วันนี้ผมจะมาเล่าประสบการณ์ตรงจากตัวผมเอง
เมื่อไม่นานมานี้ ตัวผมเองนั้นได้ประสบการณ์ จากสิ่งเร้นลับ สิ่งที่วิทยาศาตร์พิสูจน์ไม่ได้
หรือที่ชาวบ้านเรียก ว่า ผี หรือ สิ่งที่เรียกว่า พลังงานมวล
เอาล่ะ เริ่มเรื่องกันเลยดีกว่า
เมื่อไม่นานมานี้ผมได้มีโอกาส ได้ไปเที่ยวต่างจังหวัดกาญจนบุรี และจังหวะที่ไปถึงมันพลบค่ำแล้ว แล้วเราไปแบบตามประสาเด็ก ๆ ที่อยากเที่ยว ไม่มีการเตียมแผน ไม่มีการจองห้องพักก่อน คิดอย่างเดียวว่าเราจะไปเที่ยวที่จังหวัดนั้น  เพราะอยากไปเที่ยวน้ำตก พอมาถึงเราก็หาร้านเช่ารถมอไซค์  เราต่างก็พากันหาที่พัก ขับไปก็ถามคนละแวกนั้นไป ว่าแถวนี้มีที่พักบ้างไหม  คนที่นี่ก็น่ารักครับ แนะนำ ให้ไปตรงนั้นสิ ตรงนี้สิ แต่พอไปถึงกลับเต็ม ทุกที่ที่มีการแนะนำมา ช่วงประมาณ 3 ทุ่ม เราเองก็ง่วงละบอกเพื่อนว่า  เห้ยกูไม่ไหวละ นั่งรถมาก็ไกล ขับรถหาที่พักอีก เหนื่อยอยากนอน เพื่นก็ตอบมาว่า เดี๋ยวเราก็เจอที่พักแล้ว แต่ตอนนี้หาที่เติมน้ำมันก่อนเหอะ น้ำมันรถกูจะหมดแล้ว  (เราไปกัน 3 คนรถมอเตอร์ไซต์ 2 คัน) พอไปถึงปั๊ม แต่ปั้มนั้นเป็นปั๊มหลอดต่างจังหวัด หลายๆ คนคงเคยเห็น พอน้ำมันเต็มถัง เราก็รีบบึ่งหาที่พักต่อเพราะแต่ละคนเริ่มโรยรา แล้วสรุปเราหาที่พักไม่ได้  เพื่อนผมก็ออกความคิดว่าเห้ย หาที่พักไม่ได้ก็หาวัดแถวนี้แหละนอน ไม่ไหวแล้ว พอขับรถไปเกือบ ๆ 3 ทุ่มใกล้ 4 ทุ่ม เราเจอวัดแห่งหนึ่งเป็นวัดเล็กไม่ใหญ่เราเห็นแม่ชีท่านนึงกำลังจะเดินเข้าวัดเราก็เลยร้องทัก แม่ชีครับ แม่ชี  แล้วรีบเตะขาตั้งวิ่งไปหา แล้วก็บอกเค้าว่าพอดีผมหาที่พักไม่ได้เลยเลยอยากมาขออาศัยวัดนอนผมต้องขออนุญาตใครครับ แม่ชีเค้าก็ชี้ไปที่กุฏิ กุฏิหนึ่งผมก็ด้วยความง่วงผมก็บอกลาและขอบคุณแม่ชีท่านนั้นแล้วเดินไปที่กุฏิ นั้นแล้วก็ตระโกรนถาม หลวงพ่อครับ หลวงพี่ครับ  ทักมั่วไปหมด เพราะไม่รู้ว่ามีใครอยู่หรือป่าว ทันใดนั้นก็มีพระรูปนึงเปิดประตูมา แล้วถามว่า มีอะไรพ่อหนุ่ม มากันดึกๆ ดื่นๆ  
เราก็เลยแจ้งเรื่องให้ท่านทราบ ท่านก็ให้เด็กวัด พาไปที่ศาลา ศาลาหนึ่ง พร้อมเครื่องนอน  เราทั้ง 3 คนนั้นก็จัดที่นอน และแยกย้ายไปอาบน้ำ
เพื่อนคนที่หนึ่งมันชื่อ ต้น  ต้นไปอาบน้ำคนแรก ก่อนไปอาบน้ำมันพูดมาคำนึงว่า จี พรุงนี้กูมีเรื่องอะไรจะคุยด้วย ผมก็ถามมันว่า อะไรวะถามเลยดิ คาใจ
