สวัสดีค่ะทุกท่าน เราตั้งใจว่าหากวีซ่าผ่านแล้วจะมาแชร์ประสบการณ์ให้ทุกท่านได้อ่านเผื่อว่าจะเป็นประโยชน์... เราขอแนะนำตัวเองก่อนนะคะ เราอายุ 28 ปี ทำงานเป็นหัวหน้าฝ่ายการขายการตลาดของบริษัทสิงคโปร์ในประเทศไทยเป็นเวลาเกือบ 2 ปี แล้วค่ะ ก่อนหน้านี้เราทำงานที่ธนาคารแห่งหนึ่ง เริ่มเลยนะคะ! ตามหัวข้อกระทู้ "แชร์ประสบการณ์ขอวีซ่าอังกฤษ…'' ใช่ค่ะเราเคยขอมาแล้วรอบนึงเมื่อปี 2017 รอบแรกไม่ผ่านและรอบสองคือปีนี้ 2018 เราผ่านค่ะ เราขอคือ Visitor Visa ทั้งสองรอบ ซึ่งทางวีซ่าอังกฤษเขาจะรวมทั้งวีซ่าท่องเที่ยว เยี่ยมเยือน และอื่นๆ ไว้ใน Visitor Visa ลักษณะแบบฟอร์มการขอวีซ่าก็จะเหมือนกัน จะขอเริ่มเล่าการขอวีซ่ารอบแรกในปี 2017 ก่อนนะคะ เพราะจะได้ลำดับเป็นเหตุการณ์ไป
ขอวีซ่ารอบแรกปี 2017 ส่วนตัวแล้วเคยเดินทางไปต่างประเทศมาแล้วบ้าง ในโซนเอเชีย ทั้งไปเที่ยวและไปเรื่องงาน โดยจุดประสงค์ครั้งนั้นเราจะไปเที่ยวกับแฟนค่ะ แฟนของเราเป็นคนอังกฤษ เจอครั้งแรกเขามาหาที่ไทย พอครั้งที่สองที่จะเจอเราก็อยากไปบ้านเขาบ้าง ก็เลยต้องทำวีซ่า ในรอบแรกนี้เราบอกได้เลยค่ะว่าเราไม่รู้เรื่องวีซ่าเลย ลองเปิดข้อมูลในเว็บก็งงๆเลยไปปรึกษาเอเจนซี่หลายเอเจนซี่ เราต้องการเดินทางไปอังกฤษวันที่ 14 July 2017 (เป็นเวลา 1 สัปดาห์) และในตอนนั้นเรายังทำงานที่ธนาคาร (ที่กล่าวแนะนำตัวในข้างต้น) จนถึงเดือน April 2017 เราได้งานใหม่และเป็นช่วงที่เปลี่ยนงาน จากนั้นช่วงต้น May 2017 เราไปเจอเอเจนซี่นึง เราคุยกับเขาเรื่องที่เราจะขอวีซ่า และเขาก็ให้คำปรึกษาเราอย่างดี พร้อมเสนอค่าใช้จ่ายสำหรับทำวีซ่าแบบ VIP+ดูแลระดับVIP เราจ่ายไป 15,000 บาท ยังไม่รวมค่าวีซ่าประมาณ 3,500 บาท ในปีนั้น จากนั้นเอเจนซี่เป็นผู้ทำและรวบรวมเอกสารของเราทั้งหมด โดยเขาให้เราช่วยในเรื่องเอกสารส่วนตัวของเรา คือ รูปถ่ายของเรากับแฟน รูปถ่ายครอบครัวเรา สเตทเม้นย้อนหลัง 6 เดือน สลิปเงินเดือน หนังสือสัญญาการจ้างงาน สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาบัตรประชาชน สัญญาเช่าคอนโด เอกสารการเป็นเจ้าของทรัพย์สิน เอกสารอื่นๆของแฟนเรา คือ สำเนาพาสปอร์ตทุกหน้าที่ผ่านเข้าออกไทย หนังสือรับรองเงินเดือนและการทำงาน สเตทเม้น และจดหมายแนะนำตัวจากแฟนอธิบายว่ารู้จักกับเราได้อย่างไร+Booking Hotel ที่จ่ายเงินแล้วและถ้ายกเลิกจะไม่คืนเงิน เราส่งเอกสารให้เอเจนซี่ครบทุกอย่างที่เขาขอ เสร็จใน 2 วัน จากนั้นประมาณเกือบเดือน เอเจนซี่แจ้งกับเราว่าได้ทำการกรอก Application Form บน VFS เว็บไซต์และจองวันเวลาที่จะยื่นวีซ่าเรียบร้อยแล้ว เราคิดว่าเขาใช้เวลานานมากหลังจากได้เอกสารเราไป และเราสอบถามไปหลายครั้งว่าเอกสารครอบคลุมแล้วหรือ ต้องการอะไรเพิ่มเติมไหม เพราะเราเพิ่งเปลี่ยนงาน เรากลัวไม่ผ่าน