สาวเมาด่าคนเจ็บ, ศาลตัดสินลุงวิศวะผิด, หมอสูติลวนลามและข่มขืน กว่า 50 ราย ?

ขอแสดงความเห็น จาก 3 เคส 3 ข่าว

1.) ทุกวันนี้ เรามีนักข่าวอิสระจำนวนมากครับ เห็นคนจะโดดตึกก็หยิบมือถือมาถ่าย  เห็นคนจะจมน้ำหยิบมือถือมาถ่าย  เห็นคนเมาตกสะพานจะถูกทรายดูดหยิบมือถือมาถ่าย  เห็นคนด่ากันหยิบมือถือมาถ่าย สร้างกระแสเรียกไลค์ ให้คนเข้ามาคอมเมนต์เล่น  ใครพิพาทกับตัวเองก็หยิบมือถือมาถ่ายแล้วโพสต์ประจาน  ล่าสุดมีข่าวสาวขี้เมาเปิดประตูแท็กซี่ไปโดนคนขี่มอเตอร์ไซค์ล้มบาดเจ็บ เมาด่าคนเจ็บอ้างว่าฟอร์ม เพราะตนเรียกฟิสิกส์มา ก็เป็นความเมาเลยพูดอะไรเลอะเทอะบ้าๆบอๆออกมา นักข่าวเฟซบุคก็ถ่ายคลิปมาลงให้เป็นกระแส สังคมก็ชอบบูลลี่โซเชียล ชอบด่าคนกันอยู่แล้ว เห็นใครทำผิดก็ด่ากันเมามัน จนเรียกว่าถ้าเจ้าตัวมาอ่านนี่แทบอยากมุดแผ่นดินหนี

โทษนะครับ วันนี้นักข่าวสมัครเล่น นักข่าวเฟซบุคไม่ได้รับสิทธิ์เหมือนสื่อมวลชนนะครับ ถ้าเกิดเอาใครมาลง ถ่ายภาพถ่ายคลิปมาสร้างกระแสให้คนด่า เขาจะทำผิดทำถูกก็ตาม คนโพสต์คนแชร์ติดคุกได้นะครับ ถ้าเจ้าตัวเขาฟ้องขึ้นมา อันนี้แนะนำกัน แล้วพวกสื่อหลัก สื่อมวลชนก็ชอบเล่นข่าวพวกนี้ซะด้วยสิ เพราะเรตติ้งดี ยอดวิวใน youtube ก็เยอะ  แต่ยังไงก็ตามสำหรับนักข่าวโซเชียล คนโพสต์คนแชร์มีความผิดนะครับเจ้าตัวเอาเรื่องได้

......

2.) ลุงวิศวะถูกกลุ่มวัยรุ่นลงจากรถมาทำร้ายร่างกาย แล้วไปยิงเขาเสียชีวิตกลายเป็นถูกตัดสินผิดซะเอง ผมไม่อยากวิจารณ์ศาล เพราะค่านิยมและระเบียบอะไรบางอย่างในบ้านเราเขาห้ามพาดพิงศาล เอาเป็นว่า ทนายห่วยละกัน ผมโทษไปที่ทนายแทน ถูกทนายฝ่ายวัยรุ่นเอาหลักฐานจากกล้องลุงวิศวะเอง มาบอกว่ามันเป็นเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทกันทั้งสองฝ่าย จึงไม่ใช่การป้องกันตัว  

จากที่ได้พูดคุยกับทนายหลายคน ทราบว่าที่จริงแล้ว จากกล้องลุงวิศวะเอง สามารถใช้เป็นหลักฐานบ่งชี้อยู่แล้วว่า ลุงวิศวะแสดงความประสงค์ที่จะหยุดวิวาทไปแล้ว  แต่วัยรุ่นขับรถมาข้างหน้าและลงมาทำร้าย ลุงวิศวะได้เอ่ยแล้วว่ามีเด็กมีคนแก่ นั่นหมายความว่าไม่ต้องการที่จะทะเลาะวิวาท การพูดว่าเอาปืนมา คือเป็นการเตรียมอาวุธป้องกันตัวล่วงหน้า ก็ถือเป็นการคาดการณ์ว่าอาจจะถูกวัยรุ่นตามมาฆ่าหรือทำร้ายคนในครอบครัวได้เพราะขับรถตามมา

ต้องเป็นฝ่ายแจ้งข้อหาพยายามฆ่า เพราะการลงมารุมทำร้ายหลายคนสามารถทำให้ถึงแก่ความตายได้ และคนๆเดียวที่มีเด็กและคนแก่ในรถไม่มีทางสู้จึงต้องใช้อาวุธ  ซึ่งทิศทางนี้มันคือสอดคล้องกับสถานการณ์จริงและข้อกฎหมาย   ก็อุทธรณ์กันไป สู้กันให้สุดครับ ให้มันถึงฎีกา จ้างทนายดีๆทนายดังๆหน่อยก็ได้ถ้าดูไม่รู้ว่าทนายคนไหนเก่งไม่เก่ง

......