มันบอกไม่เอา พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน  ต้นอาบน้ำเสร็จต้นมาที่นอนของตัวเองและก็ไหว้พระสวดมนต์ ผมก็ทักว่าเดี๋ยวนี้ไหว้พระสวดมนต์ตั้งแต่เมื่อไหร่ มันก็บอกว่าก็ควรจะไหว้พระก่อนนอนนะ แล้วมันก็นอน เพื่อนคนที่สอง ชื่อ ปอนด์ ปอนด์ก็ไปอาบน้ำ เพื่อนคนนี้ปกติเป็นคนอาบน้ำนานมาก แต่วันนี้อาบแปปเดียว แล้วรีบเข้ามานอน ผมก็ถามมันว่า ปอนด์ปกติกูอยู่กะมาอาบน้ำโคตรนาน ทำไมอาบไวจังวันนี้ มันตอบผมสั้นๆ ว่า กูกลัว ผมก็โอเคๆ มันก็ย้อนถามผมว่า แล้วเมื่อไหร่จะไปอาบน้ำผมก็ให้เหตุผลมันไปว่า กูอาบตอนกูจะนอนแต่กูยังไม่นอนเลยยังไม่อาบ มันบอกเออๆ รีบอาบระวังผีหลอก ผมก็บอกไปขำๆ ถ้าเป็นผีเด็กกูจะเตะให้คว่ำ ถ้าเป็นผีผู้หญิงกูจะจับปล้ำทำเมีย  เพราะผมเป็นคนติดตลก มันก็บอกทำเป็นเล่นไปไอ้สั** ผมก็เออนอนไป ๆ พอช่วงประมาณ เที่ยงคืน - ตีหนึง ผมเองเริ่มง่วงและเริ่มที่อยากจะอาบน้ำ อาบรีบบึ่งไปเอาผ้าขนหนู เพื่อเตรียมจะไปอาบน้ำ พอมาถึงหน้าประตูห้องน้ำ สิ่งทีเห็นคือ ห้องน้ำเป็นแบบ ห้องสังกระสี ที่แบบต่างจังหวัดเลย ก็ต่างจังหวัดนี่หว่า พอเริ่มทำภาระกิจส่วนตัวอาบน้ำ ผมก็รู้สึกเหมือนมีคนเดินอยู่ข้างนอก ก็เอ๊ะใจ ทำไมเค้ายังไม่นอน ตี 1 แล้วนะ ก็เลยชะโงกหน้า ไปดูสรุปไม่มีใคร ก็อาบน้ำต่อ คิดในใจนี่อากาศมันพาไปจนหลอนเลยหรอ  สักพักมีคนเคาะประตูห้องน้ำ ปัง ๆ ๆๆ ๆ รั่วแรงมาก ผมก็ตกใจเลยตระโกนด่าไป ไอ้สั** ใครวะ  สิ่งที่ คิดเพื่อนแกล้งแน่นอน เพราะดึกแล้วพระอาจนอน หรือพระยังไม่นอน หรือเณรแกล้ง แต่คิดว่าเพื่อนแกล้ง เลยตระโกรนถามไป ไอ้ปอนด์ หรอ ไอ้ต้นป่าว อย่าเล่นแบบนี้ ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ผมรีบอาบและรีบขึ้นมาผมก็ เตะพวกมันทั้ง 2 คนเลย พร้อมกับคำว่า ไอ้สั * แกล้งกูหรอ มันก็ทำหน้างง แล้งบอกเป็นเหี้*อะไรมึ* กู นอนอยู่กันดีๆ ผมก็บอกฟอร์มเนียนนะ มันบอกกลับมา ผีปอร์มใส่ป่าว ผมก็พูดสนุกปากไปอีก ขอให้มาเหอะกูจะตอบให้คว่ำเลย พอสิ้นสุด ประตูห้องน้ำนั้นดังขึ้นมา ปั๊ง!!!! เพื่อนผมก็รีบบอกให้ผมขอโทษในสิ่งที่พูด ผมก็อิงไปที่อากาศและบอกมันว่า ลมมันแรง นอนๆ  พอถึงช่วงประมาณตี 3 ผมเองผวาตื่น พอลืนตาขึ้นมา สายตาผมก็โฟกัสไปที่หน้าต่างผมเห็นเงาดำลักษณะคล้าย ๆ ผู้ชายนั่ง ยองที่หน้าต่างหันหน้าที่ที่พวกผม รูปร่างสูงใหญ่ ผมขยี้ตาตัวเอง แต่ก็ยังเห็นพอผมเห็นผมเริ่มสะกิดเพื่อน ให้มันตื่น แต่มันไม่ตื่น ผู้ชายคนนั้นเริ่มสำแดงฤทธิ์ ด้วยการทำตาขึงตึงใส่แล้ว เอียงคอลง จังหวะที่เอียงคอ ขากรรไกรล่างที่ปากเค้าเริ่มตกลง เค้าพยายามพูดอะไรสักอย่าง