เทคโนโลยีพัฒนาก้าวหน้าไม่หยุดยั้ง ความสะดวกสบายทำให้จิตใจผู้คนทั่วโลกตกต่ำ
จนยากที่จะเยียวยา
โลกต้องเผชิญภัยพิบัติ ในขณะที่ฟ้าหลั่งน้ำตาดั่งสายเลือด
ฟ้าสุดปวดร้าวประทาน“วิถีธรรม”ท่ามกลางภัยพิบัติ
นี่คือ พระคุณฟ้า ที่เป็นมากกว่าฟ้า!!
5 ศาสนา หมื่นศาสตร์ พันลัทธิ ต่างได้ทุ่มเทสุด ๆ ทว่ามิอาจสู้รบตบมือกับอำมหิตผิดบาป
ที่ครอบงำทุกมุมโลก ที่ชักนำมหันตภัยใกล้เข้ามา
พระพุทธะ พระโพธิสัตว์ องค์อินทร์ เทพพรหมยมยักษ์ ซึ่งนำโดยพระศรีอารียเมตรัย
ต่างก้มกราบพระบาท
สนองโองการฟ้าในยุคท้ายปลายกัปล์เก็บกวาดล้างโลก นำพาพุทธบุตรกลับคืนฟ้าดั่งเดิม
กลับสู่อ้อมอกพระอนุตรธรรมมารดาอีกครั้ง
ฟ้าเปลี่ยนสี ลมเปลี่ยนทิศ โลกเปลี่ยนไป จะมีใครสักกี่คนที่เปลี่ยนตาม
**3**
“ฮัลโหล ! ที่บ้านฝนตกไหม?”
“เริ่มตกนิดหน่อยค่ะ”
“เหมือนกันเลย ที่นี่ก็แค่พลำ ๆ”
“เมื่อวาน หนูนอนฟัง-พระอรหันต์ 28 องค์-(จากยูทูบ)...แต่ละองค์ท่านบากบั่นฟันฝ่าจริง ๆ กว่าจะสำเร็จได้”
“ใช่แล้ว แต่ละองค์ปฏิบัติบำเพ็ญแบบเอาชีวิตเข้าแลก ไม่เลิก ถ้าไม่สำเร็จ ยอมตายในกองธรรม ยังดีกว่าตายกลางทะเลทุกข์”เทียมเทพเสริมย้ำให้บัวแก้วเข้าใจยิ่งขึ้น หลังจากวางโทรศัพท์ เทียมเทพกลับครุ่นคิดอย่างหนัก
หันมาย้อนมองส่องตน เราว่าเราบากบั่นทุ่มเทก็ยังไม่ได้เท่าขี้เล็บของท่านเหล่านั้น ยุคสมัยนี้มีเทคโนโลยีก้าวหน้าไปไกล ทำอะไรก็สะดวกสบาย อยู่ไกลคนละฟากโลกก็ยังติดต่อพูดคุยกันได้ ทำกรรมชั่วก็ง่าย ทำลงไปไม่ยั้งมือ ลุ่มหลงโลกโลกีย์ไม่ลืมหูลืมตา จะให้บากบั่นฟันฝ่าบำเพ็ญธรรมเหมือนพระอรหันต์เห็นท่าจะยาก เกียจคร้านจนตัวขึ้นขน สิไม่ว่า
การบำเพ็ญธรรมในอดีตต้องทุ่มเทบากบั่นฟันฝ่า ยอมตายถวายชีวิต จึงจะสำเร็จธรรม ความเป็นอยู่ในยุคนั้น ต้องเก็บหอมลอมลิบให้ได้เงินก้อนโต ๆ แล้วจึงถอยรถ 1 คัน ซื้อบ้าน 1 หลัง แต่ทุกวันนี้ ไม่มีใครเขาทำกันแล้ว ยุคนี้เป็นยุค “เครดิต” รับสินค้าไปก่อน แล้วผ่อนราคาภายหลัง ไม่มีใครเขากำ “เงินสด”ไปซื้อรถซื้อบ้านกันแล้ว อย่าว่าแต่รถและบ้านเลย แม้แต่ตู้เย็น เตียงนอน ทีวี โนตบุค โทร.มือถือ ก็ให้รับสินค้าไปก่อน แล้วผ่อนราคาในภายหลัง สินค้าเงินผ่อนขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ซื้อง่ายขายคล่องกว่าสินค้าเงินสดเสียอีก
จริงสิ! นี่คือยุค “ผ่อนส่ง”เต็มรูปแบบโดยแท้
แต่คนขับรถ 10 ล้อโต้ว่า “เมียซื้อสด รถซื้อผ่อน” ก็ว่ากันไป
ระบบผ่อนส่งจึงครอบคลุมทุกเรื่อง ครอบคลุมทั้งโลก ไม่เว้นแม้แต่การบำเพ็ญธรรม
พระแม่องค์ธรรมทรงตระหนักชัดถึงอุปนิสัยใจคอของผู้คนในยุคนี้ ที่ชอบความสะดวกสบายไม่ชอบบากบั่นฟันฝ่าเหมือนผู้คนในอดีต ชอบระบบ “ผ่อนส่ง”จนฝังลึกในสายเลือดนั่นเอง
จึงให้กราบ “รับวิถีธรรม”ไว้ก่อน แล้วผ่อนบำเพ็ญในภายหลัง
เหมือนระบบ “ผ่อนส่ง”อย่างไง อย่างงั้น
นี่คือ พระคุณแห่งฟ้า นี่คือ ฟ้า...ที่เป็นมากกว่าฟ้า!!
