http://www.share2trade.com/index.php?route=content/content&path=9&content_id=3853
2 จุดเด่น! INDEX FUND
นักลงทุนหลายคน...อาจจะออกอาการเซ็งๆกับภาวะตลาดหุ้น-ตราสารหนี้ ที่มีความผันผวนเป็นอย่างยิ่ง!!!
ผลพวงปัญหาสงครามการค้า การส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ (บอนด์ยิลด์)
ความกังวลปัญหาเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่ หลังสหรัฐเปิดฉากสงครามการค้า ทำให้ตกเป็นเป้าหมายการโจมตี “ค่าเงิน”
กดดัน Fund Flow ไหลออกจากประเทศเกิดใหม่ ทำให้บรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้น-ตราสารหนี้ ทั่วโลก เต็มไปด้วยความผันผวน และตลาดหุ้นไทยก็หนีไม่พ้นเช่นเดียวกัน
ใครที่ลงทุนกองทุนหุ้นตั้งแต่ต้นปี...ต่างเจ็บตัว
แต่สำหรับคนที่เข้าในช่วงเดือนมิ.ย. และเดือนต.ค. “แฮบปี้” กันถ้วนหน้า
เพราะดัชนีตลาดหุ้นไทยในเดือนม.ค. ปรัวสูงสุดที่ 1,838.96 จุด และปรับตัวลดลงต่ำสุดในเดือนมิ.ย. ที่ 1,595.58 จุด
จากข้อมูลล่าสุด เมื่อวันที่ 2 พ.ย.61 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดที่ 1,681.84 จุด มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดอยู่ที่ 17.17 ล้านล้านบาท พี/อี 16.65 เท่า
ผลตอบแทนย้อนหลัง (ตั้งแต่ต้นปี-2 พ.ย.2561) -4.10%
สถาบันซื้อสุทธิ 171,124.83 ล้านบาท
บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ -7,668.08 ล้านบาท
ต่างชาติขายสุทธิ -275,362.45 ล้านบาท
รายย่อยซื้อสุทธิ 111,905.69 ล้านบาท
...เห็นได้ชัดเจนว่า นักลงทุนรายย่อยและกองทุนเป็นตัวนำตลาด ที่ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งในช่วงปลายเดือนต.ค.-ต้นเดือนพ.ย.61
จากข้อมูลของ มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) พบว่า ในปีนี้มีเงินไหลเข้ากองทุน Equity Large-Cap มูลค่าสูงถึง 7 หมื่นกว่าล้านบาท ทำให้กลุ่มนี้มีมูลค่าทรัพย์สินทำสถิติสูงสุดไปกว่า 7 แสนล้านบาท ณ สิ้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา แต่หากมาดูด้านผลตอบแทน YTD จะอยู่ที่ 0.21% เท่านั้น
ขณะที่กองทุนตราสารหนี้อย่าง Short Term Bond, Mid/Long Term Bond ให้ผลตอบแทน 0.64% และ 0.36% ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่ากลุ่มกองทุนหุ้นใหญ่เพียงเล็กน้อย และทิศทางดอกเบี้ย “ขาขึ้น” อาจเป็นปัจจัยทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนตราสารหนี้
อย่างไรก็ตาม ยังมีกองทุนอีกประเภทหนึ่งอย่างกองทุนรวมดัชนี (Index Fund) ที่ยังให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงกว่ากองทุนหุ้นใหญ่ในช่วงที่ผ่านมา
กลุ่มกองทุน SET 50 Index Fund ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย YTD ที่ 4.05% ต่ำกว่า SET 50 TR ที่ 4.73%
ในขณะที่กลุ่ม Equity Large-Cap ที่ไม่รวม SET 50 Index Fund ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย YTD ที่ -0.03%
ย้อนหลัง 3 ปีและ 5 ปี ที่ SET 50 Index Fund ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงกว่ากลุ่มกองทุนหุ้นใหญ่
อย่างไรก็ตาม ค่า Standard Deviation ซึ่งบอก “ค่าความเสี่ยง” ของกองทุน SET 50 Index Fund อยู่ในระดับสูงกว่า Equity Large-Cap ซึ่งอาจเกิดจากน้ำหนักของหุ้นที่กองทุนถืออยู่อาจกระจุกตัวตามน้ำหนักของดัชนีชี้วัดทำให้มีค่าความเสี่ยงมากกว่า
