🔪☠️🌇THE GLOVES FINAL 2018 : SEMI-FINAL รอบรอง ฯ กลุ่ม D : เรื่องสั้น คู่ที่ 5 เรื่อง "หวีด"🌇☠️🔪

กระทู้คำถาม


เรื่องสั้นเรื่องที่ 2 มาในแนว HORROR ระทึกขวัญ!

หญิงสาวคนหนึ่งกำลังเดินตามหญิงผู้เป็นทาสรับใช้ของเจ้านาย สู่ปราสาทโบราณลึกลับในยามกลางดึก หญิงผู้เป็นทาสรับใช้เจ้าของปราสาทนั้นบอกกับเธอว่า เจ้านาย ต้องการพบ...คืนนี้!

เธอจะพบกับอะไร ? และเรื่องจะจบอย่างไร ???

ติดตามอ่าน และให้เกรดแก่นักเขียนทั้งสอง ได้เลยครับ.......อมยิ้ม04หัวใจดอกไม้






ยามดึกสงัด  จันทร์เพ็ญดวงโตลอยเด่นสกาวอยู่บนท้องฟ้าอันมืดมิด หากแสงสีเงินยวงนวลตานั้นโลมไล้ไปทั่วอาณาบริเวณผืนป่ารกชัฏและพื้นที่รกร้างว่างเปล่าเบื้องล่าง  ช่วยขับไล่ความมืดให้สามารถมองเห็นได้อย่างสลัวราง  แมลงราตรีส่งเสียงร้องเพลงระงมราวกำลังปลอบขวัญค่ำคืนที่อ้างว้างหงอยเหงา  เงาดำจากแมกไม้มองดูคล้ายปีศาจร้ายกระหายเลือดที่กำลังซุ่มรอคอยเหยื่อที่อาจเดินหลงเข้ามาใกล้  สถานที่อันทุรกันดารและน่ากลัวแห่งนี้  เป็นป่าโบราณใกล้ชายแดนอันห่างไกลความเจริญที่น้อยคนนักจะได้มาเยือน

ถัดไปจากหมู่แมกไม้  สิ่งหนึ่งตั้งเด่นตระหง่านท้าทายความมืดมิด  มันเหมือนปราสาท  ไม่ใช่สิ  มันคือปราสาทอย่างแน่นอน  ปราสาทโบราณที่ทำด้วยหินแกรนิตสีดำสนิท  ใหญ่โตมโหฬารจนไม่น่าเชื่อว่าจะมาพบเห็นในสถานที่ทุรกันดารและห่างไกลเช่นนี้ได้  ยิ่งยามเมื่อจันทร์เพ็ญสาดแสงต้องตัวปราสาทอย่างในคืนนี้  กลับยิ่งทำให้มันเปี่ยมไปด้วยความลึกลับและมนตร์ขลังประหลาดอันชวนขนหัวลุกราวกับกำลังมองดูปราสาทของผีดูดเลือดก็ไม่ปาน

แสงเงินยวงที่อาบไล้เผยให้เห็นเงาร่างสองร่างกำลังก้าวเดินตามกันไปตามทางเดินจากด้านข้างปราสาทสู่บริเวณชายป่าด้านหลังตัวปราสาท

“เราจะไปที่ไหนกันหรือคะ?” ร่างที่เดินตามหลังถามอย่างมีแววหวาดหวั่น

หากร่างที่เดินนำหน้านั้นมิได้ตอบในทันที  เพียงคลี่รอยยิ้มอันมีเลศนัยแปลกประหลาดนิดหนึ่ง  ก่อนตอบออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“ไปหานายท่านไงคะ  ท่านให้ดิฉันเรียกคุณมาพบ”

“กลางดึกอย่างนี้เลยหรือคะ  ดิฉันเกรงว่ามันจะไม่เหมาะ”

อีกครั้งที่รอยยิ้มประหลาดนั้นคลี่ออกจากริมฝีปากบางของผู้เดินนำหน้า

“เหมาะสิคะ  เวลานี้เหมาะมากที่สุด” น้ำเสียงนั้นเจือด้วยแววบางอย่างที่ผู้ฟังรู้สึกเย็นยะเยือกไปถึงขั้วหัวใจ

“อ้อ...แล้วทำไมต้องตามไปพบที่ป่าด้านหลังปราสาทด้วยล่ะคะ?”