ถ้าบำเพ็ญจริง ก็สำเร็จจริงภายในชาตินี้ชาติเดียวเหมือนพระอรหันต์ทั้งหลาย บำเพ็ญสม่ำเสมอก็จะสำเร็จในชาติต่อ ๆ ไป บำเพ็ญบ้างหยุดพักบ้างก็จะได้บำเพ็ญอย่างยืดยาวในยุคพระศรีอารียเมตรัยในอนาคตกาล ในยุคนั้นผู้คนมีอายุยืนหลายหมื่นปีนานขนาดนั้นไม่สำเร็จก็ให้มันรู้ไป ในยุคนั้นทุกศาสนารวมเป็นหนึ่ง ไม่มีศาสนาอื่นใด มีเพียงศาสนาเดียว
ถึงจะเร็วหรือช้า เมื่อกราบรับวิถีธรรมแล้ว อย่างไรก็สำเร็จธรรมกลับคืนนิพพานบ้านเดิมอย่างแน่นอน เพราะรู้ช่องทางกลับบ้านแล้ว
แต่ถ้าไม่กราบรับวิถีธรรม โอกาสสำเร็จเองนั้นริบหรี่เหลือเกิน ทว่าโอกาสพบภัยพิบัติกลับเห็นอยู่เต็ม ๆ...ภัยพิบัติว่าน่ากลัว ก็จริง แต่ภัยที่ลุ่มหลงกลางทะเลทุกข์ น่ากลัวมากกว่า
จะโทษใครได้ เมื่อเราดันเกิดในยุคท้ายปลายกัปล์ เป็นช่วงเวลาที่เขากำลังเก็บกวาดล้างโลกเตรียมการรองรับพระศรีอารียเมตรัยในอนาคตกาล ทรงมีมหาปณิธานแปรเปลี่ยนโลกอันสับสนวุ่นวายเป็นดินแดนดอกบัวบาน เมื่อหมดสิ้นยุคนั้นแล้ว คนก็จะถูกเก็บ ต่อมาดินก็จะถูกเก็บ ท้ายสุดฟ้าก็จะถูกเก็บ จากนั้นก็จะเว้นวรรคยาวนานปานใดก็ไร้คำตอบ ถ้าพลาดในเที่ยวนี้ก็คงตีตั๋วยาวในนรก เราอายุขึ้นเลขหกแล้ว วันเวลาที่ผ่านมาปูทางลงนรกไปแล้วครึ่งค่อนชีวิต แต่ที่ยังมีวันนี้ได้ก็เพราะพระเมตตาจากฟ้าเบื้องบน สำนึกคุณฟ้าทุกวัน ตื่นนอนก่อนทำสิ่งใด ก็กราบขอบพระคุณฟ้าทุกเช้าไม่เคยขาด
เราได้กราบรับวิถีธรรม ก็ถือว่าขึ้นรถไฟทันขบวนสุดท้ายพอดิบพอดี
แม้ไม่สำเร็จธรรมในชาตินี้ แต่ที่ใบหน้าก็มีตราประทับแล้ว ไม่ทำความชั่วอย่างใหม่เพิ่ม ความผิดบาปเดิมก็ได้รับการผ่อนผันอภัยโทษ ถือว่ารอดนรกเห็น ๆ หากบำเพ็ญธรรมกระท่อนกระแท่นก็จะได้บำเพ็ญอย่างยืดยาวในยุคพระศรีอารียเมตรัยอย่างแน่นอน
“คนบาปอย่างเรา โชคดี ปานนี้เชียวหรือ??!!”
“ผมถูกบังคับให้บำเพ็ญเป็นพระอรหันต์!!”เทียมเทพตะโกนก้องฟ้า ซ้ำ ๆ อย่างลืมตัว เขาอยู่บ้านคนเดียว บ้านอยู่ห่างจากบ้านหลังอื่นหลายเมตร เขารู้ตัวดีว่าเคยก่อกรรมทำเข็ญไว้มากมาย เท่านั่นยังไม่พอ
เขาหลบนรกอย่างหวุดหวิดเฉียดฉิว ทันเวลาเป๊ะเลย!!
