หลังจากที่ได้ตั้งกระทู้นี้
https://ppantip.com/topic/38255321 ไป ก็ได้พบความจริงบางอย่างที่ไม่น่าเกิดขึ้น
วันที่ 12 พฤศจิกายน 2561 ได้ติดต่อไปยัง บริษัท ธนชาตประกันภัย ได้ขอสอบถามประวัติการเครมทั้งหมดว่ามีการเครมอะไรไปบ้าง
เครมกี่ครั้ง ได้ข้อมูลมาดังนี้
ครั้งที่ 1 เครมประมาณต้นปี 2561 บิ๊กไบค์เฉี่ยวกระจกมองข้าง (มีกล้องบันทึก แต่ประกันให้เราเป็นฝ่ายผิด)
ครั้งที่ 2 แจ้งเครม 5 เมษายน 2561 รถโดนชนท้าย (ครั้งนี้เป็นฝ่ายถูก)
ครั้งที่ 3 แจ้งเครม 9 เมษายน 2561 (ครั้งนี้ถูกแจ้งเป็นฝ่ายผิด) เครมอัตราสูง
การเครมครั้งที่ 1 ยอมรับได้เพราะการเครมไม่สูง การเครมครั้งที่ 2 อันนี้เป็นฝ่ายถูก ไม่มีปัญหาอะไร แต่ประเด็นอยู่ที่ครั้งที่ 3 ที่มีการแจ้งเครมไว้เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2561 ซึ่งขัดแย้งกับความเป็นจริงที่ว่า การเครมครั้งที่ 2 เราแจ้งเครมไว้วันที่ 5 เมษายน 2561 รถเราเกิดอุบัติเหตุ โดนรถชนท้าย เสียหายค่อนข้างหนัก รถจอดซ่อมทั้งหมด 78 วัน วันที่ 5 เมษายน 2561 ถึง วันที่ 21 มิถุนายน 2561 (มีเอกสารจากอู่ชัดเจน) แต่ทางบริษัท ธนชาตประกันภัย มีการบันทึกแจ้งเครมครั้งที่ 3 วันที่ 9 เมษายน 2561 ระบุว่าเราเป็นฝ่ายผิด ซึ่งวันนั้น
รถไม่สามารถใช้ได้ และจอดรอซ่อมอยู่ที่อู่
จึงได้ถามกลับไปเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแจ้งเครมครั้งที่ 3 โดยให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ บริษัท ธนชาตประกันภัย ไปว่า รถผมจอดเครมเนื่องจากโดนชนท้าย ตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2561 แล้วทำไมวันที่ 9 เมษายน 2561 จึงมีการแจ้งเครมอีก ถ้าดูจากรายการที่ต้องซ่อมแล้ว มีประมาณ 10 รายการ ไม่น่าจะซ่อมเสร็จภายใน 4 วัน เจ้าหน้าที่ของ บริษัท ธนชาตประกันภัย ก็ตรวจสอบและได้พบข้อมูลที่ผิดพลาด ในการแจ้งเครมครั้งที่ 3 คือ
1. รถที่เกิดอุบัติเหตุ เป็นป้ายแดง แต่รถของผม ณ ตอนนั้นเป็นป้ายขาว
2. รถที่เกิดอุบัติเหตุ เป็นรถสีดำ แต่รถของผม เป็นรถสีแดง
3. เลขตัวถังของรถที่เกิดอุบัติเหตุ ไม่ตรงกับเลขตัวถังในกรมธรรม์
4. รูปถ่ายที่ใช้อ้างอิงในที่เกิดเหตุ ไม่ตรงกับรถของผม
5. คนขับในครั้งนั้นชื่อคุณนิตยา ซึ่งผมไม่รู้จัก และไม่ได้ให้ใครใช้รถคันนี้ด้วย
เจ้าหน้าที่รับทราบปัญหาที่เกิดขึ้นว่าเกิดจากการผิดพลาดของการแจ้งเครมครั้งที่ 3 เจ้าหน้าที่ สาขาธนชาตประกันภัยมีการบันทึกเลขที่กรมธรรม์ผิด ทำให้เกิดการเครมในอัตราที่สูงในกรมธรรม์ของผม (การเครมครั้งที่ 3 ยอดเครมประมาณ 60,000 บาท) บริษัทเลยไม่ได้ให้ต่อประกันในปีที่ 2 บริษัทจะทำการลบข้อมูลการเครมครั้งที่ 3 ออกจากระบบ แล้วจะส่งใบเตือนต่ออายุประกันภัยประเภท 1 ให้ ผมเลยขอให้บริษัทออกหนังสือชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาให้ด้วย เพื่อใช้เป็นหลักฐานยืนยันว่าการเครมครั้งที่ 3 ไม่ใช่ความผิดของผม (ตอนนี้อยู่ระหว่างการรอเอกสาร)
