รัก ลวง แค้น 3/2

กระทู้สนทนา
บทที่ผ่านมา


              ฝานฝัน  ชื่อธรรมดา ผู้หญิงที่ฝานหัวใจของเขา เธอมีท่าทางเหมือนรอใครบางคนอยู่   แน่นอนว่า น่าจะเป็นเขานั่นเอง ชายหนุ่มพยายามกดเสียงหัวเราะให้จมลงใต้ผืนอารมณ์บนใบหน้าให้มิดสนิท ก้มมองช่อดอกไม้ เพื่อความแน่ใจว่ายังสดสวยและดูดี ขอบใจว่าดอกไม้ยังสวยงามอย่างควรจะเป็น

             แต่ทันใดนั้นเอง เมวินท์ก็ต้องชะงักค้าง

             ผู้ชายคนหนึ่งนั่งเก้าอี้ด้านตรงกันข้ามของฝานฝัน เจน์เป็นรักหักเหลี่ยมโหดนั่นเอง เขาทะลึ่งโผล่มาตอนไหนกัน แม้ว่าทั้งสองจะนั่งอยู่คนละด้าน แต่สายตาคล้ายประกบติดสนิทแนบ

             จะต้องมีอะไรบางอย่างผิดปกติ

             บ้าเอ้ย....คำรามครืนในใจ

             หญิงสาวหันมามอง เธอใช้เวลาไม่นานกับการสร้างรอยยิ้ม และคำพูดอ่อนหวาน

             “ที่รัก...อ้อ  ต้องเรียกว่า  วินที่รัก คุณคงต้องทำใจแล้วนะคะ ฝันกำลังจะไปอยู่กับเจย์  อ้อ  เจย์  เพื่อนของวิน คงจำได้นะคะ  ก็เขาเป็นเพื่อนรักของวินเองนี่นา เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดนะคะ”

             พูดจบ หญิงสาวก็ส่งเสียงหัวเราะดังลั่น  เจย์หันหน้ามามอง สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นไร้ความรู้สึกผนึกค้างด้วยความเย็นยะเยือกไร้ชีวิต สีหน้าแบบนั้นกระตุ้นความรู้สึกอันน่าขนลุกขนพองชนิดหนึ่ง ไต่ออกมาจากสมองและไขสันหลังอย่างรวดเร็ว รูปลักษณ์ของสองคนเบื้องหน้าขัดแย้งและตัดกันอย่างสิ้นเชิง

             เจย์ล้วงปืนออกมาจากกระเป๋า ใช่... นั่นละ!  เป็นสิ่งที่เจ้าเพื่อนรักจอมตีสองหน้าเก็บ ไว้ในใจมานาน ตั้งแต่ที่ได้รู้จักกับฝานฝัน  เพื่อนนิสัยนรกบางคนเปลี่ยนไปจากเดิม เมื่อผู้หญิงเข้ามาแทรก

             “ยิงมันเลย...ยิงมันเลย”   เจ้าเด็กเสิร์ฟหน้าหล่อกระโดดโลดเต้นด้วยสีหน้าท่าทางออกอาการเต็มที่ ไม่น่าเชื่อว่าภายใต้สีหน้าท่าทางเรียบร้อยดูดีจะบรรจุภายในไว้ด้วยความอัปลักษณ์แห่งความรู้สึกนึกคิด ลูกค้าโต๊ะอื่นต่างพากันนั่งกินอาหารของตัวเองต่อไป โดยไม่มีใครสนใจหันมามองแม้แต่หางตา แน่ละ... ใครจะมาสนใจเรื่องของชาวบ้าน เพราะเรื่องของตนเองก็ยุ่งยากมากมายอยู่แล้ว

