มีเรื่องมาเล่า เรื่องราวที่จะเล่าต่อไปนี้เกินขึ้นเมื่อวันที่ 27 พ.ค. 2566 เวลาประมาณ 18.00 น. ถึง 19.00 น. สถานที่ ณ สวนสาธารณะแห่งหนึ่งใน กทม. คนที่พบเจอเรื่องนี้มีทั้งหมด 3 คน ได้แก่ ปอนด์ ต้าร์ และ ปุ้ม เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเนื่องจากเราทั้ง 3 คนมักออกไปเที่ยวเล่นด้วยกันอยู่บ่อยๆ จนกระทั่งมาถึงวันเวลาดังกล่าวที่บอกมาข้างต้น เรา 3 คนได้นัดไปออกกำลังกายที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่งใน กทม. โดยได้นำแบตมินตันไปตีเล่นด้วยกัน แต่มีอยู่ขณะหนึ่งที่เราทั้ง 3 คน ได้นั่งพักกันในสวน ซึ่งมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นล้อมรอบอยู่ ขณะเดียวกันพวกเราทั้ง 3 คน ได้กลิ่นดอกมะลิซึ่งกลิ่นนั้นเหมือนพวงมาลัยเป็นอย่างมาก ภายหลังเรามาคุยกันจึงรู้ว่าคนที่ได้กลิ่นก่อนนั้นคือ ปอนด์ ต่อมาถึงจะเป็นต้าร์และปุ้ม ย้อนกลับมาตอนที่เราได้กลิ่น ปอนด์นั้นได้กลิ่นอยู่ซักประมาณ 1 ถึง 2 นาที แต่ปอนด์ก็เงียบไม่ได้บอกใครหรือพูดทักอะไรขึ้นมา อาจเป็นเพราะปอนด์คิดว่าสิ่งที่ได้กลิ่นนั้นเป็นเพียงดอกไม้ในสวน หรือต่อให้ไม่ใช่ดอกไม้ในสวนปอนด์ก็ไม่กล้าที่จะพูดทักออกไปอยู่ดี แต่เวลาต่อมาต้าร์กลับอุทานออกมาว่า "อุ้ย" คงจะประมาณว่าได้กลิ่นอะไรซักอย่าง ปอนด์จึงพูดออกมาว่า "อย่าทักนะ" ซึ่งเวลานั้นปอนด์กับต้าร์ก็มองหน้ากันจึงเป็นอันรู้กันแล้ว แต่ปุ้มกลับทำหน้าเรียบเฉยราวกับไม่ได้กลิ่นอะไรเลย ซึ่งปอนด์กับต้าร์เมื่อกลับมาถึงห้องพักแล้วจึงเกิดความสงสัยเป็นอย่างมากว่าสิ่งที่ได้กลิ่นนั้นคืออะไรกันแน่ แต่แล้วทุกอย่างก็เหมือนจะเฉลยว่าสิ่งที่เราได้กลิ่นนั้นคืออะไรเมื่อปอนด์ได้ขึ้นไปบนชั้น 2 ของห้องพักของปอนด์ เพื่อนำพระเครื่องที่คอ(หลวงปู่หลิววัดไร่แตงทอง และหลวงปู่แผ้ว วัดรางหมัน) และองค์พญาครุฑ(ของหลวงพ่อเปิ่น) ที่ได้พกติดตัวไปนั้น ไปไว้ที่หิ้งพระเพื่อที่จะลงไปอาบน้ำต่อ เมื่อปอนด์นำพระและองค์ครุฑไปไว้พานบนหิ้งพระแล้ว ใช่แล้ว...กลิ่นนั่นก็ลอยขึ้นมาอีกครั้ง กลิ่นนั้นคือกลิ่นพวงมาลัยมะลิที่ปอนด์ได้นำมาไหว้พระบนหิ้งเป็นประจำทุกวันพระ ใช่แล้วครับวันนี้คือวันพระ ปอนด์เลยนึกได้ว่าคือกลิ่นเดียวกันที่สัมผัสกับที่ในสวนนั้น ปอนด์จึงลงไปตามต้าร์ที่อยู่ชั้น 1 ของห้องพัก ขึ้นมาดมกลิ่นพวงมาลัยบนหิ้งพระ เพื่อจะพิสูจน์ว่ากลิ่นนั้นใช่กลิ่นเดียวกันหรือไม่ เมื่อต้าร์มาถึงได้นั่งลงตรงหน้าหิ้งพระ และยื่นหน้าไปดมพวงมาลัยนั้น ต้าร์และปอนด์เห็นตรงกันว่ากลิ่นที่เราได้กลิ่นกันจากพวงมาลัยบนหิ้งพระนั้น เป็นกลิ่นเดียวกันกับที่เราได้กลิ่นที่สวนสาธารณนั้น ปอนด์และต้าร์จึงได้นำเรื่องราวทั้งหมด มาคุยกับปุ้มอีกครั้ง เวลา 23.00 น. ถึง 24.00 น. และเมื่อทั้ง 3 คนได้นำเรื่องราวมาคุยกัน กับมีอีกเรื่องหนึ่งที่น่าประหลาดใจอีกก็คือ ปุ้มนั้นได้กลิ่นหอมของมะลิเช่นเดียวกัน แต่ที่ปุ้มทำสีหน้านิ่งเฉยนั้นเป็นเพราะก็ไม่กล้าเอยทักมาเหมือนกัน จะเป็นไปได้ไหมที่เราทั้ง 3 คนนั้น อยู่ในวัยเบญจเพสพอดี อายุ 24-25 ปี และกำลังรับปริญญาพอดีซึ่งถือว่าอยู่ในช่วงเนื้อหอม จะเป็นไปได้ไหมที่เราทั้ง 3 คนมาอยู่รวมกัน จึงเป็นการร่วมตัวของกลุ่มผู้ดวงตกและเป็นจุดสนใจให้พวกสิ่งไม่ดีตามมาและประสงค์ร้ายต่อเรา แต่ด้วยบุญและทานที่ปอนด์กับต้าร์ได้ไหว้บูชาพระทุกวันพระ และปุ้มได้บูชาพอแก่ทุกวัน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจึงมาช่วยบัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไปจากพวกเราทั้ง 3 คน และจึงบังเกิดกลิ่นหอมของดอกไม้ซึ่งตรงกับดอกไม้พวงมาลัยที่ปอนด์ได้บูชาที่หิ้งพระของปอนด์ เมื่อพวกเราทั้ง 3 คนได้คุยกันถึงเรื่องนี้แล้วจึงตกลงกันว่า วันรุ่งขึ้นจะไปทำบุญไหว้พระที่วัดสุทัศน์เพื่อเป็นสิริมงคลต่อชีวิตต่อไป และถ้าเจอกับหลวงพ่อและตรงจังหวะช่วงเวลากัน เราทั้ง 3 คน คงจะต้องขอคำปรึกษาจากท่านว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นแท้จริงคืออะไรกันแน่!!! #วัยเบญจเพส #เจอกับตัวเองจึงรู้
ได้กลิ่นดอกไม้ เป็นกลิ่นเดียวกับพวงมาลัยที่ไหว้พระเมื่อเช้า