เรื่องสั้นเรื่องที่ 2 มาในแนว HORROR ระทึกขวัญ!
หญิงสาวคนหนึ่งกำลังเดินตามหญิงผู้เป็นทาสรับใช้ของเจ้านาย สู่ปราสาทโบราณลึกลับในยามกลางดึก หญิงผู้เป็นทาสรับใช้เจ้าของปราสาทนั้นบอกกับเธอว่า เจ้านาย ต้องการพบ...คืนนี้!
เธอจะพบกับอะไร ? และเรื่องจะจบอย่างไร ???
ติดตามอ่าน และให้เกรดแก่นักเขียนทั้งสอง ได้เลยครับ.......
ยามดึกสงัด จันทร์เพ็ญดวงโตลอยเด่นสกาวอยู่บนท้องฟ้าอันมืดมิด หากแสงสีเงินยวงนวลตานั้นโลมไล้ไปทั่วอาณาบริเวณผืนป่ารกชัฏและพื้นที่รกร้างว่างเปล่าเบื้องล่าง ช่วยขับไล่ความมืดให้สามารถมองเห็นได้อย่างสลัวราง แมลงราตรีส่งเสียงร้องเพลงระงมราวกำลังปลอบขวัญค่ำคืนที่อ้างว้างหงอยเหงา เงาดำจากแมกไม้มองดูคล้ายปีศาจร้ายกระหายเลือดที่กำลังซุ่มรอคอยเหยื่อที่อาจเดินหลงเข้ามาใกล้ สถานที่อันทุรกันดารและน่ากลัวแห่งนี้ เป็นป่าโบราณใกล้ชายแดนอันห่างไกลความเจริญที่น้อยคนนักจะได้มาเยือน
ถัดไปจากหมู่แมกไม้ สิ่งหนึ่งตั้งเด่นตระหง่านท้าทายความมืดมิด มันเหมือนปราสาท ไม่ใช่สิ มันคือปราสาทอย่างแน่นอน ปราสาทโบราณที่ทำด้วยหินแกรนิตสีดำสนิท ใหญ่โตมโหฬารจนไม่น่าเชื่อว่าจะมาพบเห็นในสถานที่ทุรกันดารและห่างไกลเช่นนี้ได้ ยิ่งยามเมื่อจันทร์เพ็ญสาดแสงต้องตัวปราสาทอย่างในคืนนี้ กลับยิ่งทำให้มันเปี่ยมไปด้วยความลึกลับและมนตร์ขลังประหลาดอันชวนขนหัวลุกราวกับกำลังมองดูปราสาทของผีดูดเลือดก็ไม่ปาน
แสงเงินยวงที่อาบไล้เผยให้เห็นเงาร่างสองร่างกำลังก้าวเดินตามกันไปตามทางเดินจากด้านข้างปราสาทสู่บริเวณชายป่าด้านหลังตัวปราสาท
“เราจะไปที่ไหนกันหรือคะ?” ร่างที่เดินตามหลังถามอย่างมีแววหวาดหวั่น
หากร่างที่เดินนำหน้านั้นมิได้ตอบในทันที เพียงคลี่รอยยิ้มอันมีเลศนัยแปลกประหลาดนิดหนึ่ง ก่อนตอบออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ไปหานายท่านไงคะ ท่านให้ดิฉันเรียกคุณมาพบ”
“กลางดึกอย่างนี้เลยหรือคะ ดิฉันเกรงว่ามันจะไม่เหมาะ”
อีกครั้งที่รอยยิ้มประหลาดนั้นคลี่ออกจากริมฝีปากบางของผู้เดินนำหน้า
“เหมาะสิคะ เวลานี้เหมาะมากที่สุด” น้ำเสียงนั้นเจือด้วยแววบางอย่างที่ผู้ฟังรู้สึกเย็นยะเยือกไปถึงขั้วหัวใจ
“อ้อ...แล้วทำไมต้องตามไปพบที่ป่าด้านหลังปราสาทด้วยล่ะคะ?”