แต่เอเจนซี่กับบอกกับเราว่า "โปรไฟล์พี่ดี เอกสารแค่นี้ก็พอ ผ่านอยู่แล้ว แค่วีซ่าท่องเที่ยว" เราจำได้แม่นว่าเขาจองวันยื่นเอกสารของเราในวันที่ 27 June 2017 เราก็ถามเขาว่าทำไมจองใกล้วันที่จะเดินทางจัง เพราะจะไป 14 July แล้วเพิ่งจะมายื่น จะทันหรือ (ช่วงก่อนรู้วันยื่นเราโทรตามเอเจนซี่หนักมากเพราะร้อนใจ และเขายังตัดสายใส่เราอีก จนเราต้องขอพบผจก.) วันนั้นเป็นวันแรกและวันเดียวที่เราได้เซ็นต์เอกสารของเราทั้งหมดก่อนเวลายื่นขอวีซ่า 1 ชม. และเราไม่ได้ตรวจเอกสารแม้แต่ Cover Letter และเอกสารสำคัญที่เขาแปล ไม่มีเวลาที่จะตรวจเลยทั้งก้ำกึ่งเชื่อกับไม่เชื่อในเอเจนซี่และตอนนั้นก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว สุดท้ายเราก็ทราบว่าไม่ผ่านวีซ่าเมื่อวันที่ 17 July 2017 และเราได้เอกสารทั้งหมดกลับคืนมาในวันนั้น เราได้เห็นเอกสารทุกอย่าง ทางเอเจนซี่ทำ Cover Letter ของเราเป็นภาษาไทยและเขียนข้อมูลผิด (เราเซ็งมาก รู้งี้เราเขียนเองเป็นภาษาอังกฤษให้ดีกว่า) และเขาแปลเอกสารสำคัญของเราผิดทุกฉบับ ทั้งสะกด คำที่ใช้ เอกสารการเป็นเจ้าของทรัพย์สินของเราไม่รู้เอาข้อมูลใครมาใส่ มั่วไปหมด เหมือนก็อปปี้แล้ววาง ในตอนนั้นเสียดายเงินมากกว่าเสียใจ จ่ายไปเกือบหลายหมื่นรวมค่าโรงแรมด้วย แถมยังได้เอกสารที่ไม่สามารถใช้งานต่อได้ เข้าใจเป็นอย่างดีว่าทำไมเราถึงไม่ผ่านวีซ่าและเห็นด้วยกับเจ้าหน้าที่สถานทูตทุกอย่าง เป็นเราก็ไม่ให้ผ่านเพราะเอกสารมันไม่ดีพอที่จะพิสูจน์ตัวเอง และเหตุผลของเจ้าหน้าที่สถานทูตคือ:
1. เขาไม่แน่ใจว่าเราจะได้รับการลาพักร้อนหลังจากได้งานใหม่
2. ข้อมูลของเราใน Application Form ไม่สอดคล้องกับ Cover Letter
3. เขาเชื่อว่าเงินในบัญชีของเราเพียงพอที่จะใช้จ่ายที่สหราชอาณาจักร แต่เงินในบัญชีของเรามันไม่สอดคล้องกับรายได้ และไม่สามารถอธิบายได้ว่าได้เงินพวกนั้นมาจากไหน
4. เขากลัวว่าเราจะไม่กลับประเทศไทย
ถึงตอนนั้นไม่คิดว่าจะยื่นใหม่และไม่คิดว่าจะสามารถอุทรได้ เพราะเอกสารมันแย่ จะยื่นใหม่ก็ไม่ทันเพราะลาไม่ได้แล้ว และขั้นตอนก็นานจนต้องได้ยกเลิกไฟลต์ไป ตปท. เพื่อจะไปประชุมกับลูกค้า ด้วยเพราะว่าพาสปอร์ตยังอยู่ในการขั้นตอนการพิจารณาในการให้วีซ่า เราจึงไม่อยากเสียงาน และนั่นก็เป็นประสบการณ์ที่แย่ และจะไม่จ้างเอเจนซี่อีก **ขอเตือนทุกท่านว่าถ้าจะจ้างเอเจนซี่ ให้ตรวจทานเอกสารของท่านให้ถี่ถ้วน เพราะเอเจนซี่ไม่ใช่ผู้ให้วีซ่าและไม่ใช่ตัวท่าน เขาไม่สามารถการันตีได้ว่าท่านจะได้วีซ่าและไม่มีใครรู้ข้อมูลของท่านได้เท่าตัวท่านเอง โดยเฉพาะ Application Form ถ้าเขากรอกให้ ท่านไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เลย** ปล.เราไม่ได้หมายความรวมถึงทุกเอเจนซี่ แต่ด้วยบริษัทที่เราเจอมานี้เขาทำได้แย่...