            เสียงปืนพกดังขึ้นไม่รู้กี่นัดต่อกี่นัด เมวินท์ไม่แน่ใจว่าตัวเองเวถลาออกมาจากร้านเพราะแรงของลูกปืนหรือเพราะเท้าก้าวถอยหลังออกมาเองกันแน่ ความรู้สึกเจ็บปวดแผ่ซ่านออกมาจากบริเวณหัวใจ  ถ้าหากยังมีหัวใจหลงเหลือ เจ็บ...แต่ไม่ใช่การเจ็บเพราะลูกกระสุน  ความเจ็บเหมือนแผ่ออกมาจากภายในมากกว่า ช่อดอกไม้บางส่วนแตกกระจายออกดลายเป็นผีเสื้อสดสวยกระพือปิกโบยบินขึ้นไปบนท้องฟ้า ในขณะร่างทรุดลงกับพื้นด้วยอาการวูบหวิว ไม่สำเหนียกถึงการเต้นของหัวใจเลยสักนิด บางทีหัวใจอาจแปลกป่นปี้ไม่มีชิ้นดีไปแล้ว

              ไม่ใช่อาการคนใกล้ตาย

             บริเวณอกด้านซ้ายถูกยิงจนยับเยิน เสื้อผ้าขาดวิ่น แต่ลมหายใจยังคงมีต่อไปโดยไม่ใส่ใจไม่ให้ความร่วมมือกับหัวใจว่าจะอยู่หรือจะไป ความรู้สึกเจ็บร้าวลึกแทนที่จะทำให้สิ้นลมหายใจกับกระชากความรู้สึกให้กลับมาอีกครั้ง

             ถนนเบื้องหน้าเวิ้งว้างเปล่าเปลี่ยวหม่นมัวเต็มไปด้วยฝุ่นควันจากแรงลมพัดผ่านมาตามซอกตึก ผู้คนหายสาบสูญไปในเวลาชั่วพริบตา ประตูทางเข้าร้านอาหารยังคงเปิดอ้าค้าง มองเห็นแสงไฟสลัวอยู่ภายในแต่แสงไฟช่างจืดชืดไร้ชีวิตชีวาอย่างแปลกประหลาด  ถ้าจะเหลือสิ่งดูแล้วมีชีวิตชีวาอย่างเดียวที่อยู่ในสายตา คงเป็นช่อดอกไม้งดงาม ในมือนี่เอง

             มาเป็นบ้าหอบดอกไม้ ทำไมกัน

             เสียงวัตถุกระทบพื้นเป็นจังหวะ หัวมุมถนนห่างออกไปไม่เกินสิบเมตร เศษขยะรวมตัวกันเป็นก้อนกลมขนาดใหญ่กลิ้งออกมาตามแรงลม  ก่อนจะมีเด็กหญิงอายุ ไม่เกินห้าขวบ ในชุดกระโปรงสีขาว ก้าวตามออกมา ใช้มือเคาะลูกบอลขนาดใหญ่สีแดงสดลงกระเด้งขึ้นลงบนพื้นด้วยท่าทางสนุกสนาน  ราวกับโลกทั้งโลกและความสนใจมีเพียงลูกบอลสีสวยเบื้องหน้าเท่านั้น  หนูน้อยชื่อว่า ฝันฝานนั่นเอง แต่คราวนี้ไม่มีแมวติดมือมาด้วย กระทั่งชายหนุ่มส่งสียงทักออกไปเธอจึงหยุดเล่นลูกบอล เปลี่ยนจากการใช้มือตีมาเป็นกอดลูกบอลไว้ในอ้อมแขน เดินตรงเข้ามาหยุดยิ้มอยู่ข้างหน้า เอียงคอถาม

             “คุณอาไม่เข้าไปในร้านอีกแล้วหรือคะ”

            “ไม่..อยากเข้าไปแล้ว เข้าไปทีไร เจอแต่เรื่องไม่ดี”  เขาตอบพลางมองอย่างพิจารณา ถ้าโลกทั้งโลกเป็นสีขาวดำ เด็กหญิงก็เป็นเพียงภาพสีสดใสสวยงาม  “ว่าแต่หนูอยู่กับใคร บ้านอยู่ที่ไหน ทำไมมาเล่นอะไรคนเดียวแถวนี้”