เขาเฝ้าเพ้อฝันเหมือนคนไร้สติ แต่เขามีสติรู้ตัวอยู่ตลอดเวลา
มันมีทางเลือกแค่ 2 ทางเท่านั้น ไม่มีมากกว่านี้ ทางแรกคือนิพพาน ทางสุดท้ายคือโลกันตร์มหานรก อายุขึ้นเลขหกเหมือนไม้ใกล้ฝั่ง ถ้าเลือกทางผิด มีสิทธิตีตั๋วยาวในนรกหมกไหม้ชั่วนิรันดร์
อยู่ ๆ ความคิดของเทียมเทพก็แบ่งเป็น 2 ฝ่าย โต้เถียงกันรุนแรงหวังเอาชนะคะคานอีกฝั่งให้ได้
“เป็นคนดีอยู่แล้ว ทำไมต้องรับวิถีธรรมด้วยล่ะ? ตักบาตรทำบุญบ่อย ๆ สร้างโบสถ์ วิหาร ลานเจดีย์ด้วยเงินเป็นล้าน ๆ เจนจบพระไตรปิฎก เข้าฌานได้ เห็นนรก-สวรรค์ มีอภิญญา เหาะเหินเดินอากาศหายตัว ท่องนรก-สวรรค์ได้ ตายไปอย่างไรก็ไปสวรรค์หรือพรหมโลกแน่นอน ไม่ต้องรับวิถีธรรมก็ได้”ฝั่งที่คัดค้านตั้งคำถามที่ค้างคาใจมานาน หวังเคลียร์ให้จบ
“ก็จริง! อย่างว่า ถ้าหมดบุญจากสวรรค์หรือพรหมโลกก็ตกลงมาโลกมนุษย์อีกรอบ ก็เป็นอยู่อย่างนี้มาตลอด กี่ภพกี่ชาติซ้ำ ๆ นับไม่ถ้วนแล้ว แต่คราวนี้ต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะโลก ดิน ฟ้า อากาศ ตะวัน เดือน ดาว ได้ถูกทำลายไปหมดสิ้น นี่คือยุคท้ายปลายกัปล์ เข้าใจไว้ซะ คงมีอยู่ทางเดียว พุ่งหลาวลงนรกแข่งกับดาวตกหรือผีพุ่งใต้ ถึงตอนนั้น แม้จะรู้ตัว ก็สายเสียแล้ว ต้องย้อนกลับมาถามตนเอง อยู่บนสรวงสวรรค์หรือพรหมโลกแสนสุขสบาย แต่ต้องไปชดใช้หนี้กรรมในนรก มันคุ้มแล้วหรือ?”
“คนที่สะสมบุญบารมีไว้มาก ๆ นั่นแหละ สมควรไปกราบรับวิถีธรรม คนที่บุญน้อยหอยน้อยก็ให้ร้องเพลงรอไปก่อน”ฝั่งที่เห็นด้วยเน้นย้ำซ้ำสอง
“อ้าววว !! สองมาตรฐานนี่ นึกว่าเป็นเฉพาะทางโลก ในอาณาจักรธรรมก็มีด้วยเหรอ?”ฝั่งที่คัดค้านตั้งข้อสังเกต
ฝั่งที่เห็นด้วยได้ที ขยายความยาวเป็นขบวนรถไฟ
“ก็ต้องยอมรับว่า ช่วงนี้เป็นระยะของการบุกเบิกเผยแพร่งานธรรม เรามีทรัพยากรจำกัด เราจำเป็นต้องคัดเลือก -บุคลากรบุญ-เอาไว้ก่อน เพื่อใช้เป็นแนวหน้าทหารกล้าและธรรมทูต แต่เราก็เปิดรับทุกคนที่มีศรัทธาปรารถนากลับนิพพานบ้านเดิม เพราะเราเป็นพี่น้องกัน ดวงจิตของเราต่างก็มาจากพระแม่องค์ธรรมองค์เดียวกัน เราต่างท่องเที่ยวในโลกโลกีย์จนหลงลืมหนทางกลับบ้าน”
“ต้องการกราบรับวิถีธรรม จะต้องทำอย่างไร ติดต่อใคร ที่ไหน?”ฝั่งที่คัดค้านเริ่มเกิดปัญญามองเห็นความจริงของโลกอนิจจังที่มีเกิด-ดับคู่กันไป
“ไปที่สถานธรรม หรือร้านอาหารเจที่เขาเกี่ยวข้องกับสถานธรรม ร้านอาหารเจทั่วไปอาจไม่ได้ความ คาดว่าน่าจะมีสถานธรรมอยู่ทุกจังหวัดแล้ว ที่กำลังก่อสร้างอยู่เช่นที่พิษณุโลก ชัยภูมิ สะดวกที่ไหน ก็ไปที่นั่นได้ ”
