เมื่อลูกเริ่มเป็นวัยรุ่น มีนิสัยที่เปลี่ยนไป

เราขอพื้นที่ ระบาย หน่อยนะ ไม่รู้จะพูดให้ใครฟัง

ลูกเราอยู่ ม.4 เริ่มเป็นวัยรุ่น อาการ นิสัย ต่างๆ เริ่มเปลี่ยน เราพยายามทำความเข้าใจ  ศึกษา อ่าน ข้อมูลทุกอย่าง ถามคนโน้น คนนี้
เลี้ยงยังไง ผ่านมาได้ยังไง เพื่อเป็นข้อมูล เข้าใจว่าเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน เตรียมตัวรับมือ  พยายามอย่างที่สุด เค้าคลั่งไคล้
girl groupมาก เริ่มมาได้ซักเทอมนึงละ  เราห้ามไม่ได้ ก็ได้แต่พยายามเข้าใจ  

แต่ในความชอบของเค้า เรียกว่าบ้าคลั่งได้ ตามไปทุกงาน ทุกที่ ที่เค้าออกงาน ติดตามตลอดเวลา เลิกเรียนกลับบ้านติดตาม
FB  youtube ทุกอย่างตามสื่อ social  ไม่เคยเห็นทำการบ้าน ไม่เคยเห็นอ่านหนังสือ มานานมากแล้ว

นอนตี 2  ตี 3  ตอนเช้าปลุกตื่นยากมาก  ไปร.ร. เริ่มไปสาย  แรกๆ ช่วงแรกที่เค้านอนดึกขึ้น เราเข้าไปเตือน ก็ไม่พอใจ
เคยคุยกันตอนอารมณ์เค้าดีๆ ว่าแม่ขอได้มั๊ย นอนอย่าเกินเที่ยงคืน ถ้าวันหยุด เราจะไม่แตะต้อง  สุดท้ายก็ทำไม่ได้
จนเราต้องปล่อยไม่อยากทะเลาะกันเริ่ม นานวันนิสัยเปลี่ยน   เราพยายามประคับ ประคอง อยากไปดูก็ไป บางทีเค้าก็ให้เราไปด้วย
คุยเรื่องเดียวกัน อยากซื้อของสะสม ก็ให้ซื้อบ้างตามสมควร คิดซะว่า ไม่ติดเพื่อน ติดยา  สำหรับเราก็ OK แล้ว

พยายามเลี้ยงแบบเพื่อน  คุยเรื่องที่เค้าสนใจ คุยเรื่องไร้สาระบ้าง แทรกเรื่องเรียนบ้างตามโอกาส  จนมาวันนึง
จะซื้อของของวง Girl Group ประมาณ 5,000 บาท บอกให้เราจ่ายไปก่อน เดี๋ยวจะเก็บเงินจากค่าขนมมาคืน  
เราก็บ่น บอกว่าเยอะไปหรือเปล่า ต้องซื้อมากขนาดนี้หรือ ลดๆ ลงหน่อย ได้มั๊ย เอาเท่าทีอยากได้จริงๆ พูดแค่นี้

เค้าฟังแล้วขึ้นเลย สวนกลับว่า  ก็บอกแล้วไงเดี๋ยวคืนให้   เงินก็เป็นเงินของเค้า เค้าจะเก็บเงินมาคืนเอง จากนั้นก็เริ่มมีปากเสียงกัน
เราพูดว่าแม่อดทนกับความเป็นเค้ามานานแล้วนะ  เค้ายิ่งโมโห โกรธจัด เถึยงเราทุกคำ ไม่พูดกับเรา มาประมาณ อาทิตย์นึงละ

ทุกวันเรากลับจากที่ทำงาน จะซื้อขนม ซื้ออาหาร มาวางไว้ให้ เค้าก็กินตามปกติ แต่ไม่คุย ไม่มองหน้า ไม่ยกมือไหว้เหมือนก่อน


ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เวลาโกรธกัน แล้วเค้าเป็นแบบนี้  ทุกครั้งเราต้องเป็นฝ่ายไปขอโทษ เราก็อภัยให้ทุกครั้ง พยายามรักษา
ความสัมพันธ์ แม่ ลูก  ไม่อยากให้เป็นปัญหาระหว่างวัย เหมือนที่เคยอ่านๆ มา ครั้งนี้เราก็  Line ไปขอโทษ ถ้าพูดอะไรไม่ชอบใจ
แต่อยากให้รู้ว่าหวังดี ไม่เคยคิดร้ายกับเค้า เค้าอ่านแต่ไม่ตอบ และยังไม่พูด ไม่คุยกับเรา ไม่มองหน้าเรา  ทุกๆวันเรากลับจากทำงาน
ร้องไห้กับตัวเองทุกวัน  รู้สึกผิด เลี้ยงลูกมาไม่ดี ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เราจะไม่แม่แต่จะแต่งงาน

สิ่งที่รู้สึกเจ็บปวดใจที่สุด คือคำพูดที่ลูก ตอกกลับเราทุกครั้งที่เถึยงกัน  แต่ละคำพูด  มันเจ็บ จุกอก  กลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหล  ณ ตอนนั้น
ไม่อยากให้เค้าเห็นว่าเราร้องไห้     ทุกวันนี้  ไม่รู้ต้องเลี้ยงเค้าอย่างไร ต้องทำยังไง คนเป็นแม่ต้องอดทนขนาดไหน
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 18
ทำไมคุณทำตัวเด็กกว่าลูกคุณอีกเนี่ย ตามใจเกิน แถมยังกลัวลูกอีก แล้วแบบนี้ลูกคุณจะออกมาดีได้ไง
ลูกคุณ ถามว่าเขารู้จักผิดชอบชั่วดีไหม เขารู้
แต่เขาก็รู้เหมือนกันว่าคุณน่ะยังไงก็ยอม ทั้งๆที่ตัวคุณเป็นฝ่ายถูก

มีอย่างที่ไหน มาขอเงิน5พัน เพื่อไปซื้อของวง girl group
เขาบอกว่าขอยืม แล้วจะเก็บเงินมาคืน แล้วไอ่เงินที่เค้าเก็บเนี่ย มันไม่ได้มาจากเงินค่าขนมที่คุณให้เขาอยู่ดีหรอ

แต่ที่เราอ่านแล้วโมโหที่สุดไม่ใช่ลูกคุณ แต่เป็นคุณที่สุดท้ายคุณเป็นฝ่ายไปขอโทษลูก ตลกป่ะ เรื่องนี้ใครผิด

คุณต้องสอนให้ลูกคุณรู้บ้างว่า ชีวิตคนเรา มันไม่สามารถได้ทุกอย่างได้
ในวันที่เขาโตกว่านี้ ความต้องการของเขามันก็จะยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ถึงวันนั้นเขาจะยิ่งระทมทุกข์กับสิ่งที่อยากได้แล้วไม่ได้มา
แล้วคิดว่าถึงตอนนั้นมันจะพ้นคุณไหม มันไม่พ้น คุณก็จะยิ่งทุกข์หนักที่เห็นลูกทรมาณ

ตอนนี้มันยังพอแก้ได้ รีบแก้ซะ

ถ้าคุณไม่เปลี่ยนนิสัยใจอ่อนเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องของตัวเอง คุณกำลังส่งลูกไปตาย
ต้องใจแข็งเข้าไว้นะคะ
ความคิดเห็นที่ 45
ลักษณะแบบนี้ฝรั่งเรียก enabling คือคุณไม่ชอบพฤติกรรมแบบนี้ แต่ยัง “ช่วยทำให้มันเกิดขึ้นได้” ต่อไป
โดยตัวเด็กไม่ได้รับรู้ผลลัพธ์ของการกระทำนั้นอย่างลึกซึ้ง