เมื่อผมทราบว่าเกิดเหตุการแบบนี้ขึ้น ความมั่นใน บริษัท คงไม่มีอีกแล้ว ตัดสินใจติดต่อศูนย์บริการลูกค้ามาสด้าพรีเมี่ยมอินชัวรันส์ (ธนาคารทิสโก้) เพื่อขอราคาของบริษัทอื่น แล้วแจ้งเหตุการณ์ดังกล่าวให้เจ้าหน้าที่รับทราบ ซึ่งทางธนาคารทิสโก้ บริการดีมาก แจ้งว่าใบระบบ บริษัท ธนชาตประกันภัย เอาข้อมูลการเครมครั้งที่ 3 ออกให้แล้ว แล้วให้ราคากับทางทิสโก้มาแล้วเหมือนกัน ซึ่งราคาที่ทาง บริษัท ธนชาตประกันภัย ให้มาแพงกว่าที่อื่น ทางทิสโก้แนะนำบริษัท วิริยะประกันภัย ให้ผม ซึ่งให้ส่วนลดเพิ่มจากราคาปกติ ซึ่งถูกกว่าบริษัทเดิม เลยตัดสินใจไม่ยากที่จะต่อประกันกับบริษัท วิริยะประกันภัย
ถ้าใครทำประกันรถอยู่กับที่นี่ก็ลองตรวจสอบข้อมูลกันดีๆ อาจจะมีการเครมที่ไม่ได้เกิดจากรถของเราจริงๆมาอยู่ในกรมธรรม์ของเราก็ได้ ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะปล่อยผ่านไปไม่ได้สนใจอะไร เขาไม่ให้ต่อเราก็ไปต่อที่อื่น หรือยอมจ่ายในราคาที่บริษัทประกันกำหนดมา ซึ่งแพงกว่าเดิมอยู่แล้ว
ได้รับคำตอบ บริษัท ธนชาตประกันภัย แล้วว่าทำไมถึงไม่ให้ต่อประกันในปีที่ 2
วันที่ 12 พฤศจิกายน 2561 ได้ติดต่อไปยัง บริษัท ธนชาตประกันภัย ได้ขอสอบถามประวัติการเครมทั้งหมดว่ามีการเครมอะไรไปบ้าง
เครมกี่ครั้ง ได้ข้อมูลมาดังนี้
ครั้งที่ 1 เครมประมาณต้นปี 2561 บิ๊กไบค์เฉี่ยวกระจกมองข้าง (มีกล้องบันทึก แต่ประกันให้เราเป็นฝ่ายผิด)
ครั้งที่ 2 แจ้งเครม 5 เมษายน 2561 รถโดนชนท้าย (ครั้งนี้เป็นฝ่ายถูก)
ครั้งที่ 3 แจ้งเครม 9 เมษายน 2561 (ครั้งนี้ถูกแจ้งเป็นฝ่ายผิด) เครมอัตราสูง
การเครมครั้งที่ 1 ยอมรับได้เพราะการเครมไม่สูง การเครมครั้งที่ 2 อันนี้เป็นฝ่ายถูก ไม่มีปัญหาอะไร แต่ประเด็นอยู่ที่ครั้งที่ 3 ที่มีการแจ้งเครมไว้เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2561 ซึ่งขัดแย้งกับความเป็นจริงที่ว่า การเครมครั้งที่ 2 เราแจ้งเครมไว้วันที่ 5 เมษายน 2561 รถเราเกิดอุบัติเหตุ โดนรถชนท้าย เสียหายค่อนข้างหนัก รถจอดซ่อมทั้งหมด 78 วัน วันที่ 5 เมษายน 2561 ถึง วันที่ 21 มิถุนายน 2561 (มีเอกสารจากอู่ชัดเจน) แต่ทางบริษัท ธนชาตประกันภัย มีการบันทึกแจ้งเครมครั้งที่ 3 วันที่ 9 เมษายน 2561 ระบุว่าเราเป็นฝ่ายผิด ซึ่งวันนั้น
รถไม่สามารถใช้ได้ และจอดรอซ่อมอยู่ที่อู่
