เป็นเรื่องราวรวมๆไม่เจาะจงเจาะลึก โดยข้อมูลหลักคือนำประสบการณ์ส่วนตัวมาวิเคราะห์นะครับ
หวังว่าคงไม่ว่ากัน เชิญเม้นท์แลกเปลี่ยนความคิดเห็น จะเห็นต่างหรือแย้งอย่าไงก็ไม่ว่ากัน ตามอัธยาศัยครับ แต่ขอแบบสุภาพๆนะครับ
เริ่มนะครับ
สมมติถ้าจะสลับช่วงเวลา อดีต-อนาคต คงมีทางเดียว คือหากเป็นไปได้ ต้องมิติที่6 ขึ้นไป
แต่การเปลี่ยนประวัติศาสตร์ ก็จะกลายเป็นไทม์ไลน์ใหม่ไปเลย สมมติว่าแต่ละคน คือ ไทม์ไลน์ของตนเอง
โดยสมมติให้อิงรหัสเอกภพ(ไทม์ไลน์) กับรหัสประชาชน เช่น TH 1 9299 00 XXX XX X พอสร้างเพิ่มโดยแก้อดีต
ครั้งที่หนึ่ง(รูปแบบที่แก้ Type 1) TH 1 9299 00 XXX XX X A 1
ครั้งที่2(รูปแบบที่แก้ Type 2) TH 1 9299 00 XXX XX X A 2
กลับไปแก้ครั้งที่1 หลังจากที่อยู่ใน TH 1 9299 00 XXX XX X A 1
(กำลังใช้ชีวิตใน TH 1 9299 00 XXX XX X A 1 ) แก้อีกก็สมมติเป็น TH 1 9299 00 XXX XX X A 1-1
แต่สำหรับมิติที่ไม่เกิน มิติที่ 5 การทำก็จะเป็นแนว วนลูป และ HalfLife (ต้องเสียชีวิตโดยรู้ตัวก่อน)
ซึ่งการลูปจะวนเป็น สปริง คือดึ๋งๆๆไปข้างหน้า มันเหมือนจะวนกลับ(และเส้นสปริง(เส้นหลัก)ก็มีมิติซ้อนกันโดยมี(เอาเส้นสปริงเส้นยาวมาขดเป็นสปริง)สปริงเส้นเล็กซ้อนต่อไปเรื่อยๆ) แต่มันเป็นอนาคต (ประมาณดนตรีทำนองเดิม แตกต่างที่เนื้อร้อง) #ให้ดูขดสปริงจากหน้าตัด อารมณ์จะประมาณเล่นเกมแบบเริ่มใหม่/ดูหนังเรื่องเดิม โดยที่ความทรงจำจะมีเฉพาะจุดตัด(Event)ที่สำคัญๆ คือจำได้ว่าเคยดู/เห็นตอนนี้แล้ว และอาจเป็นอาการการแจ้งเตือนแบบ เดจาวู (+ลางสังหรณ์) ร่วมด้วย ในขณะที่เจ้าตัวจะจำเรื่องราวบางตอนอื่นๆไม่ได้เลย
และหากถึงคราวที่เป็น HalfLife เช่นเสียชีวิตตอน อายุ 80 ก็สามารถตัดไปตอน 40 ได้(หากมีความต้องการ/ขัดแย้งบางอย่างในใจ) และสามารถผสานรูปแบบได้ (หากไม่กลัวตาย/ผลพวงที่จะตามมาหากตัวเองเสียชีวิต เช่น เป็นห่วงลูกหลาน) เพราะสิ่งที่ได้สร้างไปแล้วมันจะดำเนินต่อใน เอกภพนั้นๆต่อไป แม้จะไม่มีเราอยู่ก็ตาม (ParadoxVerse : MultiVerse)
