คิดว่า all-new taxi ควรเป็นวีออสเครื่อง 1600 ไหมครับ

กระทู้คำถาม
ผมคิดว่าตลาด c เซกเมนต์เดี่ยวนี้ ผูกพันธ์เข้ากับเรื่องของภาพลักษณะมากขึ้นเรื่อยๆ
การที่คิดว่า ทำตลาดได้ง่ายขึ้น เพราะมีโวลุ่มของแท๊กซี่มาช่วยหนุน อาจทำให้ทำการตลาด
ยากขึ้นเรื่อยๆ และที่สำคัญไม่ดีต่อภาพลักษณ์ในระยะยาว โดยเฉพาะกับตลาดไทย ไม่ใช่ตลาด
รถในเยอรมัน หรือในยุโรป เรื่องของภาพลักษณ์มีความอ่อนไหวมาก โดยเฉพาะโมเดลที่เป็น
แท็กซี่ พอผ่านไปนานๆ แต่ละคนก็จะได้เห็นสภาพที่ดูไม่จืด บวกกับนิสัยเกเรของคนขับบางคน
ถึงเวลารึยังที่ โตโยต้าไทยแลนด์จะนึกถึงจุดนี้บ้าง และหันมาดูแลภาพลักษณ์ c เซกเมนต์ของ
ตัวเองให้มากขึ้น

วีออส ที่กำลังลูกผีลูกคน เพราะโครงสร้างของตัวเองก็ถูกยกไปทำยาริสอีโคคาร์หมดแล้ว
เหลือแค่การตัดสินใจที่จะทำรุ่นใหม่ต่อไป อีกตัวถังหนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นโครงสร้างใหม่ หรือจะ
เล่นเกม สร้างใหม่และถอดตัวถังไปทำยาริสไปเรื่อยๆ (ก็ฉลาดดีนะ) ก็เรื่องหนึ่ง

เนื่องด้วย b เซกเมนต์ อาจจะไม่นึกถึงภาพลักษณ์เท่ากับ c เซกเมนต์ อาจจะมีนึกเหมือนกัน
แต่ก็เน้นเรื่องการใช้งาน ความคุ้มค่า ออฟชั่น การบำรุงดูแลรักษา ใช้ง่าย ดูแลง่าย ทน เหล่านี้มากกว่า
มันจะเหมาะมากถ้าจะฟื้นคืนชีพให้กับตลาดวีออสที่ลดลงมาเหลือหลัก 5-6 ร้อยคัน แข่งอยู่กับ
MG3 อยู่ในขณะนี้ ซึ่ง โตโยต้าก็จงใจกดออฟชั่นลงเพื่อให้วีออสไม่ไปยุ่งกับ 2 ยาริส จะได้มี
ความโดดเด่นได้เต็มที่ในเรื่องของถุงลมอะไรต่างๆ

ในขณะที่อีโคคาร์เครื่อง 1200-1300 ก็กำลังจะขยับราคาขึ้นจนมิด ราคาระดับกลางของ
b เซกเมนต์เครื่อง 1500 ในปัจจุบัน ถึงเวลารึยังที่วีออสจะขยับออก หรือหนีขึ้นไป เข้าใจว่า
ถ้าใส่เครื่อง 1600 ก็ควรจะเป็นการพัฒนากับตัวโมเดลใหม่ ซึ่งเหมาะสมที่จะรองรับกับ
ตลาดแท๊กซี่ที่มีข้อบังคับว่าเครื่องต้อง 1600 ขึ้นไปเท่านั้นด้วย