จึงได้ถามกลับไปเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแจ้งเครมครั้งที่ 3 โดยให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ บริษัท ธนชาตประกันภัย ไปว่า รถผมจอดเครมเนื่องจากโดนชนท้าย ตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2561 แล้วทำไมวันที่ 9 เมษายน 2561 จึงมีการแจ้งเครมอีก ถ้าดูจากรายการที่ต้องซ่อมแล้ว มีประมาณ 10 รายการ ไม่น่าจะซ่อมเสร็จภายใน 4 วัน เจ้าหน้าที่ของ บริษัท ธนชาตประกันภัย ก็ตรวจสอบและได้พบข้อมูลที่ผิดพลาด ในการแจ้งเครมครั้งที่ 3 คือ
1. รถที่เกิดอุบัติเหตุ เป็นป้ายแดง แต่รถของผม ณ ตอนนั้นเป็นป้ายขาว
2. รถที่เกิดอุบัติเหตุ เป็นรถสีดำ แต่รถของผม เป็นรถสีแดง
3. เลขตัวถังของรถที่เกิดอุบัติเหตุ ไม่ตรงกับเลขตัวถังในกรมธรรม์
4. รูปถ่ายที่ใช้อ้างอิงในที่เกิดเหตุ ไม่ตรงกับรถของผม
5. คนขับในครั้งนั้นชื่อคุณนิตยา ซึ่งผมไม่รู้จัก และไม่ได้ให้ใครใช้รถคันนี้ด้วย
เจ้าหน้าที่รับทราบปัญหาที่เกิดขึ้นว่าเกิดจากการผิดพลาดของการแจ้งเครมครั้งที่ 3 เจ้าหน้าที่ สาขาธนชาตประกันภัยมีการบันทึกเลขที่กรมธรรม์ผิด ทำให้เกิดการเครมในอัตราที่สูงในกรมธรรม์ของผม (การเครมครั้งที่ 3 ยอดเครมประมาณ 60,000 บาท) บริษัทเลยไม่ได้ให้ต่อประกันในปีที่ 2 บริษัทจะทำการลบข้อมูลการเครมครั้งที่ 3 ออกจากระบบ แล้วจะส่งใบเตือนต่ออายุประกันภัยประเภท 1 ให้ ผมเลยขอให้บริษัทออกหนังสือชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาให้ด้วย เพื่อใช้เป็นหลักฐานยืนยันว่าการเครมครั้งที่ 3 ไม่ใช่ความผิดของผม (ตอนนี้อยู่ระหว่างการรอเอกสาร)
เมื่อผมทราบว่าเกิดเหตุการแบบนี้ขึ้น ความมั่นใน บริษัท คงไม่มีอีกแล้ว ตัดสินใจติดต่อศูนย์บริการลูกค้ามาสด้าพรีเมี่ยมอินชัวรันส์ (ธนาคารทิสโก้) เพื่อขอราคาของบริษัทอื่น แล้วแจ้งเหตุการณ์ดังกล่าวให้เจ้าหน้าที่รับทราบ ซึ่งทางธนาคารทิสโก้ บริการดีมาก แจ้งว่าใบระบบ บริษัท ธนชาตประกันภัย เอาข้อมูลการเครมครั้งที่ 3 ออกให้แล้ว แล้วให้ราคากับทางทิสโก้มาแล้วเหมือนกัน ซึ่งราคาที่ทาง บริษัท ธนชาตประกันภัย ให้มาแพงกว่าที่อื่น ทางทิสโก้แนะนำบริษัท วิริยะประกันภัย ให้ผม ซึ่งให้ส่วนลดเพิ่มจากราคาปกติ ซึ่งถูกกว่าบริษัทเดิม เลยตัดสินใจไม่ยากที่จะต่อประกันกับบริษัท วิริยะประกันภัย
ถ้าใครทำประกันรถอยู่กับที่นี่ก็ลองตรวจสอบข้อมูลกันดีๆ อาจจะมีการเครมที่ไม่ได้เกิดจากรถของเราจริงๆมาอยู่ในกรมธรรม์ของเราก็ได้ ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะปล่อยผ่านไปไม่ได้สนใจอะไร เขาไม่ให้ต่อเราก็ไปต่อที่อื่น หรือยอมจ่ายในราคาที่บริษัทประกันกำหนดมา ซึ่งแพงกว่าเดิมอยู่แล้ว