#ตัวตนอื่นๆของเราในต่างมิติความถี่ แล้วจิตวิญญาณล่ะ??? ข้อสงสัยคือ ดวงจิตที่อยู่ข้างในนั้นคือใคร หรือจะเป็น เซลล์อสุจิ ของเราที่ปั๊มและกระจายตัวอยู่รอบๆ และที่ตัดไปไม่ได้ คือ บรรพบุรุษเดิม ไปไหน??? หาใช้รูปแบบ พระบิดา พระบุตร และพระจิต ก็เป็นไปได้ว่า บรรพบุรุษอาจอยู่ในร่างใดร่างที่เหมือนเรา และเป็นโลกคู่ขนาน เพราะหากเป็นบรรพบุรุษ แน่นอนว่าย่อมมีกรรมสิทธิในตัวเรา แล้วมีกี่คน??? คนอื่นๆอาจไปในร่างลูกหลานคนอื่นๆของตนก็ได้ ในเมื่อเขามีกรรมสิทธิในตัวร่าง และบรรพบุรุษอาจแฝงอยู่ตามคนรอบๆตัวเพื่อคอยปกปักดูแลรักษาลูกหลาน เขาอาจอยู่ใกล้ อาจแฝงเป็นเพื่อนในห้องเรียน เพื่อนในที่ทำงาน แม้แต่คนข้างบ้านที่ดีต่อเราเกินความจำเป็น ซึ่งหากใช้เกณฑ์การหักเหของแสง ที่เราเห็นหลอดในแก้วที่ใส่น้ำไว้มันเอียงผิดไปจากความเป็นจริง ตัวตนต่างมิติ/เอกภพของเรา เราอาจเห็นโดยกำลังหักเหให้เราเห็นเป็นคนอื่นๆต่างๆรอบตัวก็เป็นได้ *จินตนาการ X ความน่าจะเป็น X กฏฟิสิกส์
แล้วการตาย อาจเป็นเพียงการสละร่าง(ยานพาหนะ/ที่อยู่) ไม่ต่างกับการลอกคราบ(แมลง) เพียงแต่จิตสำนึกเราจะไปผุดไปโผล่ เอกภพความถี่ไหนต่อไปก็เท่านั้น และจะทำอะไรต่อไปก็อีกเรื่องหนึ่ง
(อิสลามมีเรื่อง "อบาดัน" เกี่ยวกับจิตที่เดินหน้าต่อ ประมาณว่าตายไม่รู้ตัว และดำเนินสิ่งที่กำลังทำอยู่ต่อไป)
แต่การจะย้อนกลับไป ก็จะเจอเพียงเงาเหตุการณ์ แต่ละจิตก็มีปัจจุบันของตัวเอง
(รอบๆตัวล่ะ?? #ศึกษาเพิ่มเติม เรื่อง ญิน กอรีน/นาอิบ ในโซนคำสอนของ อิสลาม)
ส่วน นรก สวรรค์ นั้น จะว่าตามความรู้สึก ณ ปัจจุบันเป็นหลักก็ได้
แต่ที่ว่ากันเป็นดินแดน เป็นชาวนรก ชาวสวรรค์ สัตว์นรก อสูร ต่างๆ ก็เป็นเพียงมนุษย์ต่างดาว/ต่างมิติ(กาลเวลา/เทคโนโลยี) และมักจะอ้างกับพวกที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เพียงเพื่อล่อลวงให้ตนได้ผลประโยชน์ การพบเจอเหตุการณ์ นั่นเกิดจากการสะท้อนกลับของพลังงานที่ตนเองได้ปล่อยออกไปเอง ในกฏธรรมชาติ(ฟิสิกส์) f< = f> ) และพวกที่มาอ้าง ต่างๆนานานั้น เช่น พวกโรคจิต วิปริต มีปมด้อย อยากทารุณผู้อื่น (คือ มีอาการทางจิตนั่นเอง) ก็จะมาลวงว่า ตนคือ ยมบาล คือผู้อภิบาล จะมาพาไปนรก (แล้วก็ วาร์ป ด้วยเทคโนโลยี) แต่สุดแล้วถ้าไม่พาคนที่เกลียดไปทรมาณเล่นในพื้นที่ส่วนตัว ก็มักจับสาวๆไปซ่องส่วนตัว กันแทบทั้งนั้น แน่นอนว่าพวกนี้มักมีเทคโนโลยีที่เจริญกว่าเราๆ อย่างค้อนของทอร์ ก็ คือค้อนผสมอุปกรณ์ เหมือนปืนปากกา ดาบปืน หรือคฑาที่มีเทสลาคอยล์+เพาเวอร์แบงค์ทรงกระบอก ยิงไฟฟ้าโดยมีคลื่นแม่เหล็กนำกระแสไปเป้าได้