หลังจากนั้นเราก็คุยกันกับแฟนว่าขอยื่นวีซ่าอีกทีปีหน้าแล้วกันนะ เพราะอยากทำงานให้มั่นคงก่อน จะได้ราบรื่น และจะทำเอกสารทุกอย่างเองไม่จ้างเอเจนซี่แล้ว เอาเป็นว่ายูมาหาไอที่ไทยก่อนแล้วกันนะ มาง่ายดี 555+ จากครั้งแรกที่เจอกันจนวันนี้ก็ 5 ครั้งแล้ว คบกันได้ 2 ปีกว่าแล้วค่ะ
ขอวีซ่ารอบ 2 ผ่าน!!! คราวนี้เราขอไป 2 สัปดาห์เพื่อไปท่องเที่ยวและเยี่ยมครอบครัวของแฟนในวันคริสต์มาสและปีใหม่ จากที่อกหักในการจ้างเอเจนซี่มา ก็ได้มาลุยเตรียมเอกสารเอง เอกสารที่เตรียมเองใช้เวลาทั้งสิ้น 2 สัปดาห์ รวมกับกรอก Application Form และเลือกแบบเร่งด่วน Priority Service จ่าย US$412 เลือกจ่ายแบบแพงเพราะไม่อยากรอ กลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ไม่อยากยกเลิกไฟลต์ไป ตปท. อีก เพราะเราต้องเดินทางทุกสองสัปดาห์ และครั้งนี้ได้ผู้ช่วยดีคือแฟนของเราที่มาหาในช่วงที่ขอวีซ่าพอดี เลยได้เขามาช่วยเรื่องตรวจทานเอกสารด้วย เราและแฟนจะเดินทางไป UK พร้อมกันและกลับไทยพร้อมกัน **เอกสารทุกอย่างเขียนและแปลเป็นภาษาอังกฤษ เราแปลเอกสารทุกอย่างด้วยตัวเองและเซ็นต์รับรองเอง**
เอกสารของเรา:
1. สำเนาบัตรประชาชน
2. สำเนาทะเบียนบ้าน
3. หนังสือรับรองการทำงาน โดยอธิบายชื่อ ตำแหน่ง เงินเดือน วันที่ขอลาและวันที่จะกลับเข้ามาทำงาน
4. สัญญาการจ้างงาน
5. Invoices เพราะของเราไม่มี Slip เงินเดือนแล้ว ต้องส่ง Invoice เพื่อรับเงินเดือน+Letter อธิบายเรื่องการเงินว่าทำไมต้องใช้ Invoice และอธิบายว่ายอดเงินในบัญชียอดนั้นๆคือเงินเดือนหรือเงินคืออะไร อธิบายยอดใหญ่ๆ
6. Statement ย้อนหลัง 6 เดือน+หนังสือรับรองบัญชี (Bank Certificate)
7. เอกสารการเป็นเจ้าของรถพร้อมรูปถ่าย
8. สัญญาเช่าคอนโดพร้อมรูปถ่าย
9. Cover Letter เราเขียนไป 5 หน้า เพราะเราอธิบายทุกอย่างเลยว่าเราเป็นใคร ทำงานอะไร จะไปที่ UK ทำไม ไปกับใคร รู้จักแฟนได้ไง เจอกันบ่อยแค่ไหน จะใช้จ่ายเท่าไหร่ ไปวันไหน-กลับวันไหน ทำไมถึงต้องกลับมาที่ไทยเพราะอะไร เพราะเรามีงานที่ดีที่นี่ มีครอบครัว มีเพื่อน และไม่ใช่อะไรที่เราจะหนีจากไป และเราอธิบายไปด้วยว่าทำไมคราวที่แล้วไม่ผ่าน และทำไมถึงปล่อยเวลาล่วงเลยมา 1 ปี ถึงมาขอใหม่ (เอาจริงว่า ในส่วนนี้เขียนไปเถอะค่ะ อยากจะบอกอะไรเจ้าหน้าที่สถานทูตที่สามารถทำให้เขาเชื่อใจคุณได้ว่าคุณเป็นคนดีและจะกลับมาไทย ไม่หนีวีซ่า จริงใจและเป็นความจริง! เขียนไปเลย เขาอ่านหมดอยู่แล้ว บางคนบอกว่าไม่ต้องไปเขียนเยอะ ไม่จริงค่ะ เพราะ Cover Letter เป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้เจ้าหน้าที่สถานทูตรู้จักเรา เขียนไปเลยเอาเนื้อๆ)
10. รูปของเรากับแฟน เรากับพ่อแม่ เรากับเพื่อนที่ไทย (ใส่รูปไปเยอะๆเลยค่ะ และอธิบายใต้ภาพด้วย)
11. แผนการเดินทาง+ตั๋วเดินทางที่ยังไม่ได้จ่ายเงิน+ประกันการเดินทางที่จ่ายเงินแล้ว
เอกสารของพ่อแม่เรา:
1. สำเนาพาสปอร์ต
2. สำเนาบัตรประชาชน
3. สำเนาข้าราชการ
4. สำเนาทะเบียนบ้าน
5. หนังสือรับรองเงินเดือนและการเป็นข้าราชการ
6. Statement ย้อนหลัง 6 เดือน+หนังสือรับรองบัญชี+Sponsorship Letter เฉพาะของคุณพ่อ (เพื่อแสดงความสัมพันธ์ว่าเราผูกพันธ์กับคุณพ่อ ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นที่นู้นและไม่มีใครช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นป่วยหรืออุบัติเหตุ ท่านจะสามารถช่วยเหลือเราเรื่องเงินได้)