ในขณะที่ c เซกเม้นต์ได้ขยับทั้งภาพลักษณ์และขนาดเครื่องยนต์ขึ้นไปข้างบนหมดแล้ว
ทั้งเครื่อง 2000 เครื่อง 1500 เทอร์โบ เหลือ 1800 เป็นเครื่องพื้นฐานเริ่มต้น และการมี
เครื่องยนต์มากความจุดอาจทำให้ผู้บริโภคสับสนเช่น 1.6G กับ 1.8 E ของอัลติสที่มีราคา
ขี่กัน อาจจะดูแล้สนุก เหมือนเล่นเกมทายปัญหาว่าลูกค้าจะเอาอะไรดีนะ (555) ซึ่งไม่
รู้ว่าเซลส์จะสนุกด้วยรึเปล่า แต่ก็ไม่ได้มีผลดี เพราะพลอยทำให้รุ่นย่อยนึง ไม่น่าสนใจ
หรือขายไม่ออก ไม่รู้จะจัดมาทำไมให้เปลือง หรือให้ลูกค้าด่าว่า ทำให้ตรูสับสนงงงวยทำไม
แต่หลายคนในนี้อาจจะบอกว่า ดีแล้ว ไม่เห็นจะสับสนเลย ก็แล้วแต่แต่ละท่านครับ

ผมกำลังจินตนาการว่า ถ้าหาก วีออส ยังต้องอิงโครงสร้างวิศวกรรมกับยาริสรุ่นถัดไปอยู่ดี
เพราะที่ทำอยู่ก็ดูเหมือนฉลาดในการกระจายแชร์ชิ้นส่วน วีออสอาจต้องมีโครงสร้างที่
สามารถยืดความยาว ขยายความกว้างให้ดูเหมาะกับตลาด 1600 ได้ ยกตัวอย่างเช่น
ฟอร์จูนเนอร์ที่ยืดหน้าให้ยาวออกมา 10 เซน จากรุ่นเดิม ซึ่งจริงๆ ใช้โครงบอดี้เดิมอันเดิม
และโป่งล้อที่ใหญ่ขึ้น อาจจะแค่ 2-3 เซน แต่สร้างความแตกต่างอย่างมีนัยยะทำให้ดูใหญ่
กว่าคู่ยาริสได้

เครื่อง 1600 อัลติสที่ขายมาจนคุ้มแล้ว เมื่อมาอยู่ในบอดี้ b เซกเมนต์ที่ตัวเบาขึ้น อัตราสิ้นเปลือง
และอัตราเร่งก็จะดีตาม และภายในวีออสเจนใหม่ ถ้ายึดเอาซูซุกิเซียสเป็นแบบอย่าง ก็จะพบว่า
b เซกเมนต์ก็ขยายใหญ่ได้ไม่แพ้ c เซกเมนต์เลย อาจจะชนะมาสด้า 3 ด้วย

ที่มาเขียนนี่ เพื่อทำให้ตลาดรถดูน่าตื่นเต้นขึ้น เพื่อให้มีอะไรแตกต่างจากตลาดรถเก๋งเดิม
บ้าง ที่ลุ้นว่าอัลติสออกมายังไง หน้าแบบไหน เดี๋ยวสักพักก็เป็นแท็กซี่เต็มไปหมด ไม่เคย
มีภาพลักษณ์ที่ดีงามที่พอจะสู้กับภาพลักษณ์คู่แข่งได้ สเป็กก็ไม่ได้ดีกว่าคู่แข่ง เพราะ
รถค่ายอื่นมักจัดเต็มกว่าเสมอเนื่องจากเป็นค่ายรอง ทำให้ c เซกเมนต์ของเจ้าตลาด
ไม่มีความน่าตื่นเต้นเอาซะเลย แม้จะดันด้วย trd หรือชุดแต่งอะไรก็แล้วแต่ ไม่เหมือนคู่แข่ง
ที่การตลาดทำอะไรได้ง่ายกว่ามาก

และวีออสที่ดูเหมือนไม่มีที่ยืน เพราะต่อให้เพิ่มแอร์แบ็ก 6 ลูก ก็ใช่ว่าจะน่าสนใจนัก
เพราะเครื่องยนต์ไม่มีความเด่น เครื่อง 1500 ตอนนี้ก็มีแต่คนนึกถึงซิตี้แจ้ส และโครงสร้าง
ไม่หนีไปจากอีโค่คาร์ ดังนั้นถ้าลงทุนทำให้รุ่นใหม่มีจุดขายเพิ่ม ก็จะทำตลาดง่ายขึ้น
แต่ถ้ามาเป็น 1500 เหมือนเดิม ก็อาจจะสุ่มเสี่ยง ทำการตลาดยากเหมือนเดิมอยู่ดี