3.) ผมลองคุยกับสายที่เรียนด้านจิตวิทยา ถามข้อมูลว่า อยู่ๆการที่มีผู้เสียหายปรากฏตัวมากมายมาอ้างว่าถูกหมอสูติคนเดียวกันนี้ทำอนาจารย์ มันเป็นลักษณะอุปทานหมู่รึเปล่า ?  ก็ได้เข้าใจข้อสรุปว่ามันไม่ใช่อุปทานหมู่ แต่คนเราสามารถสร้างมโนขึ้นมาได้เองถ้าอยากมีเอี่ยวในกระแสหนึ่งกระแสใดที่เขามีความสนใจ หรือคิดว่าตนเองจะได้ถูกสนใจขึ้นมา

น่าแปลกว่า ทนายที่อยากสร้างชื่อเสียงซึ่งมาหากินกับการปกป้องสิทธิสตรี จะแนะนำให้ลูกความสร้างหลักฐานจากการหลอกล่อให้หมอจ่ายตังและเก็บคำพูดเพื่อเป็นหลักฐานดำเนินดคี คือที่ว่าแปลกคือ เป็นทนายได้ยังไง ? หลักฐานแบบนี้มันเอาไว้ทำให้คนเสพข่าวเชื่อถือได้ แต่ไม่สามารถเป็นน้ำหนักที่ใช้ในชั้นศาล เรื่องการข่มขืนเป็นเรื่องที่ต้องอิงกับความเป็นจริง ใช้หลักฐานจริง ร่องรอยการต่อสู้ หลักฐานการแสดงความขัดขืน (ตั้ง 15 นาทีน่ะ ใช้หลักฐานอะไรบ่งชี้ว่ามีการปฏิเสธไม่ได้สมยอม)

ไม่ใช่ผมบอกว่าหมอคนนี้ถูกหรือดีนะ  ถ้าสมมุติว่ามีการกระทำอนาจารจริงๆ มันก็คือผิดที่กระทำในสถานรักษาพยาบาล แต่ถ้าจะเอาเรื่องว่าข่มขืน มันไม่ได้มีหลักฐานที่จะเล่นงานได้เลย หรือแม้แต่ว่าการใช้อวัยวะเพศสอดใส่ ผู้เสียหายก็ไม่แน่ชัด ใช้ความกลัวความไม่อยากเป็นคดีโอนเงินให้ หรือพูดว่า "ไม่ท้องแน่นอน" อะไรเหล่านี้มาบ่งชี้ว่าสอดใส่  แบบนี้ถือว่าอ่อนหลักฐาน  หรือสมมุติว่ามีการสอดใส่ ก็ต้องชี้มูลไปอีกว่าผู้เสียหายรู้ตัวหริอไม่ ปฏิเสธขัดขืนหรือไม่ (ข่มขีนตั้งนานไม่รู้สึกหรือไม่แน่ใจ)

เบื่อนะครับ กับพวกที่มาเกาะกระแสแอบอ้างเพศแม่  พวกมูลนิธิหรือนักเคลื่อนไหวอะไรก็ตามที่ชอบมาสร้างกระแสใช้ความเป็นหญิงมาหากินสร้างชื่อเสียงจากการสวมบทพิทักษ์สตรีเพศอะไรเหล่านี้ ผิดถูกไม่สน ออกตัวแรงแล้วตะแบงให้สุดอย่างเดียว ฝ่ายคุณดาราก็มั่นใจชูธงเรื่องเพศอย่างเดียว  (คล้ายๆตอนฟิล์มกับแอนนี่ จำได้เปล่า แล้วดูสิเป็นไง เพศหญิงหลอกลวงไม่เป็นใช่ไหม)  อันนี้ก็แนะนำให้เผื่อๆเอาไว้ บางทีงานนี้อาจจะผิดทั้งเพศพ่อและเพศแม่ก็เป็นได้

คุณดาราบอกว่า ที่หมอใช้คำพูดว่า "ที่รัก" หรืออะไรแบบนี้เพื่อจะหลอกสังคมว่าเขากิ๊กกันอยู่แล้วไม่ใช่ข่มขืน อะไรทำนองนี้  แต่โทษครับคุณดารา !  ตกลงหมอเขาไม่รู้ไม่ใช่เหรอครับว่าคนไข้แอบเก็บคำพูดเขาไว้ !

ส่วนผู้เสียหายที่อ้างว่ามีกว่า 50 ราย ความเป็นไปได้คือ อย่างน้อยๆต้องเคยมีบางคนที่กล้ามาแจ้งความ เป็นไปได้เหรอครับ ผู้เสียหายทุกคนพร้อมใจกันไม่กล้าแจ้งความ !   อีกประการสำคัญคือ พยานเหล่านี้ไม่ใช่หลักฐานในคดีที่คุณทำอยู่ครับ (อันนี้สมมุติว่ามีผู้เสียหายรายอื่นถูกกระทำจริงก็ตาม) พยานในคดีนี้ต้องเป็นผู้รู้เห็นในคดีนี้เท่านั้นครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่