เอกสารของแฟนและพ่อแม่แฟน: เราเพิ่มส่วนนี้มาประกอบเพราะคราวนี้เราจะไปอาศัยอยู่ที่บ้านของพ่อแม่แฟน
1. สำเนาพาสปอร์ตของแฟน
2. Driving Licence ของแฟนและพ่อแม่แฟน
3. Electric Bill เพื่อพิสูจน์ว่าบ้านเลขที่ตรงกันและตรงกับบ้านเลขที่ที่เราจะไปพัก
4. Invitation Letter ที่พ่อแม่แฟนเขียนให้เพื่อเชิญไปพักบ้านแถมบอกอีกว่าคราวที่แล้วที่ไม่ได้วีซ่าทำท่านเสียใจมาก หวังว่าครั้งนี้ทางสถานทูตจะเมตตา เพราะอยากเจอแฟนของลูกชายมาก รอมานานมากแล้ว (555+ ดราม่าไปอีก)
5. P60 ของแฟน เพื่อแสดงว่าเขาเป็นพลเมืองของ UK มีการทำมาหาได้ มีรายได้และเสียภาษีอย่างถูกต้อง
6. Statement ย้อนหลัง 6 เดือน ของแฟน (เอามากันเหนียวจะได้ข้อมูลตรงและซับพอร์ท P60)
**เอกสารทุกอย่างเราทำ Lists แปะบนหน้าเอกสารนั้นๆด้วยเพื่อเป็นการไม่ตกหล่น เช่น เอกสารเกี่ยวกับตัวเรามีอะไรบ้าง 1 2 3 4..**
**เราไม่กลัวว่าเอกสารจะมากเกินจำเป็น ไม่มีใครจำกัดความว่าอันไหนควรยื่นไม่ควรยื่น เพราะตอนไปยื่นก็ขอโทษเจ้าหน้าที่ว่าเอกสารของพี่เยอะหน่อยนะคะ เขาก็ตอบกลับมาว่าไม่เยอะหรอกค่ะพี่เพราะ 600 หน้าก็มีมาแล้ว** เรากรอก Application Form เสร็จวันที่ 9 Oct 2018 เลือกยื่นเอกสารเพื่อขอวีซ่าวันที่ 22 Oct 2018 เอาเอกสารของทั้งหมด 185 หน้า+กับ Barcode ปะหน้าเพื่อเรียงเอกสารก็ 190 หน้าพอดี+Application Form+ใบชำระเงินที่ได้หลังจากจ่ายเงินค่าวีซ่า+ใบนัดวันยื่นเอกสารที่จะได้ในอีเมลของเราหลังจ่ายค่าวีซ่าบนหน้าเว็บ VFS ไปยื่นที่ VFS Center (เอกสารทุกอย่างต้องสแกนเพื่อจะส่งไปพิจารณาที่อินเดีย หลังจากสแกนเสร็จเขาจะคืนเอกสารทุกอย่างที่เรายื่นภายในวันนั้นเลย) พอถึงคิวเจ้าหน้าที่ VFS ก็บอกว่า Priority Service จะไม่ใช่ 3-5 วันทำการแล้ว เพราะช่วงนี้กลับมาพิจารณาช้า เขาบอกว่าต้อง 5-7 วันทำการขึ้นไป หลังจากนั้น 2 วันทำการก็มีอีเมลจากสถานทูตอังกฤษว่า "ไม่สามารถพิจารณาเอกสารของท่านให้อยู่ใน Priority Service ได้ อาจจะต้องขอเอกสารเพิ่มเติม และจะติดต่อกลับมา ถ้าต้องการ" จากนั้นก็รอจน 7 วันทำการเราเลยโทรไป British Visa and Immigration Services เพื่อถามว่าพิจารณาถึงไหนแล้ว เขาก็บอกว่า "Still Processing and it should be finish in no more than 7 days from now" พอหลังจากนั้นตอนเช้าของวันถัดมาเจ้าหน้าที่โทรมาว่าติดต่อเจ้านายเราไม่ได้เพราะอยากจะสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม เราเลยบอกให้โทรไปตอนนี้ได้เลยเพราะก่อนหน้านี้เจ้านายเราไปประชุมที่ดูไบไม่ได้ใช้เบอร์ที่แนบไว้ หลังจากนั้นเกือบเที่ยงเจ้านายเราบอกว่าเขาโทรมาแล้วและเขาดู Happy เราก็โล่งใจ (เราคิดว่าเคสของเรานานกว่า 7 วันทำการอาจเป็นเพราะเราเคยถูกปฏิเสธวีซ่ามาแล้วรอบหนึ่ง) หลังจากนั้นวันที่ 6 Nov 2018 เราก็ได้ SMS จาก VFS ให้ไปเอาเล่มพาสปอร์ต และแล้วเราก็ได้ Visitor Visa 6 เดือน! เหตุผลที่ผ่านคิดว่าคงหลายๆอย่าง เช่น หน้าที่การงานที่มั่นคง ระยะเวลาที่คบกับแฟน และเอกสารที่พร้อม
สุดท้ายนี้เราอยากให้ทุกท่านลองทำเอกสารยื่นขอวีซ่าด้วยตัวเอง ใจเย็นๆ ไม่ยากอย่างที่คิด สู้ๆ เรากะว่าจะไป UK อีกสักรอบช่วงเดือน April 2019 เอาให้คุ้มเพราะกว่าจะได้มานั้นยากลำบากยิ่งนัก **ขออภัยถ้าเนื้อหายาวเกินไป มีหลายอย่างที่อยากจะอธิบายเพิ่มเติมแต่ด้วยคำมันจำกัด และขอให้ทุกท่านที่กำลังจะขอวีซ่าหรือรอผลอยู่โชคดีนะคะ**
"แชร์ประสบการณ์ขอวีซ่าอังกฤษ'' รอบแรก2017(เอเจนซี่ทำ)ไม่ผ่าน ยื่นรอบสอง2018(ทำเอง)ผ่าน!!!