แม้วิธีนี้จะไม่เซฟสำหรับฐานยอดขายที่มั่นคงของอัลติส แต่ในระยะยาว มีผลดีด้าน
ภาพลักษณ์ของตลาด c เซกเมนต์สำหรับโตโยต้า ที่เชื่อว่ามีแฟนๆ รอคอยอยู่แล้ว
แต่ที่ไม่เลือกก็อาจจะเพราะไม่ตอบโจทย์ด้านภาพลักษณ์ของรถราคาใกล้ล้าน
และมีผลดีที่ทำให้วีออสมีที่ยืนในตลาด และเป็นตลาดที่สามารถเน้นในด้านอื่นๆ
มากกว่าเฉพาะด้านภาพลักษณ์ และเป็นตลาดของนักแต่งรถด้วย ดังนั้น แค่ออก
รถมาวันแรก ก็อาจจะถูกแปลงโฉมจนแตกต่างจากโฉมเดิมๆ ทำให้ไม่ซ้ำกับกลุ่ม
แท็กซี่ก็ได้

ประกอบกับเรื่องของแอร์ b เซกเม้นต์ยังคงสามารถเป็นมือบิดๆ แมนน่วล
ทนทานรักษาง่ายแบบนี้ไปได้อีกอย่างน้อย 1-2 เจเนอเรชั่น ฮีทเตอร์ก็คงไม่มาไปอีก
2-3 เจเนอเรชั่น ดังนั้นจึงถูกโฉลกกับตลาดแทกซี่ที่เน้นความทนทานการซ่อมบำรุงอย่างเต็มที่
ในขณะที่ c เซกเมนต์ ในอีกไม่กี่ปีก็มีแนวโน้มจะเป็นแอร์อัตโนมัติทั้งหมด เพราะเป็นตลาดเน้น
ภาพลักษณ์ และอาจจะต้องมีฮีทเตอร์เพิ่มทั้งหมด เพื่อให้ระบบแอร์ดีเทียบเท่า d เซกเม้นต์
แม้จะมีคนบ่นว่าพังง่าย ไม่เอา ไม่ชอบ ร้อน นั่นก็เป็นเรื่องของตัวท่านเองเช่นกัน

ดังนั้นผมคิดว่า ถ้าเกิดมันเป็นแบบนี้ได้ ตลาดรถเก๋งจะดูน่าสนใจขึ้น นอกเหนือจาก
ที่ฮอนด้าจะใส่เครื่องเทอร์โบมาให้ซิตี้ แจ้สลงตลาดอีโค้คาร์ และมีราคาคาบเกี่ยวกับ
b เซกเม้นต์ไปพร้อมๆ กัน วีออสน่าจะมียอดขายอยู่ที่ 1000 คันอัพไปเรื่อยๆ ไม่ยาก
เพราะตลาดแท็กซี่ ส่วนอัลติสอาจจะมียอดตกลงบ้าง แต่ก็ไม่น่าจะมากมายอย่างที่คิด
แต่ความคิดแบบนี้มันแหวกแนวเกินกว่าที่จะทำได้จริงๆ หรือไม่ก็ไม่รู้เช่นกัน

คิดว่าอัลติสอาจมากับไฮบริด เครื่อง 1.8 และถ้าฟลุ้คก็มี 2.0 ส่วน 1.6 ก็อย่างที่ว่าไปครับ
แต่เชื่อว่า อนาคตตัว b เซกเม้นต์ก็น่าจะขยับไป 1.6 เข้าสักวันอยู่แล้ว ก็แค่อีก 100 cc
ที่ผ่านมา c กับ d เซกเม้นต์ก็ขยายความจุเครื่องยนต์ขึ้นไปเป็นเรื่องปกติ ไม่ก็ต้องใส่เทอร์โบ
อยู่ที่ว่าเมื่อไหร่วีออสจะได้เครื่อง 1600 หรือวีออสจะไม่มาอีกเลย อันนี้แล้วแต่บริษัทรถเลย
ผลจากการวิจัยการตลาดของเขาต้องดีที่สุดอยู่แล้ว ผมก็แค่เขียนๆ ไปเรื่อยครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่