“ต้องกินเจติดต่อกันอย่างน้อย 4 วันและต้องมีผู้คุกเข่าแนะนำ-รับรอง คือเป็นคนค้ำประกันว่า ผู้ที่จะเข้ากราบรับวิถีธรรม เป็นคนดี อาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรมจึงจะสามารถเปิดจุด -ญาณทวาร-ให้ได้”
“เป็นจุดเดียวกันกับที่พระพุทธเจ้าบอกกับพระมหากัสสปะ ในการประชุมธรรมที่เชิงเขาคิฌกูฏ เป็นจุดเดียวกันกับที่พระแม่องค์ธรรมสร้างไว้ในกายสังขารเพื่อใช้เชื่อมต่อกับฟ้าเบื้องบน เป็นจุดเดียวกันกับที่ดวงจิตเข้ามาสู่กายสังขารแล้วถูกปิดตายสนิท แต่บัดนี้ได้ถูกเปิดแล้ว”
“จุดญาณทวาร นี่เอง ที่เป็นความลับของฟ้า หากไม่ถึงเวลา ก็เปิดเผยไม่ได้ แต่เพราะพระเมตตาแห่งฟ้าเบื้องบน ที่ปรารถนาให้พุทธบุตรกลับคืนฟ้าอย่างสะดวกง่ายดาย”
“แหม!! ถ้าเราเกิดก่อนหน้านี้ หรือเกิดภายหลังนี้สักร้อยปี ก็หมดโอกาส นะสิ”ฝั่งที่คัดค้านเริ่มตื่นแจ้ง สำนึกในพระคุณฟ้า นี่คือ โอกาสทอง นี่คือ นาทีทองแท้ ๆ โชคดีแค่ไหนที่เกิดในช่วงที่ฟ้าเปิด กำลังมีการปกโปรด 3 ภพอยู่พอดี
“โดยการรับวิถีธรรม ไว้ก่อน แล้วผ่อนบำเพ็ญทีหลัง ซึ่งเหมาะสมกับจริตของผู้คนในยุคนี้ ไม่ใช่ยุคใช้เงินสดเป็นก้อน ๆ เช่นในอดีต แต่เป็นยุค -ผ่อนส่ง-นั่นเอง”
พุทธพยากรณ์...พระพุทธเจ้าได้ตรัสกับพระสุภูติว่า “หลังจากที่พระองค์ดับขันธ์ปรินิพพานผ่านไป 2500 ปี จะมีผู้ถือศีลเคร่งครัดปฏิบัติธรรมมากมาย” เป็นยุคของผู้บำเพ็ญธรรมยุคใหม่ ที่เหมาะสมกับความสับสนวุ่นวายในโลกปัจจุบันโดยแท้
“ใช่ครับ ธรรมกาลยุคขาวได้เริ่มขึ้นแล้ว แม้ว่าอยู่ในระยะหัวเลี้ยวหัวต่อ ยังมิใช่ยุคพระศรีอารียเมตรัยเต็มรูปแบบก็ตาม ทว่าพระองค์ทรงเปี่ยมล้นด้วยบุญญาธิการแผ่ไพศาลไปไกล แผ่บารมีมาครอบคลุมพวกเราในวันนี้ไว้ด้วยแล้ว ถือว่าเป็นโชควาสนาของพวกเราแท้ ๆ”
“แล้วจะทิ้งของเก่าเลยเหรอ คำสอนบางอย่าง บทสวดมนต์ อิติปิโสฯ ยังเป็นประโยชน์อยู่นะ”ฝั่งที่เคยคัดค้านฉวยจังหวะสอดแทรกแสดงออก
ฝั่งที่เห็นด้วย หยุดฟังแป๊บ แล้วเดินหน้าต่อ
“เสื้อผ้าเก่า อย่าถอดทิ้ง ให้นำมาเย็บปะ เปลี่ยนทรง ใส่ซิป ย้อมสี รีไซเคิล รียูส ใช้ได้ต่อ”
พระพุทธเจ้า ตรัสตอบพระอานนท์ซึ่งสงสัยว่าพระพุทธองค์จะตั้งผู้ใดรักษาศาสนาต่อจากพระองค์...”พระธรรมและพระวินัย จักเป็นศาสดาของพวกเธอ เมื่อถึงกาลล่วงไปแห่งเรา”
ฟ้าเปลี่ยนสี ลมเปลี่ยนทิศ โลกเปลี่ยนไป จะมีใครสักกี่คนที่เปลี่ยนตาม
ฟ้า...ที่เป็นมากกว่าฟ้า!! (ตอน 3)
จนยากที่จะเยียวยา
โลกต้องเผชิญภัยพิบัติ ในขณะที่ฟ้าหลั่งน้ำตาดั่งสายเลือด
ฟ้าสุดปวดร้าวประทาน“วิถีธรรม”ท่ามกลางภัยพิบัติ
นี่คือ พระคุณฟ้า ที่เป็นมากกว่าฟ้า!!
