ยาวนิดนึงนะคะ เริ่มจากปลายเดือนกรกฎาคมดิฉันไปอบรมต่างจังหวัด 4 วัน แล้วกลับมาอาหารเป็นพิษค่ะ
ท้องเสียประมาณ 10 กว่าครั้ง คุณแม่หายาหยุดถ่ายมาให้ทานค่ะ จากนั้นก็มีอาการปวดท้องมาก
ไปหาหมอ หมอบอกว่าจากอาหารเป็นพิษจึงทำให้เกิดโรคลำไส้แปรปรวน และลงความเห็นว่าน่าจะเป็นโรคกระเพาะด้วยค่ะ
ช่วงนั้นการขับถ่ายอุจจาระก็ผิดปกติค่ะ คือถ่ายเหลววันละ 2 ครั้ง จากที่ผ่านมาถ่ายประมาณ 3 วัน 1 ครั้งค่ะ

หมอก็ให้ยาปวดท้องเกร็งมาทาน แต่อาการปวดท้องก็ยังไม่ดีขึ้นสักที และเกิดอาการปัสสาวะบ่อยมากทุก 5 นาที
ก็หาหมอเฉพาะทางเดินปัสสาวะ หมอบอกว่าเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ฉีดยาแก้อักเสบแก้ปวดและให้ยามาทาน
1 อาทิตย์กลับไปดูผลตรวจปัสสาวะ หมอบอกว่าเชื้อโรคยังเยอะมาก หมอนัดวันส่องกล้องให้เป็นอีก 2 อาทิตย์ เพราะช่วงนั้นดิฉันประจำเดือนมาถึงส่องกล้องกระเพาะปัสสาวะไม่ได้

อาการปวดปัสสาวะบ่อยและปวดท้องร่วมกับการขับถ่ายผิดปกติยังดำเนินต่อไป  ดิฉันไม่ไหวแล้วจึงเดินทางไปโรงพยาบาลเอกชน คุณหมอทางเดินปัสสาวะให้ทำ CT Scan
ระบบทางเดินปัสสาวะทั้งหมด พบว่าดิฉันมีนิ่วในไตขนาด 3 mm ซึ่งคุณหมอลงความเห็นว่ายังอยู่ไกลมากและไม่เป็นอันตรายในเวลานี้ และขนาดเล็กมากอาจจะขับออกมาได้เอง
และพบว่ามีต่อมน้ำเหลืองในช่องท้องบวมหลายแห่ง ใหญ่ที่สุดประมาณ 1 เซนติเมตร

จากนั้นดิฉันก็ถูกส่งต่อมาที่ระบบทางเดินอาหารอีกครั้ง เพื่อนัดส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่
ผลการส่องกล้องบอกว่าดิฉันเป็นโรคลำไส้แปรปรวน คุณหมอก็ให้ยามาทาน บอกว่าเป็นยาปรับการทำงานของลำไส้
กระบวนการวินิจฉัยโรคทั้งหมดใช้เวลา เกือบ 3 เดือนค่ะ แล้วจนถึงตอนนี้ ดิฉันมีอาการปวดหลังมาก
ปวดตั้งแต่กระดูก ตรงข้างไหล่และกระดูกกลางหลัง ปวดลงไปเรื่อยๆจนถึงบริเวณใกล้ก้นกบค่ะ
แล้วก็มีอาการปวดกระดูกแถวหน้าอกและซี่โครงร่วมด้วย ทรมานมากค่ะ ดิฉันต้องทำอย่างไรต่อไปคะ

สรุปอาการนะคะ ตอนนี้ยังมีอาการฉี่บ่อย ปวดท้องบ้างแต่ไม่มากเท่าตอนแรก และปวดกระดูกทั้งหลังรวมถึงซี่โครงค่ะ
ดิฉันอายุ 27 เป็นคนพิการทางสายตา ไม่ได้ทำงานหนักที่จะทำให้เกิดอาการปวดหลังได้เลยค่ะ รบกวนท่านผู้รู้ด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