เราครองเกมส์ โดยการปล่อยให้คู่ต่อสู้ครองบอล
ผมต้องยอมรับว่าเมื่อได้ยินประโยคนี้ครั้งแรก ผมรู้สึกงงงง และ เปลี่ยนเป็น ขบขัน ในแนวคิดการเล่นฟุตบอลแบบนี้ของมูริญโญ่
อาจเป็นเพราะผมดันไปเสพแนวคิด คำพูดอมตะ ของโยฮัน ครัฟ ที่ส่งผ่านสไตล์การเล่นให้เห็นในปัจจุบันโดย เป๊ป แห่ง แมน ซิ จนพาลคิดว่านี่คือสุดยอดแนวคิดการทำทีมฟุตบอล
“ผมมักจะโดนวิจารณ์เสมอถึงการใช้กองหลังสามคน แต่นั่นเป็นเรื่องที่โง่เง่าที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ยินมา สิ่งที่เราต้องการคือเอาชนะแดนกลางคู่ต่อสู้และเราจะชนะเกมการแข่งขัน ช่างหัวมันปะไรกับเกมรับที่น่าเบื่อหน่าย ถ้าจะให้ชนะแค่ 1-0 สู้ถล่มคู่แข่ง 5-4 ยังจะดีซะกว่า”
“เมื่อคุณครองบอล คุณจะมีสิ่งเดียวที่คู่แข่งไม่มี นั่นคือก็ลูกบอล และหากคู่ต่อสู้ไม่มีลูกบอลอยู่กับตัว เขาก็จะบุกใส่คุณไม่ได้ มันคือวิธีป้องกันที่ดีที่สุดเท่าที่ผมจะนึกออก”
https://www.fourfourtwo.com/th/features/lwnglabaetaimdabsuuy-oyhan-khrafftnkamenidkhwaamyingaihybaarchaa-aelalaa-maaechiiy
แต่จากฟอร์มการเล่นนัดหลังๆ ของแมน ยู ทำให้ผมย้อนนึกถึงประโยคนี้อีกครั้ง ว่านี่อาจจะเป็นปรัชญาการเล่นอีกรูปแบบที่ทรงประสิทธิภาพหากว่านักเตะสามารถเข้าใจมันได้อย่างถ่องแท้ เหมือนมีแสงสว่างก็ต้องมีเงามืด เหมือนมีเทวดาอย่างโยฮัน ครัฟ ผ่านร่างทรงคือเป๊ป ก็ต้องมีซาตานอย่างมูริญโญ่ที่ขุมนรกโอลแทรฟฟอร์ด
ถ้านักเตะแมนยูสามารถเข้าใจแทคติคมูริญโญ่ได้เร็วกว่านี้ป่านนี้น่าจะเบียดๆกับแมนซิที่หัวตารางแล้ว แต่ตอนนี้ก็ยังไม่สาย เพราะเห็นได้ชัดว่านักเตะเข้าใจแทคติคและปรัชญาได้ดีขึ้น ก่อนจบฤดูกาลคงพัฒนาถึงระดับจอมยุทธไร้กระบี่ คือแทบไม่ต้องมีลูกบอลในครอบครองเลย เหมือนบอสในเกมส์ที่จะปล่อยให้เราประเคนท่าไม้ตายต่างๆเข้าใส่ แต่เรากลับถูกตบแดดิ้นในพริบตา
นับเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของบอร์ดที่ไม่ด่วนปลดในช่วงที่เรียนรู้ปรัชญานี้ เพราะไม่แน่ว่านักเตะชุดนี้อาจสร้างปรากฏการณ์ระดับเดียวกับ บาซ่า ยุคติกิ ตาก้า และวลี เราครองเกมส์ โดยการปล่อยให้คู่ต่อสู้ครองบอล จะเป็นวลีอมตะ อีกเนิ่นนานเคียงข้างนักเตะและกุญซือเทวดา อย่างโยฮัน ครัฟ
