เห็นด้วยกับ อ.นิเวศน์นะฮะ เรื่อง คนไทยเชื้อจีนส่วนใหญ่ที่ร่ำรวยเป็นคนที่ “มีต้นทุนอยู่แล้ว" จากจีนในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม

มีโอกาสได้คุยกับเศรษฐีคนนึงเมื่อสองวีคที่แล้ว  นามสกุลดัง ตระกูลเป็นดีลเลอร์ขายรถ พูดประเด็นนี้ไว้

ว่า การยกระดับชั้นทางสังคมเศรษฐกิจเป็นเรื่องยาก ถ้าทำไม่ได้ในสมัยประเทศเปิด ก่อน 2540 ก็ยากที่จะทำได้ และคนที่ยกมาได้เป็น 1ใน 100 มักมีฐานทุนจากขุนนางเก่า ไม่ก็มีเงินจากตอนย้ายมาจากจีนโพ้นทะเล

เลยคิดถึงบทความกูรูวีไอ ว่าท่านเก่งจริง ที่ยกระดับ มาเป็นเศรษฐีพันล้าน ใน 1 ชั่วอายุคน ส่งต่อ wealth ให้ลูกสาว ลูกสาวแต่งกับลูก MK ส่งต่อ wealth ไปอีกรุ่น

http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/645513

ผมเองน่าจะพูดได้ว่าเกิดในครอบครัวที่อยู่ชั้นเกือบจะล่างสุดของสังคม พ่อแม่เป็นผู้อพยพชาวจีนที่ไร้การศึกษาและงานที่ทำได้อย่างเดียวก็คือการใช้แรงงานเป็นช่างก่อสร้าง ไม่ใช่เรื่องราวประเภท “เสื่อผืนหมอนใบ” ที่สร้างตัวเองขึ้นมาเป็นเจ้าสัวได้ในชั่วอายุของตนเอง ผมเองเคยศึกษาดูแล้วพบว่าชีวิตของคนรวยที่มาจากจีนโพ้นทะเลนั้น ส่วนใหญ่หรือแทบทั้งหมดต่างก็มี “ต้นทุน” ทั้งเรื่องเงิน ความรู้และคอนเน็คชั่นในการที่จะทำธุรกิจในประเทศไทยและ/หรือต่างประเทศตั้งแต่ต้น ผู้อพยพโพ้นทะเลหลังสงครามโลกครั้งที่สองในช่วงก่อนการปฏิวัติสังคมนิยมในจีนส่วนใหญ่แล้วก็เป็นคนที่ “ลี้ภัยทางเศรษฐกิจ” เพราะที่บ้าน “ไม่มีอะไรจะกิน” ดังนั้นโอกาสของผมที่จะ “เปลี่ยนชีวิต” ก็คงจะยากอยู่ไม่น้อย
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
เห็นด้วยกับ.    คห.ที่ว่าดร.  ท่านเก่ง เราเองได้มีโอกาสฟังบ้างบางเทปยกตัวอย่างให้ฟังนะคะ
1 เมื่อประมาณ 3-4 ปีที่ผ่านมา. ตอนนั้นที่ดินบูมมาก  ใครก็อยากมีอยากเก็งกำไรกันหมด.  แต่มี ดร
ที่ออกมาพูดมา ต่อไปที่ดินจะดรอป แม้จะขึ้นบ้างก็เป็นบางพื้นที่ไม่ใช่เก็งกำไรกันเยอะเหมือนตอน
นั้น (ท่านพูดก่อนที่ราคาที่ดินจะชะลอตัว)
2 ช่วงที่ผ่านมา เราพยามหาหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการค้าออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น. ก็ไปคิดว่า ก็น่าจะ vgiเพราะ
Vgi มีKerry. (แต่ดูค่าpe ของvgi แล้วอยากจะเรอ). ปรากฎว่าไปเจอคลิปดร ท่านให้ความเห็นว่า
ต่อไปรายใหญ่ค้าปลีกก็ลงมาทำขนส่งเองอยู่ดีถ้ามี โวลุมและโอกาสหลายๆอย่างพร้อม.  ต่อมาอีกไม่กี่เดือน
ก็มีทั้งแมวดำ  และล่าสุดก็ speed d. แต่ตอนนั้นเราก็ไม่ได้ซื้ออะไร. พยามคิดตาม
ทั้งสองข้อคือ. ที่พอได้ฟังและ ยกตัวอย่าง. แต่ความเห็นของ ดร ที่เราเห็นจริงและส่งผลกระทบมากก็เรื่องภาษี
เท่าที่จับใจความได้คือ เช่นกรณีภาษีมรดก. จริงๆมันไม่ควรมี คล้ายกับว่าถ้าจะเก็บไปเก็บเอาภาษีของฟุ่มเฟือย
คนรวยเค้าจ่ายได้.   คนใช้ของฟุ่มเฟือยเค้ารู้ว่ามันมีภาษีแต่เค้ามีความสามารถจ่าย
(ถ้าเพิ่มความเห็นส่วนตัวเราคือ. คนชั้นกลางเจอภาษีเต็มๆซึ่งหนักเกินไป. และขอเพิ่มความเห็นส่วนตัวในข้อภาษีที่ดิน
ที่เพิ่งผ่าน สนช.  เราว่าเกษตรกรเจอหนัก. เพราะส่วนใหญ่ไม่มีที่นาคือเช่าเอา เจ้าของที่เค้าผลักภาระแน่นอน)
ซึ่งในส่วนนี้ก็รอดูต่อไป.      ส่วนตัวเราคิดว่าถ้าอยากเก่งอยากรวย ก็ต้องหมั่นฟังและคิดตามคนเก่ง. (เลือกตามคนเก่ง
ที่มีคุณธรรม)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่