อีกปัจจัยหนึ่งที่ถือเป็น “ข้อดี” ของกองทุน Index Fund คือค่าธรรมเนียมที่ต่ำซึ่งกองทุนดัชนีบริหารแบบ Passive Strategy หรือลงทุนตามดัชนีชี้วัด (Benchmark) ทำให้มีต้นทุนการบริหารที่ต่ำกว่ากองทุนรวมที่บริหารแบบ Active Strategy
โดยกองทุนดัชนี SET 50 Index Fund มีค่าเฉลี่ย Net expense ratio ปี 2560 ที่ 0.88% ซึ่งต่ำกว่ากองทุนหุ้นใหญ่ที่ 1.79%
ปัจจุบันมีกองทุนดัชนี SET 50 Index Fund จำนวน 14 กอง มูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวม 4.2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นกองทุนดัชนีที่เป็นกองทุนประหยัดภาษี 7 กองและกองทุนดัชนีที่ไม่ใช่กองทุนประหยัดภาษี 7 กอง
แม้ว่ากองทุน Index Fund จะมีลักษณะพื้นฐานเหมือนกันคือลงทุนตามดัชนีชี้วัด แต่ผลตอบแทนและค่าธรรมเนียมที่แตกต่างกันยังคงเป็นปัจจัยที่นักลงทุนควรให้ความสนใจ
โดยกองทุนรวมดัชนี SET 50 Index Fund ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย YTD ตั้งแต่ 3.62%-4.42% และมีการเก็บค่าธรรมเนียมในอัตราตั้งแต่ 0.48%-1.39% ต่อปี โดยมีค่าเฉลี่ยที่ 0.86% ต่อปี
น่าสนใจมั๊ยละ INDEX FUND สำหรับคนที่มองหาลู่ทางการลงทุนในช่วงปลายปีนี
เพราะมี 2 จุดเด่น!!! ที่น่าสนไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผลตอบแทนที่ “ดีกว่า” และค่าธรรมเนียมที่ “ถูกกว่า” เมื่อเทียบกับกองทุนหุ้นขนาดใหญ่
หรือถ้านักลงทุนท่านไหน...อยากมีกำไรสองต่อ กับสิทธิพิเศษด้านภาษี นาทีนี้ RMF ที่มีนโยบายลงทุนใน INDEX FUND ก็น่าสนใจไม่น้อยเลยล่ะ
////////////
2 จุดเด่น! INDEX FUND
2 จุดเด่น! INDEX FUND
นักลงทุนหลายคน...อาจจะออกอาการเซ็งๆกับภาวะตลาดหุ้น-ตราสารหนี้ ที่มีความผันผวนเป็นอย่างยิ่ง!!!
ผลพวงปัญหาสงครามการค้า การส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ (บอนด์ยิลด์)
ความกังวลปัญหาเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่ หลังสหรัฐเปิดฉากสงครามการค้า ทำให้ตกเป็นเป้าหมายการโจมตี “ค่าเงิน”
กดดัน Fund Flow ไหลออกจากประเทศเกิดใหม่ ทำให้บรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้น-ตราสารหนี้ ทั่วโลก เต็มไปด้วยความผันผวน และตลาดหุ้นไทยก็หนีไม่พ้นเช่นเดียวกัน
ใครที่ลงทุนกองทุนหุ้นตั้งแต่ต้นปี...ต่างเจ็บตัว
แต่สำหรับคนที่เข้าในช่วงเดือนมิ.ย. และเดือนต.ค. “แฮบปี้” กันถ้วนหน้า
เพราะดัชนีตลาดหุ้นไทยในเดือนม.ค. ปรัวสูงสุดที่ 1,838.96 จุด และปรับตัวลดลงต่ำสุดในเดือนมิ.ย. ที่ 1,595.58 จุด
จากข้อมูลล่าสุด เมื่อวันที่ 2 พ.ย.61 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดที่ 1,681.84 จุด มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดอยู่ที่ 17.17 ล้านล้านบาท พี/อี 16.65 เท่า
ผลตอบแทนย้อนหลัง (ตั้งแต่ต้นปี-2 พ.ย.2561) -4.10%
สถาบันซื้อสุทธิ 171,124.83 ล้านบาท
บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ -7,668.08 ล้านบาท
ต่างชาติขายสุทธิ -275,362.45 ล้านบาท
รายย่อยซื้อสุทธิ 111,905.69 ล้านบาท
...เห็นได้ชัดเจนว่า นักลงทุนรายย่อยและกองทุนเป็นตัวนำตลาด ที่ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งในช่วงปลายเดือนต.ค.-ต้นเดือนพ.ย.61