“พอดีนายท่านกำลังเตรียมการทำอะไรบางอย่างที่สำคัญมากอยู่น่ะสิคะ และมันจำเป็นที่จะต้องมีคุณอยู่ด้วยอย่างยิ่ง คุณไม่ต้องกลัวไปหรอก อีกประเดี๋ยวก็จะได้เห็นแล้วว่านายท่านจะทำอะไร”
ในประโยคสุดท้ายนั้นสีหน้าของผู้พูดมีแววปรีดาปราโมทย์ สมเพชเวทนา และเสียใจระคนเคล้ากัน หากแต่ผู้ที่เดิมตามหลังมิได้สังเกตเห็นมันเลยแม้แต่น้อย
“อะ...เอ่อ...ระ...เหรอ...คะ” เหมือนอับจนในคำพูด แม้จะมีลางสังหรณ์ผุดพรายขึ้นในความรู้สึก แต่ร่างผู้ที่เดินตามเบื้อหลังก็ยังคงสาวเท้าก้าวตามไปอย่างไม่หยุดหย่อน เพราะคิดว่านายท่านคงต้องการพบเธอด้วยเหตุจำเป็นเร่งด่วนบางอย่างแน่นอน อีกทั้งเมื่อมีเพื่อนเดินมาด้วยเช่นนี้ หากเกิดอันตรายขึ้นก็คงพอร้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ๆ ภายในปราสาทได้
“คุณเชื่อในตำนานปรัมปรารึเปล่าคะ?” เป็นครั้งแรกที่ร่างผู้เดินนำหน้าเอ่ยถามขึ้นก่อน
“ตำนานก็เป็นตำนานนั่นแหละค่ะ มันก็เหมือนนิทานที่เกิดจากจินตนาการเท่านั้น”
“คุณคิดอย่างนั้นหรือคะ? แต่ดิฉันเชื่อว่าตำนานปรัมปราบางเรื่องก็มีจริง”
ด้วยความฉงนสนเท่ห์ในคำพูดเหล่านั้น ร่างที่เดินตามหลังจึงได้แต่ปิดปากเงียบและตั้งหน้าตั้งตาเดินตามเพียงอย่างเดียว จวบกระทั่งร่างทั้งสองเดินเลี้ยวตรงหัวมุมตึกที่ทอดไปสู่บริเวณชายป่าด้านหลังปราสาทและถูกเงามืด ณ ที่แห่งนั้นกลืนกินไปจนหมดสิ้น ไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้สักนิดเลยว่าเมื่อไม่กี่นาทีก่อนได้มีสิ่งมีชีวิตเดินผ่านเส้นทางแห่งนี้
จันทร์เพ็ญยังคงลอยเด่นอยู่กลางผืนฟ้าสาดแสงสีเงินยวงลงมามิสิ้นสุด สายลมดึกพัดผ่านยอดไม้จนสั่นไหวโยกคลอนไปตาม ๆ กัน ไม่มีสิ่งอื่นเลยนอกจากความหนาวและน่าหวาดหวั่น เสียงแมลงราตรีก็ยังคงร้องเพลงกล่อมไพรอย่างมิหวั่นเกรง
หากแต่คราวนี้ เสียงอะไรบางอย่างได้ลอยแทรกมากับสายลมอันหนาวเย็นนั้น เสียงที่ทำให้ใครก็ตามที่ได้ยินต้องหยุดนิ่งราวกับเลือดในกายกลายเป็นน้ำแข็งไปในทันทีทันใด
เพราะมันคือเสียงกรีดร้องอันโหยหวนและทรมานอย่างสุดแสนของสตรี และมันดังมาจากที่นั่น...ที่ด้านหลังปราสาทหินหลังใหญ่หลังนั้น
จบ PART-1 โดย "ถุงมือปีศาจ"
🔪☠️🌇THE GLOVES FINAL 2018 : SEMI-FINAL รอบรอง ฯ กลุ่ม D : เรื่องสั้น คู่ที่ 5 เรื่อง "หวีด"🌇☠️🔪
เรื่องสั้นเรื่องที่ 2 มาในแนว HORROR ระทึกขวัญ!