5 ศาสนา หมื่นศาสตร์ พันลัทธิ ต่างได้ทุ่มเทสุด ๆ ทว่ามิอาจสู้รบตบมือกับอำมหิตผิดบาป
ที่ครอบงำทุกมุมโลก ที่ชักนำมหันตภัยใกล้เข้ามา
พระพุทธะ พระโพธิสัตว์ องค์อินทร์ เทพพรหมยมยักษ์ ซึ่งนำโดยพระศรีอารียเมตรัย
ต่างก้มกราบพระบาท
สนองโองการฟ้าในยุคท้ายปลายกัปล์เก็บกวาดล้างโลก นำพาพุทธบุตรกลับคืนฟ้าดั่งเดิม
กลับสู่อ้อมอกพระอนุตรธรรมมารดาอีกครั้ง
ฟ้าเปลี่ยนสี ลมเปลี่ยนทิศ โลกเปลี่ยนไป จะมีใครสักกี่คนที่เปลี่ยนตาม
**3**
“ฮัลโหล ! ที่บ้านฝนตกไหม?”
“เริ่มตกนิดหน่อยค่ะ”
“เหมือนกันเลย ที่นี่ก็แค่พลำ ๆ”
“เมื่อวาน หนูนอนฟัง-พระอรหันต์ 28 องค์-(จากยูทูบ)...แต่ละองค์ท่านบากบั่นฟันฝ่าจริง ๆ กว่าจะสำเร็จได้”
“ใช่แล้ว แต่ละองค์ปฏิบัติบำเพ็ญแบบเอาชีวิตเข้าแลก ไม่เลิก ถ้าไม่สำเร็จ ยอมตายในกองธรรม ยังดีกว่าตายกลางทะเลทุกข์”เทียมเทพเสริมย้ำให้บัวแก้วเข้าใจยิ่งขึ้น หลังจากวางโทรศัพท์ เทียมเทพกลับครุ่นคิดอย่างหนัก
หันมาย้อนมองส่องตน เราว่าเราบากบั่นทุ่มเทก็ยังไม่ได้เท่าขี้เล็บของท่านเหล่านั้น ยุคสมัยนี้มีเทคโนโลยีก้าวหน้าไปไกล ทำอะไรก็สะดวกสบาย อยู่ไกลคนละฟากโลกก็ยังติดต่อพูดคุยกันได้ ทำกรรมชั่วก็ง่าย ทำลงไปไม่ยั้งมือ ลุ่มหลงโลกโลกีย์ไม่ลืมหูลืมตา จะให้บากบั่นฟันฝ่าบำเพ็ญธรรมเหมือนพระอรหันต์เห็นท่าจะยาก เกียจคร้านจนตัวขึ้นขน สิไม่ว่า
การบำเพ็ญธรรมในอดีตต้องทุ่มเทบากบั่นฟันฝ่า ยอมตายถวายชีวิต จึงจะสำเร็จธรรม ความเป็นอยู่ในยุคนั้น ต้องเก็บหอมลอมลิบให้ได้เงินก้อนโต ๆ แล้วจึงถอยรถ 1 คัน ซื้อบ้าน 1 หลัง แต่ทุกวันนี้ ไม่มีใครเขาทำกันแล้ว ยุคนี้เป็นยุค “เครดิต” รับสินค้าไปก่อน แล้วผ่อนราคาภายหลัง ไม่มีใครเขากำ “เงินสด”ไปซื้อรถซื้อบ้านกันแล้ว อย่าว่าแต่รถและบ้านเลย แม้แต่ตู้เย็น เตียงนอน ทีวี โนตบุค โทร.มือถือ ก็ให้รับสินค้าไปก่อน แล้วผ่อนราคาในภายหลัง สินค้าเงินผ่อนขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ซื้อง่ายขายคล่องกว่าสินค้าเงินสดเสียอีก
จริงสิ! นี่คือยุค “ผ่อนส่ง”เต็มรูปแบบโดยแท้
แต่คนขับรถ 10 ล้อโต้ว่า “เมียซื้อสด รถซื้อผ่อน” ก็ว่ากันไป
ระบบผ่อนส่งจึงครอบคลุมทุกเรื่อง ครอบคลุมทั้งโลก ไม่เว้นแม้แต่การบำเพ็ญธรรม
พระแม่องค์ธรรมทรงตระหนักชัดถึงอุปนิสัยใจคอของผู้คนในยุคนี้ ที่ชอบความสะดวกสบายไม่ชอบบากบั่นฟันฝ่าเหมือนผู้คนในอดีต ชอบระบบ “ผ่อนส่ง”จนฝังลึกในสายเลือดนั่นเอง
จึงให้กราบ “รับวิถีธรรม”ไว้ก่อน แล้วผ่อนบำเพ็ญในภายหลัง
เหมือนระบบ “ผ่อนส่ง”อย่างไง อย่างงั้น
นี่คือ พระคุณแห่งฟ้า นี่คือ ฟ้า...ที่เป็นมากกว่าฟ้า!!
