก็คือ....
SETE – illuminations Pierre Bideau
(สำหรับเรื่องลิขสิทธิ์ของภาพหอไอเฟลในยามกลางคืน ตามกฏของ SETE France นั้นเท่ากับละเมิดลิขสิทธิ์หากนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ และจะเท่ากับละเมิดลิขสิทธิ์ในการใช้ส่วนบุคคลหากไม่อ้างอิงถึง SETE – illuminations Pierre Bideau ในกรณีของผมนี้เป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ส่วนบุคคลเพื่อการศึกษา โดยมีความตั้งใจอย่างยิ่งที่จะไม่นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์หรือหาผลประโยชน์แต่อย่างใดครับ)
โดยทริปนี้จะเป็นการรีวิวตั้งแต่การขอวีซ่าคร่าว ๆ การเดินทางทั้งไปกลับ และในปารีส รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่ต่าง ๆ
โดยเฉพาะคนที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์และงานศิลปะ รับรองได้เลยว่างานนี้เต็มอิ่มแน่นอนครับ
พร้อมแล้วหรือยังเอ่ยยยยยย ???
3
2
1
ไปกันเลยคร้าบบบบบ !!!
----------------------------------------------
เกร็ดเล็กน้อย1: ชื่อกรุงปารีส
ที่ได้ชื่อนี้เพราะว่าในสมัยยุคเหล็ก (3000 ปี ก่อนคริสตกาล) มีชาวเคลต์เผ่าหนึ่ง ชื่อว่า Parisii อาศัยอยู่ในบริเวณนี้นั่นเองครับ
โดยพวกเขาอยู่อาศัยมาจนกระทั่งถึงยุคอาณาจักรโรมัน ทั้งนี้ทั้งนั้น คำว่า Paris ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเจ้าชายปารีสแห่งกรุงทรอยแต่อย่างใดนะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
กรุงปารีส ยังได้ชื่อว่าเป็น The City of Light (La Ville Lumière) เพราะว่าเป็นทั้งเมืองที่มีบทบาทสำคัญในยุคแห่งการรู้แจ้ง (Age of Englightenment-ใช้เรียกรวม ๆ ถึงยุโรปในช่วงคริสตศตวรรษที่ 17-18 หลังการมาถึงของยุคแห่งการฟื้นฟูศิลปวิทยาการ หรือเรียกกันติดปากว่ายุคเรอเนอสซองค์ ที่นำเอาความรู้สมัยคลาสสิก (Classical Era - กรีก โรมัน) นำมาใช้อีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ยุโรปตกอยู่ภายใต้อำนาจของศาสนจักรโรมันคาธอลิกมาเป็นเวลานาน ทีนี้พอความรู้สมัยเรอเนอซองค์มาถึงจุดสูงสุด จึงทำให้เป็นสาเหตุหนึ่งให้เกิดยุคแห่งการรู้แจ้งขึ้น ในยุคนี้มีนักคิดทางด้านปรัชญาและการปกครองเกิดขึ้นมากมาย
ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งนั่นก็เพราะ นครแห่งนี้ เป็นเมืองแรก ๆ ในยุโรปที่มีการนำไฟฟ้ามาใช้นั่นเองครับ
--------------------------------------------------
มาเริ่มกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิเลยครับ หลังจากเราทำการผ่านต.ม. ก็ได้เวลาบอร์ดดิ้งแล้วววว
ซึ่งในการเดินทางทริปนี้ เราเลือกบินกับสายการบิน Etihad สายการบินแห่งชาติของสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์
อาหารก็ประมาณนี้สำหรับ Economy Class อร่อยอยู่สำหรับคนหิวครับ 555+