“พอดีนายท่านกำลังเตรียมการทำอะไรบางอย่างที่สำคัญมากอยู่น่ะสิคะ  และมันจำเป็นที่จะต้องมีคุณอยู่ด้วยอย่างยิ่ง  คุณไม่ต้องกลัวไปหรอก  อีกประเดี๋ยวก็จะได้เห็นแล้วว่านายท่านจะทำอะไร”

ในประโยคสุดท้ายนั้นสีหน้าของผู้พูดมีแววปรีดาปราโมทย์  สมเพชเวทนา  และเสียใจระคนเคล้ากัน  หากแต่ผู้ที่เดิมตามหลังมิได้สังเกตเห็นมันเลยแม้แต่น้อย

“อะ...เอ่อ...ระ...เหรอ...คะ” เหมือนอับจนในคำพูด  แม้จะมีลางสังหรณ์ผุดพรายขึ้นในความรู้สึก  แต่ร่างผู้ที่เดินตามเบื้อหลังก็ยังคงสาวเท้าก้าวตามไปอย่างไม่หยุดหย่อน  เพราะคิดว่านายท่านคงต้องการพบเธอด้วยเหตุจำเป็นเร่งด่วนบางอย่างแน่นอน  อีกทั้งเมื่อมีเพื่อนเดินมาด้วยเช่นนี้  หากเกิดอันตรายขึ้นก็คงพอร้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ๆ ภายในปราสาทได้

“คุณเชื่อในตำนานปรัมปรารึเปล่าคะ?” เป็นครั้งแรกที่ร่างผู้เดินนำหน้าเอ่ยถามขึ้นก่อน

“ตำนานก็เป็นตำนานนั่นแหละค่ะ  มันก็เหมือนนิทานที่เกิดจากจินตนาการเท่านั้น”

“คุณคิดอย่างนั้นหรือคะ?  แต่ดิฉันเชื่อว่าตำนานปรัมปราบางเรื่องก็มีจริง”

ด้วยความฉงนสนเท่ห์ในคำพูดเหล่านั้น  ร่างที่เดินตามหลังจึงได้แต่ปิดปากเงียบและตั้งหน้าตั้งตาเดินตามเพียงอย่างเดียว  จวบกระทั่งร่างทั้งสองเดินเลี้ยวตรงหัวมุมตึกที่ทอดไปสู่บริเวณชายป่าด้านหลังปราสาทและถูกเงามืด ณ ที่แห่งนั้นกลืนกินไปจนหมดสิ้น  ไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้สักนิดเลยว่าเมื่อไม่กี่นาทีก่อนได้มีสิ่งมีชีวิตเดินผ่านเส้นทางแห่งนี้

จันทร์เพ็ญยังคงลอยเด่นอยู่กลางผืนฟ้าสาดแสงสีเงินยวงลงมามิสิ้นสุด  สายลมดึกพัดผ่านยอดไม้จนสั่นไหวโยกคลอนไปตาม ๆ กัน  ไม่มีสิ่งอื่นเลยนอกจากความหนาวและน่าหวาดหวั่น  เสียงแมลงราตรีก็ยังคงร้องเพลงกล่อมไพรอย่างมิหวั่นเกรง  

หากแต่คราวนี้  เสียงอะไรบางอย่างได้ลอยแทรกมากับสายลมอันหนาวเย็นนั้น  เสียงที่ทำให้ใครก็ตามที่ได้ยินต้องหยุดนิ่งราวกับเลือดในกายกลายเป็นน้ำแข็งไปในทันทีทันใด  

เพราะมันคือเสียงกรีดร้องอันโหยหวนและทรมานอย่างสุดแสนของสตรี  และมันดังมาจากที่นั่น...ที่ด้านหลังปราสาทหินหลังใหญ่หลังนั้น

จบ PART-1 โดย "ถุงมือปีศาจ"
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่