"จักรวาล" ในความหมายของพุทธศาสนานั้น หมายถึง "แกแล็กซี่" และพุทธเองก็มีสอนในเรื่องโลกธาตุ
ส่วน cosmos ที่กล่าวถึง นั้นคือ เอกภพ,กาลอวกาศ (Space-Time : พื้นที่-เวลา)
โดยที่คนส่วนใหญ่มักเรียกกันมาตามๆกันและเข้าใจกัน แล้วมักเรียก "เอกภพ" ว่า "จักรวาล"
เอกภพ (Space-Time) หากนึกไม่ออกก็ขอให้นึกถึง ของวิเศษของโดเรม่อน "ห้องส่วนตัว/พื้นที่ส่วนตัว" ที่เป็นพื้นที่ว่างเป็นอนันต์ โดยมีทางเข้าเป็นเหมือนประตูทุกหนทุกแห่ง(ประตูไปที่ไหนก็ได้,อาจจะเกี่ยวกับหลุมดำ)
เอกภพก็เป็นเหมือน Drive-Folder โดยที่จักรวาล(แกแล็กซี่),ระบบสุริยะ เป็นเหมือน CD/DVD/HardDisk เทียบ โดยสมมติ ให้ระบบสุริยะเป็นแผ่นดิสก์ แล้วมีโลกเป็นหัวอ่าน
# เพิ่มเติม 1.ร่างกายของคนเราต่างเป็นเอกภพและจักรวาล (โลกธาตุ : สมมติเช่น เดิมเป็นดาวขนาดใหญ่ แตกออก/กระทบแตก/ถูกทำให้แตก แกนดาวกลายเป็นดาวฤกษ์(สามารถกระจายตัวได้และเย็นตัวได้ โดยอาจเย็นทั้งก้อนหรือเก็บแกนไว้ด้วยได้) สมมติ ให้เป็นระบบสุริยะ แล้วแต่ละส่วนแตกได้อีก เรื่อยๆ ๆๆ เป็นระบบขนาดย่อยไปย่อยไป จนเป็นแกแล็กซี่
แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีเอกภพอื่นๆอีกมากมาย(ในMultiVerse) โดยอาจแฝงกันต่างคลื่นความถี่(รวมถึงที่เราต่างมองไม่เห็น เช่น ช่วงคลื่นอินฟาเรด : Infrared (IR)) มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า รังสีใต้แดง หรือรังสีความร้อน และ อีกตัว รังสีใต้สีฟ้า(แยกสเปกตรัม) ซึ่งทั้ง 2ตัวนี้ เราจะมองไม่เห็น (2 ตัวนี้อาจรวมกันเป็น UV ก็เป็นได้ เหมือนรอยต่อ/ซ้อนทับของเส้นที่นำหัวท้ายมาต่อกัน)
# เพิ่มเติม 2.ปัจจุบันเราต่างอาจจะอยู่ในโลกธาตุในมดลูกของคุณแม่ก็ได้ สมมติหากเทียบให้ดาวเคราะห์(โลก) เป็นไข่ใบนึง และทั้งหมดบนดาวคืออสุจิของคุณพ่อ (อิงกับสูตรเทพนอร์ส/ปกรณัมกรีก : อูรานอส-ไกอา , และคริสต์ : ตรีเอกานุภาพ พระบิดา พระบุตร พระจิต ซึ่งอาจไขว้เป็น พระมารดา พระธิดา พระจิต ด้วยก็ได้ #บางทีเคยเป็นเพศนึงแล้วอยากเปลี่ยนเป็นอีกเพศนึงก็อาจแปลงสลับได้...)