พร้อมเอามือทุบที่ขอบหน้าต่างเหมือนโมโหสุดขีด แล้วชี้มาที่ผม ตอนนั้นใจผมแถบจะหยุดเต้น ไม่นึกไม่ฝันว่าจะเจออะไรแบบนี้ ผมได้แต่ท่อง นะโมตัสสะ พะคะวะโต อาระหะโต สัมมา สัมพุทธ ตัสสะ อยู่แบบนี้น แต่เหมือนไม่มีอะไรดีขึ้น ผู้ชายคนนั้นลงมาจากหน้าต่างๆ พอลงมาลักษณะการเดินเปลี่ยนเป็นคลาน แขนทั้งสองข้างเค้าหลาน พร้อมขาหนึ่งข้างคลานเหมื่อนกันแต่อีกหนึ่งขาง ลากกับพื้น (พูดให้เห็นภาพคือ แมงมุมเดิน แต่ขาเสีย 1ข้าง )  ผมหลับตาปี๋ เพื่อไม่อยากเห็น ก็ยังได้ยินเสียงโซ่ลากกับพื้น พร้อมเสียงร้องสะอึกสะอื้น เป็นจะหวะสลับกับเสียงโซ่ ผมร้องไห้เลย กลัวมากๆ ทันใดนั้นเสียงที่สะอึกสะอื้น เปลี่ยนกลายเป็นเสียงหัวเราะแบบสะใจ ใจผมเต้นตุ๊บตับๆๆ จะช็อคให้ได้เลย สักพักเสียงนั้นหายไป ผมเองก็นึกว่าคงไปแล้วผมลืนตาขึ้นมา ผมช็อคเลย หน้าของผมกับหน้าของเค้าห่างกันแค่  3 เซนติเมตร ลิ้นของเค้าห้อยลงมา แล้วพูดแบบไม่มีเสียงออกแต่ลม ว่าตบกูสิ ตบกูสิ ตบกู และตะคอกใส่ แบบไม่มีเสียงออกแต่ลม ตบกู แล้วก็หัวเราะ แบบชอบอกชอบใจ จนผมนิ่ง ไม่รู้สึกอะไร ตัวชาไปหมด คิดในใจอย่าหลอกผมเลยพรุ่งนี้ผมทำบุญไปให้ ผีตัวนั้นก็เริ่มหายไปช้า พร้อมกับเสียงไก่ขัน ผมนอนร้องไห้สะอึกสะอื้น แบบอารมณ์ประมาณ ญาติผู้ใหญ่เสีย เพื่อนตื่นขึ้นมา เป็นอะไรเนี้ยผมพูดไม่ออกได้แต่ร้องไห้ จนเพื่อนไปนิมนต์พระมาดู พระท่านทักทันที เอาอีกแล้วสินะ ไปหลบหลู่อะไรไว้ มันน่านัก เค้าก็พาผมไปโบสถ แต่ผมเสียขวัญไปแล้ว ไม่คุยไม่อะไรกับใคร เพราะช็อค แล้วผมก็ทำบุญให้เค้าไป  พระท่านบอกไว้ว่า อาตมาไม่รู้ว่าเรารู้ไหม ที่นี่เป็นสถานที่ทรมารเฉลยศึก เพื่อให้เค้าคายความลับ คนที่เป็นเฉลยเค้าทรมารมาก ผมร้องไห้อีก เพราะนึกถึงไปเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้น และก็เก็บข้าวเก็บของกลับ
เพื่อนถามไปน้ำตกต่อปะ ผมบอกคำเดียวกูจะหลับบ้านไม่เที่ยวแล้ว เพื่อนมันก็เห็นใจและบอกรอบหน้าค่อยมาใหม่ๆ
และไอ้ต้น ที่มันบอกว่าเมื่อคืนที่กูมีเรื่องจะบอกจะฟังไหม  ผมบอกเรื่องอะไร  มันก็บอกผมว่า เมื่อคืนก่อนเข้าวัด เรียกแม่ชีที่ไหน กูกะไอ้ปอนด์ มองไม่เห็นมีใครคุยกะต้นไม้ ผมนี่เข่าอ่อนเลย  ไอ้ต้นก็บอกอีกว่ากูบอกแล้ว ให้สวดมนต์ไหว้พระ
เรื่องนี้สอนให้รู้ไว้เลยนะครับ สำหรับคนที่เชื่อ ไปที่ไหนไม่ควรปากเสีย ไปที่ไหนไหว้พระก่อนนอนทุกครั้ง ทุกอย่างจะดี อย่าไปท้าทายอะไรเกี่ยวกับสิ่งที่เรามองไม่เห็น ขอบคุณครับที่อ่านจนจบ