ถ้าบำเพ็ญจริง ก็สำเร็จจริงภายในชาตินี้ชาติเดียวเหมือนพระอรหันต์ทั้งหลาย บำเพ็ญสม่ำเสมอก็จะสำเร็จในชาติต่อ ๆ ไป บำเพ็ญบ้างหยุดพักบ้างก็จะได้บำเพ็ญอย่างยืดยาวในยุคพระศรีอารียเมตรัยในอนาคตกาล ในยุคนั้นผู้คนมีอายุยืนหลายหมื่นปีนานขนาดนั้นไม่สำเร็จก็ให้มันรู้ไป ในยุคนั้นทุกศาสนารวมเป็นหนึ่ง ไม่มีศาสนาอื่นใด มีเพียงศาสนาเดียว
ถึงจะเร็วหรือช้า เมื่อกราบรับวิถีธรรมแล้ว อย่างไรก็สำเร็จธรรมกลับคืนนิพพานบ้านเดิมอย่างแน่นอน เพราะรู้ช่องทางกลับบ้านแล้ว
แต่ถ้าไม่กราบรับวิถีธรรม โอกาสสำเร็จเองนั้นริบหรี่เหลือเกิน ทว่าโอกาสพบภัยพิบัติกลับเห็นอยู่เต็ม ๆ...ภัยพิบัติว่าน่ากลัว ก็จริง แต่ภัยที่ลุ่มหลงกลางทะเลทุกข์ น่ากลัวมากกว่า
จะโทษใครได้ เมื่อเราดันเกิดในยุคท้ายปลายกัปล์ เป็นช่วงเวลาที่เขากำลังเก็บกวาดล้างโลกเตรียมการรองรับพระศรีอารียเมตรัยในอนาคตกาล ทรงมีมหาปณิธานแปรเปลี่ยนโลกอันสับสนวุ่นวายเป็นดินแดนดอกบัวบาน เมื่อหมดสิ้นยุคนั้นแล้ว คนก็จะถูกเก็บ ต่อมาดินก็จะถูกเก็บ ท้ายสุดฟ้าก็จะถูกเก็บ จากนั้นก็จะเว้นวรรคยาวนานปานใดก็ไร้คำตอบ ถ้าพลาดในเที่ยวนี้ก็คงตีตั๋วยาวในนรก เราอายุขึ้นเลขหกแล้ว วันเวลาที่ผ่านมาปูทางลงนรกไปแล้วครึ่งค่อนชีวิต แต่ที่ยังมีวันนี้ได้ก็เพราะพระเมตตาจากฟ้าเบื้องบน สำนึกคุณฟ้าทุกวัน ตื่นนอนก่อนทำสิ่งใด ก็กราบขอบพระคุณฟ้าทุกเช้าไม่เคยขาด
เราได้กราบรับวิถีธรรม ก็ถือว่าขึ้นรถไฟทันขบวนสุดท้ายพอดิบพอดี
แม้ไม่สำเร็จธรรมในชาตินี้ แต่ที่ใบหน้าก็มีตราประทับแล้ว ไม่ทำความชั่วอย่างใหม่เพิ่ม ความผิดบาปเดิมก็ได้รับการผ่อนผันอภัยโทษ ถือว่ารอดนรกเห็น ๆ หากบำเพ็ญธรรมกระท่อนกระแท่นก็จะได้บำเพ็ญอย่างยืดยาวในยุคพระศรีอารียเมตรัยอย่างแน่นอน
“คนบาปอย่างเรา โชคดี ปานนี้เชียวหรือ??!!”
“ผมถูกบังคับให้บำเพ็ญเป็นพระอรหันต์!!”เทียมเทพตะโกนก้องฟ้า ซ้ำ ๆ อย่างลืมตัว เขาอยู่บ้านคนเดียว บ้านอยู่ห่างจากบ้านหลังอื่นหลายเมตร เขารู้ตัวดีว่าเคยก่อกรรมทำเข็ญไว้มากมาย เท่านั่นยังไม่พอ
เขาหลบนรกอย่างหวุดหวิดเฉียดฉิว ทันเวลาเป๊ะเลย!!
