เมื่อวาน มีตอนหนึ่งที่อาจารย์ยกตัวอย่างจากองค์ธรรมในปฏิจสมุปบาทมาประกอบการสอน
--เรื่องทิฏฐุปาทาน เป็นปัจจัยช่วยอุปการะแก่ อกุศลกัมมภวะ (นาม ช่วย นาม)
---บุคคลมีความเห็นผิด ปัจจุบันมีเยอะ เนื่องจากมีความเห็นผิด ในลัทธิการปฏิบัติ ในปรัชญาของตน ก็เลยกระทำกรรมร่วมไปด้วยได้ไหมในขณะเห็นผิด ทำด้วย ดังนั้นขณะที่มีทิฏฐุปาทานมีการกระทำกรรม (ด้วยวจีวิญญัติ และ/หรือ กายวิญญัติ )
-ทิฏฐุปาทาน องค์ธรรมคือ ทิฏฐิ
-อกุศลกรรม องค์ธรรมคือ อกุศลเจตนา
-พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเจนว่า ในมรรคปัจจัยมี ๓ เนื้อความ หนึ่งนำไปอบายภูมิ สองนำไปกามสุคติภูมิ นำไปโลกุตตรภูมิ
-บุคคลผู้เห็นผิด ก็จะมีมิจฉามรรค นำไปสู่อบายภูมิ
-บุคคลมีความเห็นถูก ก็จะมีสัมมามรรค นำไปสู่สุคติภูมิ (ทาน ศีล ภาวนา)
(เดิมทีผมก็สงสัยว่าเวลาที่ฟังธรรมที่ไม่ตรงกับคำสอนของพระพุทธเจ้า แต่ด้วยมีความศรัทธา มีทาน มีศีล มีภาวนา ก็นั่งคิดอยู่ว่าจะเป็นอย่างไรในภพชาติต่อๆไป แต่ด้วยมิจฉามรรค ๘ ชัดเจนว่า ไปอบายภูมิ เพราะไม่เข้าใจศีล เพราะไม่เข้าใจทาน และเพราะไม่เข้าใจภาวนา )
ดังนั้น การไม่ศึกษาพระธรรม ทั้งๆที่มีโอกาสศึกษาจึงน่ากลัว
-เราสามารถเรียนรู้พระธรรมได้อย่างกว้างขวางมากมายในสื่อโซเชียล ต่างๆ ในสื่อต่างๆมีมากมายที่ถูกและมีมากมายที่ผิดเพี้ยน และเมื่อเราเกิดสงสัยในบางประเด็น เราก็สามารถกระทู้ถามในบอร์ด ก็จะมีผู้รู้จริง และผู้ไม่รู้จริง มาตอบคำถามให้เราได้พิจารณา
-ขณะทำกุศล ขณะนั้นสามารถละอกุศลได้ระดับไหน ถ้าขณะนั้นละอกุศลได้เป็นสมุจเฉท ขณะนั้นก็เห็นพระนิพพานได้ ---อันนี้ตอบโจทย์ต่อคำกล่าวที่ว่า---แม้ฟังธรรมบทเดียวก็สำเร็จมรรคผลนิพพานได้---คือจริงถ้าฟังธรรมตอนนั้นแล้วสามารถละอกุศลตอนนั้นได้แบบสมุจเฉทตอนนั้น ครับ ---อันนี้เป็นความรู้ในเรื่อง มรรคปัจจัย
-ทำให้เวลาอ่านพระสุตตันตปิฎกแล้วสอดคล้องไหมครับ ว่าฟังธรรมแล้วบุคคลจะละสังโยชน์ได้กี่ข้อในขณะฟังธรรมนั้น ไม่ใช่แบบฟังธรรมแล้วละสังโยชน์ไม่ได้เลย ละอกุศลไม่ได้เลยแม้สักนิดด้วยไม่มีกำลังพอแต่นึกเอาเองว่าจะได้ไปปฏิสนธิในโลกุตตรวิปากจิต
-เมื่อการเรียนพระธรรมสามารถตอบคำถามในใจด้วยเหตุผล สักวันเมื่อไม่มีคำถามในใจอีกด้วยฟังคำตอบจากพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง แล้วสามารถละอกุศลได้อย่างสมุจเฉท ณ ขณะนั้น ก็คงถึงพระนิพพาน