ขอวีซ่ารอบแรกปี 2017 ส่วนตัวแล้วเคยเดินทางไปต่างประเทศมาแล้วบ้าง ในโซนเอเชีย ทั้งไปเที่ยวและไปเรื่องงาน โดยจุดประสงค์ครั้งนั้นเราจะไปเที่ยวกับแฟนค่ะ แฟนของเราเป็นคนอังกฤษ เจอครั้งแรกเขามาหาที่ไทย พอครั้งที่สองที่จะเจอเราก็อยากไปบ้านเขาบ้าง ก็เลยต้องทำวีซ่า ในรอบแรกนี้เราบอกได้เลยค่ะว่าเราไม่รู้เรื่องวีซ่าเลย ลองเปิดข้อมูลในเว็บก็งงๆเลยไปปรึกษาเอเจนซี่หลายเอเจนซี่ เราต้องการเดินทางไปอังกฤษวันที่ 14 July 2017 (เป็นเวลา 1 สัปดาห์) และในตอนนั้นเรายังทำงานที่ธนาคาร (ที่กล่าวแนะนำตัวในข้างต้น) จนถึงเดือน April 2017 เราได้งานใหม่และเป็นช่วงที่เปลี่ยนงาน จากนั้นช่วงต้น May 2017 เราไปเจอเอเจนซี่นึง เราคุยกับเขาเรื่องที่เราจะขอวีซ่า และเขาก็ให้คำปรึกษาเราอย่างดี พร้อมเสนอค่าใช้จ่ายสำหรับทำวีซ่าแบบ VIP+ดูแลระดับVIP เราจ่ายไป 15,000 บาท ยังไม่รวมค่าวีซ่าประมาณ 3,500 บาท ในปีนั้น จากนั้นเอเจนซี่เป็นผู้ทำและรวบรวมเอกสารของเราทั้งหมด โดยเขาให้เราช่วยในเรื่องเอกสารส่วนตัวของเรา คือ รูปถ่ายของเรากับแฟน รูปถ่ายครอบครัวเรา สเตทเม้นย้อนหลัง 6 เดือน สลิปเงินเดือน หนังสือสัญญาการจ้างงาน สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาบัตรประชาชน สัญญาเช่าคอนโด เอกสารการเป็นเจ้าของทรัพย์สิน เอกสารอื่นๆของแฟนเรา คือ สำเนาพาสปอร์ตทุกหน้าที่ผ่านเข้าออกไทย หนังสือรับรองเงินเดือนและการทำงาน สเตทเม้น และจดหมายแนะนำตัวจากแฟนอธิบายว่ารู้จักกับเราได้อย่างไร+Booking Hotel ที่จ่ายเงินแล้วและถ้ายกเลิกจะไม่คืนเงิน เราส่งเอกสารให้เอเจนซี่ครบทุกอย่างที่เขาขอ เสร็จใน 2 วัน จากนั้นประมาณเกือบเดือน เอเจนซี่แจ้งกับเราว่าได้ทำการกรอก Application Form บน VFS เว็บไซต์และจองวันเวลาที่จะยื่นวีซ่าเรียบร้อยแล้ว เราคิดว่าเขาใช้เวลานานมากหลังจากได้เอกสารเราไป และเราสอบถามไปหลายครั้งว่าเอกสารครอบคลุมแล้วหรือ ต้องการอะไรเพิ่มเติมไหม เพราะเราเพิ่งเปลี่ยนงาน เรากลัวไม่ผ่าน แต่เอเจนซี่กับบอกกับเราว่า "โปรไฟล์พี่ดี เอกสารแค่นี้ก็พอ ผ่านอยู่แล้ว แค่วีซ่าท่องเที่ยว" เราจำได้แม่นว่าเขาจองวันยื่นเอกสารของเราในวันที่ 27 June 2017 เราก็ถามเขาว่าทำไมจองใกล้วันที่จะเดินทางจัง เพราะจะไป 14 July แล้วเพิ่งจะมายื่น จะทันหรือ (ช่วงก่อนรู้วันยื่นเราโทรตามเอเจนซี่หนักมากเพราะร้อนใจ และเขายังตัดสายใส่เราอีก