จากข้อมูลของ มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) พบว่า ในปีนี้มีเงินไหลเข้ากองทุน Equity Large-Cap มูลค่าสูงถึง 7 หมื่นกว่าล้านบาท ทำให้กลุ่มนี้มีมูลค่าทรัพย์สินทำสถิติสูงสุดไปกว่า 7 แสนล้านบาท ณ สิ้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา แต่หากมาดูด้านผลตอบแทน YTD จะอยู่ที่ 0.21% เท่านั้น
ขณะที่กองทุนตราสารหนี้อย่าง Short Term Bond, Mid/Long Term Bond ให้ผลตอบแทน 0.64% และ 0.36% ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่ากลุ่มกองทุนหุ้นใหญ่เพียงเล็กน้อย และทิศทางดอกเบี้ย “ขาขึ้น” อาจเป็นปัจจัยทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนตราสารหนี้
อย่างไรก็ตาม ยังมีกองทุนอีกประเภทหนึ่งอย่างกองทุนรวมดัชนี (Index Fund) ที่ยังให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงกว่ากองทุนหุ้นใหญ่ในช่วงที่ผ่านมา
กลุ่มกองทุน SET 50 Index Fund ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย YTD ที่ 4.05% ต่ำกว่า SET 50 TR ที่ 4.73%
ในขณะที่กลุ่ม Equity Large-Cap ที่ไม่รวม SET 50 Index Fund ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย YTD ที่ -0.03%
ย้อนหลัง 3 ปีและ 5 ปี ที่ SET 50 Index Fund ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงกว่ากลุ่มกองทุนหุ้นใหญ่
อย่างไรก็ตาม ค่า Standard Deviation ซึ่งบอก “ค่าความเสี่ยง” ของกองทุน SET 50 Index Fund อยู่ในระดับสูงกว่า Equity Large-Cap ซึ่งอาจเกิดจากน้ำหนักของหุ้นที่กองทุนถืออยู่อาจกระจุกตัวตามน้ำหนักของดัชนีชี้วัดทำให้มีค่าความเสี่ยงมากกว่า
อีกปัจจัยหนึ่งที่ถือเป็น “ข้อดี” ของกองทุน Index Fund คือค่าธรรมเนียมที่ต่ำซึ่งกองทุนดัชนีบริหารแบบ Passive Strategy หรือลงทุนตามดัชนีชี้วัด (Benchmark) ทำให้มีต้นทุนการบริหารที่ต่ำกว่ากองทุนรวมที่บริหารแบบ Active Strategy
โดยกองทุนดัชนี SET 50 Index Fund มีค่าเฉลี่ย Net expense ratio ปี 2560 ที่ 0.88% ซึ่งต่ำกว่ากองทุนหุ้นใหญ่ที่ 1.79%
ปัจจุบันมีกองทุนดัชนี SET 50 Index Fund จำนวน 14 กอง มูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวม 4.2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นกองทุนดัชนีที่เป็นกองทุนประหยัดภาษี 7 กองและกองทุนดัชนีที่ไม่ใช่กองทุนประหยัดภาษี 7 กอง
แม้ว่ากองทุน Index Fund จะมีลักษณะพื้นฐานเหมือนกันคือลงทุนตามดัชนีชี้วัด แต่ผลตอบแทนและค่าธรรมเนียมที่แตกต่างกันยังคงเป็นปัจจัยที่นักลงทุนควรให้ความสนใจ
โดยกองทุนรวมดัชนี SET 50 Index Fund ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย YTD ตั้งแต่ 3.62%-4.42% และมีการเก็บค่าธรรมเนียมในอัตราตั้งแต่ 0.48%-1.39% ต่อปี โดยมีค่าเฉลี่ยที่ 0.86% ต่อปี
น่าสนใจมั๊ยละ INDEX FUND สำหรับคนที่มองหาลู่ทางการลงทุนในช่วงปลายปีนี
เพราะมี 2 จุดเด่น!!! ที่น่าสนไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผลตอบแทนที่ “ดีกว่า” และค่าธรรมเนียมที่ “ถูกกว่า” เมื่อเทียบกับกองทุนหุ้นขนาดใหญ่
หรือถ้านักลงทุนท่านไหน...อยากมีกำไรสองต่อ กับสิทธิพิเศษด้านภาษี นาทีนี้ RMF ที่มีนโยบายลงทุนใน INDEX FUND ก็น่าสนใจไม่น้อยเลยล่ะ
////////////