มิจฉามรรคจะเป็นแบบนี้หรือเปล่าครับ ขอรับทราบความคิดเห็นครับ
--เรื่องทิฏฐุปาทาน เป็นปัจจัยช่วยอุปการะแก่ อกุศลกัมมภวะ (นาม ช่วย นาม)
---บุคคลมีความเห็นผิด ปัจจุบันมีเยอะ เนื่องจากมีความเห็นผิด ในลัทธิการปฏิบัติ ในปรัชญาของตน ก็เลยกระทำกรรมร่วมไปด้วยได้ไหมในขณะเห็นผิด ทำด้วย ดังนั้นขณะที่มีทิฏฐุปาทานมีการกระทำกรรม (ด้วยวจีวิญญัติ และ/หรือ กายวิญญัติ )
-ทิฏฐุปาทาน องค์ธรรมคือ ทิฏฐิ
-อกุศลกรรม องค์ธรรมคือ อกุศลเจตนา
-พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเจนว่า ในมรรคปัจจัยมี ๓ เนื้อความ หนึ่งนำไปอบายภูมิ สองนำไปกามสุคติภูมิ นำไปโลกุตตรภูมิ
-บุคคลผู้เห็นผิด ก็จะมีมิจฉามรรค นำไปสู่อบายภูมิ
-บุคคลมีความเห็นถูก ก็จะมีสัมมามรรค นำไปสู่สุคติภูมิ (ทาน ศีล ภาวนา)
(เดิมทีผมก็สงสัยว่าเวลาที่ฟังธรรมที่ไม่ตรงกับคำสอนของพระพุทธเจ้า แต่ด้วยมีความศรัทธา มีทาน มีศีล มีภาวนา ก็นั่งคิดอยู่ว่าจะเป็นอย่างไรในภพชาติต่อๆไป แต่ด้วยมิจฉามรรค ๘ ชัดเจนว่า ไปอบายภูมิ เพราะไม่เข้าใจศีล เพราะไม่เข้าใจทาน และเพราะไม่เข้าใจภาวนา )
ดังนั้น การไม่ศึกษาพระธรรม ทั้งๆที่มีโอกาสศึกษาจึงน่ากลัว
-เราสามารถเรียนรู้พระธรรมได้อย่างกว้างขวางมากมายในสื่อโซเชียล ต่างๆ ในสื่อต่างๆมีมากมายที่ถูกและมีมากมายที่ผิดเพี้ยน และเมื่อเราเกิดสงสัยในบางประเด็น เราก็สามารถกระทู้ถามในบอร์ด ก็จะมีผู้รู้จริง และผู้ไม่รู้จริง มาตอบคำถามให้เราได้พิจารณา
-ขณะทำกุศล ขณะนั้นสามารถละอกุศลได้ระดับไหน ถ้าขณะนั้นละอกุศลได้เป็นสมุจเฉท ขณะนั้นก็เห็นพระนิพพานได้ ---อันนี้ตอบโจทย์ต่อคำกล่าวที่ว่า---แม้ฟังธรรมบทเดียวก็สำเร็จมรรคผลนิพพานได้---คือจริงถ้าฟังธรรมตอนนั้นแล้วสามารถละอกุศลตอนนั้นได้แบบสมุจเฉทตอนนั้น ครับ ---อันนี้เป็นความรู้ในเรื่อง มรรคปัจจัย
-ทำให้เวลาอ่านพระสุตตันตปิฎกแล้วสอดคล้องไหมครับ ว่าฟังธรรมแล้วบุคคลจะละสังโยชน์ได้กี่ข้อในขณะฟังธรรมนั้น ไม่ใช่แบบฟังธรรมแล้วละสังโยชน์ไม่ได้เลย ละอกุศลไม่ได้เลยแม้สักนิดด้วยไม่มีกำลังพอแต่นึกเอาเองว่าจะได้ไปปฏิสนธิในโลกุตตรวิปากจิต
-เมื่อการเรียนพระธรรมสามารถตอบคำถามในใจด้วยเหตุผล สักวันเมื่อไม่มีคำถามในใจอีกด้วยฟังคำตอบจากพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง แล้วสามารถละอกุศลได้อย่างสมุจเฉท ณ ขณะนั้น ก็คงถึงพระนิพพาน