สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 20
เราเคยอยู่ในสภาพแบบเดียวกับบ้านคุณมาก่อน เป็นอยู่หลายปี
ตอบได้คำเดียวสั้นๆ ว่า "อย่าไปสนใจคนอื่น ถามตัวเองว่า อยากจะดูแลไหม" ...แค่นั้นพอ
ถ้าคุณชัดเจนในตัวเอง ไม่โกหกตัวเอง แล้วคุณจะไม่ท้อ ไม่ลังเล
การได้ดูแลยาย เราไม่ได้หวังอะไรเลยว่าใครจะมาเจือจานยื่นมือมาช่วยอะไรยังไง
แม้ว่า ทั้งชีวิตของคุณนายแม่เรา ยายแทบไม่เคยดูแลอะไร เพราะต้องไปทำงานต่างจังหวัด
ส่วนคุณนายแม่เราก็ดิ้นรนหาทุนเรียนและอาศัยอยู่กับบ้านครูมาตลอด
ยายตอนแข็งแรง จะมาอยู่บ้านเราเฉพาะตอนที่แกนึกอยากมา และเมื่อเราป่วยเท่านั้น
แต่พอยายป่วย (ยังไม่ทันจะหนักเลย ก็ถูกอุ้มมาทิ้งไว้บ้านเรา)
สิ่งเดียวที่ยึดในใจคือ "ทำให้สุดเท่าที่ทำไหว" เพราะทุกครั้งที่เราป่วย ยายไม่เคยทิ้งเราเลย
แต่มีหลายสิ่งที่เราได้เรียนรู้ตลอดการดูแลยายจนจากไป
บทเรียนชีวิต กฎแห่งกรรม ได้รู้ซึ้งมากมาย
ที่สำคัญ เมื่อยายจากไป เราไม่เคยต้องมานั่งคร่ำครวญเสียใจว่า "รู้งี้..ไม่น่าเลย"
เพราะเราทำสุดทางแล้วทุกอย่าง แม้กระทั่งเดินไปทำงานเพื่อเก็บเงินไว้เป็นค่าดูแลยาย
(ค่าใช้จ่ายเดือนละหลายหมื่นอยู่)
ขณะที่ลูกหลานคนอื่นของยาย วันดีคืนร้าย ก็โทรมาร้องไห้กับคุณนายแม่เราว่า
"...นี่มันบาปกรรมใช่ไหม ฉันป่วยไม่มีลูกหลานคนไหนมันโผล่หน้ามาเลย ฉันเดินไม่ได้ แต่ต้องตะกายมาหาข้าวกินเอง..."
เอิ่มมมม เราก็ได้แต่นั่งนึกในใจว่า ...ก็ใช่ซิ วันที่คุณอุ้มยายโยนออกมาจากบ้าน ลูกหลานคุณก็อยู่ มันก็ต้องเห็นแหละว่า อ้าว! ทำแบบนี้ก็ได้นี่หว่า
ตอบได้คำเดียวสั้นๆ ว่า "อย่าไปสนใจคนอื่น ถามตัวเองว่า อยากจะดูแลไหม" ...แค่นั้นพอ
ถ้าคุณชัดเจนในตัวเอง ไม่โกหกตัวเอง แล้วคุณจะไม่ท้อ ไม่ลังเล
การได้ดูแลยาย เราไม่ได้หวังอะไรเลยว่าใครจะมาเจือจานยื่นมือมาช่วยอะไรยังไง
แม้ว่า ทั้งชีวิตของคุณนายแม่เรา ยายแทบไม่เคยดูแลอะไร เพราะต้องไปทำงานต่างจังหวัด
ส่วนคุณนายแม่เราก็ดิ้นรนหาทุนเรียนและอาศัยอยู่กับบ้านครูมาตลอด
ยายตอนแข็งแรง จะมาอยู่บ้านเราเฉพาะตอนที่แกนึกอยากมา และเมื่อเราป่วยเท่านั้น
แต่พอยายป่วย (ยังไม่ทันจะหนักเลย ก็ถูกอุ้มมาทิ้งไว้บ้านเรา)
สิ่งเดียวที่ยึดในใจคือ "ทำให้สุดเท่าที่ทำไหว" เพราะทุกครั้งที่เราป่วย ยายไม่เคยทิ้งเราเลย
แต่มีหลายสิ่งที่เราได้เรียนรู้ตลอดการดูแลยายจนจากไป
บทเรียนชีวิต กฎแห่งกรรม ได้รู้ซึ้งมากมาย
ที่สำคัญ เมื่อยายจากไป เราไม่เคยต้องมานั่งคร่ำครวญเสียใจว่า "รู้งี้..ไม่น่าเลย"
เพราะเราทำสุดทางแล้วทุกอย่าง แม้กระทั่งเดินไปทำงานเพื่อเก็บเงินไว้เป็นค่าดูแลยาย
(ค่าใช้จ่ายเดือนละหลายหมื่นอยู่)
ขณะที่ลูกหลานคนอื่นของยาย วันดีคืนร้าย ก็โทรมาร้องไห้กับคุณนายแม่เราว่า
"...นี่มันบาปกรรมใช่ไหม ฉันป่วยไม่มีลูกหลานคนไหนมันโผล่หน้ามาเลย ฉันเดินไม่ได้ แต่ต้องตะกายมาหาข้าวกินเอง..."
เอิ่มมมม เราก็ได้แต่นั่งนึกในใจว่า ...ก็ใช่ซิ วันที่คุณอุ้มยายโยนออกมาจากบ้าน ลูกหลานคุณก็อยู่ มันก็ต้องเห็นแหละว่า อ้าว! ทำแบบนี้ก็ได้นี่หว่า
แสดงความคิดเห็น
แม่คนเดียวเลี้ยงลูกหลายคนได้ แต่ลูกหลายคนเลี้ยงแม่คนเดียวไม่ได้ ...
ทุกกำลังใจและทุกคำแนะนำดีๆ นะคะ
.......................................................
ขอบคุณจากใจจริงๆ ค่ะ
การที่เราตั้งกระทู้แบบนี้
ทำให้รับรู้ได้เลยว่า เรื่องราวของ จขกท.
มีอีกหลายต่อหลายคนที่ประสบพบเจอ
เหตุการณ์คล้ายๆ กัน ถึงแม้จะต่างกรรมต่างวาระกัน แต่ก็ทำให้ จขกท. ได้ข้อคิดอะไรมากมาย
ที่สำคัญคือ มีกำลังใจมากขึ้น
ขอบคุณทุกคนนะคะ.
เราขออนุญาติลบข้อความเพื่อความสบายใจของทุกคนที่เกี่ยวข้องค่ะ
หว่านพืชเช่นไร... ย่อมได้ผลเช่นนั้น...
ขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