แนะนำว่า เลิกได้แล้วค่ะ
เวลาไปเรียนหนังสือ คุณไม่ต้องปลุกลูก บอกให้เขาตั้งนาฬิกาปลุกและตื่นเอง ถ้าเขาไปรร.สายก็ปล่อยให้โดนครูดุ โดนลงโทษ ปล่อยคะแนนตกไปเลย (ม.4ยังพอทัน เดี๋ยวม.5-6ต้องเอ็นทรานซ์แล้ว)
อย่ายอมให้ลูกตะคอกใส่ พูดจาไม่สุภาพกับแม่ คุณต้องลงโทษเขา (ไม่จำเป็นต้องตีนะคะ ลงโทษแบบอื่นได้ เช่นไม่ให้ของว่างหลังอาหาร ลดค่าขนม งดอินเตอร์เน็ต ฯลฯ)
ไม่ขอโทษเขาก่อนในเมื่อเขาเป็นฝ่ายผิด
ลูกอยากได้เงินต้องทำงานแลก ส่งไปให้ญาติใช้ส่งของ ทำสวน ช่วยงานคอม อะไรก็ได้ พอได้ค่าจ้างมา ก็ใส่บัญชีชื่อเขาเอง เก็บเอง ไม่ให้เพิ่มอีกในเมื่อเราให้ไปตามมาตรฐานที่ตกลงกันแล้ว

ใจแข็งไว้ค่ะ ทำให้ลูกได้ลองเติบโตเป็นผู้ใหญ่
เราเป็นแม่ต้องนุ่มนวลแต่หนักแน่น เป็นที่เคารพของลูก
ลูกปรึกษาได้เข้าใจกันได้ แต่ไม่ใช่เพื่อนเล่นหัวหรือคนรับใช้ของลูกค่ะ
ความคิดเห็นที่ 20
ถ้าจะเทวดาขนาดนี้
ให้หาเงินเองใช้ชีวิตเองดีกว่ามั้งคะคุณแม่
ความคิดเห็นที่ 17
คุณแม่เลี้ยงแบบไม่ต้องให้รับผิดชอบงานอะไรเลยหรือเปล่าคะ

ทำไมเค้าถึงคิดว่า เงินก็เงินเขา??

เราว่าคุณแม่ไม่ต้องไปขอโทษ หรือพยายามรักษาความสัมพันธ์ด้วยการยอมรับผิดนะคะ นั่นมันสปอยล์ลูก

คือมาถึงขั้นนี้แล้ว คุณแม่ลองไปคุยรายละเอียดกับจิตแพทย์เด็กดูสักสองสามครั้งก่อนดีไหมคะ

แนะนำหรือทำอะไรไปก่อน อาจจะเสียมากกว่าดี เพราะมันละเอียดอ่อนมากเลย รายละเอียดปลีกย่อยเยอะ
ความคิดเห็นที่ 2
จริงๆแล้วส่วนหนึ่งคือความเข้าใจ ครับ
ไม่ใช่ตอนนี้ แต่คือที่ผ่านมา

มีหลายต่อหลายคนครับ นั่งยัน นอนยัน ยืนยัน ว่าไม่มีใครรู้จักลูกเท่ากับฉัน จนกระทั่ง ลูกติดยา เกเร ทำร้ายคนอื่นโน่นแหละ ถึงมาถามตัวเองว่า ตกลง ฉันไม่รู้จักลูกเลยรึเนี๊ยะ

ปัญหาสำหรับคนที่เดินตามลูก คือเหนื่อย ครับ บางคนเหนื่อยจนหยุด แล้วก็หันมาเริ่มใช้กำลัง ตบตีลูก
ทั้งหมดทั้งมวล เกิดจากที่ว่า เราไม่ใส่ใจเขาตั้งแต่แรกๆ แต่มาสนใจเอาตอนที่เขาเปลี่ยนแปลง

วิธีแก้คนนั้นยาก ถ้าอยากลองดู ก็แค่วิ่งตามเขาไปก่อน ถ้าถึงตัวเขาแล้วเราก็เริ่มแซงหน้า และ จูงเขาไป ข้างหน้า ครับ

คำถามคือ
ตลอดเวลาที่อยู่กับลูก ให้คะแนนความใส่ใจ เท่าไหร่ครับ(เต็ม 10)
ตลอดเวลาที่อยู่กับลูก ให้คะแนนความเข้าใจ เท่าไหร่ครับ(เต็ม 10)
ลองตอบตัวเอง แล้วก็เอามาเป็นมาตรฐาน วิ่งให้ทันลุกครับ เราจะได้แซงหน้าเขาได้

ปล.การยัดเยียดโดยไม่หวังผลไม่ใช่การใส่ใจ การตามใจไปเรื่อยโดยไม่รู้ข้อเท็จจริงก็ไม่ใช่ความเข้าใจ ครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่