เขาเฝ้าเพ้อฝันเหมือนคนไร้สติ แต่เขามีสติรู้ตัวอยู่ตลอดเวลา
มันมีทางเลือกแค่ 2 ทางเท่านั้น ไม่มีมากกว่านี้ ทางแรกคือนิพพาน ทางสุดท้ายคือโลกันตร์มหานรก อายุขึ้นเลขหกเหมือนไม้ใกล้ฝั่ง ถ้าเลือกทางผิด มีสิทธิตีตั๋วยาวในนรกหมกไหม้ชั่วนิรันดร์
อยู่ ๆ ความคิดของเทียมเทพก็แบ่งเป็น 2 ฝ่าย โต้เถียงกันรุนแรงหวังเอาชนะคะคานอีกฝั่งให้ได้
“เป็นคนดีอยู่แล้ว ทำไมต้องรับวิถีธรรมด้วยล่ะ? ตักบาตรทำบุญบ่อย ๆ สร้างโบสถ์ วิหาร ลานเจดีย์ด้วยเงินเป็นล้าน ๆ เจนจบพระไตรปิฎก เข้าฌานได้ เห็นนรก-สวรรค์ มีอภิญญา เหาะเหินเดินอากาศหายตัว ท่องนรก-สวรรค์ได้ ตายไปอย่างไรก็ไปสวรรค์หรือพรหมโลกแน่นอน ไม่ต้องรับวิถีธรรมก็ได้”ฝั่งที่คัดค้านตั้งคำถามที่ค้างคาใจมานาน หวังเคลียร์ให้จบ
“ก็จริง! อย่างว่า ถ้าหมดบุญจากสวรรค์หรือพรหมโลกก็ตกลงมาโลกมนุษย์อีกรอบ ก็เป็นอยู่อย่างนี้มาตลอด กี่ภพกี่ชาติซ้ำ ๆ นับไม่ถ้วนแล้ว แต่คราวนี้ต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะโลก ดิน ฟ้า อากาศ ตะวัน เดือน ดาว ได้ถูกทำลายไปหมดสิ้น นี่คือยุคท้ายปลายกัปล์ เข้าใจไว้ซะ คงมีอยู่ทางเดียว พุ่งหลาวลงนรกแข่งกับดาวตกหรือผีพุ่งใต้ ถึงตอนนั้น แม้จะรู้ตัว ก็สายเสียแล้ว ต้องย้อนกลับมาถามตนเอง อยู่บนสรวงสวรรค์หรือพรหมโลกแสนสุขสบาย แต่ต้องไปชดใช้หนี้กรรมในนรก มันคุ้มแล้วหรือ?”
“คนที่สะสมบุญบารมีไว้มาก ๆ นั่นแหละ สมควรไปกราบรับวิถีธรรม คนที่บุญน้อยหอยน้อยก็ให้ร้องเพลงรอไปก่อน”ฝั่งที่เห็นด้วยเน้นย้ำซ้ำสอง
“อ้าววว !! สองมาตรฐานนี่ นึกว่าเป็นเฉพาะทางโลก ในอาณาจักรธรรมก็มีด้วยเหรอ?”ฝั่งที่คัดค้านตั้งข้อสังเกต
ฝั่งที่เห็นด้วยได้ที ขยายความยาวเป็นขบวนรถไฟ
“ก็ต้องยอมรับว่า ช่วงนี้เป็นระยะของการบุกเบิกเผยแพร่งานธรรม เรามีทรัพยากรจำกัด เราจำเป็นต้องคัดเลือก -บุคลากรบุญ-เอาไว้ก่อน เพื่อใช้เป็นแนวหน้าทหารกล้าและธรรมทูต แต่เราก็เปิดรับทุกคนที่มีศรัทธาปรารถนากลับนิพพานบ้านเดิม เพราะเราเป็นพี่น้องกัน ดวงจิตของเราต่างก็มาจากพระแม่องค์ธรรมองค์เดียวกัน เราต่างท่องเที่ยวในโลกโลกีย์จนหลงลืมหนทางกลับบ้าน”
“ต้องการกราบรับวิถีธรรม จะต้องทำอย่างไร ติดต่อใคร ที่ไหน?”ฝั่งที่คัดค้านเริ่มเกิดปัญญามองเห็นความจริงของโลกอนิจจังที่มีเกิด-ดับคู่กันไป
“ไปที่สถานธรรม หรือร้านอาหารเจที่เขาเกี่ยวข้องกับสถานธรรม ร้านอาหารเจทั่วไปอาจไม่ได้ความ คาดว่าน่าจะมีสถานธรรมอยู่ทุกจังหวัดแล้ว ที่กำลังก่อสร้างอยู่เช่นที่พิษณุโลก ชัยภูมิ สะดวกที่ไหน ก็ไปที่นั่นได้ ”