# เพิ่มเติม 3.ครานี้หากเทียบดูๆแล้วแกนดาวอาจเป็นเทียบ (สมมติ) กับไข่แดง และพื้นดิน+น้ำ คือไข่ขาว แล้วบรรยากาศ คือ เปลือก
ดังนั้นแล้วเราๆอาจกำลังเติบโตอยู่ในไข่ (หรือในท้อง #สิ่งมีชีวิตเลี้ยงลูกด้วยนม) เป็นจิตวิญญาณที่รอฟักตัว สมมติหากตายแล้ว ไข่แดงคือนรก
ดั่งที่มักกล่าว(ลือ)กันว่า เมื่อเสียชีวิต วิญญาณผู้ตายจะลงไปใต้โลก นั่นอาจเป็นการที่อสุจิวิ่งเข้าไปปฏินสนธิก็ได้ เมื่อตายแล้ว *อิงกับการเกิดใหม่ หรือหากเติบโตขึ้นแล้วจุติใหม่ กระเทาะเปลือกออกมา(ผู้ที่ได้เกิด) อาจเป็นเหตุที่เรียกว่า "โลกแตก" ส่วนผู้ที่เกิด=เกิดในอีกความถี่หนึ่ง ซึ่งโลกที่เกี่ยวข้องกัน อาจเห็น/รับรู้/รับทราบ แตกต่างกันไป (ต้องเกี่ยวกับเรื่องเวรเรื่องกรรม ดั่ง f<=f> (f=force:แรง) แรงซ้าย=แรงขวา คู่กับ กรรมใดใคร กรรมนั้นคืนสนอง , กรรมใครกรรมมัน
กล่าวคือ ต้องการสื่อถึงย่านคลื่นที่พวกเราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเนื้อปกติด้วยครับ หากใครมีประสบการณ์หรือมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ ขอนะครับ อย่าเก็บไว้คนเดียวนำมาแลกเปลี่ยนกัน เพื่อ???อะไรหลายๆอย่าง
ว่าแล้วก็ร่ายซะยาว อย่าไปคิดอะไรมากครับ หากไม่ชอบก็ผ่าน ขอให้ถือซะว่าเป็นเรื่องเพ้อเจ้อแล้วกัน
ไปกินยาแล้วนอนหละงั้น
"คุณถูก" ไม่ได้แปลว่า "ผมผิด"
คุณเห็นตามด้านของคุณตามที่คุณเห็น
"ผมผิด" ไม่ได้แปลว่า "คุณถูก"
ผมผิดซึ่งไม่ได้เข้าใจเหมือนคุณคิด
"คุณผิด" ไม่ได้แปลว่า "ผมถูก"
เราอาจผิดกันทั้งคู่หรือเพียงแค่เข้าใจไม่ตรงกัน
"ผมถูก" ไม่ได้แปลว่า "คุณผิด"
ผมก็เห็นตามที่ผมเห็น
เราลองมาปรับกันหน่อยมั้ย อย่างน้อยๆก็อย่าผิดทั้งคู่ หรือผิดให้น้อยลง ไม่ได้หวังจะให้ถูกทั้งคู่อย่างที่สุด แค่หวังให้ดีขึ้นกว่าเดิมก็เท่านั้นเอง
#คห1
เกี่ยวกับ VERSEs
หวังว่าคงไม่ว่ากัน เชิญเม้นท์แลกเปลี่ยนความคิดเห็น จะเห็นต่างหรือแย้งอย่าไงก็ไม่ว่ากัน ตามอัธยาศัยครับ แต่ขอแบบสุภาพๆนะครับ
เริ่มนะครับ
สมมติถ้าจะสลับช่วงเวลา อดีต-อนาคต คงมีทางเดียว คือหากเป็นไปได้ ต้องมิติที่6 ขึ้นไป
แต่การเปลี่ยนประวัติศาสตร์ ก็จะกลายเป็นไทม์ไลน์ใหม่ไปเลย สมมติว่าแต่ละคน คือ ไทม์ไลน์ของตนเอง
โดยสมมติให้อิงรหัสเอกภพ(ไทม์ไลน์) กับรหัสประชาชน เช่น TH 1 9299 00 XXX XX X พอสร้างเพิ่มโดยแก้อดีต
ครั้งที่หนึ่ง(รูปแบบที่แก้ Type 1) TH 1 9299 00 XXX XX X A 1
ครั้งที่2(รูปแบบที่แก้ Type 2) TH 1 9299 00 XXX XX X A 2
กลับไปแก้ครั้งที่1 หลังจากที่อยู่ใน TH 1 9299 00 XXX XX X A 1
(กำลังใช้ชีวิตใน TH 1 9299 00 XXX XX X A 1 ) แก้อีกก็สมมติเป็น TH 1 9299 00 XXX XX X A 1-1
แต่สำหรับมิติที่ไม่เกิน มิติที่ 5 การทำก็จะเป็นแนว วนลูป และ HalfLife (ต้องเสียชีวิตโดยรู้ตัวก่อน)