ออกจากกรุงเทพตี1กว่า ๆ มาถึงอาบูดาบี เพื่อ Via เครื่องไปปารีส ก็ราว ๆ ตีห้าของอาบูดาบีครับ รอจนเครื่องออกตอนนี้ก็ 8.55 น. ไปต่อไม่รอแล้วนะ
รูปปั้นอูฐ สวยงามมาก
พอเปลี่ยนเครื่อง ก็ดูใหม่ขึ้นมาเยอะเลยครับ แต่การบริการก็ประทับใจเหมือนเดิม
สาว ๆ แอร์โฮสเตจเสิร์ฟน้ำอย่างดี
และระหว่างที่กำลังบินอยู่ เราก็ได้ผ่านอะไรบางอย่าง
มันคือเทือกเขาแอลป์นั่นเองครับ
เทือกเขาเเอลป์
เป็นพรมแดนธรรมชาติมาตั้งแต่สมัยโบราณ
สมัยอาณาจักรโรมเรืองอำนาจในยุคสาธารณรัฐ (Roman Republic)
ฮันนิบาล บาร์คา (Hannibal) กษัตริย์กรุงคาร์เทจ (ปัจจุบันอยู่ในตูนิเซีย) ไม่สามารถโจมตีกรุงโรมทางเรือได้ เพราะโรมแข็งแกร่งกว่า จึงต้องเดินทางข้ามเทือกเขาแอลป์ เพื่อจู่โจมไม่ให้ทันรู้ตัว สงครามนี้เรียกว่าสงครามพิวนิกครั้งที่ 2 (Punic War) อันเป็นที่เลื่องลือ
เพราะการฝ่าทัพของคาร์เทจ ต้องเผชิญกับความหนาวเหน็บและความสูงของเขาลูกนี้
ได้มาเห็นกับตา นับว่าสวยงามมากทีเดียวครับ ทริปหน้าต้องไปเยือนให้ได้
พูดถึงปารีส หรือฝรั่งเศส สิ่งที่จะขาดไม่ได้เลยคือ การไปชมวิวที่หอไอเฟลที่สุดแสนจะโรแมนติก สิ่งก่อสร้างโครงเหล็กขนาดใหญ่นี้ สร้างโดยกุสตาฟ ไอเฟล โดยสร้างขึ้นเพื่อเป็นทางเข้าในงาน World Fair ครั้งแรกเมื่อปี 1889
เมื่อสร้างเสร็จมันได้กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสถาปนิกและศิลปินมากมาย แต่ทุกวันนี้ หอไอเฟล ถือเป็นอนุสรณ์ที่สำคัญที่สุดของฝรั่งเศส และถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญของโลกด้วย
การจะชมวิวหอไอเฟล นักท่องเที่ยวอาจจะชมได้หลายทาง แต่ที่นิยมกันมากที่สุดมีสองทาง คือทาง Champ de Mars
กับ Trocadéro ซึ่งในทริปนี้ เราเลือกที่ชมทาง Trocadéro เพราะเดินทางสะดวกกว่า
ในมุมนี้ เราจะได้เห็นหอไอเฟลในระยะไกล บนลานกว้างทอดยาวลงไป นักท่องเที่ยวมักจะยืนในมุมตรงกลางที่เห็นหอไอเฟลพอดี และหนึ่งในนักท่องเที่ยวที่เคยถ่ายรูปจากมุมนี้ คืออดอล์ฟ ฮิตเลอร์จอมเผด็จการ ในปี 1940
นับแต่ปฏิวัติปี 1789 ฝรั่งเศสต้องเผชิญกับความยากลำบากของการเปลี่ยนแปลงครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นฟูระบอบกษัตริย์ เปลี่ยนเป็นระบอบสาธารณรัฐ เปลี่ยนเป็นระบอบจักรวรรดิ
แม้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ถูกนาซียึดครอง แต่ทุกวันนี้กลับกลายเป็นประเทศหนึ่งที่แข็งแกร่ง และยืนได้ด้วยตัวเองอย่างสง่างาม
ประหนึ่งความแข็งแกร่งของหอไอเฟลที่จะยังคงยืนหยัดตลอดกาล
ตอนที่ 2 การเดินทางและ Arc de Triomphe
https://ppantip.com/topic/38298426/comment14
ตอนที่ 3 ถนน ฌ็องเอลิเซ่
https://ppantip.com/topic/38298426/comment17
ตอนที่ 4 พระราชวังแวร์ซายส์
https://ppantip.com/topic/38298426/comment18
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้