“ต้องกินเจติดต่อกันอย่างน้อย 4 วันและต้องมีผู้คุกเข่าแนะนำ-รับรอง คือเป็นคนค้ำประกันว่า ผู้ที่จะเข้ากราบรับวิถีธรรม เป็นคนดี อาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรมจึงจะสามารถเปิดจุด -ญาณทวาร-ให้ได้”
“เป็นจุดเดียวกันกับที่พระพุทธเจ้าบอกกับพระมหากัสสปะ ในการประชุมธรรมที่เชิงเขาคิฌกูฏ เป็นจุดเดียวกันกับที่พระแม่องค์ธรรมสร้างไว้ในกายสังขารเพื่อใช้เชื่อมต่อกับฟ้าเบื้องบน เป็นจุดเดียวกันกับที่ดวงจิตเข้ามาสู่กายสังขารแล้วถูกปิดตายสนิท แต่บัดนี้ได้ถูกเปิดแล้ว”
“จุดญาณทวาร นี่เอง ที่เป็นความลับของฟ้า หากไม่ถึงเวลา ก็เปิดเผยไม่ได้ แต่เพราะพระเมตตาแห่งฟ้าเบื้องบน ที่ปรารถนาให้พุทธบุตรกลับคืนฟ้าอย่างสะดวกง่ายดาย”
“แหม!! ถ้าเราเกิดก่อนหน้านี้ หรือเกิดภายหลังนี้สักร้อยปี ก็หมดโอกาส นะสิ”ฝั่งที่คัดค้านเริ่มตื่นแจ้ง สำนึกในพระคุณฟ้า นี่คือ โอกาสทอง นี่คือ นาทีทองแท้ ๆ โชคดีแค่ไหนที่เกิดในช่วงที่ฟ้าเปิด กำลังมีการปกโปรด 3 ภพอยู่พอดี
“โดยการรับวิถีธรรม ไว้ก่อน แล้วผ่อนบำเพ็ญทีหลัง ซึ่งเหมาะสมกับจริตของผู้คนในยุคนี้ ไม่ใช่ยุคใช้เงินสดเป็นก้อน ๆ เช่นในอดีต แต่เป็นยุค -ผ่อนส่ง-นั่นเอง”
พุทธพยากรณ์...พระพุทธเจ้าได้ตรัสกับพระสุภูติว่า “หลังจากที่พระองค์ดับขันธ์ปรินิพพานผ่านไป 2500 ปี จะมีผู้ถือศีลเคร่งครัดปฏิบัติธรรมมากมาย” เป็นยุคของผู้บำเพ็ญธรรมยุคใหม่ ที่เหมาะสมกับความสับสนวุ่นวายในโลกปัจจุบันโดยแท้
“ใช่ครับ ธรรมกาลยุคขาวได้เริ่มขึ้นแล้ว แม้ว่าอยู่ในระยะหัวเลี้ยวหัวต่อ ยังมิใช่ยุคพระศรีอารียเมตรัยเต็มรูปแบบก็ตาม ทว่าพระองค์ทรงเปี่ยมล้นด้วยบุญญาธิการแผ่ไพศาลไปไกล แผ่บารมีมาครอบคลุมพวกเราในวันนี้ไว้ด้วยแล้ว ถือว่าเป็นโชควาสนาของพวกเราแท้ ๆ”
“แล้วจะทิ้งของเก่าเลยเหรอ คำสอนบางอย่าง บทสวดมนต์ อิติปิโสฯ ยังเป็นประโยชน์อยู่นะ”ฝั่งที่เคยคัดค้านฉวยจังหวะสอดแทรกแสดงออก
ฝั่งที่เห็นด้วย หยุดฟังแป๊บ แล้วเดินหน้าต่อ
“เสื้อผ้าเก่า อย่าถอดทิ้ง ให้นำมาเย็บปะ เปลี่ยนทรง ใส่ซิป ย้อมสี รีไซเคิล รียูส ใช้ได้ต่อ”
พระพุทธเจ้า ตรัสตอบพระอานนท์ซึ่งสงสัยว่าพระพุทธองค์จะตั้งผู้ใดรักษาศาสนาต่อจากพระองค์...”พระธรรมและพระวินัย จักเป็นศาสดาของพวกเธอ เมื่อถึงกาลล่วงไปแห่งเรา”
ฟ้าเปลี่ยนสี ลมเปลี่ยนทิศ โลกเปลี่ยนไป จะมีใครสักกี่คนที่เปลี่ยนตาม