ซึ่งการลูปจะวนเป็น สปริง คือดึ๋งๆๆไปข้างหน้า มันเหมือนจะวนกลับ(และเส้นสปริง(เส้นหลัก)ก็มีมิติซ้อนกันโดยมี(เอาเส้นสปริงเส้นยาวมาขดเป็นสปริง)สปริงเส้นเล็กซ้อนต่อไปเรื่อยๆ) แต่มันเป็นอนาคต (ประมาณดนตรีทำนองเดิม แตกต่างที่เนื้อร้อง) #ให้ดูขดสปริงจากหน้าตัด อารมณ์จะประมาณเล่นเกมแบบเริ่มใหม่/ดูหนังเรื่องเดิม โดยที่ความทรงจำจะมีเฉพาะจุดตัด(Event)ที่สำคัญๆ คือจำได้ว่าเคยดู/เห็นตอนนี้แล้ว และอาจเป็นอาการการแจ้งเตือนแบบ เดจาวู (+ลางสังหรณ์) ร่วมด้วย ในขณะที่เจ้าตัวจะจำเรื่องราวบางตอนอื่นๆไม่ได้เลย
และหากถึงคราวที่เป็น HalfLife เช่นเสียชีวิตตอน อายุ 80 ก็สามารถตัดไปตอน 40 ได้(หากมีความต้องการ/ขัดแย้งบางอย่างในใจ) และสามารถผสานรูปแบบได้ (หากไม่กลัวตาย/ผลพวงที่จะตามมาหากตัวเองเสียชีวิต เช่น เป็นห่วงลูกหลาน) เพราะสิ่งที่ได้สร้างไปแล้วมันจะดำเนินต่อใน เอกภพนั้นๆต่อไป แม้จะไม่มีเราอยู่ก็ตาม (ParadoxVerse : MultiVerse)
#ตัวตนอื่นๆของเราในต่างมิติความถี่ แล้วจิตวิญญาณล่ะ??? ข้อสงสัยคือ ดวงจิตที่อยู่ข้างในนั้นคือใคร หรือจะเป็น เซลล์อสุจิ ของเราที่ปั๊มและกระจายตัวอยู่รอบๆ และที่ตัดไปไม่ได้ คือ บรรพบุรุษเดิม ไปไหน??? หาใช้รูปแบบ พระบิดา พระบุตร และพระจิต ก็เป็นไปได้ว่า บรรพบุรุษอาจอยู่ในร่างใดร่างที่เหมือนเรา และเป็นโลกคู่ขนาน เพราะหากเป็นบรรพบุรุษ แน่นอนว่าย่อมมีกรรมสิทธิในตัวเรา แล้วมีกี่คน??? คนอื่นๆอาจไปในร่างลูกหลานคนอื่นๆของตนก็ได้ ในเมื่อเขามีกรรมสิทธิในตัวร่าง และบรรพบุรุษอาจแฝงอยู่ตามคนรอบๆตัวเพื่อคอยปกปักดูแลรักษาลูกหลาน เขาอาจอยู่ใกล้ อาจแฝงเป็นเพื่อนในห้องเรียน เพื่อนในที่ทำงาน แม้แต่คนข้างบ้านที่ดีต่อเราเกินความจำเป็น ซึ่งหากใช้เกณฑ์การหักเหของแสง ที่เราเห็นหลอดในแก้วที่ใส่น้ำไว้มันเอียงผิดไปจากความเป็นจริง ตัวตนต่างมิติ/เอกภพของเรา เราอาจเห็นโดยกำลังหักเหให้เราเห็นเป็นคนอื่นๆต่างๆรอบตัวก็เป็นได้ *จินตนาการ X ความน่าจะเป็น X กฏฟิสิกส์
แล้วการตาย อาจเป็นเพียงการสละร่าง(ยานพาหนะ/ที่อยู่) ไม่ต่างกับการลอกคราบ(แมลง) เพียงแต่จิตสำนึกเราจะไปผุดไปโผล่ เอกภพความถี่ไหนต่อไปก็เท่านั้น และจะทำอะไรต่อไปก็อีกเรื่องหนึ่ง
(อิสลามมีเรื่อง "อบาดัน" เกี่ยวกับจิตที่เดินหน้าต่อ ประมาณว่าตายไม่รู้ตัว และดำเนินสิ่งที่กำลังทำอยู่ต่อไป)
แต่การจะย้อนกลับไป ก็จะเจอเพียงเงาเหตุการณ์ แต่ละจิตก็มีปัจจุบันของตัวเอง
(รอบๆตัวล่ะ?? #ศึกษาเพิ่มเติม เรื่อง ญิน กอรีน/นาอิบ ในโซนคำสอนของ อิสลาม)
ส่วน นรก สวรรค์ นั้น จะว่าตามความรู้สึก ณ ปัจจุบันเป็นหลักก็ได้