หญิงสาวคนหนึ่งกำลังเดินตามหญิงผู้เป็นทาสรับใช้ของเจ้านาย สู่ปราสาทโบราณลึกลับในยามกลางดึก หญิงผู้เป็นทาสรับใช้เจ้าของปราสาทนั้นบอกกับเธอว่า เจ้านาย ต้องการพบ...คืนนี้!
เธอจะพบกับอะไร ? และเรื่องจะจบอย่างไร ???
ติดตามอ่าน และให้เกรดแก่นักเขียนทั้งสอง ได้เลยครับ.......
ยามดึกสงัด จันทร์เพ็ญดวงโตลอยเด่นสกาวอยู่บนท้องฟ้าอันมืดมิด หากแสงสีเงินยวงนวลตานั้นโลมไล้ไปทั่วอาณาบริเวณผืนป่ารกชัฏและพื้นที่รกร้างว่างเปล่าเบื้องล่าง ช่วยขับไล่ความมืดให้สามารถมองเห็นได้อย่างสลัวราง แมลงราตรีส่งเสียงร้องเพลงระงมราวกำลังปลอบขวัญค่ำคืนที่อ้างว้างหงอยเหงา เงาดำจากแมกไม้มองดูคล้ายปีศาจร้ายกระหายเลือดที่กำลังซุ่มรอคอยเหยื่อที่อาจเดินหลงเข้ามาใกล้ สถานที่อันทุรกันดารและน่ากลัวแห่งนี้ เป็นป่าโบราณใกล้ชายแดนอันห่างไกลความเจริญที่น้อยคนนักจะได้มาเยือน
ถัดไปจากหมู่แมกไม้ สิ่งหนึ่งตั้งเด่นตระหง่านท้าทายความมืดมิด มันเหมือนปราสาท ไม่ใช่สิ มันคือปราสาทอย่างแน่นอน ปราสาทโบราณที่ทำด้วยหินแกรนิตสีดำสนิท ใหญ่โตมโหฬารจนไม่น่าเชื่อว่าจะมาพบเห็นในสถานที่ทุรกันดารและห่างไกลเช่นนี้ได้ ยิ่งยามเมื่อจันทร์เพ็ญสาดแสงต้องตัวปราสาทอย่างในคืนนี้ กลับยิ่งทำให้มันเปี่ยมไปด้วยความลึกลับและมนตร์ขลังประหลาดอันชวนขนหัวลุกราวกับกำลังมองดูปราสาทของผีดูดเลือดก็ไม่ปาน
แสงเงินยวงที่อาบไล้เผยให้เห็นเงาร่างสองร่างกำลังก้าวเดินตามกันไปตามทางเดินจากด้านข้างปราสาทสู่บริเวณชายป่าด้านหลังตัวปราสาท
“เราจะไปที่ไหนกันหรือคะ?” ร่างที่เดินตามหลังถามอย่างมีแววหวาดหวั่น
หากร่างที่เดินนำหน้านั้นมิได้ตอบในทันที เพียงคลี่รอยยิ้มอันมีเลศนัยแปลกประหลาดนิดหนึ่ง ก่อนตอบออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ไปหานายท่านไงคะ ท่านให้ดิฉันเรียกคุณมาพบ”
“กลางดึกอย่างนี้เลยหรือคะ ดิฉันเกรงว่ามันจะไม่เหมาะ”
อีกครั้งที่รอยยิ้มประหลาดนั้นคลี่ออกจากริมฝีปากบางของผู้เดินนำหน้า
“เหมาะสิคะ เวลานี้เหมาะมากที่สุด” น้ำเสียงนั้นเจือด้วยแววบางอย่างที่ผู้ฟังรู้สึกเย็นยะเยือกไปถึงขั้วหัวใจ
“อ้อ...แล้วทำไมต้องตามไปพบที่ป่าด้านหลังปราสาทด้วยล่ะคะ?”