จนเราต้องขอพบผจก.) วันนั้นเป็นวันแรกและวันเดียวที่เราได้เซ็นต์เอกสารของเราทั้งหมดก่อนเวลายื่นขอวีซ่า 1 ชม. และเราไม่ได้ตรวจเอกสารแม้แต่ Cover Letter และเอกสารสำคัญที่เขาแปล ไม่มีเวลาที่จะตรวจเลยทั้งก้ำกึ่งเชื่อกับไม่เชื่อในเอเจนซี่และตอนนั้นก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว สุดท้ายเราก็ทราบว่าไม่ผ่านวีซ่าเมื่อวันที่ 17 July 2017 และเราได้เอกสารทั้งหมดกลับคืนมาในวันนั้น เราได้เห็นเอกสารทุกอย่าง ทางเอเจนซี่ทำ Cover Letter ของเราเป็นภาษาไทยและเขียนข้อมูลผิด (เราเซ็งมาก รู้งี้เราเขียนเองเป็นภาษาอังกฤษให้ดีกว่า) และเขาแปลเอกสารสำคัญของเราผิดทุกฉบับ ทั้งสะกด คำที่ใช้ เอกสารการเป็นเจ้าของทรัพย์สินของเราไม่รู้เอาข้อมูลใครมาใส่ มั่วไปหมด เหมือนก็อปปี้แล้ววาง ในตอนนั้นเสียดายเงินมากกว่าเสียใจ จ่ายไปเกือบหลายหมื่นรวมค่าโรงแรมด้วย แถมยังได้เอกสารที่ไม่สามารถใช้งานต่อได้ เข้าใจเป็นอย่างดีว่าทำไมเราถึงไม่ผ่านวีซ่าและเห็นด้วยกับเจ้าหน้าที่สถานทูตทุกอย่าง เป็นเราก็ไม่ให้ผ่านเพราะเอกสารมันไม่ดีพอที่จะพิสูจน์ตัวเอง และเหตุผลของเจ้าหน้าที่สถานทูตคือ:
1. เขาไม่แน่ใจว่าเราจะได้รับการลาพักร้อนหลังจากได้งานใหม่
2. ข้อมูลของเราใน Application Form ไม่สอดคล้องกับ Cover Letter
3. เขาเชื่อว่าเงินในบัญชีของเราเพียงพอที่จะใช้จ่ายที่สหราชอาณาจักร แต่เงินในบัญชีของเรามันไม่สอดคล้องกับรายได้ และไม่สามารถอธิบายได้ว่าได้เงินพวกนั้นมาจากไหน
4. เขากลัวว่าเราจะไม่กลับประเทศไทย
ถึงตอนนั้นไม่คิดว่าจะยื่นใหม่และไม่คิดว่าจะสามารถอุทรได้ เพราะเอกสารมันแย่ จะยื่นใหม่ก็ไม่ทันเพราะลาไม่ได้แล้ว และขั้นตอนก็นานจนต้องได้ยกเลิกไฟลต์ไป ตปท. เพื่อจะไปประชุมกับลูกค้า ด้วยเพราะว่าพาสปอร์ตยังอยู่ในการขั้นตอนการพิจารณาในการให้วีซ่า เราจึงไม่อยากเสียงาน และนั่นก็เป็นประสบการณ์ที่แย่ และจะไม่จ้างเอเจนซี่อีก **ขอเตือนทุกท่านว่าถ้าจะจ้างเอเจนซี่ ให้ตรวจทานเอกสารของท่านให้ถี่ถ้วน เพราะเอเจนซี่ไม่ใช่ผู้ให้วีซ่าและไม่ใช่ตัวท่าน เขาไม่สามารถการันตีได้ว่าท่านจะได้วีซ่าและไม่มีใครรู้ข้อมูลของท่านได้เท่าตัวท่านเอง โดยเฉพาะ Application Form ถ้าเขากรอกให้ ท่านไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เลย** ปล.เราไม่ได้หมายความรวมถึงทุกเอเจนซี่ แต่ด้วยบริษัทที่เราเจอมานี้เขาทำได้แย่...