แต่ที่ว่ากันเป็นดินแดน เป็นชาวนรก ชาวสวรรค์ สัตว์นรก อสูร ต่างๆ ก็เป็นเพียงมนุษย์ต่างดาว/ต่างมิติ(กาลเวลา/เทคโนโลยี) และมักจะอ้างกับพวกที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เพียงเพื่อล่อลวงให้ตนได้ผลประโยชน์ การพบเจอเหตุการณ์ นั่นเกิดจากการสะท้อนกลับของพลังงานที่ตนเองได้ปล่อยออกไปเอง ในกฏธรรมชาติ(ฟิสิกส์) f< = f> ) และพวกที่มาอ้าง ต่างๆนานานั้น เช่น พวกโรคจิต วิปริต มีปมด้อย อยากทารุณผู้อื่น (คือ มีอาการทางจิตนั่นเอง) ก็จะมาลวงว่า ตนคือ ยมบาล คือผู้อภิบาล จะมาพาไปนรก (แล้วก็ วาร์ป ด้วยเทคโนโลยี) แต่สุดแล้วถ้าไม่พาคนที่เกลียดไปทรมาณเล่นในพื้นที่ส่วนตัว ก็มักจับสาวๆไปซ่องส่วนตัว กันแทบทั้งนั้น แน่นอนว่าพวกนี้มักมีเทคโนโลยีที่เจริญกว่าเราๆ อย่างค้อนของทอร์ ก็ คือค้อนผสมอุปกรณ์ เหมือนปืนปากกา ดาบปืน หรือคฑาที่มีเทสลาคอยล์+เพาเวอร์แบงค์ทรงกระบอก ยิงไฟฟ้าโดยมีคลื่นแม่เหล็กนำกระแสไปเป้าได้
"จักรวาล" ในความหมายของพุทธศาสนานั้น หมายถึง "แกแล็กซี่" และพุทธเองก็มีสอนในเรื่องโลกธาตุ
ส่วน cosmos ที่กล่าวถึง นั้นคือ เอกภพ,กาลอวกาศ (Space-Time : พื้นที่-เวลา)
โดยที่คนส่วนใหญ่มักเรียกกันมาตามๆกันและเข้าใจกัน แล้วมักเรียก "เอกภพ" ว่า "จักรวาล"
เอกภพ (Space-Time) หากนึกไม่ออกก็ขอให้นึกถึง ของวิเศษของโดเรม่อน "ห้องส่วนตัว/พื้นที่ส่วนตัว" ที่เป็นพื้นที่ว่างเป็นอนันต์ โดยมีทางเข้าเป็นเหมือนประตูทุกหนทุกแห่ง(ประตูไปที่ไหนก็ได้,อาจจะเกี่ยวกับหลุมดำ)
เอกภพก็เป็นเหมือน Drive-Folder โดยที่จักรวาล(แกแล็กซี่),ระบบสุริยะ เป็นเหมือน CD/DVD/HardDisk เทียบ โดยสมมติ ให้ระบบสุริยะเป็นแผ่นดิสก์ แล้วมีโลกเป็นหัวอ่าน
# เพิ่มเติม 1.ร่างกายของคนเราต่างเป็นเอกภพและจักรวาล (โลกธาตุ : สมมติเช่น เดิมเป็นดาวขนาดใหญ่ แตกออก/กระทบแตก/ถูกทำให้แตก แกนดาวกลายเป็นดาวฤกษ์(สามารถกระจายตัวได้และเย็นตัวได้ โดยอาจเย็นทั้งก้อนหรือเก็บแกนไว้ด้วยได้) สมมติ ให้เป็นระบบสุริยะ แล้วแต่ละส่วนแตกได้อีก เรื่อยๆ ๆๆ เป็นระบบขนาดย่อยไปย่อยไป จนเป็นแกแล็กซี่
แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีเอกภพอื่นๆอีกมากมาย(ในMultiVerse) โดยอาจแฝงกันต่างคลื่นความถี่(รวมถึงที่เราต่างมองไม่เห็น เช่น ช่วงคลื่นอินฟาเรด : Infrared (IR)) มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า รังสีใต้แดง หรือรังสีความร้อน และ อีกตัว รังสีใต้สีฟ้า(แยกสเปกตรัม) ซึ่งทั้ง 2ตัวนี้ เราจะมองไม่เห็น (2 ตัวนี้อาจรวมกันเป็น UV ก็เป็นได้ เหมือนรอยต่อ/ซ้อนทับของเส้นที่นำหัวท้ายมาต่อกัน)
# เพิ่มเติม 2.ปัจจุบันเราต่างอาจจะอยู่ในโลกธาตุในมดลูกของคุณแม่ก็ได้ สมมติหากเทียบให้ดาวเคราะห์(โลก) เป็นไข่ใบนึง และทั้งหมดบนดาวคืออสุจิของคุณพ่อ (อิงกับสูตรเทพนอร์ส/ปกรณัมกรีก : อูรานอส-ไกอา , และคริสต์ : ตรีเอกานุภาพ พระบิดา พระบุตร พระจิต ซึ่งอาจไขว้เป็น พระมารดา พระธิดา พระจิต ด้วยก็ได้ #บางทีเคยเป็นเพศนึงแล้วอยากเปลี่ยนเป็นอีกเพศนึงก็อาจแปลงสลับได้...)