“พอดีนายท่านกำลังเตรียมการทำอะไรบางอย่างที่สำคัญมากอยู่น่ะสิคะ และมันจำเป็นที่จะต้องมีคุณอยู่ด้วยอย่างยิ่ง คุณไม่ต้องกลัวไปหรอก อีกประเดี๋ยวก็จะได้เห็นแล้วว่านายท่านจะทำอะไร”
ในประโยคสุดท้ายนั้นสีหน้าของผู้พูดมีแววปรีดาปราโมทย์ สมเพชเวทนา และเสียใจระคนเคล้ากัน หากแต่ผู้ที่เดิมตามหลังมิได้สังเกตเห็นมันเลยแม้แต่น้อย
“อะ...เอ่อ...ระ...เหรอ...คะ” เหมือนอับจนในคำพูด แม้จะมีลางสังหรณ์ผุดพรายขึ้นในความรู้สึก แต่ร่างผู้ที่เดินตามเบื้อหลังก็ยังคงสาวเท้าก้าวตามไปอย่างไม่หยุดหย่อน เพราะคิดว่านายท่านคงต้องการพบเธอด้วยเหตุจำเป็นเร่งด่วนบางอย่างแน่นอน อีกทั้งเมื่อมีเพื่อนเดินมาด้วยเช่นนี้ หากเกิดอันตรายขึ้นก็คงพอร้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ๆ ภายในปราสาทได้
“คุณเชื่อในตำนานปรัมปรารึเปล่าคะ?” เป็นครั้งแรกที่ร่างผู้เดินนำหน้าเอ่ยถามขึ้นก่อน
“ตำนานก็เป็นตำนานนั่นแหละค่ะ มันก็เหมือนนิทานที่เกิดจากจินตนาการเท่านั้น”
“คุณคิดอย่างนั้นหรือคะ? แต่ดิฉันเชื่อว่าตำนานปรัมปราบางเรื่องก็มีจริง”
ด้วยความฉงนสนเท่ห์ในคำพูดเหล่านั้น ร่างที่เดินตามหลังจึงได้แต่ปิดปากเงียบและตั้งหน้าตั้งตาเดินตามเพียงอย่างเดียว จวบกระทั่งร่างทั้งสองเดินเลี้ยวตรงหัวมุมตึกที่ทอดไปสู่บริเวณชายป่าด้านหลังปราสาทและถูกเงามืด ณ ที่แห่งนั้นกลืนกินไปจนหมดสิ้น ไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้สักนิดเลยว่าเมื่อไม่กี่นาทีก่อนได้มีสิ่งมีชีวิตเดินผ่านเส้นทางแห่งนี้
จันทร์เพ็ญยังคงลอยเด่นอยู่กลางผืนฟ้าสาดแสงสีเงินยวงลงมามิสิ้นสุด สายลมดึกพัดผ่านยอดไม้จนสั่นไหวโยกคลอนไปตาม ๆ กัน ไม่มีสิ่งอื่นเลยนอกจากความหนาวและน่าหวาดหวั่น เสียงแมลงราตรีก็ยังคงร้องเพลงกล่อมไพรอย่างมิหวั่นเกรง
หากแต่คราวนี้ เสียงอะไรบางอย่างได้ลอยแทรกมากับสายลมอันหนาวเย็นนั้น เสียงที่ทำให้ใครก็ตามที่ได้ยินต้องหยุดนิ่งราวกับเลือดในกายกลายเป็นน้ำแข็งไปในทันทีทันใด
เพราะมันคือเสียงกรีดร้องอันโหยหวนและทรมานอย่างสุดแสนของสตรี และมันดังมาจากที่นั่น...ที่ด้านหลังปราสาทหินหลังใหญ่หลังนั้น
จบ PART-1 โดย "ถุงมือปีศาจ"