หลังจากนั้นเราก็คุยกันกับแฟนว่าขอยื่นวีซ่าอีกทีปีหน้าแล้วกันนะ เพราะอยากทำงานให้มั่นคงก่อน จะได้ราบรื่น และจะทำเอกสารทุกอย่างเองไม่จ้างเอเจนซี่แล้ว เอาเป็นว่ายูมาหาไอที่ไทยก่อนแล้วกันนะ มาง่ายดี 555+ จากครั้งแรกที่เจอกันจนวันนี้ก็ 5 ครั้งแล้ว คบกันได้ 2 ปีกว่าแล้วค่ะ
ขอวีซ่ารอบ 2 ผ่าน!!! คราวนี้เราขอไป 2 สัปดาห์เพื่อไปท่องเที่ยวและเยี่ยมครอบครัวของแฟนในวันคริสต์มาสและปีใหม่ จากที่อกหักในการจ้างเอเจนซี่มา ก็ได้มาลุยเตรียมเอกสารเอง เอกสารที่เตรียมเองใช้เวลาทั้งสิ้น 2 สัปดาห์ รวมกับกรอก Application Form และเลือกแบบเร่งด่วน Priority Service จ่าย US$412 เลือกจ่ายแบบแพงเพราะไม่อยากรอ กลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ไม่อยากยกเลิกไฟลต์ไป ตปท. อีก เพราะเราต้องเดินทางทุกสองสัปดาห์ และครั้งนี้ได้ผู้ช่วยดีคือแฟนของเราที่มาหาในช่วงที่ขอวีซ่าพอดี เลยได้เขามาช่วยเรื่องตรวจทานเอกสารด้วย เราและแฟนจะเดินทางไป UK พร้อมกันและกลับไทยพร้อมกัน **เอกสารทุกอย่างเขียนและแปลเป็นภาษาอังกฤษ เราแปลเอกสารทุกอย่างด้วยตัวเองและเซ็นต์รับรองเอง**
เอกสารของเรา:
1. สำเนาบัตรประชาชน
2. สำเนาทะเบียนบ้าน
3. หนังสือรับรองการทำงาน โดยอธิบายชื่อ ตำแหน่ง เงินเดือน วันที่ขอลาและวันที่จะกลับเข้ามาทำงาน
4. สัญญาการจ้างงาน
5. Invoices เพราะของเราไม่มี Slip เงินเดือนแล้ว ต้องส่ง Invoice เพื่อรับเงินเดือน+Letter อธิบายเรื่องการเงินว่าทำไมต้องใช้ Invoice และอธิบายว่ายอดเงินในบัญชียอดนั้นๆคือเงินเดือนหรือเงินคืออะไร อธิบายยอดใหญ่ๆ
6. Statement ย้อนหลัง 6 เดือน+หนังสือรับรองบัญชี (Bank Certificate)
7. เอกสารการเป็นเจ้าของรถพร้อมรูปถ่าย
8. สัญญาเช่าคอนโดพร้อมรูปถ่าย
9. Cover Letter เราเขียนไป 5 หน้า เพราะเราอธิบายทุกอย่างเลยว่าเราเป็นใคร ทำงานอะไร จะไปที่ UK ทำไม ไปกับใคร รู้จักแฟนได้ไง เจอกันบ่อยแค่ไหน จะใช้จ่ายเท่าไหร่ ไปวันไหน-กลับวันไหน ทำไมถึงต้องกลับมาที่ไทยเพราะอะไร เพราะเรามีงานที่ดีที่นี่ มีครอบครัว มีเพื่อน และไม่ใช่อะไรที่เราจะหนีจากไป และเราอธิบายไปด้วยว่าทำไมคราวที่แล้วไม่ผ่าน และทำไมถึงปล่อยเวลาล่วงเลยมา 1 ปี ถึงมาขอใหม่ (เอาจริงว่า ในส่วนนี้เขียนไปเถอะค่ะ อยากจะบอกอะไรเจ้าหน้าที่สถานทูตที่สามารถทำให้เขาเชื่อใจคุณได้ว่าคุณเป็นคนดีและจะกลับมาไทย ไม่หนีวีซ่า จริงใจและเป็นความจริง! เขียนไปเลย เขาอ่านหมดอยู่แล้ว บางคนบอกว่าไม่ต้องไปเขียนเยอะ ไม่จริงค่ะ เพราะ Cover Letter เป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้เจ้าหน้าที่สถานทูตรู้จักเรา เขียนไปเลยเอาเนื้อๆ)
10. รูปของเรากับแฟน เรากับพ่อแม่ เรากับเพื่อนที่ไทย (ใส่รูปไปเยอะๆเลยค่ะ และอธิบายใต้ภาพด้วย)
11. แผนการเดินทาง+ตั๋วเดินทางที่ยังไม่ได้จ่ายเงิน+ประกันการเดินทางที่จ่ายเงินแล้ว
เอกสารของพ่อแม่เรา:
1. สำเนาพาสปอร์ต
2. สำเนาบัตรประชาชน
3. สำเนาข้าราชการ
4. สำเนาทะเบียนบ้าน
5. หนังสือรับรองเงินเดือนและการเป็นข้าราชการ
6. Statement ย้อนหลัง 6 เดือน+หนังสือรับรองบัญชี+Sponsorship Letter เฉพาะของคุณพ่อ (เพื่อแสดงความสัมพันธ์ว่าเราผูกพันธ์กับคุณพ่อ ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นที่นู้นและไม่มีใครช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นป่วยหรืออุบัติเหตุ ท่านจะสามารถช่วยเหลือเราเรื่องเงินได้)