# เพิ่มเติม 3.ครานี้หากเทียบดูๆแล้วแกนดาวอาจเป็นเทียบ (สมมติ) กับไข่แดง และพื้นดิน+น้ำ คือไข่ขาว แล้วบรรยากาศ คือ เปลือก
ดังนั้นแล้วเราๆอาจกำลังเติบโตอยู่ในไข่ (หรือในท้อง #สิ่งมีชีวิตเลี้ยงลูกด้วยนม) เป็นจิตวิญญาณที่รอฟักตัว สมมติหากตายแล้ว ไข่แดงคือนรก
ดั่งที่มักกล่าว(ลือ)กันว่า เมื่อเสียชีวิต วิญญาณผู้ตายจะลงไปใต้โลก นั่นอาจเป็นการที่อสุจิวิ่งเข้าไปปฏินสนธิก็ได้ เมื่อตายแล้ว *อิงกับการเกิดใหม่ หรือหากเติบโตขึ้นแล้วจุติใหม่ กระเทาะเปลือกออกมา(ผู้ที่ได้เกิด) อาจเป็นเหตุที่เรียกว่า "โลกแตก" ส่วนผู้ที่เกิด=เกิดในอีกความถี่หนึ่ง ซึ่งโลกที่เกี่ยวข้องกัน อาจเห็น/รับรู้/รับทราบ แตกต่างกันไป (ต้องเกี่ยวกับเรื่องเวรเรื่องกรรม ดั่ง f<=f> (f=force:แรง) แรงซ้าย=แรงขวา คู่กับ กรรมใดใคร กรรมนั้นคืนสนอง , กรรมใครกรรมมัน
กล่าวคือ ต้องการสื่อถึงย่านคลื่นที่พวกเราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเนื้อปกติด้วยครับ หากใครมีประสบการณ์หรือมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ ขอนะครับ อย่าเก็บไว้คนเดียวนำมาแลกเปลี่ยนกัน เพื่อ???อะไรหลายๆอย่าง
ว่าแล้วก็ร่ายซะยาว อย่าไปคิดอะไรมากครับ หากไม่ชอบก็ผ่าน ขอให้ถือซะว่าเป็นเรื่องเพ้อเจ้อแล้วกัน
ไปกินยาแล้วนอนหละงั้น
"คุณถูก" ไม่ได้แปลว่า "ผมผิด"
คุณเห็นตามด้านของคุณตามที่คุณเห็น
"ผมผิด" ไม่ได้แปลว่า "คุณถูก"
ผมผิดซึ่งไม่ได้เข้าใจเหมือนคุณคิด
"คุณผิด" ไม่ได้แปลว่า "ผมถูก"
เราอาจผิดกันทั้งคู่หรือเพียงแค่เข้าใจไม่ตรงกัน
"ผมถูก" ไม่ได้แปลว่า "คุณผิด"
ผมก็เห็นตามที่ผมเห็น
เราลองมาปรับกันหน่อยมั้ย อย่างน้อยๆก็อย่าผิดทั้งคู่ หรือผิดให้น้อยลง ไม่ได้หวังจะให้ถูกทั้งคู่อย่างที่สุด แค่หวังให้ดีขึ้นกว่าเดิมก็เท่านั้นเอง
#คห1