             “ไม่ได้เล่นคนเดียว หรอกค่ะ หนูมีเพื่อนเล่นมากมาย”

             “ที่นี่มันที่ไหนกัน”  เขาเปลี่ยนเรื่องถาม แม้ไม่เข้าใจคำพูดของเด็กหญิง  แต่สิ่งที่อยากรู้มากกว่านั้น   “ทำไมอาจำไม่ได้ว่ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”

             “คุณอาก็มาเพื่อจะเอาช่อดอกไม้ไปให้คนรักยังไงคะ”

             “คนรัก”

             “ คนรักที่ถูกลบและถูกลืม  คุณอาถึงจำไม่ได้  แต่ไม่เป็นไรหรอกค่ะ อยู่ที่นี่นาน ไปจะจำได้เอง”   ว่าพลางก็เริ่มตีลูกบอลลงพื้นอีกครั้ง หันหลังเริ่มเดินห่างออกไป  ทำเอาเมวินท์ต้องรีบร้องถามออกไปอีกครั้ง

             “เดี๋ยวก่อนสิหนู บอกอาก่อนว่า อาจะทำอะไรต่อไป แล้วเราจะเจอกันอีกไหม”

             เด็กหญิงหยุดนิ่ง  มือกอดลูกบอล หันกลับมามองด้วยแววตาสดใสเป็นประกาย ตอบมาด้วยน้ำเสียงฟังดูเป็นมิตรและการให้กำลังใจ

             “คุณอาก็เอาช่อดอกไม้ ไปให้คนรักยังไงคะ   และไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ  เราจะได้เจอกันอีกแน่นอน ถ้าคุณอาต้องการ”

             พูดจบหนูน้อยชุดขาวก็ตีลูกบอลลงพื้นอย่างชำนาญ ราวกับกำลังเลี้ยงลูกบาสเกตบอลวิ่งห่างออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนเลี้ยวหายไปยังหัวมุมถนน มีเสียงดังตึ่กๆ ของลูกบอลกระทบพื้นเป็นจังหวะแล้วจางหายไปในที่สุด

            เมวินท์สบัดศีรษะอย่างแรงเหมือนจะขับไล่ความงุนงงให้กระเด็นออกไปจากความคิด พบว่าตัวเองอยู่เพียงลำพัง ผู้คนหายไปไหนหมดทั้งที่ไม่นานมานี้ยังเห็นเดินขวักไขว่ไปมาตามถนนหนทางและร้านรวงต่าง ๆ จับจ่ายซื้อหาสินค้ากันตามความสะดวกของแต่ละคน  กระแสลมพัดผ่านมาจากซอกตึกด้านข้างดังหวิดหวิวคร่ำครวญป้ายโฆษณาแขวนหน้าร้านส่ายไหวไปตามแรงลม เสียงขอบไม้ของป้ายกระแทกผนังดังกึงกัง ฟังดูสะท้านใจอย่างบอกไม่ถูก ท้องฟ้ามีเมฆหม่นมัวปกคลุม ทำให้ไม่สามารถระบุเวลาได้ชัดเจนว่าเป็นเช้าสายบ่ายเย็น

            ฝานฝัน ช่อดอกไม่ในมือของเขา ตั้งใจจะเอามาให้เธอไม่ใช่หรือ  ถ้าอยากพบเธอก็ต้องเข้าไปในร้านอาหารแห่งเดิม จุดเริ่มต้นของเรื่องน่าจะมาจากตรงนั้น  อาการปวดเจ็บบริเวณอกด้านซ้ายทุเลาลงอย่างไม่น่าเชื่อ ทว่าเวลานี้ไม่แปลกใจอะไรอีกต่อไป  เพราะเหตุการณ์แต่ละอย่างมันแปลกประหลาดจนทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเรื่องธรรมดาไปหมด

            “ฝัน...”

       ..
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่