เราครองเกมส์ โดยการปล่อยให้คู่ต่อสู้ครองบอล นี่อาจเป็นวลีในตำนาน
ผมต้องยอมรับว่าเมื่อได้ยินประโยคนี้ครั้งแรก ผมรู้สึกงงงง และ เปลี่ยนเป็น ขบขัน ในแนวคิดการเล่นฟุตบอลแบบนี้ของมูริญโญ่
อาจเป็นเพราะผมดันไปเสพแนวคิด คำพูดอมตะ ของโยฮัน ครัฟ ที่ส่งผ่านสไตล์การเล่นให้เห็นในปัจจุบันโดย เป๊ป แห่ง แมน ซิ จนพาลคิดว่านี่คือสุดยอดแนวคิดการทำทีมฟุตบอล
“ผมมักจะโดนวิจารณ์เสมอถึงการใช้กองหลังสามคน แต่นั่นเป็นเรื่องที่โง่เง่าที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ยินมา สิ่งที่เราต้องการคือเอาชนะแดนกลางคู่ต่อสู้และเราจะชนะเกมการแข่งขัน ช่างหัวมันปะไรกับเกมรับที่น่าเบื่อหน่าย ถ้าจะให้ชนะแค่ 1-0 สู้ถล่มคู่แข่ง 5-4 ยังจะดีซะกว่า”
“เมื่อคุณครองบอล คุณจะมีสิ่งเดียวที่คู่แข่งไม่มี นั่นคือก็ลูกบอล และหากคู่ต่อสู้ไม่มีลูกบอลอยู่กับตัว เขาก็จะบุกใส่คุณไม่ได้ มันคือวิธีป้องกันที่ดีที่สุดเท่าที่ผมจะนึกออก”
https://www.fourfourtwo.com/th/features/lwnglabaetaimdabsuuy-oyhan-khrafftnkamenidkhwaamyingaihybaarchaa-aelalaa-maaechiiy
แต่จากฟอร์มการเล่นนัดหลังๆ ของแมน ยู ทำให้ผมย้อนนึกถึงประโยคนี้อีกครั้ง ว่านี่อาจจะเป็นปรัชญาการเล่นอีกรูปแบบที่ทรงประสิทธิภาพหากว่านักเตะสามารถเข้าใจมันได้อย่างถ่องแท้ เหมือนมีแสงสว่างก็ต้องมีเงามืด เหมือนมีเทวดาอย่างโยฮัน ครัฟ ผ่านร่างทรงคือเป๊ป ก็ต้องมีซาตานอย่างมูริญโญ่ที่ขุมนรกโอลแทรฟฟอร์ด
ถ้านักเตะแมนยูสามารถเข้าใจแทคติคมูริญโญ่ได้เร็วกว่านี้ป่านนี้น่าจะเบียดๆกับแมนซิที่หัวตารางแล้ว แต่ตอนนี้ก็ยังไม่สาย เพราะเห็นได้ชัดว่านักเตะเข้าใจแทคติคและปรัชญาได้ดีขึ้น ก่อนจบฤดูกาลคงพัฒนาถึงระดับจอมยุทธไร้กระบี่ คือแทบไม่ต้องมีลูกบอลในครอบครองเลย เหมือนบอสในเกมส์ที่จะปล่อยให้เราประเคนท่าไม้ตายต่างๆเข้าใส่ แต่เรากลับถูกตบแดดิ้นในพริบตา
นับเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของบอร์ดที่ไม่ด่วนปลดในช่วงที่เรียนรู้ปรัชญานี้ เพราะไม่แน่ว่านักเตะชุดนี้อาจสร้างปรากฏการณ์ระดับเดียวกับ บาซ่า ยุคติกิ ตาก้า และวลี เราครองเกมส์ โดยการปล่อยให้คู่ต่อสู้ครองบอล จะเป็นวลีอมตะ อีกเนิ่นนานเคียงข้างนักเตะและกุญซือเทวดา อย่างโยฮัน ครัฟ