เอกสารของแฟนและพ่อแม่แฟน: เราเพิ่มส่วนนี้มาประกอบเพราะคราวนี้เราจะไปอาศัยอยู่ที่บ้านของพ่อแม่แฟน
1. สำเนาพาสปอร์ตของแฟน
2. Driving Licence ของแฟนและพ่อแม่แฟน
3. Electric Bill เพื่อพิสูจน์ว่าบ้านเลขที่ตรงกันและตรงกับบ้านเลขที่ที่เราจะไปพัก
4. Invitation Letter ที่พ่อแม่แฟนเขียนให้เพื่อเชิญไปพักบ้านแถมบอกอีกว่าคราวที่แล้วที่ไม่ได้วีซ่าทำท่านเสียใจมาก หวังว่าครั้งนี้ทางสถานทูตจะเมตตา เพราะอยากเจอแฟนของลูกชายมาก รอมานานมากแล้ว (555+ ดราม่าไปอีก)
5. P60 ของแฟน เพื่อแสดงว่าเขาเป็นพลเมืองของ UK มีการทำมาหาได้ มีรายได้และเสียภาษีอย่างถูกต้อง
6. Statement ย้อนหลัง 6 เดือน ของแฟน (เอามากันเหนียวจะได้ข้อมูลตรงและซับพอร์ท P60)
**เอกสารทุกอย่างเราทำ Lists แปะบนหน้าเอกสารนั้นๆด้วยเพื่อเป็นการไม่ตกหล่น เช่น เอกสารเกี่ยวกับตัวเรามีอะไรบ้าง 1 2 3 4..**
**เราไม่กลัวว่าเอกสารจะมากเกินจำเป็น ไม่มีใครจำกัดความว่าอันไหนควรยื่นไม่ควรยื่น เพราะตอนไปยื่นก็ขอโทษเจ้าหน้าที่ว่าเอกสารของพี่เยอะหน่อยนะคะ เขาก็ตอบกลับมาว่าไม่เยอะหรอกค่ะพี่เพราะ 600 หน้าก็มีมาแล้ว** เรากรอก Application Form เสร็จวันที่ 9 Oct 2018 เลือกยื่นเอกสารเพื่อขอวีซ่าวันที่ 22 Oct 2018 เอาเอกสารของทั้งหมด 185 หน้า+กับ Barcode ปะหน้าเพื่อเรียงเอกสารก็ 190 หน้าพอดี+Application Form+ใบชำระเงินที่ได้หลังจากจ่ายเงินค่าวีซ่า+ใบนัดวันยื่นเอกสารที่จะได้ในอีเมลของเราหลังจ่ายค่าวีซ่าบนหน้าเว็บ VFS ไปยื่นที่ VFS Center (เอกสารทุกอย่างต้องสแกนเพื่อจะส่งไปพิจารณาที่อินเดีย หลังจากสแกนเสร็จเขาจะคืนเอกสารทุกอย่างที่เรายื่นภายในวันนั้นเลย) พอถึงคิวเจ้าหน้าที่ VFS ก็บอกว่า Priority Service จะไม่ใช่ 3-5 วันทำการแล้ว เพราะช่วงนี้กลับมาพิจารณาช้า เขาบอกว่าต้อง 5-7 วันทำการขึ้นไป หลังจากนั้น 2 วันทำการก็มีอีเมลจากสถานทูตอังกฤษว่า "ไม่สามารถพิจารณาเอกสารของท่านให้อยู่ใน Priority Service ได้ อาจจะต้องขอเอกสารเพิ่มเติม และจะติดต่อกลับมา ถ้าต้องการ" จากนั้นก็รอจน 7 วันทำการเราเลยโทรไป British Visa and Immigration Services เพื่อถามว่าพิจารณาถึงไหนแล้ว เขาก็บอกว่า "Still Processing and it should be finish in no more than 7 days from now" พอหลังจากนั้นตอนเช้าของวันถัดมาเจ้าหน้าที่โทรมาว่าติดต่อเจ้านายเราไม่ได้เพราะอยากจะสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม เราเลยบอกให้โทรไปตอนนี้ได้เลยเพราะก่อนหน้านี้เจ้านายเราไปประชุมที่ดูไบไม่ได้ใช้เบอร์ที่แนบไว้ หลังจากนั้นเกือบเที่ยงเจ้านายเราบอกว่าเขาโทรมาแล้วและเขาดู Happy เราก็โล่งใจ (เราคิดว่าเคสของเรานานกว่า 7 วันทำการอาจเป็นเพราะเราเคยถูกปฏิเสธวีซ่ามาแล้วรอบหนึ่ง) หลังจากนั้นวันที่ 6 Nov 2018 เราก็ได้ SMS จาก VFS ให้ไปเอาเล่มพาสปอร์ต และแล้วเราก็ได้ Visitor Visa 6 เดือน! เหตุผลที่ผ่านคิดว่าคงหลายๆอย่าง เช่น หน้าที่การงานที่มั่นคง ระยะเวลาที่คบกับแฟน และเอกสารที่พร้อม
สุดท้ายนี้เราอยากให้ทุกท่านลองทำเอกสารยื่นขอวีซ่าด้วยตัวเอง ใจเย็นๆ ไม่ยากอย่างที่คิด สู้ๆ เรากะว่าจะไป UK อีกสักรอบช่วงเดือน April 2019 เอาให้คุ้มเพราะกว่าจะได้มานั้นยากลำบากยิ่งนัก **ขออภัยถ้าเนื้อหายาวเกินไป มีหลายอย่างที่อยากจะอธิบายเพิ่มเติมแต่ด้วยคำมันจำกัด และขอให้ทุกท่านที่กำลังจะขอวีซ่าหรือรอผลอยู่โชคดีนะคะ**